หลังจากยัดอาหารเข้าปากคำโต หูเทียนก็มีพละกำลังและพูดเร็วขึ้น “ผู้ติดตามของตระกูลหู!” หวังหยวนมองไปด้านข้าง ในตอนนั้น ความสนใจของเขาอยู่ที่หูเมิ่งอิ๋งเท่านั้น และเขาไม่ได้สนใจผู้ติดตามทั้งสิบเลย แต่ต้าหู่พยักหน้าและพูดว่า “พี่หยวน เขาเป็นหนึ่งในสี่ผู้ติดตามที่ดูแลรถม้า!” ผู้ติดตามทั้งสี่คนต่างเป็นผู้ติดตามฝึกหัด พวกเขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหวังหยวน ดังนั้นจึงมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่คนทั้งสี่คน แต่ไม่ได้ใส่ใจคุณหนูหูมากนัก “อ่อ!” หลังจากยืนยันตัวตนของเขาแล้ว หวังหยวนก็พูดด้วยความประหลาดใจ “ในเมื่อเจ้าเป็นผู้ติดตามของคุณหนูหู เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่และได้รับบาดเจ็บ คุณหนูหูอยู่ที่ไหน?” “คุณชายได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วย!” หูเทียนหยิบอาหารเข้าปากแล้วลุกขึ้นคำนับ “เนื่องจากคุณหนูทำข้อตกลงกับคุณชาย นางจึงขายสบู่ให้กับเมืองจิ่วซานทั้งหมดภายในหนึ่งเดือน เราได้ขายไปจนถึงเมืองทางตอนใต้แล้ว และเหลือแต่เมืองทางเหนือเท่านั้น” หวังหยวนประหลาดใจ! หูเมิ่งอิ๋งผู้นี้ลงมือเร็วมาก ในยุคที่การคมนาคมขนส่งไม่สะดวกเช่นนี้ แต่กลับขายสบู่ให้กับพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองจวิ้นในเวลาอันสั
ครึ่งทางขึ้นไปบนภูเขา เซี่ยซานหู่พร้อมขวานในมือ เขามองดูต้าหู่และเอ้อหู่ด้วยความประหลาดใจจากนั้นก็ขมวดคิ้ว ทั้งคู่เป็นคนสนิทของคุณชาย ถ้าพวกเขามาด้วยกัน แสดงว่าคุณชายต้องอยู่ในรถ! หวังหยวนขมวดคิ้วอยู่ในรถม้า เขารู้สึกเหมือนยกหินขึ้นมา แต่กลับหล่นทับขาตัวเอง เซี่ยซานหู่ผู้นี้ต้องการลักพาตัวเขาไปเป็นที่ปรึกษาทางทหารมาโดยตลอด ตอนนี้เขาจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร! “ไม่ได้มา เจ้าอย่าคิดเลอะเทอะ พี่หยวนไม่อยู่ที่นี่!” เอ้อหู่รีบปฏิเสธ และยัดเงินไว้ในอ้อมแขนของโจรภูเขา ตามด้วยพูดเสียงอู้อี้ “เรากำลังรีบ!” โจรภูเขารับเงิน และมองย้อนกลับไปครึ่งทางภูเขา เพื่อขอคำแนะนำอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่านายท่านสิบรู้จักคนผู้นี้ และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา! โดยปกติแล้วจะไม่เก็บค่าผ่านทางกับพวกเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเพื่อนนักเดินทางจะหัวเราะเยาะเอาได้ “หลังจากจ่ายค่าผ่านทางแล้ว ก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ นี่เป็นกฎที่นายท่านรองตั้งไว้!” เซี่ยซานหู่โบกมือแล้วมองไปด้านข้าง! ที่นั่นมีโจรหลายร้อยคน และตรงกลางมีโจรภูเขาตาเดียวนอนอยู่บนหนังหมาป่า! เขาคือนายท่านเก้าของอีเซี่ยนเทียนตาหมาป่าข้างเดียว ค
“ไปให้พ้น เจ้ายังอยากปกป้องเขาอยู่อีก สารเลวสิ้นดี!”ตู้เหยียนหลางผลักเซี่ยซานหู่ออกไป และรีบวิ่งไปที่ตีนเขา "ทั้งหมดลงจากม้าซะ ยอมให้จับซะโดยดี ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!""ลงจากหลังม้าซะ!"พวกโจรตะโกนข่มขวัญด้วยท่าทางเหมือนตั๊กแตนเกี่ยวข้าวคนในกลุ่มท่าทางและสีหน้าเปลี่ยนไปหมด“ลงรถ ลงจากหลังม้าซะ!”หวังหยวนกระโดดลงจากรถก่อน คว้าโล่เอาไว้ และโยนหน้าไม้ขงเบ้งออกไปสิบคนคว้ามันไว้และตั้งค่ายกลรุกรับตามกลยุทธ์ที่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า!ชายหนุ่มห้าคนจากกลุ่มขายปลา แต่ละคนถือโล่สองอันเพื่อป้องกันลูกธนู!ต้าหู่และเอ้อหู่ กัวเหลียงและกัวเฉียง, หวังซื่อไห่, หวังเอ้อโกว และหวังหยวนก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย พวกเขาแต่ละคนมีหน้าไม้ขงเบ้ง และยิงใส่กลุ่มโจรที่พุ่งมา!ฟิ้วจึก ฟิ้วจึก...โจรล้มลงทีละคน ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงโล่ โจรยี่สิบสามคนก็ล้มลงแล้ว!บางส่วนถูกยิงที่ท้องน้อย บางส่วนที่ขา และบางส่วนที่หน้าอกบางคนถูกฆ่าตายทันทีและบางคนก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด!“พวกมันมีธนู!”“รีบหลบเร็วเข้า!”“โอ้ย ข้าถูกยิง!”กองโจรทั้งสามนั้นเป็นแกนนำหลักของกลุ่ม แต่ดันตายไปแล้วหนึ่งในห้า ทำใ
ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว...หลังจากระดมยิงหน้าไม้เป็นระลอก โจรมากกว่ายี่สิบคนก็ล้มลงและก็พ่ายแพ้อีกครั้งตู้เหยียนหลางซ่อนตัวอย่างขี้ขลาดอีกครั้ง หันหน้าแล้วตะโกนไปทางป้านซานยาว "ยิงพวกมันต่อไป ยิงไอ้เวรพวกนี้ให้ตายให้หมด!"ฟิ้ว...ปัง...นักธนูทั้งห้าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขึ้นสายธนูและพยายามยิงธนูต่อไปเมื่อพูดถึงธนูแล้ว แม้ว่ากำลังแขนจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่หากยิงธนูมากกว่าสิบครั้งติดต่อกันก็จะเจ็บปวดเมื่อยล้าไม่น้อย!หลังจากยิงธนูมากกว่าสิบดอกติดต่อกัน แขนของพวกเขาก็เจ็บจนไม่สามารถขึ้นสายธนูได้อีกต่อไประยะยิงสั้นลงจากหนึ่งร้อยก้าวเหลือห้าสิบก้าว ไม่แม้แต่จะโดนโล่ด้วยซ้ำดวงตาของหวังหยวนหรี่ลงอย่างเคร่งเครียด "ต้าหู่ เจ้าเอาโล่บุกไปข้างหน้า และสังหารนักธนูนั้นซะ เอ้อหู เจ้าเอาดาบไปบั่นคอพวกมัน เตรียมตัวบุกออกไปกันเถอะ""ได้เลย!"ทั้งสองตกลงอย่างไม่ลังเล!ต้าหู่ถือดาบยาวคว้าโล่แล้วรีบไปหานักธนูป้านซานยาว!เอ้อหู่ไม่คว้าโล่ไปด้วยซ้ำ เขาแค่เอาไปดาบแล้วพุ่งเข้าไปหาตู้เหยียนหลางราวกับสายลม!"หนีเร็ว!"ป้านซานยาวและเซี่ยซานหู่ถึงกับหน้าถอดสีอย่างหนัก เขาตะโกนเรียกนักธนู แล้วตะโกนใส่ตู้เห
ท่าทีของกลุ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก!หวังหยวนขมวดคิ้ว "อีกนานแค่ไหน? เจ้าประมาณการคร่าว ๆ ก็ได้! หากมีเวลาพอ เราจะทิ้งรถม้าไว้ และรีบขี่ม้าใช้กำลังทั้งหมดของเราตีฝ่าที่นี่ออกไป"“ประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้!”หูเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า "พวกโจรก็มีม้าด้วย และพวกเขาก็คุ้นเคยกับเส้นทางบนภูเขา ที่นี่พวกเขาเคลื่อนไหวได้คล่องตัวกว่า พวกเขาจะแซงก่อนที่เราจะออกไปจากที่นี้ได้!"กลุ่มคนขมวดคิ้ว "เราหนีไปไม่ได้!"หวังหยวนก็ขมวดคิ้วเช่นกัน!ในหุบเขานี้มีโจรมากเกินไป และเพิ่งฆ่าคนได้แค่นิดเดียว สร้างความเสียหายใหญ่หลวงไม่ได้เลยตอนนี้ทางนั้นคงเตรียมเฝ้ารับมือแล้ว ต้องมีคนไล่ตามพวกเขามากขึ้นอย่างแน่นอน และจะประมาทไม่ได้อีกต่อไปการต่อสู้ปะทะกันกลายเป็นเรื่องยาก!บรรยากาศในตอนนี้เริ่มเคร่งเครียด!ทุกคนหนักใจมาก และความสุขจากชัยชนะก็กลายเป็นความกดดันหลังจากสังหารโจรไปมากมาย เมื่อกำลังเสริมของโจรมาถึง พวกเขาจะปล่อยพวกเราไปได้อย่างไรคราวนี้เป็นไปได้มากว่าจะมีคนตาย!หลายคนมองไปที่หวังหยวน ซึ่งเป็นแกนนำหลักของพวกเขามาโดยตลอด!ตราบใดที่เขาอยู่ใกล้ ๆ ปัญหาหรือวิกฤติใดก็ตาม ก็จะคลี่คลายได
หงเยี่ยมองอย่างดีใจ "พี่สะใภ้ ข้าชอบที่เจ้าแยกแยะข้อดีข้อเสียได้อย่างชัดเจน ไม่เหมือนผู้หญิงบางคนที่ถูกฉุดมาที่เขานี่แล้วมัวแต่ร้องหาความตาย!"หูเมิ่งอิ๋งยิ้มและพยักหน้าแล้วกินต่อ!แม้ว่านางจะอดอาหารจนตาย พวกโจรก็ไม่ยอมปล่อยนางไปอยู่ดี ดังนั้นกินให้มีเรี่ยวแรงพอ จึงเป็นการดีกว่าเมื่อมีโอกาสหลบหนี อย่างน้อยจะได้ไม่หมดแรงไปก่อนทันใดนั้นก็มีเสียงกังวลดังมาจากนอกประตู "รองหัวหน้า มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว ท่านเก้าของเราถูกสังหารแล้ว พี่น้องของเราสี่สิบห้าสิบคนเสียชีวิตแล้ว!"ใบหน้างดงามของหงเยี่ยดูเคร่งขรึม และนางก็ถือดาบยาวมา "ใครกล้าฆ่าผู้คนของเราในเขตนี้!"โจรที่อยู่นอกประตูพูดว่า "ไม่แน่ชัด แต่จากข่าวที่นกหวีดส่งกลับมานั้นธรรมดามาก รู้แค่ว่าพวกเขามีดาบ โล่ และธนู ได้สังหารพี่น้องเราจนไม่อาจตอบโต้ได้!""นำโล่ คันธนู และลูกธนูมา เรียกยอดฝีมือทั้งหมดในค่าย ไปสังหารพวกมันพร้อมกับข้า!"หงเยี่ยรีบถือดายยาวออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ“ใครกล้าขนาดนี้ กล้าฆ่าคนจากค่ายอีเซี่ยนเทียน!”หูเมิ่งอิ๋งวางชามและตะเกียบลง ดวงตาสดใดได้รูปของนางเป็นประกาย "ในขณะที่หงเยี่ยถูกยอดฝีมือดึงความสนใจ ข้
เซี่ยซานหู่เริ่มกังวล "รองหัวหน้า เขาไม่ใช่คนธรรมดา ในเมื่อเขากล้าที่จะอยู่ต่อ เขาต้องมีหนทางที่จะจัดการกับพวกเราแน่ อย่าสู้กันอีกต่อไปแล้วปล่อยพวกเขาไป จะได้ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันอีก!"“ท่านสิบ เจ้ากลัวเขามาก จนพูดแบบนี้ออกมางั้นรึ!”หงเยี่ยเมินไม่สน "ข้ามีคนตั้งสามร้อยคน นักธนูหนึ่งร้อยคน มือดีสองร้อยคนและชุดเกราะหนังห้าสิบชุด การฆ่าพวกมันก็เหมือนกับการสับผักดี ๆ นี่เอง ใยข้าจึงยังต้องกลัวพวกเขาอยู่อีก"“รองหัวหน้าเจ้าไม่เคยเชิญหน้ากับเขา ดังนั้นเจ้าไม่รู้หรอกว่าเขารอบคอบแค่ไหน!”เซี่ยซานหู่เกลี้ยกล่อมอย่างจริงจัง "ครั้งแรกเขาให้ข้าออกมาพบตามลำพัง ข้ารู้ว่าเขาจะซุ่มโจมตี แต่ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะให้กลุ่มนักธนูซุ่มโจมตีในคูน้ำ ให้ยอดฝีมือซ่อนอยู่ในพุ่มหญ้า และในต้นไม้และยังขุดหลุมใต้ดินซ่อนตัวเพื่อซุ่มโจมตีด้วย!”"..."หงเยี่ยสะดุ้งและเยาะเย้ย "บัณฑิตคนนี้กลัวตายจริง ๆ เพื่อที่จะจัดการกับเจ้าเพียงลำพัง เขาจึงซุ่มโจมตีตั้งสี่ชั้น!"“คงมีการซุ่มโจมตีมากกว่าสี่ครั้ง ตอนนั้นข้าถูกจับแล้ว!”เมื่อนึกถึงอดีตเซี่ยซานหู่ยังคงหวาดกลัว "ถ้าข้าไม่ถูกจับ การซุ่มโจมตีครั้งที่ห้า, หก และไปเ
หวังหยวนตะโกน "เตรียมตัว!"จับโจรก็ต้องจัดการหัวหน้าก่อน ที่พูดจาทะเล้นบ้ากามเช่นนี้ เพื่อยั่วโมโหให้รองหัวหน้าค่ายโกรธเท่านั้น!ตอนนี้นางโกรธมาก นางทิ้งพวกโจรและพุ่งเข้ามาหาคนเดียวทั้งกลุ่มรู้สึกตื่นเต้นมาก พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าแผนการของหวังหยวนจะดำเนินไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้แต่สิ่งที่หวังหยวนพูดไป ผู้หญิงคนไหนก็รับไม่ได้หรอก!น่าเจ็บปวดเหลือเกิน ผู้หญิงสวยขนาดนี้บอกไม่เอาเป็นอนุ!พวกโจรตกใจ แต่ไม่มีใครกล้าหยุดไว้ พวกเขาต่างรู้ดีถึงอารมณ์รองหัวหน้าในตอนนี้!ฟิ้วตุ้บ!ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เซี่ยซานหู่ก็รีบเข้ามาดึงหงเยี่ยลงจากหลังม้าหงเยี่ยหงายหลังล้มลงกับพื้น และชักดาบชี้ดาบไปทางเขา "เซี่ยซานหู่ เจ้ากล้าขวางข้า เจ้าอยากตายใช่ไหม!"ล้มกลิ้งลงมาเหมือนลาม้วนตัว เซี่ยซานหู่ก็ตะโกนว่า "รองหัวหน้าอย่าหุนหันพลันแล่น ลืมสิ่งที่ข้าเพิ่งบอกเจ้าไปแล้วเหรอ เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก เขาแค่ยั่วโมโหให้เจ้าโกรธเท่านั้น เจ้าจะได้พุ่งไปหาเขา แล้วจับเจ้าไว้มาขู่พวกเรา คนของเขาสังหารท่านเก้าได้ในดาบเดียว เขาเป็นยอดฝีมือนะ!”“ใช่ ๆ รองหัวหน้าอย่าวู่วาม ไอสารเลวคนนี้จงใจยั่วโมโหท่าน!”“ท่
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย