“หุบปาก!” ดวงตาของหนิวหวู่มืดลง เขากำหมัดแน่นและพูดด้วยความเคารพ “ใต้เท้าเหล่ย โปรดพูดให้กระจ่าง!” ดวงตาของเหล่ยจู่เหรินมืดลง “เจ้าเคยได้ยินการประชุมกวีนิพนธ์ติ้งหลงไถหรือไม่?” หนิวซานส่ายหัว! “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง!” ใบหน้าของหนิวหวู่เปลี่ยนไปอย่างมาก “เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะผู้เข้าร่วมในการประชุมกวีนิพนธ์?” ในฐานะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนประจำที่ว่าการอำเภอ เขารู้ดีว่าการประชุมกวีนิพนธ์ยิ่งใหญ่เพียงใดเนื่องจากมีผู้คนมาจากทั่วประเทศในช่วงปีแรก ๆ ในช่วงเวลานี้ของปี ที่ว่าการอำเภอจะแจ้งเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางถนน อย่างไรก็ตาม คนที่แย่ที่สุดที่จะเข้าร่วมในการประชุมกวีนิพนธ์ติ้งหลงไถก็คือ ใต้เท้าจู่เหริน! แววตาของเหล่ยจู่เหรินดูเหมือนเขากำลังมองคนไร้เดียงสา “หากเขาเป็นจู่เหริน ข้าก็เป็นจู่เหรินด้วย เหตุใดข้าต้องเรียกเขาว่าคุณชายเล่า?” “หากเช่นนั้น เขาก็คือจิ้นซื่อ!” หนิวหวู่ตัวสั่นไปทั้งตัว และมีเหงื่อไหลบนหน้าผากของเขา! ฟันของหนิวซานกำลังสั่น หากพวกเขาฆ่าจิ้นซื่อคนใดเข้า ก็จะไม่มีใครปกป้องพวกเขาได้! ต้องถูกยึดบ้านและกวาดล้างกลุ่มจริง ๆ! เหล่ย
“เจ้าไม่ได้มองหาพี่สะใภ้เพื่อพี่ชายของเจ้า แต่เจ้ากำลังพยายามฆ่าเขา!” เสียงของหูเมิ่งอิ๋งเย็นชา “ข้าแต่งงานกับสามีมาสามคน และทุกคนก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันภายในหนึ่งเดือน ทุกคนในเมืองฝูรู้ดีว่าข้าเป็นจิ้งจอกที่เชี่ยวชาญในการฆ่าสามี หากเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าก็ส่งคนไปไถ่ถามดูซิ!” หงเยี่ยกระพริบตา “ข้าเคยไถ่ถามจากลูกน้องของท่านมาแต่เนิ่นแล้ว และข้ารู้ว่าสิ่งที่พี่สะใภ้พูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ข้าไม่กลัวสักหน่อย!” หูเมิ่งอิ๋งขมวดคิ้ว “เจ้าต้องการฆ่าพี่ชายของเจ้างั้นเหรอ?” หงเยี่ยขมวดคิ้วและหน้ามุ่ย “พี่สะใภ้ อย่าคิดว่าข้าเลวขนาดนั้น พี่ชายของข้าเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เด็ก ข้าจะไปคิดที่ฆ่าเขาได้อย่างไรเล่า!” หูเมิ่งอิ๋งเลิกคิ้ว “แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังปล้นข้าอยู่?” “เพราะว่าพี่ชายข้าไม่กลัว!” หงเยี่ยยิ้มแย้มแจ่มใส “พี่ชายของข้าแต่งงานกับพี่สะใภ้สามคน และพวกนางทั้งหมดเสียชีวิตภายในสองปี หมอดูบอกว่าเขาเชี่ยวชาญในการควบคุมชีวิตของภรรยา! พวกท่านคนหนึ่งดวงกินผัว คนหนึ่งดวงกินเมีย ช่างเป็นคู่สวรรค์สร้างอย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ!” “...” หูเมิ่งอิ๋งตกตะลึงอยู่นาน
“พี่หยวน หนังสือเล่มนั้นมันคืออะไร เหตุใดถึงทรงพลังขนาดนี้!” “ทันทีที่เหล่ยจูเหรินเห็นหนังสือเล่มนั้น เขาถึงบอกว่าหนิวซาน หนิวหวู่ และทหารในชนบทฆ่ากันเอง!” “ซ้ำยังส่งคนมาเตรียมอาหารเช้า และเสบียงแห้งให้พวกเราตั้งแต่เช้า!” “นอกจากนี้หัวหน้าหมู่บ้านและฉี๋จ่างก็มาช่วยด้วย พาหนิวซาน หนิวหวู่ และเจ้าของโรงเตี๊ยมไปยังที่ว่าการอำเภอ!” วันรุ่งขึ้น ทันทีที่กลุ่มคนออกจากเมืองไท่ผิง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเหมือนความฝัน ร้านผิดกฎหมายร้านหนึ่งถูกกำจัดให้สิ้นซาก โดยไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย สิ่งนี้ทำให้พวกเขารับรู้ถึงพลังอีกประเภทหนึ่ง นอกเหนือจากอำนาจและการปกครอง...ชื่อเสียง! “ไม่ใช่ว่าคำเชิญนั้นเยี่ยมยอด แต่เป็นเพราะพวกเขาคิดเองเออเอง และหวาดกลัวไปเอง!” หวังหยวนเม้มริมฝีปากและกลั้นยิ้ม “พวกเจ้าต้องจำไว้ว่าการจินตนาการนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่อย่ามโนไปไกล!” “มโน!” ทั้งกลุ่มสับสน! “หมายถึงใช้สมอง!” หวังหยวนอธิบายอย่างใจเย็น “เจ้ายืนอยู่ชั้นล่าง และนึกคิดว่าสิ่งใดที่สามารถใช้ได้อยู่ชั้นสอง แต่อย่าคิดถึงชั้นสามหรือสี่ เช่นนั้นจะทำให้ตัวเจ้าตกใจเท่าน
หลังจากยัดอาหารเข้าปากคำโต หูเทียนก็มีพละกำลังและพูดเร็วขึ้น “ผู้ติดตามของตระกูลหู!” หวังหยวนมองไปด้านข้าง ในตอนนั้น ความสนใจของเขาอยู่ที่หูเมิ่งอิ๋งเท่านั้น และเขาไม่ได้สนใจผู้ติดตามทั้งสิบเลย แต่ต้าหู่พยักหน้าและพูดว่า “พี่หยวน เขาเป็นหนึ่งในสี่ผู้ติดตามที่ดูแลรถม้า!” ผู้ติดตามทั้งสี่คนต่างเป็นผู้ติดตามฝึกหัด พวกเขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหวังหยวน ดังนั้นจึงมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่คนทั้งสี่คน แต่ไม่ได้ใส่ใจคุณหนูหูมากนัก “อ่อ!” หลังจากยืนยันตัวตนของเขาแล้ว หวังหยวนก็พูดด้วยความประหลาดใจ “ในเมื่อเจ้าเป็นผู้ติดตามของคุณหนูหู เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่และได้รับบาดเจ็บ คุณหนูหูอยู่ที่ไหน?” “คุณชายได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วย!” หูเทียนหยิบอาหารเข้าปากแล้วลุกขึ้นคำนับ “เนื่องจากคุณหนูทำข้อตกลงกับคุณชาย นางจึงขายสบู่ให้กับเมืองจิ่วซานทั้งหมดภายในหนึ่งเดือน เราได้ขายไปจนถึงเมืองทางตอนใต้แล้ว และเหลือแต่เมืองทางเหนือเท่านั้น” หวังหยวนประหลาดใจ! หูเมิ่งอิ๋งผู้นี้ลงมือเร็วมาก ในยุคที่การคมนาคมขนส่งไม่สะดวกเช่นนี้ แต่กลับขายสบู่ให้กับพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองจวิ้นในเวลาอันสั
ครึ่งทางขึ้นไปบนภูเขา เซี่ยซานหู่พร้อมขวานในมือ เขามองดูต้าหู่และเอ้อหู่ด้วยความประหลาดใจจากนั้นก็ขมวดคิ้ว ทั้งคู่เป็นคนสนิทของคุณชาย ถ้าพวกเขามาด้วยกัน แสดงว่าคุณชายต้องอยู่ในรถ! หวังหยวนขมวดคิ้วอยู่ในรถม้า เขารู้สึกเหมือนยกหินขึ้นมา แต่กลับหล่นทับขาตัวเอง เซี่ยซานหู่ผู้นี้ต้องการลักพาตัวเขาไปเป็นที่ปรึกษาทางทหารมาโดยตลอด ตอนนี้เขาจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร! “ไม่ได้มา เจ้าอย่าคิดเลอะเทอะ พี่หยวนไม่อยู่ที่นี่!” เอ้อหู่รีบปฏิเสธ และยัดเงินไว้ในอ้อมแขนของโจรภูเขา ตามด้วยพูดเสียงอู้อี้ “เรากำลังรีบ!” โจรภูเขารับเงิน และมองย้อนกลับไปครึ่งทางภูเขา เพื่อขอคำแนะนำอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่านายท่านสิบรู้จักคนผู้นี้ และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา! โดยปกติแล้วจะไม่เก็บค่าผ่านทางกับพวกเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเพื่อนนักเดินทางจะหัวเราะเยาะเอาได้ “หลังจากจ่ายค่าผ่านทางแล้ว ก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ นี่เป็นกฎที่นายท่านรองตั้งไว้!” เซี่ยซานหู่โบกมือแล้วมองไปด้านข้าง! ที่นั่นมีโจรหลายร้อยคน และตรงกลางมีโจรภูเขาตาเดียวนอนอยู่บนหนังหมาป่า! เขาคือนายท่านเก้าของอีเซี่ยนเทียนตาหมาป่าข้างเดียว ค
“ไปให้พ้น เจ้ายังอยากปกป้องเขาอยู่อีก สารเลวสิ้นดี!”ตู้เหยียนหลางผลักเซี่ยซานหู่ออกไป และรีบวิ่งไปที่ตีนเขา "ทั้งหมดลงจากม้าซะ ยอมให้จับซะโดยดี ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!""ลงจากหลังม้าซะ!"พวกโจรตะโกนข่มขวัญด้วยท่าทางเหมือนตั๊กแตนเกี่ยวข้าวคนในกลุ่มท่าทางและสีหน้าเปลี่ยนไปหมด“ลงรถ ลงจากหลังม้าซะ!”หวังหยวนกระโดดลงจากรถก่อน คว้าโล่เอาไว้ และโยนหน้าไม้ขงเบ้งออกไปสิบคนคว้ามันไว้และตั้งค่ายกลรุกรับตามกลยุทธ์ที่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า!ชายหนุ่มห้าคนจากกลุ่มขายปลา แต่ละคนถือโล่สองอันเพื่อป้องกันลูกธนู!ต้าหู่และเอ้อหู่ กัวเหลียงและกัวเฉียง, หวังซื่อไห่, หวังเอ้อโกว และหวังหยวนก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย พวกเขาแต่ละคนมีหน้าไม้ขงเบ้ง และยิงใส่กลุ่มโจรที่พุ่งมา!ฟิ้วจึก ฟิ้วจึก...โจรล้มลงทีละคน ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงโล่ โจรยี่สิบสามคนก็ล้มลงแล้ว!บางส่วนถูกยิงที่ท้องน้อย บางส่วนที่ขา และบางส่วนที่หน้าอกบางคนถูกฆ่าตายทันทีและบางคนก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด!“พวกมันมีธนู!”“รีบหลบเร็วเข้า!”“โอ้ย ข้าถูกยิง!”กองโจรทั้งสามนั้นเป็นแกนนำหลักของกลุ่ม แต่ดันตายไปแล้วหนึ่งในห้า ทำใ
ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว...หลังจากระดมยิงหน้าไม้เป็นระลอก โจรมากกว่ายี่สิบคนก็ล้มลงและก็พ่ายแพ้อีกครั้งตู้เหยียนหลางซ่อนตัวอย่างขี้ขลาดอีกครั้ง หันหน้าแล้วตะโกนไปทางป้านซานยาว "ยิงพวกมันต่อไป ยิงไอ้เวรพวกนี้ให้ตายให้หมด!"ฟิ้ว...ปัง...นักธนูทั้งห้าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขึ้นสายธนูและพยายามยิงธนูต่อไปเมื่อพูดถึงธนูแล้ว แม้ว่ากำลังแขนจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่หากยิงธนูมากกว่าสิบครั้งติดต่อกันก็จะเจ็บปวดเมื่อยล้าไม่น้อย!หลังจากยิงธนูมากกว่าสิบดอกติดต่อกัน แขนของพวกเขาก็เจ็บจนไม่สามารถขึ้นสายธนูได้อีกต่อไประยะยิงสั้นลงจากหนึ่งร้อยก้าวเหลือห้าสิบก้าว ไม่แม้แต่จะโดนโล่ด้วยซ้ำดวงตาของหวังหยวนหรี่ลงอย่างเคร่งเครียด "ต้าหู่ เจ้าเอาโล่บุกไปข้างหน้า และสังหารนักธนูนั้นซะ เอ้อหู เจ้าเอาดาบไปบั่นคอพวกมัน เตรียมตัวบุกออกไปกันเถอะ""ได้เลย!"ทั้งสองตกลงอย่างไม่ลังเล!ต้าหู่ถือดาบยาวคว้าโล่แล้วรีบไปหานักธนูป้านซานยาว!เอ้อหู่ไม่คว้าโล่ไปด้วยซ้ำ เขาแค่เอาไปดาบแล้วพุ่งเข้าไปหาตู้เหยียนหลางราวกับสายลม!"หนีเร็ว!"ป้านซานยาวและเซี่ยซานหู่ถึงกับหน้าถอดสีอย่างหนัก เขาตะโกนเรียกนักธนู แล้วตะโกนใส่ตู้เห
ท่าทีของกลุ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก!หวังหยวนขมวดคิ้ว "อีกนานแค่ไหน? เจ้าประมาณการคร่าว ๆ ก็ได้! หากมีเวลาพอ เราจะทิ้งรถม้าไว้ และรีบขี่ม้าใช้กำลังทั้งหมดของเราตีฝ่าที่นี่ออกไป"“ประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้!”หูเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า "พวกโจรก็มีม้าด้วย และพวกเขาก็คุ้นเคยกับเส้นทางบนภูเขา ที่นี่พวกเขาเคลื่อนไหวได้คล่องตัวกว่า พวกเขาจะแซงก่อนที่เราจะออกไปจากที่นี้ได้!"กลุ่มคนขมวดคิ้ว "เราหนีไปไม่ได้!"หวังหยวนก็ขมวดคิ้วเช่นกัน!ในหุบเขานี้มีโจรมากเกินไป และเพิ่งฆ่าคนได้แค่นิดเดียว สร้างความเสียหายใหญ่หลวงไม่ได้เลยตอนนี้ทางนั้นคงเตรียมเฝ้ารับมือแล้ว ต้องมีคนไล่ตามพวกเขามากขึ้นอย่างแน่นอน และจะประมาทไม่ได้อีกต่อไปการต่อสู้ปะทะกันกลายเป็นเรื่องยาก!บรรยากาศในตอนนี้เริ่มเคร่งเครียด!ทุกคนหนักใจมาก และความสุขจากชัยชนะก็กลายเป็นความกดดันหลังจากสังหารโจรไปมากมาย เมื่อกำลังเสริมของโจรมาถึง พวกเขาจะปล่อยพวกเราไปได้อย่างไรคราวนี้เป็นไปได้มากว่าจะมีคนตาย!หลายคนมองไปที่หวังหยวน ซึ่งเป็นแกนนำหลักของพวกเขามาโดยตลอด!ตราบใดที่เขาอยู่ใกล้ ๆ ปัญหาหรือวิกฤติใดก็ตาม ก็จะคลี่คลายได
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห