“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พวกพ้องของเขาคงจะไม่ปล่อยเราไปง่าย ๆ แม้ว่าไป๋ชิงชางจะแสร้งทำก็คงจะต้องหาคนมาตามล่าเราอยู่ดี”การวิเคราะห์ของเกาเล่อมีเหตุผลหวังหยวนก็คาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้วแต่นักพรตชิงอีก็อยู่ที่นี่ด้วย ต่อให้คนเหล่านั้นถึงจะมาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นกังวล“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เจ้าอย่าลืมว่าเรามีผู้เก่งกล้ามากมายที่นี่ อีกเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่ได้บอกพวกเจ้า ก็คือไป๋ชิงชางเคยพบข้าเป็นการส่วนตัว เขาพูดจาตัดขาดกับข้าอย่างมาก แต่ข้าเข้าใจว่าเขาต้องการตัดความสัมพันธ์กับเรา เพื่อให้พวกที่อยู่เบื้องหลังเขาไม่ทำร้ายเรา บัดนี้ดูเหมือนว่าเราจะทำให้เขาต้องลำบากเสียแล้ว”เมื่อนึกว่าตนเองรีบร้อนที่จะช่วยไป๋เฟยเฟยออกมา และนึกถึงสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป หวังหยวนก็ส่ายหน้าด้วยความสิ้นหวังในตอนแรกที่อยู่ในวังหลวง หวังหยวนยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋ชิงชางจึงกระทำเช่นนี้ แต่เมื่อออกมาแล้วก็เข้าใจในทันทีเพราะเกิดความขัดแย้งเช่นนั้นขึ้น ไป๋ชิงชางจึงไม่ส่งคนมาฆ่าหวังหยวนเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมและต่อมาเมื่อมีการปล่อยข่าวลือปลุกระดมชาวบ้าน ไป๋ชิงชางสามารถใช้โอกาสนี้เรี
“เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า ประกาศใช้กฎอัยการศึกไปทั่วเมือง หาตัวพวกมันให้พบ ไม่ว่าเป็นหรือตาย!” ใบหน้าของไป๋ชิงชางยังคงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อนักพรตเฒ่าชุดดำที่อยู่ด้านล่างได้ฟังคำสั่งของเขาแล้วนึกเย้ยหยันอีกครั้ง จากนั้นก็ตอบรับคำสั่งแล้วถอยออกไปจนกระทั่งถอยไปถึงนอกประตู นักพรตเฒ่าชุดดำจึงเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของตนเองออกมา“มีวิธีการมากมายที่จะจับพวกมันได้ แต่เจ้ากลับเลือกวิธีที่ทั้งสิ้นเปลืองเวลาและสิ้นเปลืองแรงงาน ไป๋ชิงชาง เจ้าหรือข้าที่โง่เขลากันแน่ เจตนาของเจ้าชัดเจนถึงเพียงนี้แล้ว พวกข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?”นักพรตเฒ่าชุดดำมองไปยังไป๋ชิงชางที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่ภายในห้องแล้วพึมพำเบา ๆดูเหมือนว่าคนจากซานไว่ซานพวกนั้นจะไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ หากเป็นเช่นนั้น การเลือกคนใหม่ที่เหมาะสมกว่าจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!ในขณะนั้น ไป๋ชิงชางในห้องยังไม่รู้ความคิดในใจของเหล่านักพรตเฒ่าชุดดำใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มจาง ในที่สุดก็วางใจได้เสียที น้องสาวของเขายังปลอดภัยหวังว่าหวังหยวนจะพาไป๋เฟยเฟยออกจากดินแดนแห่งนี้ไปได้โดยเร็ว และอย่าได้กลับมาอีกเลยเมื่อเรื่องของน้องสาวได
หลังจากที่ขุนพลนายหนึ่งสบประมาทต้าหู่แล้ว จากนั้นเขาก็พาทหารจากไปต้าหู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วรีบไปสำรวจประตูเมืองเขาได้ตรวจสอบประตูเมืองทั้งสี่ทิศแล้ว พบว่ามีเพียงประตูเมืองทิศตะวันตกเท่านั้นที่มีกำลังพลเฝ้าอยู่น้อยกว่าประตูเมืองอื่น ๆหลังจากตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้าหู่ก็กลับมาที่ร้านหม้อไฟ แล้วเปิดประตูห้องเตรียมรายงานเรื่องนี้ให้หวังหยวนทราบแต่ใครจะรู้ว่าเมื่อหวังหยวนเห็นเขา ใบหน้าของหวังหยวนจะเต็มไปด้วยความตกใจจนถึงกับรินน้ำในมือล้นออกมานอกถ้วย“ต้าหู่ ข้าแค่ให้เจ้าออกไปสืบหาข้อมูล เหตุใดเจ้าถึงกลับมาเหมือนกับคนที่อดอยากมาหลายสิบวัน แถมยังเหมือนกับไปต่อสู้กับคนอื่นมาอีก?”น้ำร้อนราดไปที่มือของหวังหยวน ทำให้เขาเพิ่งจะรู้สึกตัว จึงรีบสอบถามต้าหู่ว่าเกิดอะไรขึ้นต้าหู่เกาหัวด้วยความอับอาย จากนั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้หวังหยวนฟัง“เป็นอย่างนี้เอง แล้วเจ้าพบอะไรบ้าง?”“พี่หยวน ข้าได้ตรวจสอบประตูเมืองทั้งสี่ทิศแล้ว มีเพียงประตูเมืองทิศตะวันตกเท่านั้นที่มีกำลังพลเฝ้าอยู่น้อยกว่าประตูอื่น พวกเราบุกฝ่าออกไปทางนั้นในคืนนี้ดีกว่าขอรับ!”เมื่อได้ยินคำพูดของต้าห
ในที่สุดเสียงอาวุธกระทบกันดังสนั่นจากภายนอก ก็ดึงดูดความสนใจของผู้รักษาประตูเมืองที่กำลังหลับใหลอยู่ภายใน“เสียงอะไรนั่น?” “ท่านองครักษ์ ไม่ดีแล้วขอรับ ข้างนอกมีพวกจอมยุทธ์โผล่มาจากไหนไม่รู้ พวกเราใกล้จะถูกฆ่าหมดแล้ว!”ทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากภายนอกในสภาพสะบักสะบอม ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ผู้รักษาประตูเมืองตกใจกลัวอย่างมากเขาไม่สนใจแม้แต่จะสวมเสื้อผ้าของตัวเอง หยิบของแล้วเตรียมจะหนี เงินเหล่านี้จะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือใคร!ขณะที่เขากำลังหันหลังกลับไปหยิบเงิน หวังหยวนก็พุ่งเข้ามาในห้องแล้วใช้กระบองจัดการทหารที่เพิ่งเข้ามา จากนั้นก็มองเขาด้วยสายตาเย็นชา“ท่านจอมยุทธ์ช่วยชีวิตข้าด้วย ข้าไม่เคยทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อแผ่นดินเลย แค่มาทำงานเป็นข้าหลวงที่นี่เท่านั้น ขอท่านจอมยุทธ์ช่วยไว้ชีวิตข้าด้วยขอรับ!”เมื่อผู้รักษาประตูเมืองรีบก้มลงกราบขอความเมตตา หลังจากที่เห็นว่าทหารคนนั้นถูกหวังหยวนฆ่าตายได้อย่างง่ายดาย“ท่านจอมยุทธ์! ข้าจะปล่อยท่านออกไปเดี๋ยวนี้ จะเปิดประตูเมืองให้เลย ขอท่านจอมยุทธ์เมตตาชีวิตข้าด้วย ข้ามีทั้งพ่อแ
หวังหยวนมองต้าหู่ เอ้อหู่ และเกาเล่อ แล้วบอกให้พวกเขารีบกลับไปพักผ่อนจากนั้นก็ให้นักพรตชิงอี เชียนหลงกับไป๋เฟยเฟยตามเขาไปไป๋เฟยเฟยและเชียนหลงเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ด้วยกันภรรยาสามคนของหวังหยวนรีบมารออยู่ที่นี่ตั้งแต่ได้รับข่าว เพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรไปในที่สุดพวกนางก็ได้เห็นหวังหยวนกลับมา“คุณชาย ท่านกลับมาแล้ว เฟยเฟยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่? ให้ข้าทำอะไรให้เจ้ากินก่อนหรือไม่?” เดิมทีสายตาของหลี่ซื่อหานจับจ้องอยู่ที่หวังหยวน แต่เมื่อเห็นไป๋เฟยเฟยที่พวกเขาเพิ่งช่วยมาดูอ่อนล้าและโศกเศร้าก็อดสงสารไม่ได้ภรรยาทั้งสามมารวมตัวกันอยู่ข้าง ๆ ไป๋เฟยเฟย“พวกเจ้าพาเฟยเฟยไปพักผ่อนก่อน พี่ชิงอี เชียนหลงอยู่ที่นี่ก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดคุย” หวังหยวนกล่าวหลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ภรรยาทั้งสามของเขาก็พาไป๋เฟยเฟยออกไปจากที่นี่ จากนั้นในห้องใหญ่เหลือเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น“หวังหยวน เจ้ามีอะไรจะพูดกับเราหรือ เจ้าคิดออกแล้วหรือว่าจะทำอย่างไรต่อไป?”“พี่ชิงอี ต่อไปนี้จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก ข้ารู้ว่าการดึงท่านเข้ามาโดยพลการ เพื่อให้ท่านเข้าร่วมการต่อสู้เป็นเรื่องที่ไม่สุภาพ แ
“ทางต้าเย่มีความเคลื่อนไหวใดบ้าง?”“พี่หยวน ขณะนี้ทางต้าเย่ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องนี้เลยขอรับ”หวังหยวนรู้สึกสงสัย ทั้งสองอาณาจักรกำลังจะเปิดศึกกัน ต้าเย่จะเฉยเมยได้อย่างไร?ดูเหมือนจะมีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ และแม้แต่เกาเล่อก็ยังสืบหาไม่พบจำเป็นต้องสอบถามจากคนผู้นั้นเสียแล้ว“ดีแล้ว เจ้าจงไปก่อนเถิด เรื่องนี้ข้าจะไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เมื่อได้ผลลัพธ์แล้ว ข้าจะเรียกเจ้ามาอีกครั้ง”หวังหยวนจำเป็นต้องเขียนจดหมายถึงอู๋หลิงเพื่อสอบถามว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น จึงให้เกาเล่อกลับไปก่อนหลังจากเกาเล่อจากไป หวังหยวนก็อยู่เพียงลำพังในห้องโถงในขณะที่เขากำลังเขียนจดหมายนี้ หวังหยวนรู้สึกหนักใจ เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นอีกเรื่องของตระกูลไป๋ยังไม่ทันจะจัดการเสร็จสิ้น ทางต้าเย่เกิดปัญหาขึ้นอีก ก็จะยิ่งยากลำบากยิ่งนัก“คุณชาย เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่? เมื่อเช้าข้าเห็นท่านรีบร้อนนัก” เสียงของเสวี่ยเชียนหลงดังขึ้นอย่างแผ่วเบาจากหน้าประตู หวังหยวนหันไปมองนางแล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่งเกิดเรื่องใหญ่เสียแล้วเสวี่ยเชียนหลงเดินเข้ามาหาหวังหยวน แล้วยื่นมืออันเรียวสว
“ช่างน่าสงสารนัก น้องเฟยเฟย ทั้ง ๆ ที่เป็นถึงองค์หญิง แต่กลับต้องมาอยู่กับพวกเรา”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ รุมล้อมถามไป๋เฟยเฟยมากมายหลายคำถามเมื่อหวังหยวนเข้ามา พวกนางก็ไม่ได้สังเกตเห็น จนกระทั่งเขากระแอมสองสามครั้ง จึงดึงดูดความสนใจของพวกนางได้“เฟยเฟยจะอาศัยอยู่ที่นี่กับเราสักระยะหนึ่ง พวกเจ้ามีเวลาพูดคุยกันอีกมากมาย ไม่ต้องรีบร้อนในตอนนี้ ถามคำถามก็ค่อย ๆ ถาม อย่าไปทำให้เฟยเฟยต้องลำบากใจ”“ไม่เป็นอะไรเลยเจ้าค่ะ! เมื่อได้พบกับพี่สาวทั้งหลาย เฟยเฟยก็ดีใจมากแล้ว ไม่ได้ส่งจดหมายมาหาพวกพี่สาว เฟยเฟยต้องขออภัยด้วย เพราะเฟยเฟยถูกพี่ชายขังไว้ ไม่สามารถติดต่อกับภายนอกได้ แต่บัดนี้เราได้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็สามารถพูดคุยกันได้ทุกวันเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยวน ไป๋เฟยเฟยก็รีบโบกมือปฏิเสธว่านางไม่ได้รู้สึกลำบากใจจากนั้นก็เล่าเรื่องราวของตนเองให้พี่สาวทั้งหลายฟัง เมื่อได้ฟังเรื่องราวของไป๋เฟยเฟยก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจยิ่งนักจนต้องกอดนางไว้ในอ้อมแขน แล้วลูบหัวปลอบโยนพวกนางผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายด้วยกันจนกลายเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันไปแล้ว เมื่อเห็นน้องสาวเป็นเช่นนี้ พวกนางก็ย่อมต้องช่ว
“วางใจเถิด” เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เฟยเฟย หวังหยวนจึงตอบรับนาง“ท่านพี่ การเดินทางครั้งนี้ย่อมอันตรายนัก หากไป๋ชิงชางส่งคนมาลอบสังหารพวกท่านจะทำอย่างไร? ข้าว่าควรพาคนติดตามไปอีกสักสองสามคนเถิด”หลี่ซื่อหานยังคงกังวลใจเรื่องนี้การเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาจะต้องผ่านสถานที่ต่าง ๆ มากมาย และการนอนกลางดินกินกลางทรายก็เป็นเรื่องปกติหากพวกมือสังหารของไป๋ชิงชางตามมาทันและฉวยโอกาสเข้าโจมตีในยามที่พวกเขาอ่อนแอที่สุดเช่นนั้นจะทำอย่างไร?สิ่งที่หลี่ซื่อหานพูดนั้นเป็นปัญหาจริง แต่หวังหยวนรู้สึกว่าพวกเขาสามคนนั้นเพียงพอแล้วแม้ว่าไป๋ชิงชางจะส่งมือสังหารมาจริง ก็คงไม่สามารถเอาชนะนักพรตชิงอีได้“เรามีนักพรตชิงอีอยู่แล้ว ยังต้องกลัวพวกนั้นอีกหรือ? ท่านว่าจริงหรือไม่ขอรับ? พี่ชิงอี”หวังหยวนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปมองพี่ชิงอี บางทีอาจเป็นเพราะเขินอายเล็กน้อยที่ถูกหวังหยวนชมพี่ชิงอีจึงเพียงแค่พยักหน้า ไม่ได้เอ่ยคำใดในยุทธภพปัจจุบันนี้มีน้อยนักที่จะสามารถเอาชนะเขาได้ แม้แต่คนที่มีฝีมือเสมอกับเขาก็มีไม่มากนักดังนั้นการพานักพรตชิงอีเดินทางไปด้วยจึงปลอดภัยที่สุดหลังจากได้ยินคำพูดของหวัง