“คุณชายเจิ้งไม่จำเป็นต้องรอคำตอบจากข้าหรอก ข้าบอกได้เลยว่าข้าไม่ยอมรับข้อเสนอของท่าน และจะไม่มีวันยอมรับด้วย”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่สะทกสะท้านของหวังหยวน คุณชายเจิ้งก็กำมือแน่น แต่ไม่ได้หันกลับมา เพียงแค่ยกยิ้มแล้วโบกมือก่อนเดินจากไปหลังจากที่คุณชายเจิ้งจากไป เสวี่ยเชียนหลงก็มองหวังหยวนด้วยความเป็นห่วง หวังหยวนจึงยิ้มให้เพื่อให้นางสบายใจ“เขาเป็นอะไรของเขา? เหตุใดถึงมาที่จวน ท่านทะเลาะกับเขาเมื่อครู่นี้หรือเจ้าคะ? หากคนรับใช้ไม่มาบอก ข้าก็ไม่รู้เรื่องเลย”“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เขาแค่มาพูดอะไรบางอย่างที่ไม่สำคัญเท่านั้น”หวังหยวนไม่คิดจะบอกเสวี่ยเชียนหลงถึงสิ่งที่คุณชายเจิ้งพูดเมื่อครู่นี้ เพราะจะยิ่งทำให้นางเครียดโดยใช่เหตุเสวี่ยเชียนหลงรู้สึกกังวลใจอยู่แล้วที่เขาจะเข้าร่วมการประลองเพื่อจับคู่ หากนางรู้เรื่องนี้เข้า นางคงยิ่งไม่อยากให้เขาเข้าร่วม“หากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็บอกข้าล่วงหน้าเถิด ข้ารู้ว่าสำหรับท่านแล้วอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ว่าที่นี่คือจวนของข้า หากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ข้าก็จะต้องรับผิดชอบเจ้าค่ะ”“สบายใจเถิด เรื่องแค่นี้สำหรับข้าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แถมชายคนนี้ก
“ไม่ธรรมดาเลย”เพียงแค่ดูลีลาการต่อสู้ของนักฆ่าผู้นี้ก็รู้ว่าฝีมือย่อมเหนือกว่าเขาทว่ากลับเย่อหยิ่งเกินไป และนั่นอาจกลายเป็นจุดอ่อน“เช่นนั้นก็มาพิสูจน์กันเถิดว่าคำกล่าวของข้าเป็นจริงหรือเป็นเท็จ!”นักฆ่าเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีทันใด เขากระทำราวกับเล่นสนุกกับหวังหยวน ไม่ได้มุ่งหมายสังหารดุจดังก่อนหน้าความผิดพลาดนี้เองที่เปิดโอกาสให้หวังหยวนหวังหยวนรีบกลับเข้าไปในห้อง แล้วหยิบกระบองของตนออกมา“ฮ่าฮ่าฮ่า! อาวุธของเจ้าคงไม่ใช่ไม้กระบองอันนี้กระมัง?”เมื่อนักฆ่าเห็นหวังหยวนถือกระบองอยู่ในมือก็ระเบิดเสียงหัวเราะเสียงหัวเราะของเขาก้องกังวานไปทั่วทั้งลานบ้านพักเวลาล่วงเลยมานานเช่นนี้ก็ยังไม่มีคนรับใช้คนใดมาที่นี่หรือว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นที่แห่งอื่นด้วย จึงทำให้คนรับใช้ทุกคนต้องไปที่นั่น?หวังหยวนฮึดฮัด อย่าได้ดูถูกไม้กระบองนี้ ต่อไปนี้มันอาจทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดจนแทบคลานไม่ไหว!“ไม้กระบองอันนี้ก็เพียงพอที่จะจัดการเจ้าแล้ว!”การต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะอุบัติขึ้น การโจมตีของหวังหยวนรวดเร็วมาก แต่ทิศทางการโจมตีของเขากลับมุ่งไปที่ส่วนล่างอาจเป็นเพราะรับรู้ถึงเจตนาของหวังหยวน สีหน้าข
เมื่อแน่ใจแล้วว่ามือสังหารได้จากไปแล้ว เสวี่ยเชียนหลงจึงรีบรุดไปอยู่ข้างหวังหยวน แล้วมองรอยฟกช้ำที่ข้อมือของหวังหยวนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนางเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่ต้องการให้หวังหยวนเข้ามาพัวพันกับเรื่องวุ่นวายนี้“เป็นความผิดของข้าเอง หากไม่ใช่เพราะข้า ท่านก็คงไม่ต้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ คุณชาย หากเป็นไปได้ ขอท่านจงกลับไปเถิด อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของข้าอีกเลย!”กล่าวจบ นัยน์ตาของเสวี่ยเชียนหลงก็มีน้ำตาคลอ นางทนไม่ได้ที่จะเห็นหวังหยวนเสี่ยงชีวิตเพื่อตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของนางในขณะนี้ ย่อมไม่อาจปกป้องหวังหยวนในเทียนไว่เทียนได้เหล่าหัวหน้าตระกูลของแปดตระกูลใหญ่ต่างก็มักจะส่งมือสังหารมาลอบสังหารหวังหยวนในสถานที่ต่าง ๆ“เชียนหลง เจ้าพูดอะไร? ข้าจะละเลยเจ้าได้อย่างไร แม้ว่าเราทั้งสองจะไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน แต่เจ้าก็ยังเป็นน้องสาวของข้า เมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ข้าจะละทิ้งเจ้าได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรหนักหนา เพียงแค่รอยฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น”หวังหยวนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ พลางโบกมือของตนเองไปมาเพื่อแสดงว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร เขายังคงเค
หลังจากกล่าวจบ เสวี่ยเชียนหลงก็รีบจากไปทั้งห้องเหลือเพียงหวังหยวนและนักพรตชิงอี“พี่ชิงอี ดูสิ ท่านทำให้คนอื่นตกใจกลัวจนหนีไปแล้ว”หวังหยวนกล่าวกับพี่ชายด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง“ศิษย์ของข้าคนนี้ดีทุกอย่าง ยกเว้นหน้าบางเกินไป หากต่อไปได้แต่งงานกับเจ้าจริง ๆ คงต้องฝึกฝนให้ดีเสียหน่อย”พี่ชิงอีลูบเคราของตนเองด้วยความเสียดายหลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องการแข่งขันรอบที่สอง โดยไม่รู้ว่าครั้งนี้แปดตระกูลใหญ่จะผลักดันใครขึ้นมาเป็นคู่ต่อสู้ของหวังหยวน“ผู้ที่อยู่ในแปดตระกูลใหญ่ล้วนมีวิทยายุทธ์ระดับสูง และหลายคนก็อยู่เหนือเจ้า ด้วยหลักการที่ยุติธรรมและเที่ยงธรรม พวกเขาน่าจะส่งคนที่มีวิทยายุทธ์ใกล้เคียงกับเจ้ามาแข่งขัน แต่ก็อาจจะเป็นการต่อสู้แบบผสมผสานก็ได้”นักพรตชิงอีช่วยวิเคราะห์ให้หวังหยวนฟัง หวังหยวนพยักหน้าน่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะแปดตระกูลใหญ่คงไม่ทำเรื่องที่ไม่น่าดูเนื่องจากมีผู้คนมากมายเฝ้าดูอยู่ และผลการแข่งขันครั้งนี้ก็จะประกาศออกไปสู่สาธารณชนด้วยสิ่งที่ทำให้นักพรตชิงอีกังวลมากที่สุด คือหากมีใครในกลุ่มนั้นจงใจปกปิดวิทยายุทธ์ของตนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ห
เป็นไปได้อย่างไร เสวี่ยเชียนหลงเป็นผู้หญิงที่เขาหมายปอง เขาจะไม่ยอมให้ชายอื่นมาแย่งไปง่าย ๆ!ดังนั้นวันนี้เขาจึงไปที่จวนแห่งนั้นเพื่อสืบหาข้อมูลแต่เพิ่งเจอหน้าหวังหยวนก็ถูกยั่วยุเสียแล้ว แถมหวังหยวนยังไม่แสดงความเคารพต่อเขาแม้แต่น้อยหลังจากที่เจอเขา บ่งบอกว่าเป็นคนไร้มารยาทอย่างแท้จริงผู้ชายเช่นนี้จะคู่ควรกับสตรีสูงศักดิ์ในดวงใจของเขาได้อย่างไร?หลังจากออกจากจวนเสวี่ย เขาก็เปลี่ยนมาใส่ชุดดำและสวมหน้ากากทันที เพราะต้องการจะลอบสังหารหวังหยวนแต่ไม่คิดว่าหวังหยวนจะมีวิทยายุทธ์ที่เก่งกาจ ต่อสู้กับเขาได้อย่างสูสี เขาเกือบจะได้เปรียบหวังหยวนหลายครั้ง แต่สุดท้ายเสวี่ยเชียนหลงก็มาพอดีเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย เขาจึงต้องรีบหนีมาก่อน“บัดซบ! เป็นแค่คนชั้นต่ำที่มาจากดินแดนโลกมนุษย์ เหตุใดถึงคิดว่าตัวเองจะได้ครอบครองสตรีสูงศักดิ์!”คุณชายเจิ้งปาทุกสิ่งในห้องของเขาลงกับพื้น เสียงดังสนั่นดึงดูดความสนใจของผู้เป็นบิดา“ลูกชายของพ่อ เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดพ่อถึงได้ยินจากคนรับใช้ว่าเจ้าเพิ่งกลับมาจากข้างนอก มีใครทำให้เจ้าโกรธเคืองหรือ?”หัวหน้าตระกูลเจิ้งรักลูกชายคนเล็กของเขามาก อาจเ
เมื่อเสวี่ยโส่วจุนประกาศกฎเกณฑ์เสร็จสิ้นแล้ว หวังหยวนก็ยืนอยู่กลางเวที จากนั้นชายหนุ่มคนอื่น ๆ ก็ทยอยขึ้นมายืนบนเวทีเช่นกัน“เจ้าคือหวังหยวนสินะ ดูแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย แต่เหตุใดตัวเจ้าถึงได้มีกลิ่นเหม็นเช่นนี้ล่ะ?”“พี่หวัง กลิ่นอะไรหรือ?”“จะกลิ่นอะไรเล่า ก็กลิ่นเหม็นสาบจากแดนมนุษย์ธรรมดาสามัญน่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่า!”คนเหล่านี้ไม่สนใจฐานะของหวังหยวน พวกเขาต่างพูดล้อเลียนเขาอย่างสนุกปากหวังหยวนมองคนเหล่านี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเหลือบมองพวกเขาคร่าว ๆ ก็สามารถสรุปได้ว่าระดับการบ่มเพาะของพวกเขาน่าจะใกล้เคียงกับเขา ซึ่งก็คือปรมาจารย์ขั้นต้นแต่มีคนหนึ่งที่หวังหยวนให้ความสนใจเป็นพิเศษ นั่นก็คือชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชายผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะระดับใดกันแน่นั่นหมายความว่าชายผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าหวังหยวนหรือเปล่า?แต่การทดสอบครั้งนี้ ทั้งแปดตระกูลใหญ่และเสวี่ยโส่วจุนก็ได้ประกาศไปแล้วว่าจะคัดเลือกคนที่ระดับใกล้เคียงกับเขามา จึงไม่น่าจะเกิดความผิดพลาดเช่นนั้นได้หวังหยวนเงยหน้าขึ้นมองไปยังนักพรตชิงอีที่นั่งอยู่ด้านบนนักพรตชิงอีพยักหน้าใ
ชายหนุ่มทั้งแปดคนปลอบใจกันเองราวกับกำลังสะกดจิตตัวเองว่าหวังหยวนไม่น่ากลัว หวังหยวนไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายอันที่จริงจากการดูชายผู้นั้นเมื่อครู่ก็พอจะรู้ได้ ว่าความสามารถของหวังหยวนไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเขาเห็นอาจเป็นเพราะยังมีการประลองเพื่อหาคู่รออยู่ข้างหน้า หวังหยวนจึงยังคงเก็บซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุดชายหนุ่มสี่คนโจมตีหวังหยวนจากด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้ายและด้านขวา มีชายคนหนึ่งที่ต้องการโจมตีหวังหยวนจากด้านบนด้วยเขากระโดดขึ้นไป จากนั้นก็เปลี่ยนท่าทางของตัวเอง คมดาบพุ่งตรงไปที่กระหม่อมของหวังหยวนแต่หวังหยวนใช้กระบองของตนหมุนไปรอบเอวเพื่อจัดการชายทั้งสี่คนที่โจมตีมาจากด้านข้างได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็เหลือเพียงชายคนนี้ที่อยู่ด้านบนหวังหยวนหลบไปด้านข้าง จากนั้นจึงใช้กระบองยกขึ้นสกัด“โอ๊ย!”“เจ็บจะตายแล้ว!”ชายทั้งห้าคนที่ถูกฟาดจนล้มลงไปกองกับพื้นต่างก็ร้องโอดโอย พวกเขารู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงเจ้าหวังหยวนคนนี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่พวกเขาแค่ต้องการแสดงฝีมือเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดหวังหยวนถึงได้จะลงมือฆ่าพวกเขาหวังหยว
ชายสวมหน้ากากออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ผลักให้หวังหยวนกระเด็นออกไปไกลหวังหยวนถอยหลังไปหลายเมตรกว่าจะทรงตัวได้ เขาหายใจหอบถี่ชายผู้นี้ซ่อนเร้นความสามารถที่แท้จริงไว้จริง ๆ ระดับการบ่มเพาะของเขาต้องสูงกว่าหวังหยวนอย่างน้อยหนึ่งขั้น!แต่ผู้คนในสนามกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แม้แต่เสวี่ยโส่วจุนก็ยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกตินั่นหมายความว่าชายผู้นี้ยังไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงของตน และยังคงซ่อนระดับการบ่มเพาะของตนอยู่เพราะหากถูกจับได้ เขาก็อาจจะถูกเสวี่ยโส่วจุนตัดสินให้พ่ายแพ้ในทันทีขณะที่หวังหยวนยังไม่ทันตั้งตัว ชายสวมหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้นข้างเขาอีกครั้ง แล้วถีบเข้าที่ท้องของเขา หวังหยวนจึงกระเด็นออกไปอีกครั้งการถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้หวังหยวนยืนแทบไม่ไหว เขาพยายามใช้กระบองของตนเองยันตัวขึ้นมาอีกครั้งแต่ทุกครั้งที่เขาลุกขึ้น ชายสวมหน้ากากก็จะเข้ามาโจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า“เจ้ามีฝีมือแค่นี้เองหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงพูดดูหมิ่นเย้ยหยันนี้ หวังหยวนก็รู้ในทันทีว่าชายผู้นี้เป็นใคร นี่มันนายน้อยแห่งตระกูลเจิ้งไม่ใช่หรือ?ไม่แปลกใจเลยที่เขาต้องสวมหน้ากากเข้าแข่งขัน อาจเป็นเพราะกลัวว่า