“เพียงเพราะเจ้ามองโลกแคบเกินไป ไม่ค่อยได้รู้จักผู้คนในโลกมนุษย์ จึงไม่รู้ว่าข้าได้เผยแพร่บทกวีออกไปข้างนอกแล้ว หากเจ้าได้ลองทำความเข้าใจ เจ้าจะรู้ว่าในโลกนี้ยังมีผู้เก่งกล้าอีกมากมาย!”หวังหยวนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา คนเช่นนี้มีตาหามีแววไม่ เขาไม่ใส่ใจอยู่แล้ว“เมื่อครู่ได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ไม่เคยมีใครได้ยินที่บทกวีเหล่านี้ใดมาก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเป็นบทกวีของหวังหยวนเอง” ก่อนหน้านี้เสวี่ยเชียนหลงเคยเห็นหวังหยวนแต่งบทกวีมาก่อน แต่ไม่เคยตื่นเต้นเช่นนี้ คงเป็นเพราะคราวนี้หวังหยวนจริงจังมากเนื่องจากมีผู้ที่ไม่ยอมรับหวังหยวนมากมาย พวกเขาทั้งหลายต่างคิดว่าตนเองเก่งกล้ากว่าหวังหยวน จึงสมควรได้เข้าร่วมการประลองยุทธ์เพื่อหาคู่มากกว่า จึงยังคงให้มีการประลองต่อไป“หวังหยวน เจ้าก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก เพียงแค่แต่งบทกวีได้สองบทเท่านั้น เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถแต่งบทกวีได้ดีกว่าเจ้าในทันที หากเจ้ามีความสามารถจริงก็จงแต่งบทกวีออกมาอีกหลาย ๆ บทเลยสิ!”“ถูกต้องแล้ว ให้พวกข้าได้เห็นเป็นบุญตาเสียหน่อย! เจ้าว่าตนเองมีความสามารถล้นเหลือ แต่ความสามารถนั้นอยู่ที่ใดกันเล่า?”“ให้เวลาเจ้า
“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก น่าอัศจรรย์เหลือเกิน!”“ข้าไม่เคยพบผู้ใดที่มีความสามารถเช่นหวังหยวนมาก่อน ข้าเห็นด้วย! ข้าเห็นด้วยให้เขาเข้าร่วมการประลองยุทธ์เพื่อหาคู่กับสตรีสูงศักดิ์!”“ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน เก่งกาจเกินไปแล้ว ยอมแพ้ราบคาบ!”“บทกวีห้าบท หากเป็นข้า คิดทั้งปีก็คงคิดไม่ออก แต่เขาสามารถแต่งบทกวีทั้งห้าบทได้อย่างยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”“ก่อนหน้านี้ข้าคิดเสมอว่าตนเองเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากบนโลกนี้จนกระทั่งได้พบกับหวังหยวน เมื่อได้ฟังบทกวีห้าบทที่เขาแต่ง ข้าจึงรู้ว่าข้าคิดผิด!”หวังหยวนรับฟังคำสรรเสริญของผู้คน จากนั้นก็เดินไปยืนตรงหน้าเสวี่ยโส่วจุน“ภายในครึ่งชั่วยาม ข้าได้แต่งบทกวีทั้งห้าบทนี้เสร็จแล้ว ไม่ทราบว่าจะผ่านการทดสอบด่านแรกได้หรือไม่ขอรับ”นอกจากหวังหยวนจะแต่งบทกวีห้าบทได้ภายในครึ่งชั่วยามแล้ว เขายังได้รับความชื่นชมจากนักปราชญ์ทั้งหลายในที่แห่งนี้ด้วยเขาได้กลายเป็นผู้ที่มีความสามารถทางวรรณกรรมสูงสุดในที่แห่งนี้ จึงสมควรผ่านการทดสอบของด่านแรก“ผ่านสิ! เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ชิงอี ด้านการฝึกยุทธ์คงจะเชี่ยวชาญอยู่บ้าง ไม่คาดคิดว่าความสามารถทางวรรณกรรมจะยอดเย
“ได้เลย”หลังจากที่หวังหยวนตอบรับ ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกันดีอาจเป็นเพราะครั้งก่อนที่เสวี่ยเชียนหลงพูดจาไม่ค่อยดีนัก จึงทำให้ทั้งสองรู้สึกอึดอัดเมื่อได้พบหน้ากันอีกครั้ง“ใช่แล้ว พ่อของข้าให้ข้ามาบอกท่านว่าช่วงนี้ให้ท่านพักอยู่ที่จวนเสวี่ยก่อน เพราะหากท่านพักที่อื่น ท่านอาจจะถูกคนลอบสังหารได้ คนพวกนั้นไม่ใช่คนดีนัก”ทันใดนั้นเสวี่ยเชียนหลงก็นึกถึงคำสั่งของบิดาที่สั่งไว้ก่อนที่นางจะออกมาได้หวังหยวนพยักหน้า“เช่นนั้นเจ้าก็พาข้าไปเถิด ข้ายังไม่รู้เลยว่าจวนเสวี่ยอยู่ที่ใด เทียนไว่เทียนกว้างใหญ่นัก”หวังหยวนยิ้มให้เสวี่ยเชียนหลง ทำให้ใบหน้าของเสวี่ยเชียนหลงแดงเรื่อ นางเดินนำหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่รีบจนเสียจังหวะหวังหยวนเดินตามหลังนางไป อาจเป็นเพราะเสวี่ยเชียนหลงกำลังจะเข้าร่วมการประลองหาคู่ หวังหยวนจึงตั้งใจไม่เดินเข้าใกล้นางมากนัก เพราะไม่อยากให้คนอื่นติฉินนินทาเสวี่ยเชียนหลงก็เข้าใจดีว่าหวังหยวนคิดอย่างไร นางจึงตั้งใจเดินช้าลง ทั้งสองเดินตามกันมาอย่างสนิทสนมท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ในที่สุดหวังหยวนก็ได้ไปเข้าพักที่จวนเสวี่ยไม่นานนักเสวี่ยโส่วจุนก็กลับมาที่จวนเสว
หลังจากที่นักปราชญ์เหล่านี้ได้พูดคุยกับหวังหยวนแล้ว ความเคารพและชื่นชมที่พวกเขามีต่อหวังหยวนก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเสวี่ยเชียนหลงก็รู้สึกชื่นชมหวังหยวนเช่นกัน และยิ่งรู้สึกว่ามีเพียงคนอย่างหวังหยวนเท่านั้นที่คู่ควรกับนางในวันที่สองหลังจากที่เข้าร่วมการสอบความรู้ความสามารถ เนื้อหาการแข่งขันในด่านที่สองก็ได้รับการเปิดเผย“เนื้อหาของด่านที่สองนั้นง่ายดายสำหรับเจ้ามาก เพราะเจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ชิงอี เจ้าย่อมมีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม”เมื่อเสวี่ยโส่วจุนเรียกหวังหยวนมาเพื่อประกาศเนื้อหาการแข่งขัน เขาก็มีความมั่นใจในตัวหวังหยวนอย่างเต็มเปี่ยม หวังหยวนอดหัวเราะไม่ได้“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ในการแข่งขัน และจะไม่ทำให้เสวี่ยเชียนหลงผิดหวังขอรับ”“ดี!”เสวี่ยโส่วจุนมองหวังหยวนที่อยู่ตรงหน้า พลางคิดว่ายิ่งมองก็ยิ่งถูกใจ เขาจึงเริ่มถามหวังหยวนว่าแต่งงานหรือยัง“หวังหยวนไม่กล้าปกปิดท่านโส่วจุน ข้ามีภรรยาอยู่ที่บ้านแล้วสามคน แต่พวกนางมีความเสมอภาคกัน ไม่มีใครสูงส่งหรือต่ำต้อยกว่ากันขอรับ”เมื่อหวังหยวนเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกมาอย่างไม่ถ่อมตัวและไม่หยิ่งผยอง เสวี่ยโส่วจุนก็รู้สึกประหล
“คุณชายเจิ้ง โปรดระมัดระวังยามก้าวเดินด้วย หากเกิดเหตุร้ายใด ๆ ในจวนแห่งนี้ ข้าจะไม่อาจรับผิดชอบได้”น้ำเสียงอันเย้ยหยันของหวังหยวนทำให้คุณชายเจิ้งไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาสะบัดมือของหวังหยวนออกแล้วลุกขึ้นยืน“เจ้าเป็นเพียงคนจากดินแดนโลกมนุษย์ กล้าดีอย่างไรมาแตะต้องข้า เจ้าคิดว่าความสามารถอันน้อยนิดของเจ้า จะทำให้เจ้าบินทะยานขึ้นได้ดั่งหงส์หรือ? เจ้าอย่าฝันกลางวันไปเลย ข้าต่างหากคือคู่ครองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสตรีสูงศักดิ์!”คุณชายเจิ้งหยิบพัดขึ้นมาถือไว้ตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความท้าทายหวังหยวนไม่ได้โกรธเคืองคำพูดของคุณชายเจิ้ง เพราะเขาเข้าใจดีว่าเสวี่ยเชียนหลงไม่มีทางที่จะมีความสัมพันธ์กับคนเช่นนี้ได้“หากคุณชายเจิ้งมาเพียงเพื่อจะพูดเช่นนี้ ข้าก็ขอเชิญให้เจ้ากลับไปได้แล้ว”หวังหยวนหันหลังเตรียมจะเดินจากไป การพูดคุยกับคนเช่นนี้เป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์คุณชายเจิ้งถูกหวังหยวนเพิกเฉยอีกครั้งจึงรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาหยิบก้อนหินใกล้ ๆ ขึ้นมาแล้วขว้างใส่หวังหยวนอย่างรวดเร็วฝีมือของคุณชายเจิ้งไม่ธรรมดา ถือว่ามีระดับพลังเท่ากับหวังหยวนแต่หวังหยวนสามารถรับก้อนหินที่เขาขว้างใ
“คุณชายเจิ้งไม่จำเป็นต้องรอคำตอบจากข้าหรอก ข้าบอกได้เลยว่าข้าไม่ยอมรับข้อเสนอของท่าน และจะไม่มีวันยอมรับด้วย”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่สะทกสะท้านของหวังหยวน คุณชายเจิ้งก็กำมือแน่น แต่ไม่ได้หันกลับมา เพียงแค่ยกยิ้มแล้วโบกมือก่อนเดินจากไปหลังจากที่คุณชายเจิ้งจากไป เสวี่ยเชียนหลงก็มองหวังหยวนด้วยความเป็นห่วง หวังหยวนจึงยิ้มให้เพื่อให้นางสบายใจ“เขาเป็นอะไรของเขา? เหตุใดถึงมาที่จวน ท่านทะเลาะกับเขาเมื่อครู่นี้หรือเจ้าคะ? หากคนรับใช้ไม่มาบอก ข้าก็ไม่รู้เรื่องเลย”“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เขาแค่มาพูดอะไรบางอย่างที่ไม่สำคัญเท่านั้น”หวังหยวนไม่คิดจะบอกเสวี่ยเชียนหลงถึงสิ่งที่คุณชายเจิ้งพูดเมื่อครู่นี้ เพราะจะยิ่งทำให้นางเครียดโดยใช่เหตุเสวี่ยเชียนหลงรู้สึกกังวลใจอยู่แล้วที่เขาจะเข้าร่วมการประลองเพื่อจับคู่ หากนางรู้เรื่องนี้เข้า นางคงยิ่งไม่อยากให้เขาเข้าร่วม“หากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็บอกข้าล่วงหน้าเถิด ข้ารู้ว่าสำหรับท่านแล้วอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ว่าที่นี่คือจวนของข้า หากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ข้าก็จะต้องรับผิดชอบเจ้าค่ะ”“สบายใจเถิด เรื่องแค่นี้สำหรับข้าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แถมชายคนนี้ก
“ไม่ธรรมดาเลย”เพียงแค่ดูลีลาการต่อสู้ของนักฆ่าผู้นี้ก็รู้ว่าฝีมือย่อมเหนือกว่าเขาทว่ากลับเย่อหยิ่งเกินไป และนั่นอาจกลายเป็นจุดอ่อน“เช่นนั้นก็มาพิสูจน์กันเถิดว่าคำกล่าวของข้าเป็นจริงหรือเป็นเท็จ!”นักฆ่าเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีทันใด เขากระทำราวกับเล่นสนุกกับหวังหยวน ไม่ได้มุ่งหมายสังหารดุจดังก่อนหน้าความผิดพลาดนี้เองที่เปิดโอกาสให้หวังหยวนหวังหยวนรีบกลับเข้าไปในห้อง แล้วหยิบกระบองของตนออกมา“ฮ่าฮ่าฮ่า! อาวุธของเจ้าคงไม่ใช่ไม้กระบองอันนี้กระมัง?”เมื่อนักฆ่าเห็นหวังหยวนถือกระบองอยู่ในมือก็ระเบิดเสียงหัวเราะเสียงหัวเราะของเขาก้องกังวานไปทั่วทั้งลานบ้านพักเวลาล่วงเลยมานานเช่นนี้ก็ยังไม่มีคนรับใช้คนใดมาที่นี่หรือว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นที่แห่งอื่นด้วย จึงทำให้คนรับใช้ทุกคนต้องไปที่นั่น?หวังหยวนฮึดฮัด อย่าได้ดูถูกไม้กระบองนี้ ต่อไปนี้มันอาจทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดจนแทบคลานไม่ไหว!“ไม้กระบองอันนี้ก็เพียงพอที่จะจัดการเจ้าแล้ว!”การต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะอุบัติขึ้น การโจมตีของหวังหยวนรวดเร็วมาก แต่ทิศทางการโจมตีของเขากลับมุ่งไปที่ส่วนล่างอาจเป็นเพราะรับรู้ถึงเจตนาของหวังหยวน สีหน้าข
เมื่อแน่ใจแล้วว่ามือสังหารได้จากไปแล้ว เสวี่ยเชียนหลงจึงรีบรุดไปอยู่ข้างหวังหยวน แล้วมองรอยฟกช้ำที่ข้อมือของหวังหยวนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนางเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่ต้องการให้หวังหยวนเข้ามาพัวพันกับเรื่องวุ่นวายนี้“เป็นความผิดของข้าเอง หากไม่ใช่เพราะข้า ท่านก็คงไม่ต้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ คุณชาย หากเป็นไปได้ ขอท่านจงกลับไปเถิด อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของข้าอีกเลย!”กล่าวจบ นัยน์ตาของเสวี่ยเชียนหลงก็มีน้ำตาคลอ นางทนไม่ได้ที่จะเห็นหวังหยวนเสี่ยงชีวิตเพื่อตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของนางในขณะนี้ ย่อมไม่อาจปกป้องหวังหยวนในเทียนไว่เทียนได้เหล่าหัวหน้าตระกูลของแปดตระกูลใหญ่ต่างก็มักจะส่งมือสังหารมาลอบสังหารหวังหยวนในสถานที่ต่าง ๆ“เชียนหลง เจ้าพูดอะไร? ข้าจะละเลยเจ้าได้อย่างไร แม้ว่าเราทั้งสองจะไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน แต่เจ้าก็ยังเป็นน้องสาวของข้า เมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ข้าจะละทิ้งเจ้าได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรหนักหนา เพียงแค่รอยฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น”หวังหยวนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ พลางโบกมือของตนเองไปมาเพื่อแสดงว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร เขายังคงเค