แชร์

บทที่ 1427

ผู้แต่ง: ชวินเป่ยอี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายกล่าวแสดงความยินดีกับอาจารย์ชิงอีแล้ว พวกเขาก็สังเกตเห็นหวังหยวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน

หวังหยวนแสดงท่าทีเป็นธรรมชาติ ไม่ได้รู้สึกตื่นกลัวเลย แม้จะได้พบกับบุคคลสำคัญมากมาย

“ท่านผู้นำตระกูลทั้งหลาย! ผู้น้อยมีนามว่าหวังหยวน ข้าได้มาที่นี่วันนี้เพื่อขอร้องเพียงเรื่องเดียว ได้ยินมาว่าสตรีสูงศักดิ์แห่งเทียนไว่เทียนกำลังจะจัดการประลองยุทธ์หาคู่ ข้าจึงปรารถนาที่จะเข้าร่วมด้วยขอรับ”

หวังหยวนคำนับอีกครั้ง

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นจึงเริ่มพูดคุยกันอย่างโจ่งแจ้ง

ไม่ต้องพูดถึงสถานะของหวังหยวนที่พวกเขายังไม่แน่ใจ เพียงแค่หวังหยวนมาจากภายนอก ไม่ใช่คนของเทียนไว่เทียน ก็นับเป็นเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ให้หวังหยวนเข้าร่วมประลองยุทธ์หาคู่ได้แล้ว

“เจ้าล้อเล่นหรือเปล่า เจ้าเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ จะเข้าร่วมประลองยุทธ์หาคู่ของสตรีสูงศักดิ์ของเราได้อย่างไร เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?”

“ถูกแล้ว เจ้าคิดว่าสตรีสูงศักดิ์ของเราเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าเทียนไว่เทียนของเราเป็นอะไรกัน?”

“เจ้าหนุ่ม เจ้าจงกลับไปที่ที่เจ้าจากมาเถิด อย่ามายุ่งกับเรื่องของเราเลย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1428

    อันที่จริงแล้ววิธีนี้ก็ใช้ได้ แม้ว่าอาจารย์ชิงอีจะเป็นอาจารย์ของสตรีสูงศักดิ์และอาศัยอยู่ในเทียนไว่เทียนของพวกเขา แต่ก็ยังคงเป็นตัวแปรที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ การใช้สถานการณ์นี้จัดการกับเขาจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลหากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในภายหลัง พวกเขาก็สามารถขอให้อาจารย์ชิงอีช่วยได้หวังหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แผนการของคนเหล่านี้ช่างดีเหลือเกินเดิมทีการประลองยุทธ์หาคู่ครองของสตรีสูงศักดิ์นั้นเน้นที่ความสามารถเป็นหลัก ไม่ว่าใครจะเข้าร่วมก็ไม่มีปัญหา แต่กลับมีอคติต่อเขามากมายเพียงเพราะว่าเขาเป็นคนที่อาจารย์ชิงอีตามหาทั่วทั้งหมื่นขุนเขาและสายน้ำพวกเขาไม่รู้ว่าความสามารถของหวังหยวนเป็นอย่างไรบ้าง การใช้สถานการณ์นี้จะทำให้สามารถดูความสามารถที่แท้จริงของหวังหยวนได้ ซึ่งพวกเขาจะได้ตัดสินใจ“ดี! หากเป็นเช่นนั้นเขาจะต้องเข้าร่วมการประลองสามรอบนี้ แต่ข้าหวังว่าหลังจากการประลองสามรอบจบลงแล้ว ผู้อาวุโสทั้งหลายจะทำตามที่ตกลงกันไว้ด้วยการให้เขาเข้าร่วมประลองยุทธ์หาคู่ อย่าได้ขัดขวาง”อาจารย์ชิงอีนึกดูถูกในใจ ผู้อาวุโสเหล่านี้แม้จะดูเหมือนทำเพื่อเทียนไว่เทียน แต่แท้จริงแล้วก็

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1429

    “ศิษย์ขอคารวะและยินดีต้อนรับท่านอาจารย์กลับมาเจ้าค่ะ! ขอคารวะคุณชายเจ้าค่ะ”เสวี่ยเชียนหลงคำนับพ่อ อาจารย์และหวังหยวน จากนั้นก็ยืนเคียงข้างพวกเขา“เชียนหลง เจ้าอย่ากังวลไปเลย อาจารย์ของเจ้ากลับมาแล้ว และยังพาชายหนุ่มผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชามหาสุริยันมาด้วย เจ้าจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน!”เสวี่ยโส่วจุนไม่ได้ยิ้มอย่างเบิกบานเช่นนี้มานานแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขามาจากใจจริงหลายปีที่แสวงหาหนทางช่วยเหลือลูกสาว แต่บัดนี้ความช่วยเหลือมาถึงแล้วต่างจากเสวี่ยโส่วจุนที่มีรอยยิ้ม เสวี่ยเชียนหลงกลับไม่อาจยิ้มได้กล่าวได้ว่า เมื่อนางได้รับข่าวในตอนแรกก็ยินดีปรีดา แต่บัดนี้กลับกลายเป็นความกังวล“ท่านพ่อ ข้าไม่อยากให้เขาเข้าร่วมการประลองหาคู่ของข้าเจ้าค่ะ”ขณะที่เสวี่ยเชียนหลงเอ่ยประโยคนี้ อาจารย์ชิงอี หวังหยวน และเสวี่ยโส่วจุนต่างก็ตะลึงงันเกิดอะไรขึ้น?ไม่ใช่ว่าได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้วหรอกหรือ? หวังหยวนต้องเดินทางไกลมาถึงที่นี่เพื่อช่วยชีวิตนาง แล้วเหตุใดจึงไม่อยากให้เขาเข้าร่วม?หวังหยวนยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่ได้เอ่ยคำใด แต่มองหน้าเสวี่ยเชียนหลงราวกับต้องการมองทะลุจิตใจนางเสวี่ยเชียนหลงหลบสายตา

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1430

    เมื่ออาจารย์ชิงอีจากไปแล้ว เสวี่ยเชียนหลงก็พยักหน้าเบา ๆ ให้กับหวังหยวน เป็นสัญญาณให้หวังหยวนเดินตามนางมา จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปที่ห้องของนางเพราะหากสนทนากันข้างนอกอาจมีคนแอบฟังได้“เชียนหลง เจ้าเป็นอะไรไป? เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ? ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า เจ้าอย่ากังวลเลย ข้าจะไม่จากไปไหน!”หวังหยวนก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ว่าเหตุใดเชียนหลงจึงเปลี่ยนใจกะทันหันเมื่อได้พบหน้าเขาเสวี่ยเชียนหลงไม่ได้หันกลับมา แต่หันหลังพูดกับหวังหยวนว่า “อย่าเลยเจ้าค่ะ ถึงตอนนี้ ข้าไม่ได้คิดที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ข้าไม่อาจให้ท่านต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องเช่นนี้เพราะข้าเพียงคนเดียว”เสวี่ยเชียนหลงรู้เรื่องราวของเทียนไว่เทียนและซานไว่ซานมาตั้งแต่เด็ก นางจึงรู้ดีถึงความอันตราย ทำให้ไม่ต้องการให้คุณชายเสี่ยงอันตรายเพื่อตนหวังหยวนขมวดคิ้วเดินไปตรงหน้าเสวี่ยเชียนหลง เพราะต้องการมองใบหน้าของนาง และฟังนางพูดด้วยตนเอง แต่เสวี่ยเชียนหลงกลับหลบสายตา“คุณชาย ท่านคิดว่าด้วยวิชาของท่านในตอนนี้ จะสามารถชนะการประลองหาคู่ในเทียนไว่เทียนได้หรือเจ้าคะ? ข้ารู้ว่าคุณชายมีความสามารถ แต่เทียนไว่เทียนไม่เหมือนที่ใดที่ท่านเค

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1431

    “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ปัญญาทึบเช่นนี้ไม่ใช่หรือ เหตุใดเมื่อได้พบกับเชียนหลงแล้วจึงกลับโง่งงมไปเสียแล้วเล่า? ที่นางกล่าวเช่นนั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อเจ้าหรอกหรือ?”หวังหยวนไม่ได้ตอบ“สตรีผู้นั้นเพียงไม่ต้องการให้เจ้าเข้าร่วมการประลองยุทธ์หาคู่แล้วต้องสิ้นชีพ ที่แห่งนี้มีแต่พวกเสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น ดังนั้นนางจึงหวังให้เจ้าจากไป จึงได้กล่าวถ้อยคำเหล่านั้นเพื่อทำร้ายจิตใจเจ้า หากเจ้าเชื่อคำของนางจริง ข้าคงรู้สึกว่าหวังหยวนที่ข้ารู้จักก่อนหน้านี้ถูกเปลี่ยนตัวไปเสียแล้ว”เมื่อได้ฟังคำพูดของพี่ชิงอี ในที่สุดหวังหยวนจึงคิดได้อาจเป็นเพราะเมื่อครู่นี้ที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้วคิดไม่ทัน เขาจึงได้เข้าใจผิดไป“พี่ชิงอี วางใจเถิด แม้ข้าจะโกรธเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น แต่จะให้ข้าไม่สนใจนางได้อย่างไร แม้เราทั้งสองจะไม่อาจเป็นสามีภรรยากันได้ แต่นางก็เป็นเหมือนน้องสาวของข้า ข้าจะต้องช่วยชีวิตนางอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงที่ฟังดูเก้อเขินแสดงถึงความรู้สึกในใจของหวังหยวนในขณะนี้หลังจากที่ทั้งสองได้พูดคุยกันแล้ว หวังหยวนก็ตัดสินใจที่จะอยู่ที่เทียนไว่เทียนต่อเพื่อช่วยเหลือเสวี่ยเชียนหลง และเขาก็ไม่ต้อ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1432

    “จิบชาพูดคุยถึงฟ้าดิน ชมดอกไม้รู้ถึงความไม่เที่ยงของชีวิต”บทกวีสองประโยคง่าย ๆ นี้ได้ทำให้ผู้คนในที่แห่งนี้ตกใจจนอ้าปากค้างอาจารย์ชิงอีเป็นคนแรกที่ปรบมือ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ตอบสนองเดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะเป็นบุคคลหยาบคายที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ไม่คาดคิดว่าความสามารถทางวรรณกรรมจะสูงส่งเช่นนี้ เพียงแค่พูดออกมาก็เป็นบทกวีที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนแล้ว“ยอดเยี่ยม! แต่งบทกวีจากชาตรงหน้าได้ดีมาก”หลังจากที่เสวี่ยโส่วจุนชมเชยหวังหยวนแล้ว ก็ได้ยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาจิบเช่นกัน ชาถ้วยนี้เป็นชารสเลิศจริง ๆ“แต่ก็เป็นเพียงบทกวีสองประโยคที่พูดถึงชาเท่านั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ หากต้องการเข้าร่วมการประลองยุทธ์หาคู่ เช่นนี้คงไม่ได้ ข้าจะออกโจทย์ให้สักข้อก็แล้วกัน”ชายหนุ่มผู้มีความสามารถคนหนึ่งลุกขึ้นจากด้านข้าง จากนั้นโบกพัดเดินเข้าหาหวังหยวนอย่างช้า ๆ นัยน์ตาฉายแววท้าทายเขาเดินไปหยุดตรงหน้าหวังหยวน แล้วนั่งขัดสมาธิลงที่โต๊ะใครจะคิดว่าเขายังไม่ทันได้พูดอะไร หวังหยวนก็ลุกขึ้นทันทีแล้วเดินไปเจ็ดก้าวในสมัยโบราณมีกวีนามว่าเฉาจื๋อที่แต่งบทกวีเจ็ดก้าว วันนี้หวังหยวนจะขอยืมบทกวีของบร

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1433

    “เพียงเพราะเจ้ามองโลกแคบเกินไป ไม่ค่อยได้รู้จักผู้คนในโลกมนุษย์ จึงไม่รู้ว่าข้าได้เผยแพร่บทกวีออกไปข้างนอกแล้ว หากเจ้าได้ลองทำความเข้าใจ เจ้าจะรู้ว่าในโลกนี้ยังมีผู้เก่งกล้าอีกมากมาย!”หวังหยวนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา คนเช่นนี้มีตาหามีแววไม่ เขาไม่ใส่ใจอยู่แล้ว“เมื่อครู่ได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ไม่เคยมีใครได้ยินที่บทกวีเหล่านี้ใดมาก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเป็นบทกวีของหวังหยวนเอง” ก่อนหน้านี้เสวี่ยเชียนหลงเคยเห็นหวังหยวนแต่งบทกวีมาก่อน แต่ไม่เคยตื่นเต้นเช่นนี้ คงเป็นเพราะคราวนี้หวังหยวนจริงจังมากเนื่องจากมีผู้ที่ไม่ยอมรับหวังหยวนมากมาย พวกเขาทั้งหลายต่างคิดว่าตนเองเก่งกล้ากว่าหวังหยวน จึงสมควรได้เข้าร่วมการประลองยุทธ์เพื่อหาคู่มากกว่า จึงยังคงให้มีการประลองต่อไป“หวังหยวน เจ้าก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก เพียงแค่แต่งบทกวีได้สองบทเท่านั้น เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถแต่งบทกวีได้ดีกว่าเจ้าในทันที หากเจ้ามีความสามารถจริงก็จงแต่งบทกวีออกมาอีกหลาย ๆ บทเลยสิ!”“ถูกต้องแล้ว ให้พวกข้าได้เห็นเป็นบุญตาเสียหน่อย! เจ้าว่าตนเองมีความสามารถล้นเหลือ แต่ความสามารถนั้นอยู่ที่ใดกันเล่า?”“ให้เวลาเจ้า

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1434

    “ยอดเยี่ยมยิ่งนัก น่าอัศจรรย์เหลือเกิน!”“ข้าไม่เคยพบผู้ใดที่มีความสามารถเช่นหวังหยวนมาก่อน ข้าเห็นด้วย! ข้าเห็นด้วยให้เขาเข้าร่วมการประลองยุทธ์เพื่อหาคู่กับสตรีสูงศักดิ์!”“ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน เก่งกาจเกินไปแล้ว ยอมแพ้ราบคาบ!”“บทกวีห้าบท หากเป็นข้า คิดทั้งปีก็คงคิดไม่ออก แต่เขาสามารถแต่งบทกวีทั้งห้าบทได้อย่างยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”“ก่อนหน้านี้ข้าคิดเสมอว่าตนเองเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากบนโลกนี้จนกระทั่งได้พบกับหวังหยวน เมื่อได้ฟังบทกวีห้าบทที่เขาแต่ง ข้าจึงรู้ว่าข้าคิดผิด!”หวังหยวนรับฟังคำสรรเสริญของผู้คน จากนั้นก็เดินไปยืนตรงหน้าเสวี่ยโส่วจุน“ภายในครึ่งชั่วยาม ข้าได้แต่งบทกวีทั้งห้าบทนี้เสร็จแล้ว ไม่ทราบว่าจะผ่านการทดสอบด่านแรกได้หรือไม่ขอรับ”นอกจากหวังหยวนจะแต่งบทกวีห้าบทได้ภายในครึ่งชั่วยามแล้ว เขายังได้รับความชื่นชมจากนักปราชญ์ทั้งหลายในที่แห่งนี้ด้วยเขาได้กลายเป็นผู้ที่มีความสามารถทางวรรณกรรมสูงสุดในที่แห่งนี้ จึงสมควรผ่านการทดสอบของด่านแรก“ผ่านสิ! เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ชิงอี ด้านการฝึกยุทธ์คงจะเชี่ยวชาญอยู่บ้าง ไม่คาดคิดว่าความสามารถทางวรรณกรรมจะยอดเย

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1435

    “ได้เลย”หลังจากที่หวังหยวนตอบรับ ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกันดีอาจเป็นเพราะครั้งก่อนที่เสวี่ยเชียนหลงพูดจาไม่ค่อยดีนัก จึงทำให้ทั้งสองรู้สึกอึดอัดเมื่อได้พบหน้ากันอีกครั้ง“ใช่แล้ว พ่อของข้าให้ข้ามาบอกท่านว่าช่วงนี้ให้ท่านพักอยู่ที่จวนเสวี่ยก่อน เพราะหากท่านพักที่อื่น ท่านอาจจะถูกคนลอบสังหารได้ คนพวกนั้นไม่ใช่คนดีนัก”ทันใดนั้นเสวี่ยเชียนหลงก็นึกถึงคำสั่งของบิดาที่สั่งไว้ก่อนที่นางจะออกมาได้หวังหยวนพยักหน้า“เช่นนั้นเจ้าก็พาข้าไปเถิด ข้ายังไม่รู้เลยว่าจวนเสวี่ยอยู่ที่ใด เทียนไว่เทียนกว้างใหญ่นัก”หวังหยวนยิ้มให้เสวี่ยเชียนหลง ทำให้ใบหน้าของเสวี่ยเชียนหลงแดงเรื่อ นางเดินนำหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่รีบจนเสียจังหวะหวังหยวนเดินตามหลังนางไป อาจเป็นเพราะเสวี่ยเชียนหลงกำลังจะเข้าร่วมการประลองหาคู่ หวังหยวนจึงตั้งใจไม่เดินเข้าใกล้นางมากนัก เพราะไม่อยากให้คนอื่นติฉินนินทาเสวี่ยเชียนหลงก็เข้าใจดีว่าหวังหยวนคิดอย่างไร นางจึงตั้งใจเดินช้าลง ทั้งสองเดินตามกันมาอย่างสนิทสนมท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ในที่สุดหวังหยวนก็ได้ไปเข้าพักที่จวนเสวี่ยไม่นานนักเสวี่ยโส่วจุนก็กลับมาที่จวนเสว

บทล่าสุด

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1866

    นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1865

    หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1864

    “ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1863

    แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1862

    “ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1861

    “ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1860

    ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1859

    “ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1858

    เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น

DMCA.com Protection Status