หลังจากที่โม่ชิงอีกล่าวจบก็สะบัดนิ้วทันที พลังลมปราณพุ่งออกไปฉับพลัน!ทันใดนั้นแผ่นหินด้านข้างก็กลายเป็นรูในทันใด!ทั้งสามคนที่เห็นภาพนี้ต่างก็ตะลึงงัน!ใช้พลังด้วยการสะบัดนิ้วเบา ๆ เพียงครั้งเดียว!ก็เจาะทะลุแผ่นหินได้!ถ้าสะบัดนิ้วใส่หัวใครสักคนจะไม่ทำให้หัวแตกกระจายไปเลยหรือ!“นี่คือการปล่อยพลังปราณภายในออกไป พลังปราณไม่เพียงแค่กักเก็บอยู่ในร่างกายเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้นอกร่างกายได้อีกด้วย ส่วนจะไกลแค่ไหน แข็งแกร่งแค่ไหน นั่นก็ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของแต่ละขั้น!”“แบ่งเป็นสามขั้นตอน ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง โดยพิจารณาจากความเข้มข้นของพลังปราณ!”“ตามตำรานั้นปรมาจารย์ขั้นสูงย่อมแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็มีอัจฉริยะบางคนที่พรสวรรค์ล้ำเลิศ แม้จะอยู่ในปรมาจารย์ขั้นกลาง แต่ก็สามารถต่อสู้กับปรมาจารย์ขั้นสูงได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก”โม่ชิงอีกล่าวจบก็ยกยิ้มจาง แล้วมองไปที่ทั้งสามคน“ที่ข้าเพิ่งพูดไป เข้าใจกันหรือไม่?”หวังหยวนและคนอื่น ๆ ย่อมเข้าใจเพราะเขาสาธิตให้เห็นแล้วถ้าไม่เข้าใจก็คงจะโง่เขลาเกินไปแล้วกระมัง?“ไม่นึกเลยว่าวิชานี้จะมีขั้นตอนเช่นนี้ ข้า... ข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
“เหมือนกับเจตจำนงแห่งดาบ เหมือนกับเจตจำนงแห่งการฆ่า!”“ขอบเขตนั้นลึกลับมาก บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถก้าวข้ามได้ บางคนก็เข้าใจแจ่มแจ้งได้ในชั่วข้ามคืน”“ขั้นสวรรค์ทดสอบความสามารถในการรับรู้โดยกำเนิดที่แท้จริง”เมื่อโม่ชิงอีกล่าวจบ เขาก็โบกมือไปที่หนึ่ง ทันใดนั้นดาบราชวงศ์ถังในมือของต้าหู่ก็สั่น แล้วพลังปราณก็ดูดเข้ามา ดาบราชวงศ์ถังจึงตกไปอยู่ในมือของโม่ชิงอี!“นี่... นี่คือเจตจำนง!”เมื่อพูดจบเขาก็สะบัดดาบเบา ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากดาบ!พลังดาบอันรุนแรงพวยพุ่งออกมา!“ดาบเล่มนี้... มีเจตจำนงแห่งการฆ่า!”เมื่อโม่ชิงอีพูดจบก็เคลื่อนไหวโดยไร้เสียง จากนั้นฟันดาบออกไปอย่างรุนแรง!ทำให้ดาบเล่มนี้ก็ระเบิดพลังดาบออกไปกว่าสิบเมตร ทำให้พื้นดินกลายเป็นร่องลึกในทันที!เรื่องนี้ทำให้พวกเขาต้องปรับความรู้ความเข้าใจใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง!พลังของดาบเล่มนี้ แม้แต่กระสุนปืนก็ยังต้านทานไม่ได้!หรือเรียกได้ว่าเร็วเกินไป เร็วกว่ากระสุนปืนเสียอีก!ในขณะที่ต้าหู่และเกาเล่อตกใจ หวังหยวนก็มีสีหน้าไม่สู้ดี!เพราะถ้าแม้แต่กระสุนปืนก็ยังเทียบไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าปืนคาบศิลาของเขาจะทำให้
โม่ชิงอีจูงมือหวังหยวนออกจากที่แห่งนั้นมายังภูเขาที่รกร้างว่างเปล่าตรงข้าม ซึ่งที่นั่นมีพื้นที่กว้างขวางโม่ชิงอียืนอยู่บนยอดเขาพลางสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหวังหยวน“เจ้ารู้ว่าข้าจะมาหาเจ้าเพื่อพูดคุยกันตามลำพัง เจ้าคาดเดาอะไรได้บ้างหรือไม่?”หลังจากที่โม่ชิงอีพูดจบ หวังหยวนก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “หลังจากที่ท่านได้อธิบายเรื่องวิชากำลังภายในให้พวกข้าฟัง ท่านก็ต้องการชักนำให้พวกข้าก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตน”“ข้าคิดว่าที่ท่านกวาดล้างหมู่บ้านหุบเขาธารสวรรค์ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิชากำลังภายในของข้าขอรับ!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ โม่ชิงอีก็ตาเป็นประกายแล้วหัวเราะออกมา“หวังหยวน เจ้าฉลาดมาก ฉลาดที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา!”“ถูกต้อง พวกเขาจะฆ่าเจ้าเพราะวิชากำลังภายใน!”หวังหยวนสูดลมหายใจเข้าลึก เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย!ดูเหมือนว่าวิชากำลังภายในนี้จะมีบางอย่างผิดปกติ!ในเวลานี้โม่ชิงอีหันมามองหวังหยวนด้วยสีหน้าจริงจัง“หวังหยวน ที่จริงแล้วข้าอยากบอกเจ้าว่าข้าโกหกเจ้า ข้าหลอกลวงเจ้า ตำราฝึกยุทธ์ที่ข้าให้เจ้าไป ข้ามีเจตนาแอบแฝง และ... จะผ
“แม้แต่ข้าก็ยังมองไม่เห็น ดังนั้น... ข้าจึงคิดว่า... บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตา!”โม่ชิงอีพูดมาถึงตรงนี้ก็สูดลมหายใจเข้าลึกพูดตามจริงแล้ว ในตอนนั้นเขาก็แค่เดิมพันไปเรื่อยเปื่อย ไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จ!หวังหยวนสามารถฝึกได้จริง ๆเรื่องนี้เขาไม่คาดคิดเลย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องนี้มีความหมายต่อเชียนหลงมาก!“เป็นอย่างนั้นเอง...”หวังหยวนพยักหน้า เขาเข้าใจแล้วที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้“ดังนั้น...ที่เทียนไว่เทียนไล่ล่าข้า ก็เพราะข้าฝึกวิชากำลังภายในนี้ จึงต้องการจะกำจัดข้าตั้งแต่ยังไม่ทันได้เติบโตใช่หรือไม่?”“เทียนไว่เทียนคงไม่โง่เขลาถึงเพียงนั้นกระมัง หากข้าเก่งกาจมากขึ้นจริง ๆ ข้าก็จะไม่หันกลับไปโจมตีเทียนไว่เทียน!”“ยิ่งไปกว่านั้น คือท่านกับเชียนหลงมีความสัมพันธ์กัน อย่างน้อยข้ากับนางก็เป็นสหายกัน”“ที่เรียกว่ามีเพื่อนเพิ่มขึ้นก็เหมือนมีหนทางเพิ่มขึ้น นี่... เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? ฆ่าข้า... แล้วจะได้อะไร?”หวังหยวนไม่เข้าใจ เพียงเพราะเขาฝึกวิชาของพวกเขางั้นหรือ?หากเป็นเขา หวังหยวนจะไม่มีทางโกรธอย่างแน่นอน แต่จะดึงคนผู้นั้นมาเป็นพวกด้วยซ้ำ!เพราะเขารู้แล้วว่า
เมื่อหวังหยวนได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ!วิธีร่วมสังวาส!นี่มัน...สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องนี้เอง!ใครจะไปคิดว่าเป็นวิธีร่วมสังวาส!ทว่าหวังหยวนก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “พี่ชิงอี โปรดอย่าล้อข้าเล่นเลยขอรับ วิธีร่วมสังวาสหรือ? เชียนหลงเป็นถึงบุตรสาวของตระกูลเสวี่ย แห่งเทียนไว่เทียน นางมีฐานะสูงส่ง ข้าเองรู้ตัวดีว่าตนเองมีสถานะอย่างไรขอรับ”“อีกอย่างคือต่อให้ข้าเต็มใจ แต่นางจะเต็มใจหรือไม่ก็ยังไม่รู้”หลังจากที่พูดจบแล้ว โม่ชิงอีก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ารู้จักเชียนหลงดีกว่าข้าหรืออย่างไร?”“เช่นนั้นข้าจะบอกข่าวอีกอย่างให้เจ้ารู้ดีกว่า ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นคนฆ่าคนเหล่านี้ แต่กลับเป็นนางที่แบกรับบาปไว้เอง โดยบอกคนอื่นว่านางเป็นคนฆ่า!”“และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือนางเป็นคนบอกให้ข้าฆ่า!”เมื่อได้ฟังคำพูดของโม่ชิงอี หวังหยวนก็ตกใจ!“อะไรนะ? ท่านว่าอย่างไรนะ? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”เขาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เชียนหลงเป็นคนฉลาดมาโดยตลอด นางจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?เขาไม่เข้าใจ!“ความรู้สึกที่เชียนหลงมีต่อเจ้านั้นไม่มากก็น้อย เขาว่ากันว่านายทัพโกรธเกศาชั
นี่หมายความว่าอะไร?หรือว่าพวกเขาจะก่อให้เกิดความวุ่นวายภายใน?“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเดาอะไรออกแล้ว ใช่แล้ว เทียนไว่เทียนและซานไว่ซานอาจจะต้องก่อสงครามนองเลือดอีกครั้งเหมือนเมื่อพันปีก่อน!”เมื่อโม่ชิงอีพูดถึงตรงนี้ แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า!พูดตามจริงแล้ว เรื่องเช่นนี้ช่างโหดเหี้ยมและเจ็บปวดนักตราบใดที่เป็นสงครามก็จะไม่มีผู้แพ้หรือผู้ชนะ เพราะไม่มีใครที่จะชนะได้อย่างแท้จริง!เมื่อถึงเวลานั้น ทุกฝ่ายก็จะพ่ายแพ้ทั้งสิ้น มิฉะนั้นก็คงจะไม่มีสงครามที่เทียนซานเมื่อพันปีก่อน!“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งนี้ เรื่องที่ข้าให้ตำราฝึกยุทธ์กับเจ้า เรื่องนี้... ข้าแอบจัดการเองโดยไม่มีใครรู้ แต่เหตุใดถึงมีคนรู้ เรื่องนี้ข้าก็คิดไม่ตก!”โม่ชิงอีถอนหายใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เหมือนกับหินก้อนหนึ่งที่กดทับหน้าอกของเขาไว้ ทำให้เขาหายใจไม่ออกพูดตามจริงแล้ว การให้ตำราฝึกยุทธ์กับหวังหยวนเป็นจุดสำคัญที่สุดที่ทำให้หวังหยวนตกอยู่ในวิกฤต!เดิมทีเขาตั้งใจให้หวังหยวนแอบฝึกฝน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะพาหวังหยวนเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ และแอบร่วมรักกับเชียนหลง เพื่อช่วยนางรักษาอาการหนาวเย็นในร่างกาย
เมื่อโม่ชิงอีพูดจบแล้ว ก็หันไปมองหวังหยวนแล้วพูดต่อ“ตระกูลเสวี่ย ถึงแม้จะเป็นตระกูลผู้นำของเทียนไว่เทียน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บุคลากรก็ลดน้อยลง การต่อสู้ภายในก็รุนแรงมาก ลูกชายของตระกูลเสวี่ยไม่ว่าจะเป็นคนใดหรือทายาทคนใดก็ล้วนแต่โลภมาก”“เชียนหลง... เป็นเด็กดีและเป็นลูกศิษย์ของข้า ในใจข้าก็หวังให้นางมีความสุข”“อาจจะถึงขั้นที่ข้าอยากให้นางออกจากเทียนไว่เทียน แต่นาง... สถานะของนางนั้นมีความสำคัญมาก สำหรับนางแล้ว มีสองด่านที่ส่งผลกับความเป็นความตาย”“ด่านหนึ่งคือโรคหนาวเย็นในร่างกาย!”“อีกด่านหนึ่งคือความเป็นความตายในการประลองเทียนซาน!”“หากผ่านสองด่านนี้ไปได้ ข้าจะให้นางออกห่างจากเทียนไว่เทียน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”“น่าเสียดายที่สองด่านนี้ยากเกินไป”หลังจากพูดจบประโยคนี้ หวังหยวนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า“ว่าแต่คนของตระกูลปิงนั่นเป็นอัจฉริยะจริงหรือขอรับ?”หวังหยวนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่ชิงอีก็ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า“เป็นอัจฉริยะ หญิงสาวนามว่าปิงหว่านโหรวผู้นี้เป็นอัจฉริยะโดยกำเนิด เพราะมีรากฐานที่ยอดเยี่ยมมาตั้งแต่เกิด”“แต่เชียนหลง
นี่มัน...จะสุดยอดเกินไปแล้ว!“เจ้าต้องไปถึงขั้นปรมาจารย์เท่านั้นจึงจะช่วยเชียนหลงได้ สามเดือนนี้ ข้าจะฝึกฝนเจ้าอย่างหนักหน่วง ต้องเชื่อใจข้า เชื่อใจตัวเจ้าเอง และหากต้องการเคล็ดวิชามหาสุริยันนี้ ตราบใดที่เจ้าสามารถอดทนได้ ภายในสามเดือน เจ้าก็จะเหมือนหลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์!”โม่ชิงอีมีความมั่นใจมาก!เขาเชื่อว่าหวังหยวนก็มีความมั่นใจเช่นกัน!“สามเดือน? เหตุใดต้องสามเดือนขอรับ?”หวังหยวนรู้สึกแปลกใจขึ้นมาหลังจากสามเดือนนี้ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น!“เรื่องนี้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะบอกเจ้าเอง”“ความจริงแล้วเรื่องที่บอกเจ้าไปในวันนี้ส่วนใหญ่ เชียนหลงเป็นคนให้ข้ามาบอกเจ้า”“นางอยากจะบอกกับเจ้าด้วยตัวเอง แต่ไม่มีโอกาสแล้ว”“นางต้องกลับไปยังเทียนไว่เทียนเพื่อถ่วงเวลาให้เจ้า!”“นางให้ข้าบอกเจ้าว่าให้เจ้าเลือกเอง หากเจ้าเลือกที่จะช่วยนาง สามเดือนนี้คือสามเดือนที่ข้าจะช่วยเจ้าพัฒนาความแข็งแกร่ง”“แต่หากเจ้าไม่เลือกที่จะช่วยนาง นางก็จะไม่เกลียดท่าน แล้วข้าก็จะรีบกลับไปอยู่ข้างนางทันที จากนั้นนางก็จะช่วยเจ้าจัดการเรื่องต่าง ๆ ต่อไป”“หรือแม้แต่... นางอาจจะ