หลังจากที่โม่ชิงอีกล่าวจบก็สะบัดนิ้วทันที พลังลมปราณพุ่งออกไปฉับพลัน!ทันใดนั้นแผ่นหินด้านข้างก็กลายเป็นรูในทันใด!ทั้งสามคนที่เห็นภาพนี้ต่างก็ตะลึงงัน!ใช้พลังด้วยการสะบัดนิ้วเบา ๆ เพียงครั้งเดียว!ก็เจาะทะลุแผ่นหินได้!ถ้าสะบัดนิ้วใส่หัวใครสักคนจะไม่ทำให้หัวแตกกระจายไปเลยหรือ!“นี่คือการปล่อยพลังปราณภายในออกไป พลังปราณไม่เพียงแค่กักเก็บอยู่ในร่างกายเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้นอกร่างกายได้อีกด้วย ส่วนจะไกลแค่ไหน แข็งแกร่งแค่ไหน นั่นก็ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของแต่ละขั้น!”“แบ่งเป็นสามขั้นตอน ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง โดยพิจารณาจากความเข้มข้นของพลังปราณ!”“ตามตำรานั้นปรมาจารย์ขั้นสูงย่อมแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็มีอัจฉริยะบางคนที่พรสวรรค์ล้ำเลิศ แม้จะอยู่ในปรมาจารย์ขั้นกลาง แต่ก็สามารถต่อสู้กับปรมาจารย์ขั้นสูงได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก”โม่ชิงอีกล่าวจบก็ยกยิ้มจาง แล้วมองไปที่ทั้งสามคน“ที่ข้าเพิ่งพูดไป เข้าใจกันหรือไม่?”หวังหยวนและคนอื่น ๆ ย่อมเข้าใจเพราะเขาสาธิตให้เห็นแล้วถ้าไม่เข้าใจก็คงจะโง่เขลาเกินไปแล้วกระมัง?“ไม่นึกเลยว่าวิชานี้จะมีขั้นตอนเช่นนี้ ข้า... ข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
“เหมือนกับเจตจำนงแห่งดาบ เหมือนกับเจตจำนงแห่งการฆ่า!”“ขอบเขตนั้นลึกลับมาก บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถก้าวข้ามได้ บางคนก็เข้าใจแจ่มแจ้งได้ในชั่วข้ามคืน”“ขั้นสวรรค์ทดสอบความสามารถในการรับรู้โดยกำเนิดที่แท้จริง”เมื่อโม่ชิงอีกล่าวจบ เขาก็โบกมือไปที่หนึ่ง ทันใดนั้นดาบราชวงศ์ถังในมือของต้าหู่ก็สั่น แล้วพลังปราณก็ดูดเข้ามา ดาบราชวงศ์ถังจึงตกไปอยู่ในมือของโม่ชิงอี!“นี่... นี่คือเจตจำนง!”เมื่อพูดจบเขาก็สะบัดดาบเบา ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากดาบ!พลังดาบอันรุนแรงพวยพุ่งออกมา!“ดาบเล่มนี้... มีเจตจำนงแห่งการฆ่า!”เมื่อโม่ชิงอีพูดจบก็เคลื่อนไหวโดยไร้เสียง จากนั้นฟันดาบออกไปอย่างรุนแรง!ทำให้ดาบเล่มนี้ก็ระเบิดพลังดาบออกไปกว่าสิบเมตร ทำให้พื้นดินกลายเป็นร่องลึกในทันที!เรื่องนี้ทำให้พวกเขาต้องปรับความรู้ความเข้าใจใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง!พลังของดาบเล่มนี้ แม้แต่กระสุนปืนก็ยังต้านทานไม่ได้!หรือเรียกได้ว่าเร็วเกินไป เร็วกว่ากระสุนปืนเสียอีก!ในขณะที่ต้าหู่และเกาเล่อตกใจ หวังหยวนก็มีสีหน้าไม่สู้ดี!เพราะถ้าแม้แต่กระสุนปืนก็ยังเทียบไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าปืนคาบศิลาของเขาจะทำให้
โม่ชิงอีจูงมือหวังหยวนออกจากที่แห่งนั้นมายังภูเขาที่รกร้างว่างเปล่าตรงข้าม ซึ่งที่นั่นมีพื้นที่กว้างขวางโม่ชิงอียืนอยู่บนยอดเขาพลางสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหวังหยวน“เจ้ารู้ว่าข้าจะมาหาเจ้าเพื่อพูดคุยกันตามลำพัง เจ้าคาดเดาอะไรได้บ้างหรือไม่?”หลังจากที่โม่ชิงอีพูดจบ หวังหยวนก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “หลังจากที่ท่านได้อธิบายเรื่องวิชากำลังภายในให้พวกข้าฟัง ท่านก็ต้องการชักนำให้พวกข้าก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตน”“ข้าคิดว่าที่ท่านกวาดล้างหมู่บ้านหุบเขาธารสวรรค์ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิชากำลังภายในของข้าขอรับ!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ โม่ชิงอีก็ตาเป็นประกายแล้วหัวเราะออกมา“หวังหยวน เจ้าฉลาดมาก ฉลาดที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา!”“ถูกต้อง พวกเขาจะฆ่าเจ้าเพราะวิชากำลังภายใน!”หวังหยวนสูดลมหายใจเข้าลึก เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย!ดูเหมือนว่าวิชากำลังภายในนี้จะมีบางอย่างผิดปกติ!ในเวลานี้โม่ชิงอีหันมามองหวังหยวนด้วยสีหน้าจริงจัง“หวังหยวน ที่จริงแล้วข้าอยากบอกเจ้าว่าข้าโกหกเจ้า ข้าหลอกลวงเจ้า ตำราฝึกยุทธ์ที่ข้าให้เจ้าไป ข้ามีเจตนาแอบแฝง และ... จะผ
“แม้แต่ข้าก็ยังมองไม่เห็น ดังนั้น... ข้าจึงคิดว่า... บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตา!”โม่ชิงอีพูดมาถึงตรงนี้ก็สูดลมหายใจเข้าลึกพูดตามจริงแล้ว ในตอนนั้นเขาก็แค่เดิมพันไปเรื่อยเปื่อย ไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จ!หวังหยวนสามารถฝึกได้จริง ๆเรื่องนี้เขาไม่คาดคิดเลย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องนี้มีความหมายต่อเชียนหลงมาก!“เป็นอย่างนั้นเอง...”หวังหยวนพยักหน้า เขาเข้าใจแล้วที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้“ดังนั้น...ที่เทียนไว่เทียนไล่ล่าข้า ก็เพราะข้าฝึกวิชากำลังภายในนี้ จึงต้องการจะกำจัดข้าตั้งแต่ยังไม่ทันได้เติบโตใช่หรือไม่?”“เทียนไว่เทียนคงไม่โง่เขลาถึงเพียงนั้นกระมัง หากข้าเก่งกาจมากขึ้นจริง ๆ ข้าก็จะไม่หันกลับไปโจมตีเทียนไว่เทียน!”“ยิ่งไปกว่านั้น คือท่านกับเชียนหลงมีความสัมพันธ์กัน อย่างน้อยข้ากับนางก็เป็นสหายกัน”“ที่เรียกว่ามีเพื่อนเพิ่มขึ้นก็เหมือนมีหนทางเพิ่มขึ้น นี่... เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? ฆ่าข้า... แล้วจะได้อะไร?”หวังหยวนไม่เข้าใจ เพียงเพราะเขาฝึกวิชาของพวกเขางั้นหรือ?หากเป็นเขา หวังหยวนจะไม่มีทางโกรธอย่างแน่นอน แต่จะดึงคนผู้นั้นมาเป็นพวกด้วยซ้ำ!เพราะเขารู้แล้วว่า
เมื่อหวังหยวนได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ!วิธีร่วมสังวาส!นี่มัน...สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องนี้เอง!ใครจะไปคิดว่าเป็นวิธีร่วมสังวาส!ทว่าหวังหยวนก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “พี่ชิงอี โปรดอย่าล้อข้าเล่นเลยขอรับ วิธีร่วมสังวาสหรือ? เชียนหลงเป็นถึงบุตรสาวของตระกูลเสวี่ย แห่งเทียนไว่เทียน นางมีฐานะสูงส่ง ข้าเองรู้ตัวดีว่าตนเองมีสถานะอย่างไรขอรับ”“อีกอย่างคือต่อให้ข้าเต็มใจ แต่นางจะเต็มใจหรือไม่ก็ยังไม่รู้”หลังจากที่พูดจบแล้ว โม่ชิงอีก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ารู้จักเชียนหลงดีกว่าข้าหรืออย่างไร?”“เช่นนั้นข้าจะบอกข่าวอีกอย่างให้เจ้ารู้ดีกว่า ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นคนฆ่าคนเหล่านี้ แต่กลับเป็นนางที่แบกรับบาปไว้เอง โดยบอกคนอื่นว่านางเป็นคนฆ่า!”“และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือนางเป็นคนบอกให้ข้าฆ่า!”เมื่อได้ฟังคำพูดของโม่ชิงอี หวังหยวนก็ตกใจ!“อะไรนะ? ท่านว่าอย่างไรนะ? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”เขาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เชียนหลงเป็นคนฉลาดมาโดยตลอด นางจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?เขาไม่เข้าใจ!“ความรู้สึกที่เชียนหลงมีต่อเจ้านั้นไม่มากก็น้อย เขาว่ากันว่านายทัพโกรธเกศาชั
นี่หมายความว่าอะไร?หรือว่าพวกเขาจะก่อให้เกิดความวุ่นวายภายใน?“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเดาอะไรออกแล้ว ใช่แล้ว เทียนไว่เทียนและซานไว่ซานอาจจะต้องก่อสงครามนองเลือดอีกครั้งเหมือนเมื่อพันปีก่อน!”เมื่อโม่ชิงอีพูดถึงตรงนี้ แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า!พูดตามจริงแล้ว เรื่องเช่นนี้ช่างโหดเหี้ยมและเจ็บปวดนักตราบใดที่เป็นสงครามก็จะไม่มีผู้แพ้หรือผู้ชนะ เพราะไม่มีใครที่จะชนะได้อย่างแท้จริง!เมื่อถึงเวลานั้น ทุกฝ่ายก็จะพ่ายแพ้ทั้งสิ้น มิฉะนั้นก็คงจะไม่มีสงครามที่เทียนซานเมื่อพันปีก่อน!“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งนี้ เรื่องที่ข้าให้ตำราฝึกยุทธ์กับเจ้า เรื่องนี้... ข้าแอบจัดการเองโดยไม่มีใครรู้ แต่เหตุใดถึงมีคนรู้ เรื่องนี้ข้าก็คิดไม่ตก!”โม่ชิงอีถอนหายใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เหมือนกับหินก้อนหนึ่งที่กดทับหน้าอกของเขาไว้ ทำให้เขาหายใจไม่ออกพูดตามจริงแล้ว การให้ตำราฝึกยุทธ์กับหวังหยวนเป็นจุดสำคัญที่สุดที่ทำให้หวังหยวนตกอยู่ในวิกฤต!เดิมทีเขาตั้งใจให้หวังหยวนแอบฝึกฝน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะพาหวังหยวนเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ และแอบร่วมรักกับเชียนหลง เพื่อช่วยนางรักษาอาการหนาวเย็นในร่างกาย
เมื่อโม่ชิงอีพูดจบแล้ว ก็หันไปมองหวังหยวนแล้วพูดต่อ“ตระกูลเสวี่ย ถึงแม้จะเป็นตระกูลผู้นำของเทียนไว่เทียน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บุคลากรก็ลดน้อยลง การต่อสู้ภายในก็รุนแรงมาก ลูกชายของตระกูลเสวี่ยไม่ว่าจะเป็นคนใดหรือทายาทคนใดก็ล้วนแต่โลภมาก”“เชียนหลง... เป็นเด็กดีและเป็นลูกศิษย์ของข้า ในใจข้าก็หวังให้นางมีความสุข”“อาจจะถึงขั้นที่ข้าอยากให้นางออกจากเทียนไว่เทียน แต่นาง... สถานะของนางนั้นมีความสำคัญมาก สำหรับนางแล้ว มีสองด่านที่ส่งผลกับความเป็นความตาย”“ด่านหนึ่งคือโรคหนาวเย็นในร่างกาย!”“อีกด่านหนึ่งคือความเป็นความตายในการประลองเทียนซาน!”“หากผ่านสองด่านนี้ไปได้ ข้าจะให้นางออกห่างจากเทียนไว่เทียน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”“น่าเสียดายที่สองด่านนี้ยากเกินไป”หลังจากพูดจบประโยคนี้ หวังหยวนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า“ว่าแต่คนของตระกูลปิงนั่นเป็นอัจฉริยะจริงหรือขอรับ?”หวังหยวนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่ชิงอีก็ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า“เป็นอัจฉริยะ หญิงสาวนามว่าปิงหว่านโหรวผู้นี้เป็นอัจฉริยะโดยกำเนิด เพราะมีรากฐานที่ยอดเยี่ยมมาตั้งแต่เกิด”“แต่เชียนหลง
นี่มัน...จะสุดยอดเกินไปแล้ว!“เจ้าต้องไปถึงขั้นปรมาจารย์เท่านั้นจึงจะช่วยเชียนหลงได้ สามเดือนนี้ ข้าจะฝึกฝนเจ้าอย่างหนักหน่วง ต้องเชื่อใจข้า เชื่อใจตัวเจ้าเอง และหากต้องการเคล็ดวิชามหาสุริยันนี้ ตราบใดที่เจ้าสามารถอดทนได้ ภายในสามเดือน เจ้าก็จะเหมือนหลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์!”โม่ชิงอีมีความมั่นใจมาก!เขาเชื่อว่าหวังหยวนก็มีความมั่นใจเช่นกัน!“สามเดือน? เหตุใดต้องสามเดือนขอรับ?”หวังหยวนรู้สึกแปลกใจขึ้นมาหลังจากสามเดือนนี้ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น!“เรื่องนี้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะบอกเจ้าเอง”“ความจริงแล้วเรื่องที่บอกเจ้าไปในวันนี้ส่วนใหญ่ เชียนหลงเป็นคนให้ข้ามาบอกเจ้า”“นางอยากจะบอกกับเจ้าด้วยตัวเอง แต่ไม่มีโอกาสแล้ว”“นางต้องกลับไปยังเทียนไว่เทียนเพื่อถ่วงเวลาให้เจ้า!”“นางให้ข้าบอกเจ้าว่าให้เจ้าเลือกเอง หากเจ้าเลือกที่จะช่วยนาง สามเดือนนี้คือสามเดือนที่ข้าจะช่วยเจ้าพัฒนาความแข็งแกร่ง”“แต่หากเจ้าไม่เลือกที่จะช่วยนาง นางก็จะไม่เกลียดท่าน แล้วข้าก็จะรีบกลับไปอยู่ข้างนางทันที จากนั้นนางก็จะช่วยเจ้าจัดการเรื่องต่าง ๆ ต่อไป”“หรือแม้แต่... นางอาจจะ
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น