“งานประชุมกวีติ้งหลงไถ!”หลังจากได้รับบัตรเชิญ หวังหยวนก็เปิดมันออกแล้วส่ายหน้า “ข้าไม่สนใจงานประชุมกวี!”ในตอนปลายของราชวงศ์จิน เป็นช่วงที่เริ่มมีภัยพิบัติร้ายแรงเกิดขึ้น ฮ่องเต้องค์แรกของต้าเย่ต่อสู้นอกเมืองจิ่วซาน และเอาชนะคู่แข่งศัตรูได้ จากนั้นก็ใช้อำนาจสถาปนาจักรวรรดิ!หลังจากได้รับชัยชนะ เขาได้แต่งบทกวีจากสนามรบ ต่อมาขุนนางเมืองจิ่วซานได้สร้างชมรมที่เรียกว่าติ้งหลงไถ แล้วเรียกประชุมบัณฑิตทั่วเมืองมาเพื่อจัดงานประชุมกวี ซึ่งสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นในที่สุด ด้วยการมีส่วนร่วมของราชวงศ์ อุปสรรคในการเข้าร่วมก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆตอนแรกบัณฑิตทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้ และค่อย ๆ เลื่อนเงื่อนไขเป็นบัณทิตถงเซิน ซิ่วไฉ และสุดท้ายคือจู่เหรินใครก็ตามที่เปล่งประกายในงานประชุมกวีติ้งหลงไถ จะมีชื่อเสียงไปทั่วแคว้น และอาจได้รับการสนับสนุนจากบัณฑิตผู้รอบรู้ และขุนนางชั้นสูงอีกด้วยนี่คืองานในฝันของบัณฑิต!แต่สำหรับหวังหยวน เขาไม่สนใจการประชุมกวีประเภทนี้ ไม่ต้องพูดถึงการคบค้าสมาคมกับพวกบัณฑิตขั้นสูงจิ้นซื่อหากอยู่กับคนพวกนี้รู้ เขาพูดแทบไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ!จ้าวเว่ยหมินยิ้มฝืดเฝื่อน “ท่านเป็
“ให้ข้าดูหน่อย!”หวังหยวนหยิบแผนที่ขึ้นมาแผนที่ขนาดเล็กแสดงเส้นทางที่ทอดจากเมืองฝูไปยังเมืองจิ่วซาน โดยมีการทำเครื่องหมายระบุเมือง ตลาด แม่น้ำ ภูเขา ถนนบนที่ราบ ถนนบนภูเขา โรงเตี๊ยมทั้งใหญ่และเล็กระบุไว้ดูเหมือนเป็นการวาดแบบคร่าว ๆ ที่หยาบมาก!สีหน้าขององครักษ์สวี่เปลี่ยนไป เมื่อเขาเห็นจ้าวเว่ยหมินหันหลังเดินออกไป เขาก็ก้มหน้าลง ไม่พูดอะไรเลย!แผนที่เป็นของเถื่อนในหมู่ประชาชน พลเรือนไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บและวาดเป็นการส่วนตัว!พ่อค้าสามารถวาดแผนที่ง่าย ๆ ได้ แต่เป็นเพียงเส้นทางการค้าขาย และการขนส่งสินค้าเท่านั้นแผนที่ที่เขาใช้สำหรับข้าราชการ มีรายละเอียดมากกว่าที่พ่อค้าใช้ และดูง่ายกว่าที่กองทัพใช้!พูดตามหลักเหตุผล คนธรรมดาก็ไม่อนุญาตให้ดูเช่นกัน!แต่นายใหญ่แสร้งทำเป็นไม่เห็น เขาจึงทำได้แค่แสร้งทำเป็นไม่เห็นเช่นกันหลังจากที่หวังหยวนอ่านแผนที่เสร็จ เขาก็จดจำมันได้ทั้งหมดและส่งคืน!องครักษ์สวี่รับแผนที่มา แล้วเริ่มเตือนอีกครั้ง “หากท่านไปที่เมืองจิ่วซานจริง ๆ ก็มีสิ่งที่ควรระวังอีก เพราะนอกเหนือจากกลุ่มโจรกลุ่มใหญ่แล้ว ยังมีกลุ่มโจรกลุ่มเล็ก ๆ อยู่บนเส้นทางนั้นด้วย ดีที่สุ
“ขอบคุณขอรับท่าน!”จ้าวเว่ยหมินถือสบู่เจ็ดก้อน พลางขมวดคิ้ว ท่านมอบสบู่กองหนึ่งให้ข้า แล้วบอกให้ข้ามอบให้คนใต้บัญชา คำพูดนี้ต้องมีความหมายลึกซึ้งใช่หรือไม่? จะให้ข้าลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับล่าง เพื่อหยุดการขู่กรรโชกคนหรือ! ใช่ การปกครองบ้านเมืองก็เหมือนกับการปกครองผู้ใต้บัญชา เจ้าหน้าที่ปกครองบ้านเมือง และนำความสงบสุขมาสู่โลก นี่คงเป็นสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อสินะ! ท่านไม่ต้องกังวลขอรับ ข้าจะจัดการอบรมพวกข้าราชการ และนำความสงบสุขมาสู่ประชาชนเองขอรับ!เมื่อเห็นทั้งสองคนออกไป หวังหยวนก็ถอนหายใจจ้าวเว่ยหมินเป็นคนซื่อสัตย์ เขาปล่อยให้คนรอบตัวเขาทำงาน โดยไม่ให้หาผลประโยชน์พิเศษใด ๆข้าราชการระดับล่างก็ต้องเลี้ยงดูครอบครัวตัวเอง ดังนั้นการให้สบู่สักสองสามก้อน ก็สามารถเอาชนะใจผู้คนได้ลุงตกตะลึง “หยวน หยวนเอ๋อร์ คนเมื่อครู่นี้เป็นใคร!”ในฐานะช่างตีเหล็ก “ข้าราชการ” ที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเจอคือเสมียนในโรงงาน ในหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยเจอหัวหน้าเจ้าของโรงงานด้วยซ้ำ!เขาไม่กล้าคิดถึงตัวตนของชายวัยกลางคน ที่เป็นบุคคลสำคัญในการปกครองเมือง“ท่านพ่อ ยังต้องถามอีกหรือเจ้าคะ! คนที่ถือดาบคือองครั
จ้าวเว่ยหมินสวมชุดสีเขียว และจู่เป๋าหม่าสวมชุดสีน้ำเงิน ทั้งสองเข้ามาในห้องโถงจากด้านหลังทีละคน!ระบบเครื่องขุนนางของต้าเย่นั้น ระดับแปดหรือเก้าเป็นสีน้ำเงิน ระดับหกหรือเจ็ดเป็นสีเขียว ระดับสี่หรือห้าเป็นสีแดง ระดับสามขึ้นไปเป็นสีม่วง เสื้อคลุมมังกรของฮ่องเต้ก็จะมีลวดลายอลังการมากที่สุด ลำดับชั้นมีความเข้มงวด สีเครื่องแต่งกาย สามารถแยกแยะลำดับของตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว!“ทำความเคารพท่านผู้พิพากษาและท่านจู่เป๋า!”ทุกคนคุกเข่าทำความเคารพ!แม้ว่าพ่อค้าจะร่ำรวย แต่พวกเขาก็มีสถานะต่ำที่สุด จึงต้องคุกเข่าลงเมื่อเจอผู้พิพากษากัวฉางก็คุกเข่าลงบนพื้น หัวใจของเขาเต้นรัวไม่ต้องพูดถึงขุนนางระดับสูงเช่นนี้เลย แม้แต่เจ้าหน้าที่อาวุโส หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้นำตระกูล และข้าราชการระดับล่าง เขาก็เคยคุกเข่าให้มาแล้วทั้งนั้น!นายน้อยเคยกล่าวไว้ว่าไม่ควรคุกเข่าให้ใคร นอกจากพ่อแม่ นักปราชญ์ และเทพเจ้าเช้านี้นายน้อยเรียกพวกเขาทั้งสี่คนไป และถามว่าใครยินดีจะไปจัดการเรื่องใบอนุญาตค้าเกลือให้เขาเขาและเอ้อหู่ลุกขึ้นพร้อมกัน และนายน้อยก็มอบภารกิจนี้ให้เขา!“ไม่ต้องพิธีรีตอง!”จ้าวเว่ยหมินนั่งลงทางด้านขว
แต่หากนางขาดทุนมากเกินไป นางจะไม่เข้าร่วม การขายเกลือต้องใช้กำลังคนจำนวนมากเมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งได้สบู่มา และจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะขายในเมืองจิ่วซาน โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวแทนของเมือง!ตระกูลหูขาดแคลนกำลังคน หากขาดทุนจากการขายเกลือมากเกินไป ก็ไม่คุ้มที่จะรับสมัครคน“หลานสาวเมิ่งอิ๋งกล้าหาญยิ่งนัก!”โจวฉางฟู่กำหมัดแน่น และหัวเราะเบา ๆ “ลุงผู้นี้ยอมรับในความกล้าหาญ เช่นนั้นข้าจะเพิ่มอีกหนึ่งอีแปะ!”ถึงปีหน้าจะขาดทุน แต่ก็ยังต้องได้ใบอนุญาตค้าเกลือ เพื่อหาลู่ทางพิเศษให้กับครอบครัว!“ยี่สิบเอ็ดอีแปะแล้ว!”“นายท่านโจวกล้าหาญมาก!”“ขอแสดงความยินดีกับตระกูลโจว!”พ่อค้ามากกว่าสิบคนปรบมือแสดงความยินดีกับเขา โดยเชื่อว่าตระกูลโจวได้รับใบอนุญาตค้าเกลือแล้วโจวฉางฟู่หัวเราะ และตอบแทนด้วยการเหลือบมองเล็กน้อย!จู่เป๋าหม่าป๋อพูดทันที “หากไม่มีใครประมูลอีก ใบอนุญาตค้าเกลือจะตกเป็นของตระกูลโจว”จากนั้นกัวฉางจึงพูด “ตระกูลหวังจ่ายยี่สิบสองอีแปะ!”ในเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ของเมืองฝู ไม่มีตระกูลใหญ่ชื่อหวัง โจวฉางฟู่ขมวดคิ้ว “ตระกูลหวังอยู่ที่ไหน?”กัวฉางเงยหน้าขึ้นตอบ “ตำบลเป่ยผิง หมู่บ้า
“ในเมื่อเจ้านายของเจ้าพูดเช่นนั้น ตระกูลโจวก็จะมอบใบอนุญาตค้าเกลือให้กับตระกูลหวัง!”โจวฉางฟู่พ่นลมหายใจและหันกลับไป หูเมิ่งอิ๋งและพ่อค้าอีกกว่าสิบคนก็จากไปเช่นกัน!กัวฉางส่งมอบทองคำ ฝ่ายราชการเขียนใบรับรอง และการประมูลใบอนุญาตค้าเกลือสิ้นสุดลง!เมื่อมาถึงนอกที่ทำการฝ่ายราชการประจำเขต กัวฉางก็เดินไปที่รถม้า แล้วยื่นใบอนุญาตค้าเกลือให้!“ก้าวหน้าร่ำรวย เมืองจิ่วซาน เฟ่ยชาง หยานจิ่ง เมืองฝู หนึ่งแสนจิน!”หวังหยวนหยิบใบอนุญาตค้าเกลือขึ้นมา ดูนอกจากการเขียนแล้วยังมีตราประทับอีกด้วยลุงเบิกตากว้าง “ทั้งเมืองของเรากินเกลือทั้งปี เราต้องผลิตเกลือกันมากเท่าใด?”“ท่านพี่ นำมาให้ข้าดูหน่อยสิ!”จ้าวชิงเหอเช็ดมือขาวให้สะอาด เพราะกลัวว่าใบอนุญาตค้าเกลือจะเปื้อนหวังหยวนยื่นใบอนุญาตค้าเกลือให้!จ้าวชิงเหอพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อ ลูกพี่ลูกน้องของข้ากลายเป็นพ่อค้าเกลือแล้ว จากนี้ไป ลูกพี่ลูกน้องของข้าจะขายเกลือทั้งหมดในเมืองฝู ลูกพี่ลูกน้องของข้าจะรวยแล้ว!”“ฮ่าฮ่า!”ลุงก็หัวเราะด้วยความดีใจ!การเป็นพ่อค้าเกลือนั้น แม้แต่เศรษฐีตระกูลจ้าวก็ไม่อาจเป็นได้!ตอนนี้หลานชายได้เป็นพ่อค้าเกลือแล
“เจ้าไม่เข้าใจ!”หวังหยวนขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจแม่สาวน้อยคนนี้ จึงหันหน้าไปทางอื่นได้เจอหูเมิ่งอิ๋งสองครั้งติดต่อกันนางไม่เพียงแต่เข้าใจการบริหารจัดการเท่านั้น แต่นางยังมีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย นางเป็นคนมีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก!หากมีคนเช่นนี้มาช่วย เขาก็จะสบายใจได้หลายอย่าง“หยวนเอ๋อร์ อย่าตำหนิชิงเหอเลย!”ลุงยังกล่าวอีกว่า “คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหูผู้นั้น ไม่มีใครแตะต้องได้จริง ๆ นางฆ่าสามีไปสามคนติดต่อกัน ทุกคนในเมืองรู้เรื่องนี้ดี บางคนบอกว่านางเป็นปีศาจจิ้งจอก บางคนบอกว่านางเป็นเทพเสือขาว แต่ใครก็ตามที่แตะต้องนางจะต้องตาย เจ้าต้องอย่าคิดฟุ้งซ่าน เจ้ามีคนเดียวพอแล้ว!”“ลุง ข้าไม่เคยเห็นหน้านางด้วยซ้ำ ข้าจะมีความคิดแปลก ๆ เช่นนั้นได้อย่างไร!”หวังหยวนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขากางแขนออก “และท่านคิดว่าข้าดูเหมือนคนเช่นนั้นหรือ!”ลุงยิ้มอ่อน!จ้าวชิงเหอเม้มปาก “เหมือน!”นอกรถม้า เอ้อหู่และสามพี่น้องกัวฉางเม้มปากกลั้นหัวเราะ!คนทั้งเจ็ดกลับไปที่ร้านตีเหล็ก อยู่ที่นั่นอีกสามวัน และทำดาบราชวงศ์ถังทั้งหมดสิบสองเล่ม ก่อนจะกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวัง!“พี่หยวนกลับมาแล้
สายตาของหวังหานซานเป็นประกาย “สิบชั้น!”แม้ว่าจะไม่ดีเท่าดาบทมิฬ แต่ก็ยังเป็นอาวุธที่ดี เหนือกว่าอาวุธทั่วไปเอ้อหู่เกาหัวแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ นี่คือดาบที่พี่หยวนสร้างขึ้น มันจะสามารถทำลายเกราะได้สิบชั้นเท่านั้นหรือ ท่านช่วยเดาให้ใกล้เคียงมากกว่านี้หน่อยได้หรือไม่”ดวงตาของหวังหานซานสั่นไหว “ยี่สิบชั้นหรือ?”ดาบทมิฬสามารถทะลวงเกราะได้ยี่สิบชั้น หากดาบนี้สามารถทำได้ ก็จะเทียบเท่า!เอ้อหู่ปิดหน้า แล้วหันกลับมา “เจ้าใช่พ่อของข้าจริงหรือเปล่า เหตุใดถึงไม่เหมือนข้าเลย ท่านไม่กล้าเอาเสียเลย เดาไม่ใกล้เคียงสักนิด!”หวังหานซานตัวสั่น “สี่ สี่สิบชั้นหรือ?”เอ้อหู่มีสีหน้าสิ้นหวัง “ท่านพ่อครับ ข้าไม่อยากคุยกับท่านแล้ว ท่านเดาไม่ถูกหลังจากเดามาตั้งนาน ท่านเอาไปลองเองเถอะ จำนวนที่ท่านเดา น่าอายเกินไปสำหรับพี่หยวน... เฮ้อ!”สายตาของหวังหานซานขุ่นเคือง เขาเก็บดาบเข้าฝัก แล้วใช้มันเป็นไม้ตีก้นเอ้อหู่ “เจ้าเด็กปากมาก ข้าจะสั่งสอนเจ้า วันนี้ข้าจะไม่เดาอีกต่อไปแล้ว ข้าจะตีเจ้าจนกว่าเจ้าจะยอมบอกข้า!”“โอ๊ย โอ๊ย ท่านพ่อ หยุดตีข้าสักที ข้าเจ็บ ข้าผิดไปแล้ว!”เอ้อหู่แยกเขี้ยว ไม่กล้าล้อเล่นอีกต่อไป
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห