“งานประชุมกวีติ้งหลงไถ!”หลังจากได้รับบัตรเชิญ หวังหยวนก็เปิดมันออกแล้วส่ายหน้า “ข้าไม่สนใจงานประชุมกวี!”ในตอนปลายของราชวงศ์จิน เป็นช่วงที่เริ่มมีภัยพิบัติร้ายแรงเกิดขึ้น ฮ่องเต้องค์แรกของต้าเย่ต่อสู้นอกเมืองจิ่วซาน และเอาชนะคู่แข่งศัตรูได้ จากนั้นก็ใช้อำนาจสถาปนาจักรวรรดิ!หลังจากได้รับชัยชนะ เขาได้แต่งบทกวีจากสนามรบ ต่อมาขุนนางเมืองจิ่วซานได้สร้างชมรมที่เรียกว่าติ้งหลงไถ แล้วเรียกประชุมบัณฑิตทั่วเมืองมาเพื่อจัดงานประชุมกวี ซึ่งสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นในที่สุด ด้วยการมีส่วนร่วมของราชวงศ์ อุปสรรคในการเข้าร่วมก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆตอนแรกบัณฑิตทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้ และค่อย ๆ เลื่อนเงื่อนไขเป็นบัณทิตถงเซิน ซิ่วไฉ และสุดท้ายคือจู่เหรินใครก็ตามที่เปล่งประกายในงานประชุมกวีติ้งหลงไถ จะมีชื่อเสียงไปทั่วแคว้น และอาจได้รับการสนับสนุนจากบัณฑิตผู้รอบรู้ และขุนนางชั้นสูงอีกด้วยนี่คืองานในฝันของบัณฑิต!แต่สำหรับหวังหยวน เขาไม่สนใจการประชุมกวีประเภทนี้ ไม่ต้องพูดถึงการคบค้าสมาคมกับพวกบัณฑิตขั้นสูงจิ้นซื่อหากอยู่กับคนพวกนี้รู้ เขาพูดแทบไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ!จ้าวเว่ยหมินยิ้มฝืดเฝื่อน “ท่านเป็
“ให้ข้าดูหน่อย!”หวังหยวนหยิบแผนที่ขึ้นมาแผนที่ขนาดเล็กแสดงเส้นทางที่ทอดจากเมืองฝูไปยังเมืองจิ่วซาน โดยมีการทำเครื่องหมายระบุเมือง ตลาด แม่น้ำ ภูเขา ถนนบนที่ราบ ถนนบนภูเขา โรงเตี๊ยมทั้งใหญ่และเล็กระบุไว้ดูเหมือนเป็นการวาดแบบคร่าว ๆ ที่หยาบมาก!สีหน้าขององครักษ์สวี่เปลี่ยนไป เมื่อเขาเห็นจ้าวเว่ยหมินหันหลังเดินออกไป เขาก็ก้มหน้าลง ไม่พูดอะไรเลย!แผนที่เป็นของเถื่อนในหมู่ประชาชน พลเรือนไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บและวาดเป็นการส่วนตัว!พ่อค้าสามารถวาดแผนที่ง่าย ๆ ได้ แต่เป็นเพียงเส้นทางการค้าขาย และการขนส่งสินค้าเท่านั้นแผนที่ที่เขาใช้สำหรับข้าราชการ มีรายละเอียดมากกว่าที่พ่อค้าใช้ และดูง่ายกว่าที่กองทัพใช้!พูดตามหลักเหตุผล คนธรรมดาก็ไม่อนุญาตให้ดูเช่นกัน!แต่นายใหญ่แสร้งทำเป็นไม่เห็น เขาจึงทำได้แค่แสร้งทำเป็นไม่เห็นเช่นกันหลังจากที่หวังหยวนอ่านแผนที่เสร็จ เขาก็จดจำมันได้ทั้งหมดและส่งคืน!องครักษ์สวี่รับแผนที่มา แล้วเริ่มเตือนอีกครั้ง “หากท่านไปที่เมืองจิ่วซานจริง ๆ ก็มีสิ่งที่ควรระวังอีก เพราะนอกเหนือจากกลุ่มโจรกลุ่มใหญ่แล้ว ยังมีกลุ่มโจรกลุ่มเล็ก ๆ อยู่บนเส้นทางนั้นด้วย ดีที่สุ
“ขอบคุณขอรับท่าน!”จ้าวเว่ยหมินถือสบู่เจ็ดก้อน พลางขมวดคิ้ว ท่านมอบสบู่กองหนึ่งให้ข้า แล้วบอกให้ข้ามอบให้คนใต้บัญชา คำพูดนี้ต้องมีความหมายลึกซึ้งใช่หรือไม่? จะให้ข้าลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับล่าง เพื่อหยุดการขู่กรรโชกคนหรือ! ใช่ การปกครองบ้านเมืองก็เหมือนกับการปกครองผู้ใต้บัญชา เจ้าหน้าที่ปกครองบ้านเมือง และนำความสงบสุขมาสู่โลก นี่คงเป็นสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อสินะ! ท่านไม่ต้องกังวลขอรับ ข้าจะจัดการอบรมพวกข้าราชการ และนำความสงบสุขมาสู่ประชาชนเองขอรับ!เมื่อเห็นทั้งสองคนออกไป หวังหยวนก็ถอนหายใจจ้าวเว่ยหมินเป็นคนซื่อสัตย์ เขาปล่อยให้คนรอบตัวเขาทำงาน โดยไม่ให้หาผลประโยชน์พิเศษใด ๆข้าราชการระดับล่างก็ต้องเลี้ยงดูครอบครัวตัวเอง ดังนั้นการให้สบู่สักสองสามก้อน ก็สามารถเอาชนะใจผู้คนได้ลุงตกตะลึง “หยวน หยวนเอ๋อร์ คนเมื่อครู่นี้เป็นใคร!”ในฐานะช่างตีเหล็ก “ข้าราชการ” ที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเจอคือเสมียนในโรงงาน ในหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยเจอหัวหน้าเจ้าของโรงงานด้วยซ้ำ!เขาไม่กล้าคิดถึงตัวตนของชายวัยกลางคน ที่เป็นบุคคลสำคัญในการปกครองเมือง“ท่านพ่อ ยังต้องถามอีกหรือเจ้าคะ! คนที่ถือดาบคือองครั
จ้าวเว่ยหมินสวมชุดสีเขียว และจู่เป๋าหม่าสวมชุดสีน้ำเงิน ทั้งสองเข้ามาในห้องโถงจากด้านหลังทีละคน!ระบบเครื่องขุนนางของต้าเย่นั้น ระดับแปดหรือเก้าเป็นสีน้ำเงิน ระดับหกหรือเจ็ดเป็นสีเขียว ระดับสี่หรือห้าเป็นสีแดง ระดับสามขึ้นไปเป็นสีม่วง เสื้อคลุมมังกรของฮ่องเต้ก็จะมีลวดลายอลังการมากที่สุด ลำดับชั้นมีความเข้มงวด สีเครื่องแต่งกาย สามารถแยกแยะลำดับของตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว!“ทำความเคารพท่านผู้พิพากษาและท่านจู่เป๋า!”ทุกคนคุกเข่าทำความเคารพ!แม้ว่าพ่อค้าจะร่ำรวย แต่พวกเขาก็มีสถานะต่ำที่สุด จึงต้องคุกเข่าลงเมื่อเจอผู้พิพากษากัวฉางก็คุกเข่าลงบนพื้น หัวใจของเขาเต้นรัวไม่ต้องพูดถึงขุนนางระดับสูงเช่นนี้เลย แม้แต่เจ้าหน้าที่อาวุโส หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้นำตระกูล และข้าราชการระดับล่าง เขาก็เคยคุกเข่าให้มาแล้วทั้งนั้น!นายน้อยเคยกล่าวไว้ว่าไม่ควรคุกเข่าให้ใคร นอกจากพ่อแม่ นักปราชญ์ และเทพเจ้าเช้านี้นายน้อยเรียกพวกเขาทั้งสี่คนไป และถามว่าใครยินดีจะไปจัดการเรื่องใบอนุญาตค้าเกลือให้เขาเขาและเอ้อหู่ลุกขึ้นพร้อมกัน และนายน้อยก็มอบภารกิจนี้ให้เขา!“ไม่ต้องพิธีรีตอง!”จ้าวเว่ยหมินนั่งลงทางด้านขว
แต่หากนางขาดทุนมากเกินไป นางจะไม่เข้าร่วม การขายเกลือต้องใช้กำลังคนจำนวนมากเมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งได้สบู่มา และจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะขายในเมืองจิ่วซาน โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวแทนของเมือง!ตระกูลหูขาดแคลนกำลังคน หากขาดทุนจากการขายเกลือมากเกินไป ก็ไม่คุ้มที่จะรับสมัครคน“หลานสาวเมิ่งอิ๋งกล้าหาญยิ่งนัก!”โจวฉางฟู่กำหมัดแน่น และหัวเราะเบา ๆ “ลุงผู้นี้ยอมรับในความกล้าหาญ เช่นนั้นข้าจะเพิ่มอีกหนึ่งอีแปะ!”ถึงปีหน้าจะขาดทุน แต่ก็ยังต้องได้ใบอนุญาตค้าเกลือ เพื่อหาลู่ทางพิเศษให้กับครอบครัว!“ยี่สิบเอ็ดอีแปะแล้ว!”“นายท่านโจวกล้าหาญมาก!”“ขอแสดงความยินดีกับตระกูลโจว!”พ่อค้ามากกว่าสิบคนปรบมือแสดงความยินดีกับเขา โดยเชื่อว่าตระกูลโจวได้รับใบอนุญาตค้าเกลือแล้วโจวฉางฟู่หัวเราะ และตอบแทนด้วยการเหลือบมองเล็กน้อย!จู่เป๋าหม่าป๋อพูดทันที “หากไม่มีใครประมูลอีก ใบอนุญาตค้าเกลือจะตกเป็นของตระกูลโจว”จากนั้นกัวฉางจึงพูด “ตระกูลหวังจ่ายยี่สิบสองอีแปะ!”ในเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ของเมืองฝู ไม่มีตระกูลใหญ่ชื่อหวัง โจวฉางฟู่ขมวดคิ้ว “ตระกูลหวังอยู่ที่ไหน?”กัวฉางเงยหน้าขึ้นตอบ “ตำบลเป่ยผิง หมู่บ้า
“ในเมื่อเจ้านายของเจ้าพูดเช่นนั้น ตระกูลโจวก็จะมอบใบอนุญาตค้าเกลือให้กับตระกูลหวัง!”โจวฉางฟู่พ่นลมหายใจและหันกลับไป หูเมิ่งอิ๋งและพ่อค้าอีกกว่าสิบคนก็จากไปเช่นกัน!กัวฉางส่งมอบทองคำ ฝ่ายราชการเขียนใบรับรอง และการประมูลใบอนุญาตค้าเกลือสิ้นสุดลง!เมื่อมาถึงนอกที่ทำการฝ่ายราชการประจำเขต กัวฉางก็เดินไปที่รถม้า แล้วยื่นใบอนุญาตค้าเกลือให้!“ก้าวหน้าร่ำรวย เมืองจิ่วซาน เฟ่ยชาง หยานจิ่ง เมืองฝู หนึ่งแสนจิน!”หวังหยวนหยิบใบอนุญาตค้าเกลือขึ้นมา ดูนอกจากการเขียนแล้วยังมีตราประทับอีกด้วยลุงเบิกตากว้าง “ทั้งเมืองของเรากินเกลือทั้งปี เราต้องผลิตเกลือกันมากเท่าใด?”“ท่านพี่ นำมาให้ข้าดูหน่อยสิ!”จ้าวชิงเหอเช็ดมือขาวให้สะอาด เพราะกลัวว่าใบอนุญาตค้าเกลือจะเปื้อนหวังหยวนยื่นใบอนุญาตค้าเกลือให้!จ้าวชิงเหอพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อ ลูกพี่ลูกน้องของข้ากลายเป็นพ่อค้าเกลือแล้ว จากนี้ไป ลูกพี่ลูกน้องของข้าจะขายเกลือทั้งหมดในเมืองฝู ลูกพี่ลูกน้องของข้าจะรวยแล้ว!”“ฮ่าฮ่า!”ลุงก็หัวเราะด้วยความดีใจ!การเป็นพ่อค้าเกลือนั้น แม้แต่เศรษฐีตระกูลจ้าวก็ไม่อาจเป็นได้!ตอนนี้หลานชายได้เป็นพ่อค้าเกลือแล
“เจ้าไม่เข้าใจ!”หวังหยวนขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจแม่สาวน้อยคนนี้ จึงหันหน้าไปทางอื่นได้เจอหูเมิ่งอิ๋งสองครั้งติดต่อกันนางไม่เพียงแต่เข้าใจการบริหารจัดการเท่านั้น แต่นางยังมีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย นางเป็นคนมีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก!หากมีคนเช่นนี้มาช่วย เขาก็จะสบายใจได้หลายอย่าง“หยวนเอ๋อร์ อย่าตำหนิชิงเหอเลย!”ลุงยังกล่าวอีกว่า “คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหูผู้นั้น ไม่มีใครแตะต้องได้จริง ๆ นางฆ่าสามีไปสามคนติดต่อกัน ทุกคนในเมืองรู้เรื่องนี้ดี บางคนบอกว่านางเป็นปีศาจจิ้งจอก บางคนบอกว่านางเป็นเทพเสือขาว แต่ใครก็ตามที่แตะต้องนางจะต้องตาย เจ้าต้องอย่าคิดฟุ้งซ่าน เจ้ามีคนเดียวพอแล้ว!”“ลุง ข้าไม่เคยเห็นหน้านางด้วยซ้ำ ข้าจะมีความคิดแปลก ๆ เช่นนั้นได้อย่างไร!”หวังหยวนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขากางแขนออก “และท่านคิดว่าข้าดูเหมือนคนเช่นนั้นหรือ!”ลุงยิ้มอ่อน!จ้าวชิงเหอเม้มปาก “เหมือน!”นอกรถม้า เอ้อหู่และสามพี่น้องกัวฉางเม้มปากกลั้นหัวเราะ!คนทั้งเจ็ดกลับไปที่ร้านตีเหล็ก อยู่ที่นั่นอีกสามวัน และทำดาบราชวงศ์ถังทั้งหมดสิบสองเล่ม ก่อนจะกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวัง!“พี่หยวนกลับมาแล้
สายตาของหวังหานซานเป็นประกาย “สิบชั้น!”แม้ว่าจะไม่ดีเท่าดาบทมิฬ แต่ก็ยังเป็นอาวุธที่ดี เหนือกว่าอาวุธทั่วไปเอ้อหู่เกาหัวแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ นี่คือดาบที่พี่หยวนสร้างขึ้น มันจะสามารถทำลายเกราะได้สิบชั้นเท่านั้นหรือ ท่านช่วยเดาให้ใกล้เคียงมากกว่านี้หน่อยได้หรือไม่”ดวงตาของหวังหานซานสั่นไหว “ยี่สิบชั้นหรือ?”ดาบทมิฬสามารถทะลวงเกราะได้ยี่สิบชั้น หากดาบนี้สามารถทำได้ ก็จะเทียบเท่า!เอ้อหู่ปิดหน้า แล้วหันกลับมา “เจ้าใช่พ่อของข้าจริงหรือเปล่า เหตุใดถึงไม่เหมือนข้าเลย ท่านไม่กล้าเอาเสียเลย เดาไม่ใกล้เคียงสักนิด!”หวังหานซานตัวสั่น “สี่ สี่สิบชั้นหรือ?”เอ้อหู่มีสีหน้าสิ้นหวัง “ท่านพ่อครับ ข้าไม่อยากคุยกับท่านแล้ว ท่านเดาไม่ถูกหลังจากเดามาตั้งนาน ท่านเอาไปลองเองเถอะ จำนวนที่ท่านเดา น่าอายเกินไปสำหรับพี่หยวน... เฮ้อ!”สายตาของหวังหานซานขุ่นเคือง เขาเก็บดาบเข้าฝัก แล้วใช้มันเป็นไม้ตีก้นเอ้อหู่ “เจ้าเด็กปากมาก ข้าจะสั่งสอนเจ้า วันนี้ข้าจะไม่เดาอีกต่อไปแล้ว ข้าจะตีเจ้าจนกว่าเจ้าจะยอมบอกข้า!”“โอ๊ย โอ๊ย ท่านพ่อ หยุดตีข้าสักที ข้าเจ็บ ข้าผิดไปแล้ว!”เอ้อหู่แยกเขี้ยว ไม่กล้าล้อเล่นอีกต่อไป