เมื่อต้าหู่เห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ จึงหยุดมือทันที ไม่ได้จัดการกับพวกเขาต่อเขาเดินเข้าไปหาเด็กกลุ่มนี้ทีละก้าว แล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้งว่า “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงมาเป็นโจรที่นี่?”เด็กหลายคนตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัวจนแทบขวัญกระเจิง!พวกเขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นโดยไม่รู้ตัว และพยายามถอยหลังหนีไปเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าต้าหู่ดูเหมือนจะไม่คิดจะจัดการกับพวกเขาต่อไปแล้ว แต่กลับถามถึงที่มาของพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทำให้เด็กคนหนึ่งที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม จู่ ๆ ก็ตาแดงก่ำแล้วน้ำตาไหลพราก“พวกเรา... พวกเราเป็นคนเขตหลิน...”“เขตหลินหรือ?”หลังจากที่ต้าหู่ได้ทราบที่มาของพวกเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนหันกลับไปมองหวังหยวนโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็มองไปที่เด็ก ๆ เหล่านี้แล้วถามกลับไปอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แล้วอย่างไรต่อ?”เด็กโตซึ่งเป็นหัวหน้าปาดน้ำตาบนใบหน้า เขาอดกลั้นสะอื้นไม่อยู่ขณะพูดด้วยเสียงเบาว่า “พวกเราไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ต้องพึ่งพาอาศัยกันมาตั้งแต่เด็ก และไม่รู้ว่าจะไปหาเงินได้จากที่ไหน...”“พวกเราเคยตั้งแผงขายของ แต่ก็ถูกไล่และยังถูกขโมยของไปด้วย
จู่ ๆ สีหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูโตที่สุดก็พลันเปลี่ยนไปกลายเป็นเคียดแค้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ขณะกัดฟันเล่าด้วยความเกลียดชังว่า “หากไม่ใช่เพราะหัวหน้าเขตหลิน พวกเราคงไม่กลายเป็นเช่นนี้หรอก!”เมื่อหวังหยวนเห็นเด็กหนุ่มโกรธมากก็ยิ่งมีสีหน้าจริงจังขึ้นแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าเล่ามาให้ละเอียด!”เด็กหนุ่มปาดน้ำตาบนใบหน้า ดวงตาของเขาฉายแววคับข้องใจและเกลียดชัง ขณะกำหมัดแน่นพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “หัวหน้าเขตหลินเป็นผู้มีอำนาจจอมฉ้อฉลรายใหญ่!”“เปรี้ยง”หวังหยวนรู้สึกราวกับว่าในหัวของเขามีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ จึงถามด้วยความสงสัยว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เด็กหนุ่มเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอย่างแรง เขาเกร็งกำปั้นแน่นแล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “เขาเป็นหัวหน้าเขต แต่สิ่งที่เขาทำล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของเขาทั้งนั้น!”“เขาไม่เพียงแต่ยึดที่ดินของชาวบ้านในเขตทั้งหมด แต่ยังยึดแรงงานชาวบ้านและโรงงานทั้งหมดอีกด้วย!”“อะไรนะ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ!”สีหน้าของหวังหยวนเปลี่ยนไปในทันที หากหัวหน้าเขตหลินทำเรื่องเช่นนี้ ชาวบ้านก็คงจะต้องทุกข์ยา
เมื่อหวังหยวนได้ฟังคำบอกเล่าเหล่านี้ก็ตกใจอย่างมาก!เดิมทีเขาคิดว่าตระกูลกวนแห่งเมืองจวิ้นนั้นชั่วร้ายไร้ยางอายมากแล้ว!แต่ไม่คิดเลยว่าหัวหน้าเขตหลินผู้นี้จะเลวร้ายยิ่งกว่า!การปฏิรูปนโยบายใหม่นั้นไม่เป็นความเท็จ แต่เขากลับแอบอ้างว่าได้ปฏิบัติตามแล้ว และได้กักขังผู้คนทั้งเมืองไว้!ช่างเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตเสียจริง!“ดังนั้นพวกข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะเป็นโจรปล้นสะดมอยู่เช่นนี้ แม้จะไม่อยากทำ แต่ก็... ไม่มีทางเลือก!”เมื่อเด็กหนุ่มทั้งหลายกล่าวจบ หวังหยวนก็ถอนหายใจดูเหมือนว่า...เขาจะคิดง่ายเกินไปเสียแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าหากได้มอบนโยบายใหม่ให้แล้ว คนเหล่านี้จะต้องบริหารได้ดีขึ้น!แต่ใครจะรู้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นพวกกินคนไม่คายกระดูก!“ดูท่าจะต้องใช้กำลังเสียแล้ว!”หวังหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความโกรธเคือง!หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ แม้ว่าเมืองหลิงจะไม่ใหญ่โตนัก แต่เขตต่าง ๆ ก็ไม่เล็กเลย เกรงว่าเขตเหล่านี้คงมีปัญหาไม่มากก็น้อย!หวังหยวนจึงตัดสินใจที่จะเริ่มต้นจากต้นตอ!“ต้าหู่ เรียกเกาเล่อมา”หวังหยวนกล่าวจบ ต้าหู่ก็ส่งจดหมายด้วยนกพิราบสื่อสาร ครึ่งวันต่อม
หวังหยวนย่อมรู้เรื่องราวในราชสำนักเมืองหวงเป็นอย่างดี แต่สำหรับเรื่องในวังหลัง เขากลับไม่รู้มากนัก!หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ก่อนแห่งเมืองหวงสวรรคต เซียวฉู่ฉู่ก็ได้ปกครองเมืองหวงมาหลายปีแล้ว วังหลังก็สงบสุข ไม่มีการแย่งชิงอำนาจกันแต่อย่างใด!แล้วจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร!“พี่หยวน ฮ่องเต้ก่อนมีพระสนมหลายองค์ แต่ที่ทรงโปรดปรานที่สุด นอกจากไทเฮาก็คืออันกุ้ยเหริน และเจิ้งกุ้ยเหริน!”“ข้าไม่รู้จักกุ้ยเหรินทั้งสองนี้มากนัก แต่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทเฮาก็คือเจิ้งกุ้ยเหริน ส่วนอันกุ้ยเหรินนั้นมีความขัดแย้งกันบ้าง”“เพียงแต่... นางไม่น่าจะมีเหตุผลพอที่จะลอบปลงพระชนม์ไทเฮาได้!”“พี่หยวน... เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะไม่ใช่กุ้ยเหรินทั้งสองนี้?”เมื่อหวังหยวนได้ฟังเช่นนี้ก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชาเรื่องนี้ไม่สามารถสืบสวนได้อย่างชัดเจนนัก แต่ว่า...หากเซียวฉู่ฉู่เป็นเช่นนี้ เมืองหวงคงต้องเกิดความวุ่นวายเป็นแน่!และความวุ่นวายครั้งนี้อาจยิ่งใหญ่กว่าต้าเย่เสียอีก!อ๋องทั้งสามถูกเซียวฉู่ฉู่ปราบปรามได้ก็คงไม่มีอะไรผิดปกติ!เพราะพวกเขาล้วนเป็นพี่น้องของฮ่องเต้องค์ก่อน ย่อมเต็มใจที่จะช่วย
ไม่นานนักหวังหยวนก็มาถึงวังหลวงแล้วด้วยความช่วยเหลือขององครักษ์เงา จึงไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเขามา!หวังหยวนและเชียนหลงเข้าไปในตำหนักของเซียวฉู่ฉู่ ซึ่งที่นั่นมีเพียงหวงฝู่ฉิวอยู่ด้วยเมื่อหวังหยวนเข้าไปก็เห็นเซียวฉู่ฉู่มีใบหน้าซีดเซียว สีหน้าดูไม่ดีเลย!“ไทเฮา เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”หวังหยวนไม่เข้าใจ เมื่อครั้งก่อนที่ปราบตระกูลเซิ่ง เซียวฉู่ฉู่ยังแข็งแรงดี!แต่บัดนี้เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้!เมื่อเซียวฉู่ฉู่ได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า“ข้าเองก็ไม่ทราบ แต่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว!”เซียวฉู่ฉู่ถอนหายใจด้วยความเจ็บปวดโดยสาเหตุที่หวังหยวนพาเชียนหลงมาด้วย ก็เพราะเชียนหลงบอกว่าตนเองมีความรู้ด้านการแพทย์แม้ว่าจะรู้สึกประหลาดใจที่เชียนหลงรู้จักทั้งบทกวีและเพลงกลอน รวมถึงการรักษาโรคด้วยแต่หวังหยวนก็รู้ว่าเชียนหลงเป็นผู้ที่มีตัวตนลึกลับ จึงได้พานางมาด้วย“ไทเฮา ข้าพาสหายผู้นี้มาด้วยเพราะนางเป็นหมอ ให้นางตรวจอาการท่านก่อนเถิด!”หวังหยวนรีบพูด เมื่อพูดจบเซียวฉู่ฉู่ก็ส่ายหน้า“หวังหยวน เจ้าจงฟังข้าพูดให้จบก่อน แล้วค่อยตรวจทีหลังก็ยังไม่สาย!”“ข้าเกรงว่าหากข้าไม่พูดสิ่งนี้
สิบปีที่ต้องอยู่ในเมืองหวง!ไม่คุ้นเคยกับผู้คนและสถานที่และต้องจากหมู่บ้านต้าหวังไปสิบปี!หวังหยวนยอมได้หรือ?ชายคนนี้...ให้ความสำคัญกับมิตรภาพมากเกินไปแล้วกระมัง?เรื่องนี้ทำให้...นางรู้สึกประหลาดใจและตกใจมากจริง ๆ!เซียวฉู่ฉู่ก็รู้สึกไม่ต่างกัน เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยวนแล้ว นางก็รีบดึงหวงฝู่ฉิวมาแล้วให้เขานั่งลงบนพื้น!“เรียกอาจารย์สิ!”หวงฝู่ฉิวเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังมาก“ท่านอาจารย์!”หวังหยวนยิ้มแล้วลูบหัวของเขา“ไทเฮา ท่านสามารถบอกข้าได้หรือไม่ ว่าผู้ใดเป็นคนลงมือทำร้ายท่าน?”เมื่อหวังหยวนพูดจบ เซียวฉู่ฉู่ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วส่ายหน้า“เรื่องนี้...ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่... ข้าคาดเดาว่าคงจะเป็นใครสักคนในวังหลัง”“หวังหยวน เจ้าต้องคอยจับตามองพวกนางไว้ให้ดี!”“อย่าให้พวกนางทำร้ายฉิวเอ้อร์ได้!”สิ่งที่เซียวฉู่ฉู่เป็นห่วงมากที่สุดก็คือเด็กคนนี้!หวังหยวนพยักหน้า“ฆ่าไทเฮาก็เพราะต้องการตำแหน่งไทเฮา!”“แต่ยังมีพระสนมอีกสองคน ยังไม่แน่ว่าผู้ใดเป็นฆาตกรที่คิดจะสังหารไทเฮา!”“หากเป็นเช่นนั้น... ก็ให้ทั้งสองคนมีฐานะเท่าเทียมกัน รอให้คนใดคนหนึ่งใจร้อนจนทนไม่ไหว แล้ว
เซียวฉู่ฉู่ครุ่นคิดในใจพลางพินิจมองหวังหยวน ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น“ครึ่งปีหรืออาจจะปีหนึ่งก็คงไม่มีปัญหา...”“เพียงแต่... หวังหยวน เจ้าคิดว่าข้าจะออกไปอย่างไรดี?”“หรือก็คือข้าควรจะใช้เหตุผลใดในการจากไป?”เมื่อเซียวฉู่ฉู่ถามคำถามนี้ หวังหยวนก็ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น“บัดนี้มีหนทางอยู่สองทาง”“ทางหนึ่งคือกล่าวไปตามความจริง อีกทางหนึ่งคือกล่าวด้วยคำลวง”เมื่อหวังหยวนกล่าวจบ เซียวฉู่ฉู่ก็เข้าใจได้โดยง่าย“หนทางทั้งสองนี้ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย”คำกล่าวนี้ย่อมถูกต้องแล้ว หากมีทางเลือกสองทางย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย“หากกล่าวไปตามความจริง แม้ว่าอาจจะเกิดความวุ่นวาย แต่ความวุ่นวายนั้นก็คงไม่ยืดเยื้อนัก อย่างน้อยในช่วงปีนี้ก็น่าจะยังไม่เกิดอะไรขึ้น”“แต่แน่นอนว่าหากเลยไปกว่าหนึ่งปีแล้วท่านยังไม่เสด็จกลับ ก็อาจเกิดความวุ่นวายหนักได้!”“แต่หากกล่าวด้วยคำลวง เกรงว่าบัดนี้... ก็อาจเกิดความวุ่นวายได้ในทันที!”“ความวุ่นวายนี้ แม้จะเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ก็อาจทำให้รู้ได้โดยง่ายว่าผู้ใดเป็นคนคิดร้ายต่อท่าน!”หวังหยวนอธิบายถึงข้อดีข้อเสียทั้งหมดให้ฟังเซียวฉู่ฉู่พย
หวังหยวนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงได้ข้อสรุปนี้มา“คุณชาย ช่างคิดได้อย่างถ่องแท้”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เชียนหลงก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง“คุณชาย ข้าใคร่จะถามท่านว่า ท่าน... เหตุใดจึงไม่ทรงสงสัยเรื่องที่ข้าจะสามารถรักษาไทเฮาให้หายได้?”หวังหยวนจ้องมองหน้าเชียนหลง แล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา“สาวน้อย เมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะบอกเจ้าให้ก็แล้วกัน”“แท้จริงแล้ว... เมื่อได้พบเจ้าครั้งแรกในงานประชุมกวีชิงหลง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ใช่คนธรรมดา”“เพียงแต่เจ้ามีจิตใจที่เมตตา บริสุทธิ์ และจะไม่คิดร้ายต่อข้า ข้าจึงให้เจ้ามาอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง เพื่อให้เจ้ามีที่พำนักอันสงบสุข”“ส่วนเรื่องตัวตนของเจ้า แท้จริงแล้วไม่ได้สำคัญสำหรับข้า”หวังหยวนกล่าวด้วยความจริงใจ เขาไม่ค่อยเชื่อนักว่าเชียนหลงจะเป็นเพียงคนธรรมดาตั้งแต่แรกเริ่ม “คุณชาย ในเมื่อท่านรู้เช่นนั้นแล้ว ท่านไม่กลัวหรือว่าข้าจะคิดร้ายต่อท่าน?”เชียนหลงเกิดความสงสัยขึ้นมา โดยปกติแล้วหากเป็นคนแปลกหน้า ก็ควรมีความระมัดระวังบ้างไม่ใช่หรือ!แล้วเหตุใด...ถึงได้เชื่อใจได้โดยง่ายดายเช่นนี้!หวังหยวนยกยิ้มแล้วถามกลับ“แล้วเจ้าจะคิดร้ายต่อข้าหรือ
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด
“ข้าบอกก็ได้...”“เหตุใดต้องโหดเหี้ยมกับข้าด้วย?”“ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหวานมีเสน่ห์ “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกที่ชื่อว่าเมืองผี หรือไม่?”“เมืองผี?”หวังหยวนส่ายหน้า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สายตาของเขามองไปที่เกาเล่อเกาเล่อเป็นหัวหน้าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ ข้อมูลทั่วหล้าล้วนอยู่ในมือเขา หากแม้แต่เกาเล่อยังไม่รู้จัก แสดงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลับจริง ๆ!แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือหลิ่วหรูเยียนกำลังหลอกลวง!ทั้งหมดเป็นเพียงกลลวงของนาง!เกาเล่อเดินไปข้าง ๆ หวังหยวนแล้วกระซิบ “ข้ารู้จักเมืองผี...”“เดิมทีมันไม่ได้ชื่อเมืองผี ปัจจุบันมีชื่ออื่นแล้ว แต่เพราะเมื่อก่อนมีคนอดตายที่นั่นมากมาย มีข่าวลือว่ากลางดึกมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จึงเรียกที่นั่นว่าเมืองผี”“แต่ที่จริงแล้วก็แค่เรื่องเล่าลือขอรับ”ฟังคำอธิบายของเกาเล่อแล้วหวังหยวนก็พยักหน้าจากนั้น ฃเขาก็มองไปที่หลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง ก่อนกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าฐานทัพใหญ่ของพรรคทมิฬอยู่ในเมืองผีหรือ?”หลิ่วหรู
ทันใดนั้นหวังหยวนก็ให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อถอยไป ส่วนเขามานั่งยอง ๆ ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนมุมปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าหรือ?”“ตอนนี้เจ้าอยู่ในมือข้า ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้”“แต่ถ้าเจ้ายังกล้าต่อรอง เจ้าก็ลองดู ว่าข้าจะทำเรื่องโหดร้ายอะไร”“แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากเจ้าท้าทายข้า ทำให้ข้าหมดความอดทน ผลลัพธ์สุดท้ายคงคาดเดาได้...”“เจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน”เมื่อเห็นแววตาจริงจังของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนก็อยากจะฆ่าเขานักเหตุใดนางจึงต้องมาเจอกับปีศาจตนนี้ด้วย?ช่างโชคร้ายเสียจริง!“ตกลง!”“เช่นนั้นเจ้าต้องปล่อยข้าก่อน”“เจ้าจับข้าไว้ด้วยตาข่ายเช่นนี้ ข้าอึดอัดจะตายแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วพูดหวังหยวนรับมีดสั้นจากสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาตัดตาข่ายใหญ่ตรงหน้าออก หลิ่วหรูเยียนจึงเป็นอิสระหวังหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้าทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าควรจะบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ได้แล้วกระมัง?”เขาเองก็ใจกว้างพอหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นผู้หญิง คงลงมือกับนางไปแล้
“เจ้าช่างเป็นคนต่ำทรามชั่วช้าเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้อย่างไร ใบหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษ นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวขณะตวาด!หญิงงามผู้มีชื่อเสียงในสถานเริงรมย์ แม้จะอยู่ในที่เช่นนั้น แต่ก็รักษาความบริสุทธิ์ไว้เสมอ ไม่เคยยอมให้ชายใดแตะต้องเรือนร่างอันงดงามของตน!แต่บัดนี้บุรุษผู้มีนามว่าหวังหยวนกลับใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นาง เป็นการกระทำที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา!เหตุใดไม่รู้มาก่อนเลยว่าหวังหยวนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้?“เจ้าไม่สมควรเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!” “เจ้าเป็นแค่คนเลวทรามต่ำช้า!”“เช่นนั้นก็สังหารข้าเสีย การที่เจ้ามาล่วงละเมิดสตรีเช่นนี้ เจ้ายังถือว่าตนเป็นบุรุษผู้กล้าหาญได้อยู่หรือ?” “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”นางพยายามอย่างตะโกนเพื่อที่จะเปลี่ยนใจหวังหยวนให้ได้ ทว่าใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด เขายืนกอดอกเอ่ยเสียงเรียบเฉย “เป็นเรื่องปกติที่จะใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อปฏิบัติต่อผู้คนที่แตกต่างกัน”“หากเจ้าไม่ดื้อดึง ข้าก็คงไม่ต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ข้าจะทำเช่นนี้กับ
“ข้าอยากรู้ว่าปากของนางกับมือของข้า อะไรจะแข็งกว่ากัน!”แม้จะเป็นเด็กกำพร้าก็ต้องหาวิธีง้างปากนางให้ได้!ไม่บรรลุเป้าหมายย่อมไม่หยุดยั้ง!ไม่นานหวังหยวนกับเกาเล่อก็มุ่งหน้าออกนอกเมืองที่หน้าศาลเจ้าเฉิงหวงหลิ่วหรูเยียนนั่งผิงไฟ ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปที่นางมาเมืองอู่เจียงนั้นเป็นเพราะคำสั่งของผู้นำระดับสูงในพรรคทมิฬ!เพื่อแทรกซึมเข้ามาในดินแดนศัตรู แล้วค่อย ๆ แผ่ขยายอำนาจไปยังเมืองหลิง!สาเหตุที่สาวกพรรคทมิฬแทรกซึมเข้ามาในดินแดนของหวังหยวน ไม่ใช่เพียงเพราะดินแดนของหวังหยวนเล็ก แต่เป็นเพราะหวังหยวนผู้นี้เป็นคนชาญฉลาดและรอบคอบ!หากเขาพบเบาะแสใดๆ ก็จะตามสืบจนเจอ และอาจนำพาหายนะมาสู่พวกเขา!แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!หวังหยวนเพิ่งจะสังเกตเห็นร่องรอยของสาวกพรรคทมิฬ ไม่คิดเลยว่าจะพบตัวหลิ่วหรูเยียน!จากนั้นค่อยสืบหาความลับของพรรคทมิฬ!เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี!“เหตุใดนกพิราบสื่อสารยังไม่กลับมาอีกนะ?”“หรือว่าจะเกิดเรื่อง...”หลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ สำรวจสถานการณ์นอกประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักแม้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของนาง!แต