“เมื่อแขกทุกคนมอบของขวัญแล้วก็พากันกลับไปเสีย ผู้ใหญ่บ้านจะจดจำของขวัญที่ทุกคนมอบให้ไว้อย่างแน่นอน วางใจเถิดว่าของที่เจ้าปรารถนาจะตกไปอยู่ในมือของเจ้าแน่”ผู้รับของขวัญไม่ได้กล่าววาจาใดเพิ่มเติม แต่ไล่ชาวบ้านเหล่านั้นกลับไปโดยทันที ใบหน้าของเขาแสดงความรำคาญราวกับเห็นฝูงแมลงวันเมื่อหวังหยวนเห็นเช่นนั้นก็ล้วงเงินออกมาจากอกเสื้อสองสามตำลึงวางไว้บนโต๊ะ แล้วเขียนชื่อลงในสมุดบัญชีอย่างลวก ๆ ผู้รับของขวัญมองเงินบนโต๊ะแล้วตาเป็นประกายชาวบ้านยากไร้เหล่านี้คงไม่มีปัญญามอบเงินให้ได้ แม้แต่เหรียญทองแดงก็ยังไม่มีให้ จึงได้แต่นำข้าวสารที่ไร้ค่ามาแสดงความยินดี“คุณชาย เชิญข้างใน เชิญข้างใน...”หวังหยวนโบกมือแล้วพาต้าหู่และเชียนหลงเข้าไปในประตูใหญ่ แม้จะเป็นเพียงการแต่งอนุภรรยา แต่ภายในก็ตกแต่งอย่างประณีตโคมไฟส่องสว่างทั่วบริเวณบ่งบอกถึงความรื่นเริง บนโต๊ะเลี้ยงมีทั้งไก่ เป็ด ปลา เนื้อสัตว์มากมาย ผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้ามารับประทานอาหารล้วนเป็นเศรษฐีมีชื่อเสียงในท้องถิ่นหวังหยวนและพรรคพวกเลือกหาที่นั่งในมุมที่เงียบสงบ พวกเขาเพียงต้องการดูว่าผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจมากเพียงใด?ขูดรีดชาวบ้านอย่างโจ
ไม่นึกเลยว่าคราวนี้จะมีคนไม่รู้จักที่ตายกล้าเข้ามาหาเรื่องอีก อยากเห็นนักว่าต้าหู่จะพบจุดจบอันน่าเศร้าเช่นไร?ฝูงชนที่มุงดูต่างนั่งชมเหตุการณ์อยู่เฉย ๆ พวกเขาชินกับเรื่องเช่นนี้เสียแล้วยิ่งกว่านั้นคือพวกเขายังรู้สึกว่านี่คือความบันเทิง ทุกครั้งที่เห็นภาพเช่นนี้ก็จะรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากใคร่เห็นชายหนุ่มตรงหน้าร้องไห้คร่ำครวญคุกเข่าขอความเมตตา ผู้ใหญ่บ้านสำหรับพวกเขาเป็นผู้ที่สูงส่งเกินเอื้อม“โครม ปัง...”ได้ยินเสียงดังสนั่น ผู้คนต่างหลับตาลงด้วยความตกใจ แล้วก็ลืมตาขึ้นด้วยความตื่นเต้น อยากจะดูว่าชายหนุ่มที่ก่อเรื่องก่อนหน้านี้ตายไปแล้วหรือยังแต่แล้วเรื่องที่ทำให้พวกเขาตกใจก็ปรากฏ พวกเขาเห็นชายหนุ่มที่พ่อบ้านของผู้ใหญ่บ้านเรียกตัวมาเมื่อครู่ ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างไม่รู้เป็นตายร้ายดีชายหนุ่มที่ก่อเรื่องยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทางองอาจสง่างาม ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย“ใครกล้ามาหาเรื่องในงานแต่งงานของข้า หรือว่าไม่อยาก...”ชายวัยห้าสิบเศษเดินออกมาจากห้องด้านใน ทั่วทั้งร่างกายของเขาแผ่กลิ่นอายที่โหดเหี้ยมอย่างมาก ตัวไม่สูงนัก ใบหน้ามีรอยยิ้มแสยะอย่างชั่วร้าย“ไอ้
เมื่อสมาชิกตระกูลกวนเห็นเช่นนั้นต่างก็อึ้งไปชั่วครู่ และไม่อยากเชื่อสายตา!เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างหยิ่งยโสเสียจริง!กวนเสี่ยวไห่ฮึดฮัดและตะโกนว่า “เจ้ากล้าทำร้ายข้า เชื่อหรือไม่ว่าหากบิดาของข้ามาถึง ย่อมจะฆ่าเจ้าให้ตายได้!”หวังหยวนไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ต้าหู่มัดกวนเสี่ยวไห่ไว้ และมัดผู้ใหญ่บ้านไว้ด้วยเช่นกันจากนั้นหวังหยวนก็ก้าวไปยืนอยู่บนแท่นสูง มองไปที่คหบดีและชาวนาเหล่านั้นแล้วกล่าวว่า“ชาวบ้านทั้งหลาย บัดนี้กฎหมายใหม่ของเมืองหลิงได้ประกาศใช้แล้ว ทุกคนสามารถทำไร่ไถนาได้ ทุกคนสามารถค้าขายได้ สิ่งที่เราต้องการคือทำให้ทุกคนร่ำรวยและเข้มแข็ง!”“ไม่ใช่ปล่อยให้เพียงแค่คหบดีและตระกูลผู้มั่งคั่งไม่กี่ตระกูลร่ำรวย ชีวิตเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ดังนั้นเราจึงควรสามัคคีกันเข้าไว้!”หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แม้ว่าเมืองหลิงจะไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีหมู่บ้านบนภูเขาห่างไกลที่มีลักษณะเช่นเดียวกันนี้มากมายเหลือเกิน กฎหมายใหม่ของหวังหยวนอาจประกาศใช้ได้ แต่เมื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้ว บางพื้นที่ก็ห่างไกลจากเมืองหลวงเกินไป จึงไม่สามารถบังคับใช้ได้ทีเดียว!ท้ายที่สุดแล้ว หวังหยวนไม่มีคนมากมายน
เขาสามารถทำให้ทุกคนร่ำรวยได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีสมเหตุสมผล มีคุณธรรมและถูกกฎหมาย!หากกองเงินที่ได้มานั้นมาจากการเหยียบย่ำร่างของคนยากจน นั่นไม่ใช่เงินแต่เป็นเลือดต่างหาก!นั่นไม่ใช่หนทางแสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจ!นั่นไม่ใช่หนทางแสวงหาความร่ำรวย!หากเป็นพื้นที่อื่น หวังหยวนอาจไม่สนใจเนื่องด้วยไม่สามารถจัดการได้!แต่เมืองหลิงแห่งนี้เขาต้องเป็นผู้กำหนด!“พี่ชาย ข้าเข้าใจความหมายของท่าน ไม่ต้องกังวลเลย เรื่องนี้ข้ามีขอบเขตจริง ๆ!”หวังหยวนยกยิ้มเพื่อให้เขาสบายใจหลิวต้าฮั่นถอนหายใจและไม่พูดอะไรอีกไม่นานก็ใกล้จะถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ชาวบ้านจำนวนมากไม่กล้าอยู่ต่อ รีบแยกย้ายกลับบ้านไปต้าหู่ก็ไปจัดการธุระเช่นกัน ส่วนเชียนหลงนั่งอยู่ข้างหวังหยวนนางเฝ้ามองชายผู้นี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“คุณชาย แม้ว่าท่านจะช่วยพวกเขาได้และความสามารถของท่านสามารถช่วยเหลือใครก็ได้จริง แต่...สิ่งที่ท่านทำนับว่าเป็นการละเมิดกฎของโลกนี้หรือไม่?”เมื่อเชียนหลงพูดจบ หวังหยวนก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ของนาง!“เจ้าหมายความว่า ข้าแทรกแซงพวกเขาใช่หรือไม่?”เมื่อหวังหยวนพูดจบ
เมื่อหวังหยวนเอ่ยคำถามนี้จบลง เชียนหลงก็ชะงักไปครู่หนึ่งนางไม่รู้ว่าเหตุใดหวังหยวนถึงได้ถามคำถามนี้ขึ้นมาในทันใด!ต้องรู้ก่อนว่าคำว่าชีวิตนั้นเป็นคำถามที่ยากที่สุดในยุคสมัยนี้แล้ว! เกรงว่าจะหาผู้ที่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนได้ยากนัก!แต่เชียนหลงเป็นคนฉลาด นางรู้ว่าเนื่องจากหวังหยวนถามคำถามนี้ขึ้นมา ทั้งยังถามในเวลานี้ด้วยแล้ว ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องตรงหน้าเป็นแน่!ดังนั้น...นางจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “คุณชาย ชีวิตนั้นยากเกินกว่าจะบรรยายได้ หากให้ข้ากล่าว… อาจจะกล่าวได้ว่าการได้อยู่อย่างสุขสบายนั้นสำคัญที่สุด”เมื่อเชียนหลงกล่าวจบ หวังหยวนก็ชะงักไปครู่หนึ่งสตรีผู้นี้กล่าวคำพูดที่ค่อนข้างลึกซึ้งเหมือนเขาไม่มีผิด!แต่ตัวเขานั้นมีประสบการณ์จากชาติก่อน จึงมีความคิดเช่นนี้ในชาติก่อนเขาใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการเล่าเรียน ไม่ทันได้เสพสุขก็ตายไปเสียแล้วโชคดีที่ในชาตินี้มีจิตสำนึกจากชาติก่อนติดสอยห้อยตามมาด้วย ถึงรู้สึกว่าชาติก่อนของตนนั้นขาดทุนมากชาตินี้จึงต้องเสพสุขให้เต็มที่ทว่าเชียนหลงผู้นี้...เหตุใดจึงมีแนวคิดเช่นนี้ได้?ตามเหตุผลแล้วนางน่าจะชอบเ
พวกเขามาถึงหมู่บ้านอย่างรวดเร็วพร้อมส่งเสียงคำรามเมื่อเห็นหวังหยวน และลูกชายของเขาที่ถูกจับมัดแขวนอยู่!“ไอ้สารเลว! ไอ้ชาติหมา ปล่อยลูกชายข้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าฆ่าเจ้าแน่!”กวนเจิ้นสยงผู้เป็นหัวหน้าตระกูลกวนแค่นเสียงคำรามเบื้องหลังมีคนกว่าร้อยคนชักดาบใหญ่ออกมา บรรยากาศก้าวร้าวรุนแรงมาก!ชาวบ้านต่างตกใจกลัว วิ่งเตลิดด้วยความขวัญผวา!“ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย... ต้องฆ่าไอ้สุนัขตัวนี้ให้ได้ รวมถึงนังหญิงชั่วเหล่านี้ด้วย ต้องฆ่าให้หมด!”กวนเสี่ยวไห่พูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น!หวังหยวนได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ก็เพียงแค่ยิ้มรับ ต่างจากชาวบ้านที่กลัวมากจนคุกเข่าลงกับพื้น“นายท่านกวน ได้โปรดเถิด... อย่าทำร้ายพวกเรา!”“ใช่แล้ว... นายท่าน ได้โปรด...”พวกเขากลัวมาก หวาดกลัวอย่างที่สุด!“หึ! พวกเจ้าสมควรตายทั้งนั้น!”“ไอ้หนุ่ม เจ้าเป็นใคร กล้าแทรกแซงเรื่องกิจการภายในมณฑลงั้นหรือ? ไม่รู้หรือว่าที่นี่ข้าคือสวรรค์!”เขาเยาะเย้ยและเอ่ยด้วยความโกรธเมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะร่า“เจ้าคือสวรรค์หรือ? ช่างน่าขัน!”ที่เมืองหลิงแห่งนี้ไม่มีสวรรค์ ชาวบ้านต่างหากที่เป็นสวรรค์!หาก
ผู้คนกว่าห้าสิบคนนั้นตายอย่างรวดเร็วเกินไป!รวดเร็วเสียจนหลายคนยังตั้งตัวไม่ทัน!พวกเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น!เหตุใดคนเหล่านั้นจึงตายได้!เหตุการณ์นี้ทำให้แม้แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ยังตกใจจนพูดไม่ออก พวกเขาหวาดกลัวมาก!กวนเจิ้นสยงก็ไม่คาดคิดว่าคนของตนเองกว่าห้าสิบคนจากร้อยคนจะถูกปลิดชีวิตได้ในชั่วพริบตา!นี่มัน...นี่มันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่อยากจะเชื่อเลย!สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ หวังหยวนเพียงแค่ยกยิ้มจากนั้นก็มีคนสิบคนค่อย ๆ เดินออกมาจากบริเวณโดยรอบในมือของพวกเขานั้นถือปืนคาบศิลา!สิบคน!เผชิญหน้ากับร้อยคน ในพริบตาเดียวก็ฆ่าคนไปได้แล้วถึงห้าสิบคน!วิธีการเช่นนี้คงทำให้พวกเขาคาดไม่ถึง!แต่หวังหยวนรู้ว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!“เจ้า... เจ้าเป็นใคร!”กวนเจิ้นสยงตกใจจนพูดไม่ออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง!“ข้าก็คือ... หวังหยวน!”หวังหยวนตะคอกออกมาดังลั่น น้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว!เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนก็ตกใจจนพูดไม่ออก!พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนผู้นี้...คือหวังหยวน!เจ้าผู้ครองเมืองหลิง!ผู้ที่ประกาศนโยบายใหม่ ซึ่งใ
หวังหยวนไม่ต้องการปล่อยคนประเภทนี้ไว้ให้เป็นภัยแก่เมืองนี้!แม้ว่าจะดูโหดเหี้ยมและไร้มนุษยธรรมเกินไป หวังหยวนก็จะไม่ใจอ่อน!เขาจะต้องฆ่าคนชั่วเหล่านี้!ให้เขาได้รู้ว่านี่คือสิ่งที่เขาควรได้รับ!กวนเจิ้นสยงตกใจจนพูดไม่ออก รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที“คุณชายหวัง... ข้าผิดไปแล้ว... ข้าผิดไปแล้ว... ท่านโปรดเมตตาด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!”กวนเจิ้นสยงหวาดกลัวแทบสิ้นสติ!ชื่อเสียงของหวังหยวนนั้นเขารู้ดี แม้แต่ต้าเย่ ต้าเป่ยก็ยังไม่สามารถจัดการกับเขาได้ แล้วขุนนางอำนาจน้อยนิดในดินแดนเล็กๆ แห่งนี้เช่นเขาจะจัดการอะไรได้?“ไว้ชีวิตเจ้าหรือ? ตลกสิ้นดี!”“แล้วเจ้าเคยคิดจะไว้ชีวิตพวกเขาบ้างหรือไม่!”หวังหยวนตะคอกอย่างดุดัน!สิ่งที่ต้องทำในวันนี้ก็คือการข่มขวัญทุกคน ไม่ใช่แค่ฆ่าเขาเท่านั้น แต่ยังต้องให้ทุกคนตระหนักไว้ด้วย!ว่าห้ามไม่ให้ผู้ใดกดขี่ข่มเหงชาวบ้าน!ให้เคารพกฎหมาย!นั่นคือหนทางที่ถูกต้อง!หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็พ่นลมหายใจออกมาจากนั้นก็โบกมือ!เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ในพริบตาทุกคนก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น!หวังหยวนยิ่งหยิบปืนพกออกมาจ่อไปที่กวนเสี่ยวไห่และผู้ใหญ่บ้านด
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน
“ท่านหวังมาแล้วหรือ?”เมื่อหวังหยวนและพรรคพวกเข้ามาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่แฝงด้วยความอ่อนแอดังมาจากด้านในไป๋ลั่วหลีรีบเข้าไปในกระโจม เปิดม่านทั้งสองข้าง หวังหยวนจึงเห็นไป๋เหยียนเฟยนอนอยู่บนเตียงอาการของไป๋เหยียนเฟยดูย่ำแย่กว่าที่เขาคิด ไม่เพียงแต่ใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น แม้แต่ริมฝีปากไร้สีเลือดฝาด ดูอ่อนแรงมาก!หวังหยวนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้พบกันนาน เหตุใดฝ่าบาทจึงเป็นเช่นนี้?”“ไม่ได้เชิญหมอมารักษาหรือ?”“แค่ก แค่ก”ไป๋เหยียนเฟยไอสองสามครั้ง ไป๋ลั่วหลีช่วยพยุงนางขึ้น นางเงยหน้ามองหวังหยวน แล้วส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า “เมื่อฟ้าลิขิตแล้ว จะทำเช่นไรได้?”“ข้าตามหาหมอมารักษา หมอชื่อดังทั่วดินแดนทั้งเก้าต่างบอกว่าหมดหนทาง บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงของสวรรค์ก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“เมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าตาย ข้าจะฝืนได้อย่างไร?”“แต่น่าเสียดาย กลุ่มกบฏทางเหนือกลับบุกอาณาจักรข้า! ประกอบกับอาณาจักรต้าเป่ยต่างจ้องมองพวกข้าอยู่ ข้าจึงให้ไป๋ลั่วหลีไปเชิญท่านมา หวังว่าท่านจะช่วยปราบกบฏพวกนั้นได้!”หวังหยวนรู้สึกสงสารในบรรดาสี่อาณาจักรใหญ่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรต้าเย่ และ
“ครั้งนี้คงไม่นาน ข้าจะรีบพาทุกคนกลับมา!”“ยิ่งกว่านั้น ยังมีต้าหู่และขุนพลต่งอยู่กับข้าด้วย พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”“แค่รออยู่ที่บ้านก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารู้ว่าตนเองรู้สึกผิดต่อพวกนาง แต่บุรุษเกิดมาแล้วย่อมต้องสร้างฐานะไม่ใช่หรือ?สวรรค์ให้โอกาสเขาเกิดใหม่ จึงต้องใช้ความสามารถสร้างความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้!“น้องหรูเยียนยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะพานางไปอาณาจักรต้าเย่ก่อน รอให้พวกเรากลับมาแล้วค่อยทำความรู้จักกัน”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีกในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจแล้ว พวกนางก็ได้แต่ทำตามภรรยาย่อมต้องเชื่อฟังสามี!“ท่านตงฟาง!”หลังจากพูดคุยกับภรรยาแล้ว หวังหยวนก็มองไปที่ตงฟางฮั่น“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ต้องรบกวนท่านและท่านถงช่วยดูแลที่นี่ด้วย”“ข้าได้สั่งเอ้อหู่ ให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของพวกท่าน ห้ามกระทำการโดยพลการ!”“เมืองหลิงคือรากฐานของข้า จึงมีความสำคัญยิ่ง ต้องไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”“คนของอาณาจักรต้าเป่ยจ้องมองพวกเราอยู่ หานเทาพร้อมจะสู้รบกับข้าทุกเมื่อ พวกท่านต้องระวังตัว!”หวังหยวนกำชับหลายครั้งตงฟางฮั่นแ
ทันใดนั้น เสียงไอก็ขัดจังหวะหวังหยวนเขาหันไปมองตามเสียงจึงเห็นตงฟางฮั่นทั้งสองแค่สบตากันก็เข้าใจความคิดของกันและกัน“คุณหนูไป๋”“ข้าขอคิดทบทวนก่อน จึงค่อยให้คำตอบ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องหนักใจเช่นนี้เลย รอให้ดื่มกันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่า เจ้าว่าเช่นไร?”หวังหยวนให้เกียรติไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวจากท่านหวังเจ้าค่ะ!”เมื่องานเลี้ยงเลิกราและจัดการเรื่องที่พักของไป๋ลั่วหลีแล้ว หวังหยวนก็รีบออกไปข้างนอกพร้อมกับตงฟางฮั่นริมถนน หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเล่นไปพลางคุยกัน “ท่านตงฟาง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าคิดว่าควรส่งกองกำลังไปช่วย!”“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงคราม โครงการชลประทานทำให้อาณาจักรอื่น ๆ เห็นถึงประโยชน์ เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่อาณาจักรต้าเป่ยก็กำลังเร่งสร้างโครงการชลประทานเหมือนกัน!”“ในเมื่อพวกเราสร้างเสร็จก่อน ก็ควรใช้โอกาสนี้ขยายอาณาเขต!”หืม?หวังหยวนเลิกคิ้ว รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ท่านตงฟาง ท่านลืมแล้วหรือ ครั้งก่อนที่พวกเราพบกันที่หอหลิวหลี ต่างให้สัญญากันว่าจะไม่ทำสงครามเพื่อให้โลกสงบสุข!”“หากข้ายกทัพตอน
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท