แชร์

บทที่ 1217

ผู้แต่ง: ชวินเป่ยอี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ในสายตาของคนที่มายืนดูจะเห็นเหมือนว่าต้าหู่และเอ้อหู่เปรียบเสมือนหมีตาบอดที่กำลังถูกหลอกล่อให้เต้นไปมา!

หวังหยวนตกใจเมื่อเห็นภาพนี้!

หากนักพรตเฒ่าชุดเขียวมีเจตนาจะลงมือจริง คงไม่พ้นที่ต้าหู่และเอ้อหู่จะต้องจบชีวิตลงในพริบตา!

หวังหยวนมองออกและต้าหู่กับเอ้อหู่ก็คงมองออกเช่นกัน!

พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อบีบให้นักพรตเฒ่าชุดเขียวใช้ทักษะที่แท้จริง แต่ไม่ว่าจะใช้กลวิธีใดก็ไม่สามารถทำได้!

ในท้ายที่สุดนักพรตเฒ่าชุดเขียวก็จับทั้งสองคนได้ แล้วโยนออกไปไกลหลายเมตร จากนั้นจึงหัวเราะ

“ไม่ต้องสู้แล้ว พวกเจ้าต่อสู้กันทั้งชีวิตก็ไม่คู่ควรกับการเป็นคู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี เป็นอย่างไรล่ะ? ตอนนี้เชื่อคำพูดของข้าแล้วหรือยัง?”

นักพรตเฒ่าชุดเขียวระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น เอ้อหู่และต้าหู่ต่างก็เชื่อแล้ว รวมทั้งหวังหยวนด้วย

“ท่านผู้เฒ่า ท่านซ่อนเร้นความลับได้แนบเนียนยิ่งนัก!”

หวังหยวนรีบกล่าวชม เมื่อนักพรตเฒ่าชุดเขียวได้ยินคำนี้ก็โบกมือทันที “ข้าก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนักหรอก”

เมื่อหวังหยวนได้ยินคำนี้ก็ยิ่งตกใจ ไม่ได้เก่งกาจอะไรงั้นหรือ?

ต้าหู่และเอ้อหู่ต่างก็จัดว่าเป็นยอดฝีมือแห่งยุค แต่กลับถูกนักพรต
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1218

    หลังจากที่นักพรตเฒ่าชุดเขียวพูดจบ หวังหยวนก็ส่ายหน้า เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร!เขามองนักพรตเฒ่าชุดเขียวด้วยสีหน้างุนงงเป็นไปได้หรือไม่ว่าในโลกนี้มีผู้ควบคุมกฎของโลกอยู่?ไม่น่าจะเป็นไปได้!จะมีคนเช่นนี้ในโลกได้อย่างไร?นักพรตเฒ่าชุดเขียวหัวเราะเสียงดังแล้วพูดขึ้นว่า “หวังหยวน ความจริงข้าสังเกตท่านมานานแล้ว เรื่องราวที่ท่านประสบส่วนใหญ่ข้ารู้ดี แต่แน่นอนว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย”“เพียงแค่รู้สึกว่าท่านไม่ธรรมดา สามารถทำสิ่งต่าง ๆ มากมายเพื่ออาณาจักรและประชาชนได้ ทำให้ข้ารู้สึกชื่นชมยิ่ง”หลังจากที่นักพรตเฒ่าชุดเขียวพูดจบ หวังหยวนก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วรีบกล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่า หรือว่า... ในโลกนี้มีคนหลุดพ้นทางโลกเช่นท่านอยู่อีกมากมาย?”“พวกเขา... จะไม่พิชิตโลกนี้หรือ?”แม้ว่าหวังหยวนจะไม่อยากเข้าใจเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นนักพรตเฒ่าชุดเขียวแล้วก็อดคิดไม่ได้!เขาเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำนายหรือวิทยายุทธ์ล้วนอยู่ในระดับยอดเยี่ยม!หากจะบอกว่าเขาเป็นคนธรรมดา หวังหยวนไม่มีทางเชื่อ!และยังเห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขาที่พูดออกมาให้หวังหยวนฟังนั้นมาจากมุมมองของผู้เหนือกว่า!

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1219

    “ดินแดนทั้งเก้าในเวลานั้นจึงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายนานหลายปี มีการรบราฆ่าฟันกันทั้งวันทั้งคืนโดนไม่หยุดยั้ง!”“เรื่องเช่นนี้ทำให้กองกำลังหลักทั้งหมดรู้สึกเศร้าในใจและตัดสินใจต่อสู้จนตาย!”“ขณะนั้นในดินแดนทั้งเก้า การต่อสู้ที่แท้จริงระหว่างผู้คนมีวิทยายุทธ์เลิศล้ำได้เกิดขึ้น! พวกเขาต่อสู้อย่างสุดกำลังเสียจนทำให้ฟ้าดินมีแต่ความมืดมิด แสงจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ถึงกับหายไป!"“แต่สุดท้ายทุกฝ่ายก็ประสบกับการสูญเสียอย่างหนัก!”“ในตอนนั้นมียอดฝีมือหลายหมื่นคน แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นก็เหลือเพียงไม่ถึงหมื่นคน!”เมื่อหวังหยวนได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจเช่นกัน!การต่อสู้ของผู้คนหลายหมื่นคนที่สุดท้ายเหลือไม่ถึงหมื่นคนนั้นโหดเหี้ยมจริงๆ!ทั้งยังเป็นยอดฝีมือในยุทธจักรอีกด้วย!ขณะที่หวังหยวนตกใจ นักพรตเฒ่าชุดเขียวก็พูดต่อ “ผู้ที่เหลืออยู่หนึ่งหมื่นคนสุดท้ายต่างก็โศกเศร้าเสียใจ!”“พวกเขาสูญเสียทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูงไป แต่กลับไม่ได้อะไรเลย สิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นยาพิษร้ายแรงที่สุดที่ทำให้พวกเขาหลงทาง!”“ดังนั้น...ยอดฝีมือที่เหลืออยู่เหล่านี้จึงตกลงกันในเรื่องหนึ่ง!”“นั่นก็คือการจัดตั้งกอง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1220

    หวังหยวนมองนักพรตเฒ่าชุดเขียวแล้วรีบถาม“ท่านผู้เฒ่า หากเป็นเช่นนั้นท่านคิดว่าหากซานไว่ซานได้ปกครองโลก ข้าจะ... ตายหรือไม่?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ นักพรตเฒ่าชุดเขียวก็ถอนหายใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง“ผู้สืบทอดของเทียนไว่เทียนและซานไว่ซานในครั้งนี้แตกต่างจากในอดีต สิ่งที่เรียกว่าผู้สืบทอดนั้นจะถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกเกิด และผู้สืบทอดของเทียนไว่เทียนของพวกข้ามีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ยากที่จะหายขาด จึงย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซานไว่ซาน”“หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าก็คงไม่มาพบท่านและบอกเรื่องเหล่านี้ให้ท่านฟัง แต่เป็นเพราะว่าเทียนไว่เทียนของพวกข้าต้องพ่ายแพ้ในครั้งนี้อย่างแน่นอน ข้าจึงจะบอกเรื่องเหล่านี้ให้ท่านฟัง”“วิธีการของซานไว่ซานนั้นง่ายมาก พวกเขาจะสนับสนุนกองกำลังที่สามารถพิชิตแผ่นดินได้ง่ายที่สุด หากพิจารณาจากสถานการณ์ที่ผ่านมาในอดีต ฝ่ายที่สามารถพิชิตง่ายที่สุดในปัจจุบันก็คืออาณาจักรต้าเป่ย”“บางที...ในช่วงเวลาแรกที่พวกเขาปกครองโลกก็อาจจะฆ่าท่านและฮองเฮาผู้นั้นก่อน เพราะหากไม่มีท่าน หมู่บ้านต้าหวังก็จะไร้ผู้นำ แม้ว่าอาณาจักรต้าเป่ยจะไม่ปราบปรามก็คงอยู่ได้ไม่นาน”“ส่วนอาณาจั

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1221

    ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าในโลกนี้จะมีเหตุการณ์เช่นนี้ด้วย!เดิมทีคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปอีกหลายปี แต่กลับมีสิ่งที่เรียกว่าเทียนไว่เทียนและซานไว่ซาน!ที่สำคัญคือเทียนไว่เทียนจะไม่ได้ปกครองแผ่นดินอีกต่อไป กลายเป็นว่าซานไว่ซานจะเข้ามาปกครองแทน!หวังหยวนรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก!เขาไม่อยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่ก็ไม่อยากถูกผู้อื่นรังแก ดังนั้นหากซานไว่ซานไม่คิดจะฆ่าเขาจริง ๆ ก็คงจะดี!เขาจึงเข้าใจสาเหตุที่นักพรตชุดเขียวมอบตำราเล่มนี้ให้แก่เขา!โดยสาเหตุแรกคือเพื่อให้เขาต่อสู้แย่งชิงแผ่นดิน ปราบปรามดินแดนอื่นให้จงได้ เพื่อให้แผ่นดินนี้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ซานไว่ซานก็จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกส่วนสาเหตุที่สองคือหากเขาไม่ต้องการแย่งชิงแผ่นดินก็ช่วยให้เขามีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องตนเอง!ดูเหมือนว่านักพรตชุดเขียวจะมองทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง!หวังหยวนรู้สึกสิ้นหวังในใจ เหตุการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากทำตามที่เขาคาดไว้!ดังนั้นสิ่งแรกที่หวังหยวนทำก็คือฝึกฝนวิทยายุทธ์ตามวิธีการในตำราเล่มนี้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1222

    หญิงสาวในศาลากลางทะเลสาบพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เหยียบน้ำในทะเลสาบราวกับแมลงปอเหยียบผิวน้ำ เพียงไม่กี่วินาทีก็มาปรากฏตัวตรงหน้านักพรตชุดเขียวนักพรตชุดเขียวหัวเราะแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “หว่านเอ๋อร์ ทนอยู่แต่ในบ้านไม่ไหวจนออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้างแล้วหรือ?”เมื่อหญิงสาวที่ชื่อหว่านเอ๋อร์ได้ฟังเช่นนั้นก็ยังคงสวมผ้าคลุมหน้าสีขาวอยู่ แล้วพูดพลางหัวเราะว่า “ท่านอาจารย์ ท่านก็รู้สถานการณ์ของข้าอยู่แล้ว จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ดังนั้น... จึงต้องรีบดื่มด่ำกับความงามของโลกใบนี้เสียก่อนเจ้าค่ะ”เมื่อนักพรตชุดเขียวได้ฟังคำพูดนี้ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ใบหน้าฉายแววโศกเศร้า“ท่านอาจารย์ ท่านอย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก นี่คือโชคชะตาของข้า...”“น่าเสียดายที่ทำให้เทียนไว่เทียนเสื่อมเสียชื่อเสียง...”เมื่อนักพรตชุดเขียวได้ฟังแล้วจึงรีบพูดว่า “หว่านเอ๋อร์ อย่าพูดเช่นนั้นเลย เทียนไว่เทียนติดหนี้เจ้าต่างหาก”“หากไม่ใช่เพราะสงครามหกสิบปี เจ้าก็คงไม่ต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ เจ้าอายุยังน้อยแต่กลับเป็นเช่นนี้...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ นักพรตชุดเขียวก็รู้สึกเศร้าใจมากสวรรค์ช่างโหดร้าย ทำให

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1223

    ตัวนางเองก็ย่อมอยากไปเจอเช่นกันนางจึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น“ได้เจ้าค่ะ ไปพบเลยดีกว่า อย่าให้ตนเองต้องเสียใจภายหลัง...”สตรีผู้นั้นยิ้มแย้ม ทว่านัยน์ตากลับฉายแววจริงจังสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้หวังหยวนย่อมไม่ล่วงรู้ ในเวลานี้นอกจากธุรกิจและการฝึกฝนวิชาตามคัมภีร์แล้ว เขาก็ไม่มีสิ่งใดทำแล้วและในวันหนึ่งวังไห่เทียนก็มาพบหวังหยวน“คุณชาย งานประชุมกวีติ้งหลงไถกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้จัดที่นี่ แต่ก็ถือเป็นงานประชุมกวีระดับโลก ในเวลานี้แผ่นดินวุ่นวาย แต่เหล่ากวีแห่งเมืองหลิงก็ยังคงมีความกระตือรือร้นอย่างสูงต่องานประชุมอันยิ่งใหญ่ ดังนั้น... คุณชายคิดจะจัดงานประชุมกวีสักงานหรือไม่?”หลังจากที่วังไห่เทียนพูดจบ หวังหยวนก็ตาเป็นประกายขึ้นมาในทันที!ถูกต้องแล้ว!จัดงานประชุมกวีสักงาน!แม้ว่าเมืองหลิงจะเสื่อมโทรมลง แต่หวังหยวนก็ยังคงหวังว่าเมืองหลิงจะเป็นผู้นำด้านวัฒนธรรมไปทั่วทั้งโลก!ดังนั้นจึงต้องจัดงานประชุมกวีนี้ขึ้น! “พี่วัง ท่านช่างเตือนสติข้าได้ดีนัก ในเวลานี้ทุกสถานการณ์ในเมืองหลิงสงบลงแล้ว แต่กิจกรรมของบัณฑิตกลับมีน้อยนัก ในเวลานี้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมือง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1224

    ขณะกำลังเตรียมการจัดงานประชุมกวีชิงหลงแห่งเมืองหลิง หวังหยวนก็คิดถึงปีนั้นที่มีการจัดงานประชุมกวีติ้งหลงไถ จู่ ๆ อ๋องถูหนานก็ได้ก่อกบฏขึ้นมา ในที่สุดเขาก็และอู๋หลิงก็ได้ไปปกป้องกำแพงด่านหลงโถวราวกับว่าเรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้! แต่สรรพสิ่งยังเหมือนเดิม แต่คนเปลี่ยนไป ใครเล่าจะคิดว่าปัจจุบันสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้!ต้าเย่ในอดีตได้สูญสิ้นไปแล้วเพราะถูกแบ่งแยกออกเป็นดินแดนต่าง ๆ ตระกูลไป๋ครอบครองดินแดนสี่แห่ง ต้าเย่สามแห่ง ที่เหลือคือเขาและเมืองหวงฝ่ายละแห่ง!แม้ว่าแผ่นดินจะถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนแต่ก็สงบสุขมากขึ้นกว่าเดิมนอกจากในใจของหวังหยวนจะกังวลเรื่องนี้แล้วก็ยังมีเรื่องอื่นอีก!นั่นก็คือเรื่องซานไว่ซาน!เมื่อหวังหยวนคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าเวลาเริ่มกระชั้นชิดนัก!“สามี กำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”ในเวลานี้หลี่ซื่อหานและสตรีอีกสองคนก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มหวังหยวนเหลือบมองพวกนางครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวว่า “ไม่มีอะไร แค่คิดว่า... การเปลี่ยนแปลงในช่วงสองปีที่ผ่านมาช่างยิ่งใหญ่นัก...”แม้ว่าภายนอกจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ราวกับว่าเวลาภายในหมู่บ้านต้าหวังนั้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1225

    สำหรับเรื่องเช่นนี้ หวังหยวนนั้นย่อมเปิดรับทุกคนอยู่แล้ว หากพวกเขาปรารถนาจะดูก็ปล่อยให้ดูตามสบายเถิด เพราะหากพวกเขาสามารถเรียนรู้ได้สักหนึ่งหรือสองเรื่องได้ก็ถือว่าเขาได้มีส่วนช่วยโลกนี้แล้วเพียงแต่ว่าเกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถเรียนรู้กลวิธีของหวังหยวนได้เลย!บัดนี้ ณ เชิงเขาชิงหลงแห่งเมืองหลิง ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือนก็ได้มีการสร้างเวทีขนาดใหญ่ขึ้นบนเวทีนั้นมีโต๊ะวางอยู่มากมาย และบนโต๊ะเหล่านั้นก็มีหมึกและพู่กันวางอยู่!งานประชุมกวีชิงหลงที่จัดขึ้นในครั้งนี้มีการแข่งขันหลายด่านทั้งการแต่งบทกวี การตอบโต้บทกวีกันและการทายปริศนาบทกวี!โดยสรุปแล้วคือมีการแข่งขันหลากหลายรูปแบบ เพื่อคัดเลือกผู้ชนะเพียงคนเดียวเท่านั้น!สำหรับการประชุมกวีในครั้งนี้กล่าวได้ว่าเป็นที่จับตามองของทั้งแผ่นดิน!งานประชุมกวีชิงหลงเริ่มต้นขึ้นแล้ว หวังหยวนได้ขึ้นเวทีพร้อมกับเหล่าอาจารย์อาวุโสทั้งสี่ ซึ่งได้แก่ไห่เทียน จิ่วเปียน หลวนชิง และถงกู่เบื้องล่างเวทีนั้นเดิมทีเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันจอแจ แต่เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ทุกคนก็เงียบลงในทันทีผู้ที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนเป็นบัณฑิตจากแว่นแคว้นต่าง ๆ ที่เ

บทล่าสุด

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1870

    “ขอเพียงท่านไว้ชีวิตข้า เงินเหล่านี้ล้วนเป็นของท่าน!”“ถือเสียว่าข้าขอขมาลาโทษ!”หวังหยวนเย้ยหยัน หรือว่าเจ้าผู้นี้คิดว่าเงินทองซื้อได้ทุกอย่าง?หวังหยวนเตะเข้าที่ข้อมือของเขา ตั๋วเงินปลิวว่อน ผู้คนที่มุงดูต่างกรูกันเข้ามาแย่งชิง!สถานการณ์ช่างอลหม่าน!เฉินเทียนรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบ!เงินจำนวนมากถูกคนอื่นแย่งชิงไปหมดแล้วหรือ?ในใจเขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร?“ท่านผู้นำ จะจัดการกับมันอย่างไรดีขอรับ?”เกาเล่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้ว“พาตัวเขาไปหาตระกูลเฉิน ข้าอยากรู้ว่าเฉินเจิ้นหนานผู้นี้มีความสามารถมากเพียงใด!”“ถึงกล้าปล่อยให้ลูกชายอาละวาดในเมืองอู่เจียง!”หวังหยวนกล่าวอย่างเย็นชาหากเขามาไม่ถึงที่นี่คงไม่ยุ่งเรื่องวุ่นวายของชาวบ้านเช่นนี้ แต่ในเมื่อเขามาถึงเมืองอู่เจียงแล้ว ที่นี่ก็เป็นเขตของเขา เมื่อพบเจอคนพาล ย่อมไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ!เหงื่อเม็ดโตหยดลงมาจากหน้าผากของเฉินเทียนไม่หยุดขอเพียงไม่เอาชีวิตเขาก็ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ไม่ว่าหวังหยวนจะมีความสามารถล้นฟ้าหรือไม่ เมื่อไปถึงตระกูลเฉิน หวังหยวนย่อมไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน!ในเมืองอู่เจียง ไม่มีใครไม่ให้เกียรติ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1869

    เฉินเทียนที่เพิ่งถูกหวังหยวนสั่งสอนวิ่งนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งมา ปรากฏว่าเขาพาบ่าวไพร่มาล้อมพวกหวังหยวนไว้เกาเล่อมองไปที่หวังหยวน ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยเท่าที่เขาจำได้ เขาไม่เคยเห็นเฉินเทียนมาก่อน จู่ ๆ อีกฝ่ายก็มาหาเรื่องพวกเขาหรือว่าเป็นเพราะหวังหยวน?แต่หวังหยวนเพิ่งมาถึงเมืองอู่เจียง จะสร้างศัตรูเร็วเช่นนี้เลยหรือ?หวังหยวนไม่ได้อธิบาย เพียงแต่จ้องมองไปที่เฉินเทียนแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่มีเวลาสนใจเจ้า รีบไสหัวไปซะ!”“ไม่เช่นนั้นก็จงรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”ได้ยินเช่นนั้น เฉินเทียนไม่เพียงไม่กลัว กลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!เขาชี้หน้าหวังหยวนแล้วกล่าวเยาะเย้ย “สมองเจ้าโดนลาเตะมาหรือ?”“เจ้าดูสิว่าที่นี่คือที่ใด!”“ดูฐานะของข้าด้วย!”“ข้าเป็นคนของตระกูลเฉิน!”“ในเมืองอู่เจียง นอกจากสามตระกูลใหญ่แล้ว แม้แต่ผู้ว่าราชการเมือง เมื่อเจอข้าก็ยังต้องพูดจาด้วยความเคารพ!”“เจ้าเป็นใครไม่ทราบ?”สีหน้าของเกาเล่อพลันเปลี่ยนไปทั่วทั้งใต้หล้ามีสักกี่คนที่กล้าพูดกับหวังหยวนเช่นนี้ ช่างบังอาจนัก!ในพริบตาก็เห็นเขาวิ่งไปหาเฉินเทียนอย่างรวดเร็ว และเตะเข้าที่หน้าอกของเฉินเทียน!เฉินเ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1868

    แม้แต่หวังหยวนก็ไม่กล้ากระโดดลงมาจากชั้นสามโดยง่าย !แต่เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะประเมินแม่นางหรูเยียนต่ำเกินไป นางกลับเหาะหนีไปต่อหน้าต่อตา!ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!“ดูท่าต้องหาวิธีอื่นแล้ว!”หวังหยวนพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็เตรียมลงไปชั้นล่างอย่างไรเสีย ตอนนี้ก็จำใบหน้าของแม่นางหรูเยียนได้แล้ว แค่บอกกล่าวกับเกาเล่อ ต่อไปก็ยังสามารถตามหาตัวนางได้นางคิดหนี มีหรือจะง่ายดาย?ไม่มีทางหนีรอดพ้นฝ่ามือของเขาไปได้!หวังหยวนตัดสินใจแน่วแน่ จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างในขณะนี้แม่นางหรูเยียนกระโดดลงมาจากชั้นสาม และกำลังหลบอยู่ในตรอกแห่งหนึ่งโชคดีที่นางเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาและใบหน้ายังคลุมด้วยผ้าขาว ไม่มีใครจำนางได้ จึงไม่เกิดความวุ่นวายใด ๆ“ข้าจำเจ้าได้ หวังหยวนใช่หรือไม่?”“เจ้ารอข้าก่อนเถิด!”“ฟ้ายังมีตา วันหน้าข้าจะกลับมาแก้แค้นเจ้า!”“ถึงตอนนั้นข้าจะให้เจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้าแล้วก้มหัวขอขมาข้า!”“เพื่อให้เจ้ารู้ว่า การบังอาจรุกรานข้ามีผลเช่นไร!”แม่นางหรูเยียนพูดต่ออีกสองสามประโยค จากนั้นไม่เอ่ยคำใดอีก เดินลึกเข้าไปในตรอกอย่างรวดเร็ว!ในเมืองอู่เจียง หวังหยวนมีอำนาจล้นฟ้า หากเขาต้อ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1867

    “เจ้าช่างสมควรตายจริง ๆ...” แม่นางหรูเยียนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหวังหยวนที่ดูจริงจังไร้ซึ่งการล้อเล่น นางก็ทำได้เพียงสะกดกลั้นความโกรธไว้นางครุ่นคิดด้วยความลังเลชั่วครู่ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ว่ามาเถิด ท่านปรารถนาจะรู้เรื่องใดจากข้า?”หวังหยวนเผยยิ้มมุมปาก “ไม่ยากเลย ข้าเพียงต้องการรู้ที่ตั้งของพรรคทมิฬเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องรู้อะไรทั้งสิ้น”“เจ้าเชื่อมั่นศรัทธาในพรรคทมิฬมากและเชื่อมั่นในความสามารถของสาวกพรรคทมิฬ ต่อให้เจ้าจะบอกที่ตั้งแก่ข้า เจ้าก็คงมั่นใจว่าเบื้องบนย่อมรับมือได้ ดังนั้นการเปิดเผยเรื่องนี้ก็ไม่มีผลอะไรไม่ใช่หรือ?” แม่นางหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะวางแผนโจมตีพรรคทมิฬ! หากเขารู้ที่ตั้งฐานทัพของพรรคทมิฬ พรรคทมิฬคงไม่รอดพ้นเงื้อมมือเขาเป็นแน่! ยิ่งช่วงนี้สาวกพรรคทมิฬได้ออกอาละวาดทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้าด้วย ไม่ใช่แค่หวังหยวน แม้แต่ราชวงศ์ต้าเย่และต้าเป่ยต่างก็ต้องการกำจัดพรรคทมิฬให้สิ้นซาก!หวังหยวนและคนเหล่านั้นต่างยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันหากพวกเขาร่วมมือกัน พรรคทมิฬคงถึงคราวต้องลำบาก...

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1866

    นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1865

    หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1864

    “ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1863

    แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1862

    “ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”

DMCA.com Protection Status