นอกจากนี้ยังมีแคว้นกู่ด้วย!ซึ่งมันคือค่ายฐานของตระกูลเซิ่ง!ในขณะนี้ไป๋ชิงชางกลับไปยังเมืองหลวง หลังจากทิ้งกองทัพไว้ข้างหลังเพื่อรายงานสถานการณ์การต่อสู้ว่าสูญเสียทหารสองหมื่นนาย!แต่เซิ่งตงฉยงไม่ได้ตายในการต่อสู้ เพราะหนีรอดไปได้!ซ้ำยังหลบหนีไปทางต้าเย่ด้วย!“หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ตระกูลเซิ่งจะไม่มีโอกาสกลับมาอีก!”“แต่... พวกเขาจะไปเข้าร่วมฝ่ายต้าเย่ เรื่องนี้... มันช่าง... น่าปวดหัวเสียจริง!”ใบหน้าของไป๋เจิ้นถังเคร่งเครียดมาก!ไป๋ชิงชางได้ฟังเช่นนั้นก็สูดหายใจเข้า ทันใดนั้นก็เกิดความคิดแปลก ๆ ขึ้นในใจ“ท่านพ่อ ท่านคิดว่า… หวังหยวนจงใจจัดการทุกอย่างให้เป็นเช่นนี้หรือเปล่าขอรับ?”ทันทีที่ได้ยินประโยคดังกล่าว ไป๋เจิ้นถังและไป๋เฟยเฟยก็ตกตะลึง!โดยเฉพาะไป๋เจิ้นถัง!เขาพึมพำกับตัวเองว่า “หากหวังหยวนคาดการณ์มานานแล้ว... เช่นนั้นการคำนวณของเขาก็... โหดเหี้ยมเกินไป!!”เขาตกตะลึง สีหน้าบ่งบอกชัดว่าทำอะไรไม่ถูก!“หวังหยวนต้องจงใจเก็บเซิ่งตงฉยงไว้ให้กับต้าเย่ เพื่อทำให้ต้าเย่เป็นฝ่ายที่เราต้องกลัวที่สุด!”“ดังนั้น... เขาจะปลอดภัยอย่างแน่นอน...”ไป๋ชิงชางพูดด้วยสีหน้าตกตะ
เมื่อมาถึงจุดนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเช่นนี้อีกแล้ว!เซิ่งฟางสี่เป็นคนที่ถือได้วางได้!แม้ว่าจะประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้สิ้นหวัง!อย่างน้อยก็ยังมีทหารม้าอีกสี่หมื่นนาย!ก่อนออกเดินทางมา เขายังได้เก็บทรัพย์สมบัติของตระกูลเซิ่งมาด้วยมากมาย!มีเงินก็มีโอกาสกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!แต่เรื่องนี้อาจไม่ง่ายถึงเพียงนั้น!อย่างน้อยมันก็ยากสำหรับเซิ่งฟางสี่ในตอนนี้!“ท่านพ่อ เราควรทำอย่างไรดีขอรับ? ที่นี่คือต้าเย่ ต้าเย่อาจรู้ว่าเรายึดเมืองหนึ่งได้แล้ว หากอู๋หลิงนำกองทัพจำนวนหกหมื่นนายมาด้วยตนเอง เราก็ไม่สามารถต้านทานเขาได้!”“และหากต้าเย่และตระกูลไป๋ร่วมมือกัน เราก็จะต้องตายอย่างแน่นอน!”เซิ่งตงฉยงรีบพูดด้วยสายตาเป็นกังวลเซิ่งฟางสี่ได้ฟังเช่นนั้นก็สูดหายใจเข้าแล้วพูดว่า “สำหรับแผนการในปัจจุบัน... เกรงว่าจะต้อง... เข้าร่วมกับต้าเย่!”...ในเวลาเดียวกัน ไป๋เหยียนเฟยก็อยู่ที่ห้องนอนในวังหลวงทันใดนั้นไป๋หลิงก็เข้ามาพร้อมกับพาอู๋หลิงมาด้วย ทั้งสองมีใบหน้าเคร่งเครียด!“เกิดอะไรขึ้น?”เมื่อไป๋เหยียนเฟยเห็นอู๋หลิงมาหา หัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ถ้าอู๋หลิงมาแ
ก็ไม่อาจต้านทานได้ตลอดอยู่ดี!เมื่ออู๋หลิงได้ฟังเช่นนั้นจึงกล่าวว่า “ฮองเฮา เราควรพิจารณาเรื่องนี้อย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”เขาถามเช่นนี้ก็เพื่อสอบถามไป๋เหยียนเฟยว่าจะเก็บพวกเขาไว้หรือกำจัดทิ้ง!นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก!ไป๋เหยียนเฟยยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ตระกูลเซิ่งจะเจรจากับเรา บางทีจดหมายของพวกเขาอาจจะมาถึงแล้ว!”ทันทีที่ไป๋เหยียนเฟยพูดจบก็มีนางกำนัลมาที่หน้าประตู“ฮองเฮา มีจดหมายลับเพคะ”ไป๋หลิงได้ฟังเช่นนั้นจึงรีบไปหยิบจดหมายมาส่งให้ไป๋เหยียนเฟย!ไป๋เหยียนเฟยอ่านแล้วก็หัวเราะขึ้นมา“ดูสิ ตระกูลเซิ่งเลือกที่จะเข้าร่วมกับเรา”อู๋หลิงฟังแล้วจึงกล่าวว่า “ตระกูลเซิ่งมีความทะเยอทะยานมาโดยตลอด หากเราเก็บพวกเขาไว้ข้างกายจะเหมือนกับการเลี้ยงเสือไว้ข้างกายหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ไป๋เหยียนเฟยพยักหน้า “หากเป็นยามปกติ ข้าย่อมต้องสังหารตระกูลเซิ่งให้สิ้น!”“แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เราไม่อาจตัดพวกตระกูลเซิ่งทิ้งไปได้!”“หากไม่มีพวกตระกูลเซิ่งคอยต่อสู้กับฝ่ายเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วจะเกิดสถานการณ์แบ่งแยกแตกออกเป็นสามอาณาจักรได้อย่างไร!”“แต่ว่า... ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ตระกูลเซิ่งรู้ดีว
หวังหยวนยังคงรู้สึกดีกับจีหย่งมากเพราะเมื่อหลายปีก่อนในดินแดนต้าเย่ จีหย่งเป็นคนที่เป็นมิตรกับเขามากที่สุด!เขาฉลาดมาก ฉลาดเสียจนน่าทึ่ง!เด็กอายุเพียงสิบขวบแต่มีสติปัญญาชาญฉลาดเช่นนี้ น่าเสียดายที่ฮ่องเต้ซิงหลงถูกตระกูลเซิ่งวางยาพิษไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นจีหย่งอาจจะกลายเป็นฮ่องเต้ผู้เฉลียวฉลาดได้!“เตรียมบ้านไว้สักหลังแล้วพาพวกเขามาที่นี่”“ข้าอยากเจอพวกเขาด้วยตัวเอง”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เกาเล่อก็รีบไปจัดการในเวลานี้จีหย่ง เสียนกุ้ยเฟยและเหล่าข้ารับใช้อีกสองสามคนล้วนรู้สึกกังวล“ลูกเอ๋ย... พวก... พวกเรามาถึงเขตแดนของหวังหยวนแล้ว พวกเขาจะไม่ฆ่าเราใช่หรือไม่?”เสียนกุ้ยเฟยถามจีหย่งด้วยความกังวลจีหย่งส่ายหน้า “ท่านอาจารย์เป็นคนใจดีที่สุดที่ข้าเคยพบในโลกนี้ขอรับ”“เขา... ใจดีหรือ?”เสียนกุ้ยเฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าคำสองคำนี้มาได้อย่างไร!จีหย่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม“อืม อืม ไม่ต้องกังวลหรอกขอรับ เสด็จแม่ ท่านอาจารย์จะไม่ทำร้ายเรา”“หากอยู่ในเมืองหลิง พวกเราอาจจะได้มีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงและอยู่ห่างไกลจากการแก่งแย่งชิงดี...”เมื่อจีหย่งพูดจบ เสียนกุ้
“เชิญนั่งก่อนเถิด เสียนกุ้ยเฟย”หวังหยวนมองไปที่เสียนกุ้ยเฟยแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม“หลังจากนี้ท่านหวังอย่าได้เรียกข้าว่าเสียนกุ้ยเฟยอีกเลย เรียกข้าว่า... พี่หญิงจือเถอะ”ลูกชายของนางไม่คิดจะต่อสู้แย่งชิงแผ่นดินอีกต่อไป แล้วตำแหน่งเสียนกุ้ยเฟยของนางจะมีประโยชน์อะไร?“ฮ่า ฮ่า ได้เลย ขอเลี้ยงฉลองเนื่องในโอกาสมาถึงของพวกเจ้า”หวังหยวนให้พวกเขานั่งลง จากนั้นทั้งสามก็เริ่มกินข้าวร่วมกันทั้งสองเพิ่งเคยกินของอร่อยเช่นนี้เป็นครั้งแรกจึงต่างก็ประหลาดใจมาก มื้อนี้เป็นมื้อที่เอร็ดอร่อยและมีความสุข“หย่งเอ๋อร์ ข้ามอบบ้านหลังนี้ให้เจ้าแล้ว ต่อไปนี้เจ้าจะมีที่อยู่แล้ว ว่าแต่เจ้ามีแผนอะไรบ้าง?”หวังหยวนถามขึ้น เมื่อจีหย่งได้ฟังเช่นนั้นก็ตอบด้วยรอยยิ้ม“เมื่อก่อนไม่มีแต่ตอนนี้มีแล้วขอรับ”หวังหยวนฟังแล้วก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วเริ่มอยากรู้“แผนอะไร?”จีหย่งตอบตามตรงว่า “ข้าอยากติดตามท่านอาจารย์... เพื่อเรียนรู้การทำธุรกิจขอรับ!”แน่นอนว่าเขาต้องมีหนทางเพื่อความอยู่รอด!เขาฉลาดถึงเพียงนี้ย่อมสามารถทำธุรกิจได้!หวังหยวนหัวเราะ “เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย เจ้าช่างฉลาดยิ่งนัก ดี ถ้าเป็นเช่นนั้นอาจารย์ก
หลังจากได้ฟังเซิ่งฟางสี่พูดเช่นนี้ ไป๋เหยียนเฟยก็หรี่ตาลงพลางยกยิ้มความจริงนางเข้าใจสิ่งที่เซิ่งฟางสี่ต้องการจะพูดอยู่แล้วในใจ! แต่นางยังคงถาม“เซิ่งฟางสี่ เจ้าบอกมาสิว่าเหตุใดข้าจึงควรให้เจ้าดำรงตำแหน่งขุนนาง หากข้าเดาไม่ผิด การสิ้นพระชนม์ของฮ่องเต้ผู้ล่วงลับมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเซิ่งของเจ้าใช่หรือไม่?” หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดจบ เซิ่งฟางสี่ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดต่อ“ฮองเฮา กระหม่อมเคยทำสิ่งผิดพลาดไปในอดีต แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ตระกูลไป๋ได้เอาชนะตระกูลเซิ่งแล้วและพลังอำนาจของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ!”“ฮองเฮา กระหม่อมทราบว่าท่านเกลียดชังตระกูลเซิ่ง แต่กระหม่อมต้องบอกว่าทหารสี่หมื่นนายของตระกูลเซิ่งนั้นยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อต้าเย่!”“แม้ว่าท่านจะสังหารพวกกระหม่อม ท่านจะได้ความสาแก่ใจ แต่ตระกูลไป๋ย่อมมีความสุขมากกว่าอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”เซิ่งฟางสี่รีบอธิบายทันควัน แต่ไป๋เหยียนเฟยไม่ตอบสนอง เพราะนางย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดี!“ฮองเฮา มาร่วมพลังกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเซิ่งยินดีที่จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยท่านปกป้องต้าเย่ และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อสู
มีอู๋หลิงคอยปกป้องเมืองหลวงจึงมั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้!ยิ่งไปกว่านั้นคือต้าเย่มีทหารชั้นยอดถึงแปดหมื่นนาย!ทหารของเขามีเพียงสี่หมื่นนาย แล้วจะก่อความไม่สงบได้อย่างไร!เซิ่งฟางสี่ย่อมเข้าใจประเด็นนี้ดี เขาฉลาดมากที่พูดตรงใจนาง!ในเวลานี้ไป๋เหยียนเฟยกล่าวว่า “เซิ่งฟางสี่ นั่นจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใช่หรือไม่?”เซิ่งฟางสี่รีบตอบว่า “ไม่ ไม่ลำบากเลยพ่ะย่ะค่ะ ถือว่าเป็นเกียรติของกระหม่อมยิ่ง!”ไป๋เหยียนเฟยได้ฟังเช่นนี้ก็เข้าใจ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เซิ่งฟางสี่ ข้าเข้าใจดีว่าเจ้าต้องการจะสื่ออะไร!”“คำขอของเจ้า ข้าตอบตกลง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เซิ่งตงฉยงจะเป็นขุนพลใหญ่แห่งชายแดน!”“ส่วนเจ้า... ข้ายังคิดไม่ออกว่าจะให้ตำแหน่งอะไรดี แต่ข้าจะให้คำตอบเจ้าทีหลัง”เซิ่งฟางสี่สูดหายใจเข้าลึก แม้สีหน้าจะดูไม่ดีนักแต่ก็ทำได้เพียงอดทน!“น้อมรับพระบัญชา!”ไป๋เหยียนเฟยก็มองออกว่าเซิ่งฟางสี่ไม่พอใจจึงพูดว่า“เซิ่งฟางสี่ ข้าสัญญากับเจ้าว่าตราบใดที่ตระกูลเซิ่งของเจ้าช่วยข้าครองแผ่นดินและกำจัดตระกูลไป๋ ในภายภาคหน้า ตระกูลเซิ่งของเจ้าจะรุ่งเรืองและมั่งคั่งไม่มีที่ส
อู๋หลิงนึกถึงคนหลายคน แต่สุดท้ายเขาก็รู้แล้วว่าควรจะให้ใครมาคอยจับตามองเซิ่งฟางสี่!“เสนาบดีฝ่ายซ้าย หยางเฟิ่งกั๋วพ่ะย่ะค่ะ!”สำหรับหยางเฟิ่งกั๋วนั้น อู๋หลิงเคารพนับถือมากที่สุด!เพราะคนผู้นี้มีต้าเย่อยู่ในใจ ทุกสิ่งที่คิดจึงเป็นไปเพื่อต้าเย่ ไม่เหมือนเสนาบดีฝ่ายขวาที่ยังคิดอยู่ว่าจะเพิ่มอำนาจของตนเองได้อย่างไร!การตัดสินใจหลายอย่างของเสนาบดีฝ่ายขวานั้นช่างไร้สาระ มักเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน จนส่งผลให้เส้นทางการเป็นขุนนางของหวังหยวนต้องถูกทำลาย!แน่นอนว่ารากฐานของเรื่องนี้ยังคงเกิดจากความไม่มองการณ์ไกลของฮ่องเต้ซิงหลงด้วย เสนาบดีฝ่ายขวาเพียงแค่ต้องการได้รับความโปรดปราน จึงยกยอปอปั้นโดยไม่สนใจเรื่องศีลธรรมเลยจริง ๆ!แต่หยางเฟิ่งกั๋วไม่ใช่คนเช่นนั้น!สำหรับเรื่องนี้ในตอนนั้น บางคนก็อยู่ฝ่ายเขาแต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ฝ่ายยุยงฮ่องเต้ซิงหลง!แม้ว่าเขาจะถูกต่อว่าแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงความตั้งใจเดิม!นี่คือจิตสำนึกที่ข้าราชบริพารควรมี!ไป๋เหยียนเฟยที่ได้ฟังคำตอบก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ“ไม่เลวเลย หยางเฟิ่งกั๋วซื่อสัตย์และเที่ยงธรรมจริง ๆ คงสามารถจับตาดูเซิ่งฟางส
ตอนนี้หวังหยวนกลับพูดจาเยาะเย้ยเช่นนี้ นางจะไม่โกรธได้อย่างไร?“ดีนัก!”“พวกเราเพิ่งจะอยู่ร่วมกันไม่ถึงครึ่งปี ท่านก็เริ่มรังเกียจข้าแล้วหรือ?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้ข้าไปตอนนี้เลยแล้วกัน!”“ถือเสียว่าพวกเราไม่เคยรู้จักกัน!”หลิ่วหรูเยียนยังคงแข็งกร้าวเช่นเดิม พูดจบนางก็ลุกขึ้น เตรียมจะกระโดดลงจากรถม้าหวังหยวนรีบคว้าแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้ พลางเอ่ยขอโทษอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าพูดผิดไป เจ้าเป็นคนใจกว้าง อย่าได้ถือสาข้าเลย!”“อีกอย่าง ต่อให้ร่างกายของเจ้าจะมีรอยแผลเป็น แล้วจะเป็นอย่างไร? ใจของข้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!”“ข้ารู้ดีว่ารอยแผลเป็นบนร่างกายของเจ้าเกิดขึ้นเพราะข้า หากไม่มีรอยแผลเป็นนี้ บางทีข้าอาจจะลืมเลือนความดีของเจ้าที่มีต่อข้า แต่หากรอยแผลเป็นนี้ยังคงอยู่ ย่อมทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้น!”“อย่างน้อยก็ทำให้ข้าจดจำความดีของเจ้าได้ตลอดไป!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีนางรู้ดีว่าหวังหยวนไม่ใช่คนอกตัญญู ไม่เช่นนั้นในคืนนั้นนางคงไม่ยืนหยัดต่อสู้เต็มที่อยู่เคียงข้างหวังหยวน!ความทุ่มเทถือว่าได้รับผลตอบแทน!หลายวันผ่านไป หวังหยวนและพรรคพวกได้เดินทางมาถึงเชิงเขา
ครึ่งเดือนผ่านไป เนื่องจากเกาเล่อได้รวบรวมช่างฝีมือมามากมาย การก่อสร้างหอไร้เทียมทานจึงคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วยามนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วคาดว่าอีกครึ่งเดือน หอไร้เทียมทานก็จะสร้างเสร็จสมบูรณ์!และในช่วงเวลานี้ อาการของหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ดีขึ้น หวังหยวนได้ติดต่อกับคนของหมู่บ้านต้าหวัง เพื่อทำให้ทุกคนสบายใจตั้งแต่หลิ่วหรูเยียนล้มป่วย หวังหยวนนั้นไม่มีแก่ใจจะทำสิ่งใด ไม่ได้ติดต่อกับคนของหมู่บ้านต้าหวัง ซึ่งทำให้ต้าหู่และเอ้อหู่สองพี่น้องร้อนใจยิ่งนัก!ยามนี้เมืองหลิงอยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขาทั้งสอง แม้ว่าจะมีถงจื่อเจี้ยนและคนอื่นช่วยเหลือ แต่ทั้งสองนั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของหวังหยวนมากกว่าแม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด แต่ก็รักใคร่กันยิ่งกว่าพี่น้อง!แม้ว่ายามนี้จะมีอำนาจอยู่ในมือ แต่สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ!ขอเพียงพี่น้องได้อยู่ร่วมกัน ต่อให้ต้องสูญเสียแผ่นดินไป แล้วจะมีความหมายอะไร?เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง และในช่วงครึ่งเดือนนี้ หอไร้เทียมทานสร้างเสร็จสมบูรณ์ หวังหยวนออกจากเผ่าแล้ว ยามนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังเม
หากจะกล่าวให้ยิ่งใหญ่ขึ้นก็เพื่อปวงประชา!ดินแดนทั้งเก้าได้กลับคืนสู่ความสงบสุขได้ก็เพราะเขา เขาจึงต้องการให้ความสงบสุขนี้คงอยู่สืบไป ปวงประชาจะได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดกาล!“ไม่ทราบว่าท่านหมอเทวดาอันมีความคิดเห็นเช่นไร?”หวังหยวนเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาของเขา อันจูหมิงจึงรีบโบกมือเอ่ยว่า “ในเมื่อมีเรื่องดีเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะไม่เข้าร่วม? ข้าจะต้องมีที่นั่งในหอไร้เทียมทานนี้อย่างแน่นอน! ถือว่าเป็นการพิสูจน์ความสามารถของข้าด้วยก็แล้วกัน!”“อีกอย่าง ข้ารู้ว่าท่านมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า ปวงประชาต่างเคารพท่านราวกับเป็นฮ่องเต้ แม้แต่คนของอาณาจักรต้าเป่ยก็คิดเช่นนั้น!”“หอไร้เทียมทานย่อมต้องเจริญรุ่งเรืองภายใต้การดูแลของท่าน แล้วชื่อเสียงของข้าก็จะยิ่งโด่งดัง!”“เรื่องดีเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะพลาด?”คิดไม่ถึงว่าอันจูหมิงจะตอบรับอย่างง่ายดาย!หวังหยวนยินดียิ่งนัก “เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านหมอเทวดาอันที่ให้เกียรติ!”เมื่อได้หมอเทวดาอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าเข้าร่วม คาดว่าอีกไม่นานหอไร้เทียมทานนี้ก็จะสามารถรวบรวมผู้มีความสามารถไว้ได้มากมายแน
“รับความไว้วางใจจากผู้อื่น ต้องรักภักดีต่องานของผู้อื่น”อันจูหมิงหยิบขวดยาออกมาจากอกเสื้อ พลางเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือยาเม็ดที่ข้าปรุงให้ฮูหยิน ทานวันละหนึ่งเม็ด หลังอาหารเย็น ในนี้มียาสามสิบเม็ด หนึ่งเดือนต่อมา ฮูหยินก็จะหายดี!”หลังจากที่หวังหยวนและคนอื่น ๆ กลับมาเมื่อวาน ก็ให้เกาเล่อนำดอกหน้าผาชันมามอบให้อันจูหมิงเขาทำได้เพียงนำดอกหน้าผาชันกลับมา ส่วนการนำมาใช้เป็นยานั้นต้องอาศัยความสามารถของอันจูหมิงอีกทั้งอันจูหมิงก็ไม่ดื่มสุราเลย เพียงคืนเดียว ยาเม็ดนี้ก็ปรุงเสร็จ!“ยังต้องกินยาอีกหรือ?”หลิ่วหรูเยียนเดินมาด้วยสีหน้าจนใจ เมื่อเห็นขวดยาอันสวยงามประณีตก็ไม่รู้สึกสนใจแม้แต่น้อยเนื่องจากนางยังมีบาดแผล ทุกวันนี้จึงต้องดื่มยามากมาย ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายคิดไม่ถึงเลยว่าอาการป่วยของนางยังไม่หายดี แต่ปริมาณยากลับเพิ่มขึ้น ช่างน่าเจ็บใจนัก!หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือสิ่งที่พวกเราแลกมาด้วยชีวิต เจ้าต้องกินให้ดี ไม่เช่นนั้นทั้งข้า เกาเล่อ และเฉินอวิ่นจะเสียแรงเปล่า”“เกิดอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยส่วนอันจูหมิงที่อยู่ด้านข้างโบกมือ เมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดื่มสุรากับท่านสักสองจอกที่นี่ก็ถือว่าได้สหายเพิ่มอีกคน”“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ดูจากความร่ำรวยของท่านแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการเงินทอง ท่านคงเป็นผู้ช่วยที่ดี”ชายคนนั้นไม่เกรงใจ เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจหวังหยวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเนื่องจากไท่สื่อลี่ได้เตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของไท่สื่อลี่อย่างไรเสีย หวังหยวนก็ไม่อยากดื่มสุรากับคนทั้งเผ่า ประสบการณ์ครั้งก่อนยังคงแจ่มชัด เขาไม่อยากจะประสบพบเจออีก...อีกอย่าง ครั้งนี้ที่ต้องการจะดื่มสุราก็เพราะชายตรงหน้าคนนี้คนผู้นี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่มีความสามารถที่แท้จริง หวังหยวนเป็นคนชอบคนเก่ง หากสามารถทำให้คนผู้นี้มาทำงานให้ตนได้ ภายภาคหน้าย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเขา!“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปยังบ้านของไท่สื่อลี่ สายตาของหวังหยวนก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น“ท่านไม่ต้องสุภาพมากนักหรอก เรียกข้าว่าเฉินอวิ่นก็พอ”เฉินอวิ่นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนคนพเนจร ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เฉินอ
หวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับแต่งกายเรียบง่าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาใช้เงินเท่าที่จำเป็น คาดว่าเงินทองส่วนเกินคงจะมอบให้ผู้อื่นไปหมดแล้ว”“นี่อาจจะเป็นความหมายของคำว่าคุณธรรมก็เป็นได้”“แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ หากต้องการจะพิชิตใจคนผู้นี้ ดูท่าแล้วคงต้องใช้ความคิดมากกว่านี้”เกาเล่อพยักหน้าเห็นด้วย เป็นเช่นนั้นจริงๆครึ่งชั่วยามผ่านไป ชายคนนั้นกระโดดลงมาจากที่สูงเพียงไม่กี่ครั้งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกหวังหยวน ในมือของเขาถือเกสรดอกไม้ที่ส่องประกาย“นี่คือเกสรของดอกหน้าผาชันหรือ?”ดวงตาของหวังหยวนก็เป็นประกาย เขากำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ชายคนนั้นหดมือกลับ“สหาย ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง จ่ายเงินแล้วค่อยรับของ เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง”“หากข้าไม่เห็นเงิน ข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งนี้ให้ท่านได้”ชายคนนั้นมีท่าทีที่หนักแน่นหวังหยวนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทองนั้นมากมายยิ่งนัก แต่สำหรับข้าแล้วนั้นไม่นับว่ามากมาย เพียงแต่ว่าข้าไม่ได้พกทองติดตัวมามากมายเพียงนั้น หรือว่าท่านจะติดตามข้าไปยังเผ่
ดังเช่นที่ชายคนนั้นได้กล่าวไว้ บนหน้าผาสูงตระหง่านแห่งนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!แม้ว่าเกาเล่อจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศและฝึกฝนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อาจปีนป่ายหน้าผาได้!เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจะเสี่ยงอันตราย หากสามารถนำดอกหน้าผาชันกลับมาได้ย่อมเป็นเรื่องดีแต่หากไม่สำเร็จ คงต้องสูญเสียชีวิตไป...ในขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหวผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็เห็นชายคนนั้นมาถึงข้างกาย ใช้เถาวัลย์พันรอบเอวของเขา แล้วพาเขากลับลงสู่พื้นดินทุกอย่างราวกับความฝัน ทำให้เกาเล่อไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น!หลังจากที่ชายคนนั้นช่วยเหลือเกาเล่อแล้ว ก็ไม่ได้เสียเวลาพูดคุยกับพวกหวังหยวนอีก แต่กลับมุ่งหน้าไปยังหน้าผาอีกครั้ง!การเคลื่อนไหวนั้นช่างชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ!ทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนหน้าผารู้สึกราวกับกำลังชมการร่ายรำ เพียงแต่ว่าท่วงท่าอันงดงามนี้ หากเกิดความผิดพลาดเพียงครึ่งก้าวย่อมต้องแลกมาด้วยชีวิต!ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่งนัก!หวังหยวนและเกาเล่อสบตากัน เกาเล่อเอ่ยขึ้นว่า “ชาติที่แล้วเจ้านี่คงเกิดเป็นลิง ทักษะของเขาจะดีเยี่ยมปานนี้ได้อย่างไร? หรือว่าจะเป็นผู้มีวิชาที่เ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี