เซิ่งตงฉยงย่อมเข้าใจว่าพ่อของเขากำลังคิดเช่นไรและเขาเองก็มีความคิดแบบเดียวกันด้วย“ไม่เลว เจ้ามีความคิดอะไรบ้างหรือไม่?”หลังจากเซิ่งตงฉยงได้ฟังดังนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “การแก้ปัญหาเรื่องตระกูลไป๋ยังคงเป็นเรื่องยากด้วยวิธีการของเรา!”“ข้อได้เปรียบของเราคือเราไม่ต้องกังวล!”“แต่ตระกูลไป๋นั้นแตกต่างออกไป พวกเขาไม่เพียงแต่กังวลเรื่องตระกูลเซิ่งของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องเมืองหวงด้วย!”“เพราะฝ่ายเมืองหวงที่ต้องการบุกต้าเย่นั้นใจร้อนมานานแล้ว!”“และครั้งล่าสุดที่ตระกูลไป๋ขับไล่เมืองหวงออกจากต้าเย่ได้ ข้าเชื่อว่าเมืองหวงก็รู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจเช่นกัน!”เซิ่งฟางสี่ฟังแล้วก็พยักหน้า“ใช่ พ่อเองก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะรวมกับต้าเย่ แม้ว่าโลกนี้จะไม่มีศัตรูถาวร แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไป๋เหยียนเฟยกับตระกูลไป๋ก็ต้องแตกต่างออกไป”“พวกนางจะไม่ยอมเข้าร่วมกับพวกเราเพื่อกัดกินตระกูลไป๋ ดังนั้นในกรณีนี้เมืองหวงเป็นทางออกที่ดีจริง ๆ!”“ก็แค่... หากเจ้าต้องการทำเช่นนี้ เจ้าต้องเริ่มต้นให้ดี!”เซิ่งตงฉยงฟังแล้วจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านพ่
อ๋องเจิ้นตงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ตระกูลเซิ่งนี้เต็มไปด้วยเล่ห์กลและโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง จึงเกรงว่าร่วมมือกับพวกเขาจะไม่ง่ายสำหรับเราพ่ะย่ะค่ะ”เชื่อว่าพวกเขาทุกคนต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าตระกูลตระกูลเซิ่งมีวิสัยเช่นนี้นับตั้งแต่พวกเขาปรากฏตัวขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเซิ่งเซิ่งฟางสี่มีความคิดมากมายในใจ มีเล่ห์กลทุกประเภทและเป็นความคิดที่น่ากลัวอย่างยิ่งแต่สำหรับอ๋องถูหนานกลับนึกเย้ยหยัน“แม้ว่าตระกูลเซิ่งจะไม่ธรรมดา แต่นี่ก็เป็นโอกาสสำหรับเราเช่นกัน หากเรากำจัดตระกูลไป๋ออกไปแล้วบุกเข้าไปในสามแคว้นได้ ก็สามารถใช้เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นได้”“แม้ว่าจะหันมาแว้งกัดเราก็ไม่กลัวพวกเขา”“เพราะเมื่อพูดถึงการต่อสู้ ตระกูลเซิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรา”ความคิดของอ๋องถูหนานนั้นเรียบง่ายมาก ไม่ว่าตระกูลเซิ่งจะต้องการทำอะไรก็เพียงแค่ตอบตกลงไปก่อนไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใดแล้วจะสามารถทำอะไรได้?เพราะการศึกครั้งสุดท้ายขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของกองทหาร!ความแข็งแกร่งทางทหารของพวกเขาในเมืองหวงนั้น ตระกูลเซิ่งไม่สามารถเทียบได้!หลังจากเซียวฉู่ฉู่ได้ฟังแล้วจึงพยักห
ขณะนี้เซิ่งตงฉยงที่อยู่ในโรงเตี๊ยมกำลังถือจดหมายและยกยิ้มอ่อน“เมืองหวงเรียกข้าเข้าไปในวังหลวงเพื่อเจรจาลับตามที่คาดไว้”หลังจากที่เขาพูดจบ ผู้ติดตามของเขาก็เป็นกังวลมากจึงพูดว่า “นายน้อย เมืองหวงจะคิดร้ายกับท่านหรือไม่ขอรับ?”เซิ่งตงฉยงโบกมือแล้วพูดอย่างใจเย็น “การสังหารข้าจะไม่ส่งผลดีต่อเมืองหวงของพวกเขา ยิ่งกว่านั้นคือหากพวกเขาต้องการเปิดประตูสู่ต้าเย่ พวกเขาต้องจัดการกับตระกูลไป๋ก่อน ซึ่งการฆ่าข้าก็เท่ากับการสร้างศัตรู เป็นกำไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย”“หากพวกเขาไม่ต้องการร่วมมือกับเราก็สามารถเมินเฉยต่อข้าได้ แต่พวกเขาเรียกข้าไปเพื่อเจรจาเรื่องความร่วมมือ!”เซิ่งตงฉยงไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเลย อย่างที่เขาพูดว่าตนไม่ได้เสี่ยงอันตราย!“เอาล่ะ พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปที่นั่นคนเดียว”เมื่อเซิ่งตงฉยงออกมาจากโรงเตี๊ยมก็มีการเตรียมรถม้ามารอรับด้านนอกแล้วนี่คือวิธีการของอ๋องหลงซี ในเมืองหวงแห่งนี้มีเขาเพียงคนเดียวที่สามารถทำได้ในไม่ช้าเซิ่งตงฉยงก็เข้าไปในวังหลวงของเมืองหวงเซียวฉู่ฉู่แอบมาพบกับเซิ่งตงฉยง นอกจากนางแล้วยังมีอ๋องอีกสามองค์มาร่วมประชุมด้วย“ถวายบังคมไทเฮ
หลังจากที่เซิ่งตงฉยงพูดจบ เซียวฉู่ฉู่และคนอื่น ๆ ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง“อ้าว? ถ้าไม่แบ่งเช่นนี้จะแบ่งอย่างไรเล่า?”เซียวฉู่ฉู่ถามด้วยรอยยิ้มทันทีเมื่อเซิ่งตงฉยงได้ฟังดังนั้นก็ตอบว่า “สองดินแดน! ตระกูลเซิ่งของเราต้องการสองดินแดน!”เซียวฉู่ฉู่และคนอื่น ๆ มองหน้ากันแล้วหัวเราะ“หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือ พวกข้ามีกองกำลังนับแสนที่พร้อมต่อสู้กับตระกูลไป๋ หากบรรลุข้อตกลงก็อาจร่วมมือกับตระกูลเซิ่งได้”เซียวฉู่ฉู่ไม่ใช่คนโง่เขลา นางพูดตามตรง และคำพูดที่นางพูดทำให้สีหน้าของเซิ่งตงฉยงเปลี่ยนไปทันที!“ไท่จื่อแห่งอาณาจักรต้าอัน พวกเรามีความจริงใจ แต่สิ่งที่เจ้าพูดดูเหมือนจะไม่จริงใจสักเท่าใด ใช่หรือไม่?”เซียวฉู่ฉู่พูดอีกครั้ง หลังจากเซิ่งตงฉยงได้ฟังดังนั้นจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ พลางครุ่นคิดแล้วพูดตามตรง“แต่หวังหยวนนั้นรับมือได้ยากไม่ใช่หรือ?”เซียวฉู่ฉู่รีบโบกมือแล้วพูดว่า “หวังหยวนนั้น แม้ว่าเขาจะทรงพลังมาก แต่เขาก็มีกองกำลังไม่มากนัก สำหรับวิธีการของเขา พวกเราสามารถคิดหาวิธีโต้ตอบได้ แต่ระหว่างพวกข้ากับตระกูลไป๋นั้นเป็นคู่ต่อสู้กันอย่างแท้จริง เจ้าเองก
หลังจากที่เซิ่งตงฉยงกลับไปถึงที่พักของตนแล้วก็ถอนหายใจ เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะจัดการกับตระกูลไป๋ และปล่อยให้เมืองหวงจัดการกับหวังหยวน แต่ไม่คาดคิดเขาจะถูกเซียวฉู่ฉู่ขัดเสียก่อนแน่นอนว่าจุดที่สำคัญที่สุดก็คือการจัดการกับหวังหยวน เป็นเรื่องยากสำหรับเมืองหวงพวกเขาอยู่ห่างไกลจึงยืดมือไปไม่ถึง!ยิ่งไปกว่านั้นคือหวังหยวนยังอยู่ในต้าเป่ย หากมีปัญหากับตระกูลไป๋หวังหยวนก็คงจะไม่ยืนเฉย“หวังหยวนเอ๋ยหวังหยวน... ทำให้ข้าปวดหัวเสียจริง!”เซิ่งตงฉยงถอนหายใจแล้วเดินไปรอบ ๆ กลับมาเคร่งเครียดอีกครั้งแล้ว!ขณะนี้ต้องการโอกาสอย่างเร่งด่วน!โอกาสที่จะโจมตีหวังหยวนให้หนัก!โอกาสนี้สำคัญมาก ตราบใดที่มีอะไรเกิดขึ้นกับหวังหยวน แผนการของพวกเขาก็จะสามารถดำเนินไปได้อย่างง่ายดายแต่ว่า...จะแก้ปัญหาเรื่องหวังหยวนอย่างไร?นี่เป็นปัญหาหนัก!คนที่เขาสามารถพึ่งพาได้คือหงหยิ่งแต่หงหยิ่งยังไม่สามารถครอบงำเฉินอวิ๋นจื้อได้อย่างสมบูรณ์!ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาทางแก้ปัญหานี้ให้ได้!วิธีที่ง่ายที่สุดคือการสืบหาองค์กรเครือข่ายผีเสื้อของหวังหยวนในต้าอัน ตราบใดที่องค์กรเครือข่ายผีเสื้อของพวกเขาได้รับความเสียห
หวังหยวนย่อมไม่รู้เรื่องนี้ตระกูลไป๋เองก็ไม่รู้ว่าตระกูลเซิ่งกำลังเตรียมลงมือจัดการพวกเขาอยู่!เมื่อเทียบกับต้าเย่แล้ว ตระกูลไป๋ถือเป็นกองกำลังที่ต่อกรด้วยยากลำบากที่สุด!เพราะหากต้องการโจมตีตระกูลไป๋ คนแรกที่จะต้องโจมตีก็คือหวังหยวน!ตระกูลเซิ่งไม่เคยลังเลเลยในประเด็นนี้!แต่หวังหยวนนี้เปรียบเสมือนถังเหล็กที่ปิดสนิทจนเข็มยังไม่สามารถเข้าไปได้ และน้ำก็ไม่สามารถทะลุผ่านได้ จัดการได้ยากมาก!แม้ว่าเซิ่งตงฉยงจะมีคนเก่งอย่างหงหยิ่ง แต่เขาก็รู้ดีว่าเพียงเท่านี้นั้นไม่เพียงพอ!ดังนั้น...หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องใช้กลอุบายเพิ่มเติมกับหวังหยวน!ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถรับประกันได้ว่าไร้ข้อผิดผลาด!แต่ยังไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในหมู่บ้านต้าหวังแห่งนี้ได้เลย!แต่เซิ่งตงฉยงก็ไม่มีทางเลือกอื่น!ตระกูลไป๋และหวังหยวนนั้นต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และเชื่อใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการหว่านความขัดแย้ง!ตราบใดที่มีความขัดแย้งระหว่างตระกูลไป๋และหวังหยวนก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น!จะดีกว่านี้ถ้าทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กันเอง!เซิ่งตงฉยงมีสายตาเย็นชาขณ
เมื่อคิดว่าลูกชายของเขาจะค่อย ๆ เติบโตขึ้น หวังหยวนจึงคิดที่จะทำผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กด้วยเพื่อให้เด็กทุกคนในแผ่นดินนี้เติบโตได้แข็งแรงสมวัยในอนาคต!สิ่งแรกที่เขาคิดจะผลิตย่อมเป็นผ้าอ้อมเด็ก!สิ่งนี้เหมือนกับพวกโซฟี เพียงแต่เป็นผ้าอ้อมแบบกางเกงที่ขยายขนาดขึ้นเท่านั้น!อย่างที่สองคือสบู่เด็ก!ต้องสกัดมาจากพืชบริสุทธิ์ และจะต้องแปรรูปอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน!ด้วยเหตุนี้หวังหยวนจึงเริ่มลงมือทำ!เขาใช้เวลาทั้งวันอยู่ในโรงงานแห่งนี้!ในอีกด้านหนึ่ง เซิ่งตงฉยงกำลังคิดถึงวิธีหว่านความขัดแย้งระหว่างหวังหยวนและตระกูลไป๋หลังจากครุ่นคิดมานานเขาก็มีวิธีแล้ว!อย่างเดียวเกี่ยวกับหวังหยวนที่เขาสามารถเข้าไปยุ่งได้ในตอนนี้ คือเส้นทางการค้า!รวมไปถึงกลุ่มโจรที่หวังหยวนควบคุมที่เขาไม่สามารถควบคุมทุกคนอย่างทั่วถึงได้!เพราะเขามีคนจำนวนจำกัดในอาณาจักรต้าเป่ย!คนเหล่านี้ยังคงเป็นตัวหมากรุกที่ซุ่มซ่อนมานาน!“ดังนั้นเรามาเริ่มกันที่เส้นทางการค้ากันเถอะ!”เซิ่งตงฉยงเรียกคนสนิทของเขาสองคนมาทันที!“เจ้าสองคน ไปที่อาณาจักรต้าเป่ย รวบรวมกองกำลังของเรา แต่งตัวเป็นโจรแล้วปล้นพ่อค้าที่ผ่านไปมา จำไว้
บนถนนสายหลักของเมืองหยางมีกองคาราวานกลุ่มหนึ่งขับเกวียนบรรทุกผ้าไปข้างหน้าช้า ๆสีหน้าของคนที่เดินนำเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะพูดกับผู้คนรอบกายอย่างร่าเริง “ฮ่าฮ่า ถนนสายหลักในเมืองหยางสายนี้เรียบร้อยดีจริง ๆ!”“ใช่ ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนถนนสายนี้วุ่นวายมาก มีโจรอยู่ทุกหนทุกแห่งที่อยากจะกระโดดออกมาขโมยของและปล้นทรัพย์ ตอนนี้เราทุกคนมาถึงจุดที่ทุกอย่างราบรื่นได้แล้ว!”“ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกโจรจะกลับใจแล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะหยุดปล้นเท่านั้น แต่ยังช่วยพาเราไปส่งถึงที่หมายด้วย!”แต่ชายที่สวมผ้าไหมแพรมีสีหน้าไม่พอใจขณะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าไม่คิดว่ามันจะดีตรงไหนเลย แม้ว่าพวกเขาจะพาเราไปส่งก็จริง แต่เรายังต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้พวกเขา!”ชายที่สวมจี้หยกหัวเราะเบา ๆ ก่อนโบกมือแล้วพูดว่า “ฮ่าฮ่า เป็นเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว เงินที่พวกเขาต้องการก็ไม่ได้มากมายนัก เราสูญเสียเงินเพียงเล็กน้อย แต่หลีกเลี่ยงหายนะได้ก็ถือเป็นบุญของเราแล้ว!”“หากเราไม่ให้เงินจำนวนนี้แก่พวกเขา แล้วหากพวกเขาโกรธและปล้นทรัพย์ของเราทั้งหมด ความสูญเสียของเราจะไม่หนักหนาไปกว่านี้หรอกหรือ?”เมื่อชายในชุดผ้าไหมแพรได้ยินดังนั้นก็อ
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห