หวังหยวนมองพวกเขา แล้วรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่!ในสถานการณ์นี้ ตราบใดที่พวกเขาเคลื่อนไหวย่อมกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายอย่างแน่นอน!แต่ว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด!“ตอนนี้ตระกูลเซิ่ง, ตระกูลไป๋ และราชสำนักกำลังจะต่อสู้กัน ผลลัพธ์ของศึกครั้งนี้จะไม่อาจตัดสินได้รวดเร็วนัก!”เมื่อหวังหยวนพูดจบ พวกเขาทั้งหมดก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็เห็นว่าเป็นเรื่องจริง!ศึกครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตัดสินผลลัพธ์!“ทั้งตระกูลเซิ่งและตระกูลไป๋วางแผนกันมานานหลายปีแล้ว เกรงว่ากองกำลังเหล่านี้ที่อยู่เบื้องหน้าจะไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อพวกเขาต่อสู้ก็จะต้องทุ่มกองกำลังเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราเข้าร่วมอาจเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!”“และพวกเจ้าอย่าลืมว่าในโลกนี้ไม่ได้มีเพียงต้าเย่ของเราเท่านั้น แต่ยังมีเมืองหวงและหมานอี๋ด้วย!”“หากเรารู้เรื่องศึกครั้งนี้ พวกเขาก็จะรู้ด้วย!”“เมื่อถึงเวลานั้น...พวกเขาย่อมต้องการเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายใช่หรือไม่?”หวังหยวนคิดได้อย่างชัดเจนว่าแม้ตอนนี้เขาจะมีโอกาสควบคุมแผ่นดิน แต่เขาจะมีราคาที่ต้องจ่ายที่หนักหน่วงแน่นอน!
แม้ว่าในต้าเย่จะมีทหารม้าไม่น้อย แต่พวกเขากำลังใช้ต่อสู้กันเอง และไม่ได้สนใจคนนอกเลย!มีเพียงหวังหยวนคนเดียวเท่านั้นที่คิดเรื่องนี้!ขณะนี้มีจดหมายมากมายส่งมาถึงหวังหยวน!“ตระกูลเซิ่งได้เริ่มโจมตีเมืองหลวงแล้ว กองทหารสามหมื่นนายของอู๋หลิงพยายามยามต้านทานอย่างเต็มที่ การเคลื่อนไหวของตระกูลเซิ่งในเมืองหลวงถูกพวกเราสกัดกั้นไว้ แต่ก็ยังมีอีกมากที่ยังคงก่อปัญหา”“แต่... ยังไม่อาจบุกเข้าไปได้หรอกเพราะเมืองหลวงยังเข้มแข็ง!”เขาอ่านรายงานอย่างสบายอารมณ์แล้วกล่าวตามตรงในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อของเกาเล่อมีความสำคัญมาก!“พี่หยวน ถังหม่างนำกองกำลังของเขาไปหาหมานอี๋ มีคนเพียงหนึ่งหมื่นคนแต่มีอาวุธซับซ้อน ซึ่งน่าจะเพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายนั้นล่าช้าไปได้สักพัก!”“สำหรับเมืองหวง ลุงหานซานกับเอ้อหู่นำกองกำลังหนึ่งหมื่นห้าพันคนไปที่นั่น ทั้งยังนำอาวุธที่ซับซ้อนไปด้วย ดังนั้นพวกเขาน่าจะขัดขวางฝ่ายนั้นได้อีกสักพัก!”หลังจากที่เกาเล่อรายงานแล้วหวังหยวนก็พยักหน้า“อืม... ถึงแม้จะมีทหารม้าไม่เยอะนัก แต่ก็น่าจะเพียงพอ”หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ความสามารถของพวกเขาไม
หลังจากวางแผนการและพยายามอย่างหนักมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลเซิ่งและตระกูลไป๋มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถเอาชนะต้าเย่ได้ เรื่องนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ!ลองจินตนาการว่าการที่ตระกูลหนึ่งสามารถดำรงอยู่ได้ยืนยาว สิ่งที่สำคัญที่ทำให้เป็นเช่นนั้นได้ก็คือความสามารถ! และผู้นำ!ไม่ว่าจะเป็นตระกูลไป๋หรือตระกูลเซิ่ง ผู้นำของพวกเขาต่างก็มีพลังอำนาจแข็งแกร่งมากทุกรุ่น อย่างน้อยในยุคนี้ผู้นำของพวกเขาก็ล้วนมีพรสวรรค์ระดับแนวหน้า!กว่าจะเป็นเช่นนี้ได้ คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าค่อย ๆ วางแผนกันเพื่อจะมาให้ถึงจุดที่พวกเขาอยู่ในทุกวันนี้!จะบอกว่าพวกเขาไม่มีกำลังคนซ่อนเร้นอยู่งั้นหรือ?ไม่มีทาง!ดังนั้นศึกครั้งนี้อาจจะดุเดือด แต่ก็อาจจะเกิดขึ้นได้รวดเร็วเช่นกัน!พวกเขาล้วนเป็นคนใจเย็น หากช่วงเวลาวิกฤติมาถึงก็ยังสามารถตั้งรับได้!หวังหยวนเดาว่าการตัดสินผู้ชนะในครั้งนี้คงเป็นเรื่องยาก!แต่แผ่นดินถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนแล้ว จึงสามารถยกมาเป็นข้อสรุปได้ล่วงหน้า!ว่าฝ่ายที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาคือต้าเย่!หากไม่ใช่เพราะตระกูลเซิ่งและตระกูลไป๋คิดจะยึดครองมัน ก็เกรงว่าต้าเย่คงไม่สามารถอยู่ต่อไปได้แล้ว!ในเ
“ฮ่าฮ่าฮ่า หวังหยวนไม่ได้มาด้วยตนเอง พวกเจ้าสองพันคนไม่มีทางหยุดยั้งพวกข้าได้หรอก!”หลังจากที่อากู่ต๋าพูดจบ หวังหานซานก็ไม่กล่าวเรื่องไม่สำคัญอื่นอีก“อ๋องถูหนาน ให้ข้าแสดงอาวุธให้ท่านดูเสียก่อน หลังจากดูแล้ว ท่านจะรู้เองว่าพวกท่านจำเป็นต้องล่าถอยหรือไม่!”พูดจบหวังหานซานก็หยิบระเบิดออกมาขว้างออกไป!สิ้นเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวปรากฏหลุมขนาดใหญ่ที่พื้น!พลังทำลายล้างนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ทำให้สีหน้าของอากู่ต๋าเปลี่ยนไปทันที!“นี่คืออะไร!”เขาตกใจมากเพราะไม่เคยเห็นอาวุธเช่นนี้มาก่อน!“นี่คืออาวุธที่คุณชายหวังหยวนคิดค้นขึ้น อ๋องถูหนาน ท่านยังต้องการจะเดินทัพต่อไปหรือไม่?”หวังหานซานถามตามตรง ใบหน้าของอากู่ต๋ามืดมนหลังจากได้ฟังเช่นนั้น!แม้ว่าอาวุธดังกล่าวจะทรงพลัง แต่เขาก็ไม่กลัว!“ฮึ่ม! ข้ามีกองทัพถึงหนึ่งแสนนาย แต่เจ้าจะมีอาวุธท้าทายสวรรค์นั่นกี่ชิ้นล่ะ!”“เคลื่อนทัพไปสังหารพวกมันให้ข้า!”อากู่ต๋าพูดทันที ทหารทั้งหมดสองหมื่นนายจึงรีบวิ่งกรูไปหาพวกหวังหานซานทันที!“ยิงได้!”หวังหานซานไม่เสียเวลา สั่งคนให้ดึงหน้าไม้ยักษ์ออกมาโดยตรง หลังจากวางที่ใส่คันธนูแล้ว คนสามสี
ส่วนทางด้านหมานอี๋ เอ้อร์ฮาเดินทัพไปพร้อมกับทหารแปดหมื่นนายก่อนที่จะไปถึงเมืองสู่ พวกเขาเห็นถังหม่างกำลังรออยู่ที่นี่พร้อมกับทหารม้าหนึ่งหมื่นนายใบหน้าของเอ้อร์ฮามืดมนเมื่อเห็นถังหม่างเขามองถังหม่างด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดอย่างดุดัน “ถังหม่างเจ้าบังอาจเพียงใดจึงมาขวางทางพวกข้า?”เอ้อร์ฮาหรี่ตามองกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังถังหม่างอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นความเย้ยหยันก็พลันปรากฏขึ้นใบหน้าของเขา“ถังหม่าง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามหรือเปล่า เจ้านำกองทหารแค่หนึ่งหมื่นนายมา แต่ยังกล้ายั่วยุข้าหรือ?”ด้านหลังเอ้อร์ฮามีกองกำลังแปดหมื่นนาย!หากให้ทหารของเขาแต่ละคนถุยน้ำลายออกมา มันก็เพียงพอที่จะทำให้กลุ่มคนที่ถังหม่างพามาจมน้ำลายตายได้แล้วถ้าถังหม่างนั้นรนหาที่ตายจริง ๆ สิ่งเดียวที่รอเขาอยู่มีเพียงความตายเท่านั้นเมื่อเห็นท่าทางเย่อหยิ่งและเย้ยหยันของเอ้อร์ฮา ถังหม่างก็ยกยิ้มเย็นชาแล้วถามประชด “เอ้อร์ฮา เจ้าคิดว่าข้ากล้ามาขวางเจ้าที่นี่โดยไม่เตรียมการใด ๆ เลยหรือ?”“เตรียมการอะไรล่ะ?”ใบหน้าของเอ้อร์ฮาเต็มไปด้วยความดูถูก เขามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “เจ้าเตรียมจะคุกเข่าร้อ
“เก่งกาจถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”หมานจิ้งก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ“กระหม่อมจึงกังวลว่าถังหม่างจะมีอาวุธประหลาดเช่นนั้นอยู่ในมือด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่น่าจะมีไม่ใช่หรือ?”หมานจิ้งพูดอย่างลังเล “จะมอบอาวุธทรงอานุภาพเช่นนี้ให้กับผู้อื่นตามอำเภอใจได้หรือ หวังหยวนจะใช้มันเพื่อป้องกันตัวเองอย่างเดียวไม่ใช่หรือ?”“ไม่แน่ใจ...”ทันใดนั้นถังหม่างที่กำลังมองเอ้อร์ฮาด้วยรอยยิ้มก็พูดว่า “จงฟังคำแนะนำของข้า รีบถอยกลับไปโดยเร็วที่สุด”“ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะต้องทุกข์ทรมานมาก”เอ้อร์ฮาได้ฟังดังนั้นก็มีใบหน้ามืดมนทันทีเขาขมวดคิ้วเก็บซ่อนความกลัวไว้ในใจ ก่อนจะสูดจมูกอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “จริงหรือ?”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีไพ่ตาย ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเย่อหยิ่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เลว!”“ในเมื่อพวกเจ้าไม่เต็มใจจะฟังคำแนะนำของข้า เช่นนั้นข้าก็จะแสดงให้เจ้าเห็นว่าไพ่ตายของข้าคืออะไร”เขาเหลือบมองเอ้อร์ฮาที่อยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชา แล้วค่อย ๆ หยิบระเบิดที่เขาเตรียมไว้เมื่อนานมาแล้วออกมา จากนั้นชูขึ้นต่อหน้าถังหม่าง“เอ้อร์ฮา เจ้าคิดว่านี่คืออะไร?”เมื่อเอ้อร์ฮาเห็นชัดเจนว่าถ
“พ่ะย่ะค่ะ!”รองขุนพลรีบวิ่งไล่ตามหมานต๋าถูไปทันที สีหน้าของเขาจริงจังระคนเศร้าหมองอย่างยิ่ง เขาต้องเตรียมติดตามหมานต๋าถูไปสังหารกลุ่มคนของถังหม่างทันที!เมื่อหมานต๋าถูขี่ม้ามาถึงสนามรบเอ้อร์ฮาเห็นหมานต๋าถูกำลังขี่ม้ามุ่งตรงมา เขาพลันตกตะลึงแล้วตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ท่านอ๋องมาแล้ว ท่านอ๋องเสด็จมาปราบศัตรูด้วยพระองค์เอง!”ทหารที่อยู่รอบ ๆ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าตื่นเต้นเมื่อได้ฟังเช่นนี้!พวกเขาชูแขนตะโกนด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ราวกับว่าหากหมานต๋าถูมาที่นี่ สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวของพวกเขาได้!หมานต๋าถูค่อย ๆ เดินไปตรงหน้าฝูงชน เอ้อร์ฮาที่อยู่ข้างเขารู้สึกดีใจมาก เขาโค้งคำนับให้หมานต๋าถูทันทีแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”ความฮึกเหิมของทุกคนเพิ่มขึ้นมากทันทีที่เห็นหมานต๋าถูมาปรากฏตัวที่นี่!ใบหน้าของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความดีใจ พวกเขาชูแขนขึ้นแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านอ๋องเป็นผู้นำทัพปราบข้าศึกเอง หมานอี๋ต้องชนะศึกครั้งนี้แน่นอน!”“ท่านอ๋องเป็นผู้นำทัพปราบข้าศึกเอง หมานอี๋ต้องชนะศึกครั้งนี้แน่นอน!”หมานต๋าถูยกยิ้มอ่อนแล้วโบกมือส่งสัญญาณให้
หลังจากออกคำสั่ง ทหารสองหมื่นนายก็ยกธงรบขึ้นสูงทันที พวกเขามีท่าทีโหดร้ายเป็นพิเศษ ทุกคนต่างคำรามและตะโกนให้เริ่มโจมตีพวกถังหม่าง!ถังหม่างเห็นเช่นนั้นจึงยิ้มอย่างเย็นชา“หมานต๋าถูคิดว่ามีโอกาสชนะจริงหรือ? ดูเหมือนว่าหากไม่สอนบทเรียนให้พวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่ยอมรับความจริงที่ว่าพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้”ถังหม่างกำระเบิดไว้ในมือของเขา แม้ว่าทหารหลายคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะรู้สึกไม่สบายใจเลย แต่เมื่อเห็นว่าขุนพลถังหม่างไม่มีท่าทีว่าจะถอย พวกเขาจึงยังคงยืนอยู่ด้านหลังเพื่อคอยปกป้องถังหม่างอย่างแน่วแน่!เมื่อเห็นกองทหารของศัตรูสองหมื่นนายเข้ามาใกล้!ในช่วงเวลาวิกฤติอย่างยิ่งนี้ ถังหม่างโบกมือแล้วพูดด้วยความโกรธ “ในเมื่อพวกเจ้ากำลังรนหาที่ตายเองอย่างประมาท เช่นนั้นข้าก็จะช่วยสงเคราะห์ให้!”สิ้นเสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยว ทันใดนั้นถังหม่างก็ขว้างระเบิดไปยังตำแหน่งตรงหน้าเขา!ระเบิดลูกนั้นลอยเป็นวิถีโค้งพุ่งเข้าใส่ฝูงชนทันที วินาทีต่อมาก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว และควันไฟลอยฟุ้งจนปกคลุมฝูงชน!ทรายและฝุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นมาในทันที ทหารจำนวนมากถูกแรงอัดที่รุนแรงกระแทกจนร่างกระเด็นห่าง
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย