ราวกับคิดว่าเนื้อกระต่ายนั้นคือหวังหยวน!เมื่อรองขุนพลที่อยู่ข้างเขาเห็นว่าในที่สุดเซิ่งตงฉยงก็ยอมกินอาหารแล้ว ใบหน้าของเขาจึงดีใจทันที จากนั้นเขาก็เริ่มกินด้วยเช่นกันเป็นเวลาหลายวันแล้วที่พวกเขาอยู่ในสภาพตึงเครียดหนักหน่วง และในที่สุดพวกเขาก็มีเวลาพักผ่อน รองขุนพลจึงนึกอยากจะยึดเวลานี้ให้นานขึ้น เพื่อพักผ่อนให้เต็มที่แต่ทันใดนั้น เซิ่งตงฉยงก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบดังมาจากระยะไกลสีหน้าของเซิ่งตงฉยงกลายเป็นจริงจังมาก สายตาดุดันจ้องมองไปในระยะไกลอย่างจริงจังเขาส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ข้างหลังเขาเงียบ ขณะมองไปในระยะไกลด้วยสายตาเคร่งขรึม หลายคนมายืนอยู่ข้างเซิ่งตงฉยงพลางมองไปยังทุ่งหญ้าในระยะไกลอย่างระมัดระวัง พวกเขามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในหญ้าหนาทึบนั้นเสมอเซิ่งตงฉยงเหงื่อออกโซมกายขณะหายใจแรง สีหน้าของเขาจริงจังเป็นพิเศษ เขาหยิบธนูและลูกธนูในมือขึ้นมาเล็งไปที่พงหญ้าในระยะไกลแต่ทันใดนั้นเสียงย่ำหญ้าแห้งดังกรอบแกรบก็เริ่มดังขึ้น!ทหารสวมชุดเกราะกลุ่มหนึ่งรีบกระโจนออกมาจากกองหญ้าผู้นำคืออู๋หลิงนั่นเอง!เมื่อเซิ่งตงฉยงเห็นอู๋หลิงก็มีสีหน้าเคร่งเครียดมาก นัยน์ตาของเขาเต็มไปด
เมื่อเสียงสั่งการของอู๋หลิงดังขึ้น พลหน้าไม้ก็เข้าประจำตำแหน่งทันที!ทันใดนั้น คันธนูและลูกธนูก็ทะยานออกไปทั่วท้องฟ้า มุ่งเป้าไปที่ฝ่ายเซิ่งตงฉยง!ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงตื่นตระหนก!พวกเขาทำได้เพียงพยายามต้านทานอย่างสุดกำลังเท่านั้น มีกำลังพลอยู่หนึ่งพันคน และเพิ่งประสบกับการต่อสู้อันหนักหน่วงมาด้วย ทั้งยังเดินทางมาแล้วทั้งวัน ผลก็คือเมื่อถูกอู๋หลิงซุ่มโจมตีตอนนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะต้านทาน!เซิ่งตงฉยงเจ็บปวดมาก เมื่อเขาเห็นว่าคนของเขานับพันคนถูกฆ่าตายหรือได้รับบาดเจ็บทันที!เขาต้องการหลบหนี แต่มันยากมากในเวลานี้ ทั่วบริเวณถูกรายล้อมไปด้วยข้าศึกนับหมื่น จึงไม่มีทางที่จะหลบหนีได้!เมื่ออู๋หลิงเห็นดังนั้น จึงโบกมืออีกครั้ง เหล่าทหารนับหมื่นจึงรีบรุดไปข้างหน้านี่เป็นการสังหารหมู่ฝ่ายเดียว คนของเซิ่งตงฉยงถูกสังหารจนราบคาบภายในเวลาเพียงสิบนาที มีคนเหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น!เมื่ออู๋หลิงโบกมือทุกคนก็เข้าไปล้อมรอบอีกฝ่ายไว้“เซิ่งตงฉยง ยอมแพ้เสีย เจ้าหมดทางหนีแล้ว”ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีทางหนีรอดไปได้ ถ้าสู้ก็มีทางเดียวคือต้องตาย!“อู๋หลิง ตอนนี้ข้าอยากจะถามเจ้าอย่างหนึ่ง เ
อู๋หลิงส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ข้ามักจะรู้สึกว่าเซิ่งตงฉยงมีบางอย่างผิดปกติ”“ผิดปกติหรือขอรับ?”รองขุนพลคนสนิทสับสนมาก ไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร“ใช่ เขา... ดูสงบมากเกินไป”อู๋หลิงตอบ รองขุนพลได้ฟังคำตอบแล้วกลับยกยิ้ม“ท่านขุนพล ข้าคิดว่าท่านคงคิดมากไปแล้วขอรับ ตอนนี้เขาเป็นหมูในอวยแล้วย่อมต้องสงบเสงี่ยม หรือพูดอีกอย่างก็คือ อาจจะกำลังหดหู่จนจิตตกไปแล้วก็ได้ขอรับ”“เพราะฝ่ายเราจะยึดแคว้นกู่ได้อย่างแน่นอน ตอนนี้เขาคงไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากสิ้นหวัง”รองขุนพลไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ เพราะสถานการณ์มาถึงจุดนี้แล้วจะเกิดปัญหาได้อย่างไร?ในสายตาของเขาเซิ่งตงฉยง เขาต้องรู้สึกว่าฝ่ายเขาเพลี่ยงพล้ำแล้ว ไม่มีทางคิดหนีได้อีกแต่อู๋หลิงกลับปฏิเสธ!“แม้ว่าข้ากับเซิ่งตงฉยงจะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แต่ข้าก็ยังรู้จักเขาดี เขาไม่ใช่คนยอมแพ้โดยง่าย!”“แต่เขากลับสงบเกินไป ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่ากำลังจะมีเรื่องร้ายบางอย่างเกิดขึ้น!”หลังจากที่อู๋หลิงพูดเช่นนั้น เขาก็พูดอีกครั้ง “จงระมัดระวังตลอดทาง อย่าปล่อยให้มีช่องโหว่”ในเวลาเดียวกัน ไป๋เจิ้นถังจัดขบวนทัพนอกประตูเมือง และถ
ไป๋เจิ้นถังมีความศรัทธาอู๋หลิงมาก!หมื่นคนต่อพันคนยังชนะได้ เขาต้องสามารถจับเซิ่งตงฉยงได้แน่นอน!เขาจึงคิดว่าเซิ่งตงฉยงไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่นอน!ไป๋เฟยเฟยกหรี่ตาลง นางเห็นด้วยกับความคิดของพ่อ!อู๋หลิงเติบโตเคียงข้างอู๋มู่มาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับอิทธิพลจากทุกสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินจากพ่อเท่านั้น แต่เขายังเคยทำศึกด้วยตัวเองมานับไม่ถ้วน!เขามีพรสวรรค์ด้านสงครามที่หายาก!การจับเซิ่งตงฉยงจึงน่าจะเป็นเรื่องง่าย!เมื่อคิดเช่นนี้สองพ่อลูกก็รู้สึกโล่งใจอย่างยิ่งขณะเดียวกัน หลังจากที่เซิ่งฟางสี่กลับถึงบ้าน เซิ่งตงหยวนกับน้องชายก็รู้สึกกังวลมาก“ท่านพ่อ พี่ใหญ่พ่ายแพ้แล้วจริงหรือขอรับ?”เซิ่งฟางสี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยสายตาเย็นชา“แม้ว่าพ่อจะไม่รู้ว่าฉยงเอ๋อร์พ่ายแพ้ได้อย่างไร แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน หากไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้ว!”เมื่อสองพี่น้องได้ฟังเช่นนี้ก็หน้าเสียทันที!“นี่... นี่เราควรทำอย่างไรดีขอรับท่านพ่อ มีคนจากฝ่ายต้าเย่อย่างอู๋หลิงอยู่ข้างนอก ถ้าพี่ใหญ่กลับมาไม่ได้ พวกเรา... จะไม่ตกอยู่ในหายนะหรือขอรับ?”มีทหารอย่างน้อยแปดหมื่นนายล้อมอยู่ข้างนอก แม
อู๋หลิงตะคอกอย่างเย็นชา ความอึดอัดในใจของเขาทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ!“อู๋หลิง ในชีวิตเจ้ายังไม่เคยพ่ายแพ้ คราวนี้เจ้าจะไม่เพียงแค่พ่ายแพ้เท่านั้น แต่เจ้ายังจะต้องตายด้วยน้ำมือของข้าอีกด้วย!”“ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้าฆ่าข้า ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครล้างแค้นให้เจ้า”เซิ่งตงฉยงพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งทำให้ใบหน้าของอู๋หลิงเคร่งเครียดมากกว่าเดิม“เซิ่งตงฉยง เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรออกมา?”“เจ้าอยากจะเอาชนะข้าหรือ? ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษของข้าแล้ว แล้วเจ้าจะเอาชนะข้าได้อย่างไร?”แม้ว่าอู๋หลิงจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเซิ่งตงฉยงไปเอาความมั่นใจมาจากไหน!เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เซิ่งตงฉยงก็ระเบิดเสียงหัวเราะ“ประเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง!”“โอ้... ไม่สิ... ตอนนี้...เจ้าก็จะได้รู้แล้ว!”หลังจากที่เซิ่งตงฉยงพูดจบ อู๋หลิงก็สัมผัสได้ถึงเจตนามุ่งสังหารที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง!เจตนามุ่งสังหารนั้นชวนให้หนาวเหน็บ!ก่อนที่เขาจะทันได้โต้ตอบ วินาทีต่อมาลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาทางนี้ทันที!ขณะเดียวกันในป่าทึบ จู่ ๆ ร่างในชุดดำสิบร่างก็ทะยานออกมา แล้วมายืนหน้ากรงขังเซิ่งต
เซิ่งตงฉยงมองอู๋หลิงด้วยสายตายั่วยุ!ส่วนอีกสิบเอ็ดคนกำลังคุกเข่าลงตรงหน้าเซิ่งตงฉยงในขณะนี้“คุณชาย ท่านต้องลำบากเสียแล้ว”ผู้นำในชุดสีแดงถอดผ้าคลุมหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้างดงาม“ไม่ลำบากนักหรอก ก็แค่... เมื่อครู่นี้ที่ข้าพ่ายแพ้แล้ว ทำได้เพียงรอให้พวกเจ้ามาจัดการ เฮ้อ...”เซิ่งตงฉยงไม่อยากจะใช้พลังลับนี้เลย!นี่คือเส้นสนกลในของตระกูลเซิ่ง!มรดกตกทอดที่แท้จริง!“หงหยิ่ง คราวนี้มีคนมากี่คน?”เซิ่งตงฉยงถาม เมื่อผู้นำหญิงได้ฟังก็ตอบทันที “สามหมื่นเจ้าค่ะ”เซิ่งตงฉยงพยักหน้า “กองกำลังทหารม้าสามหมื่น... แต่คราวนี้ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เขาสูญเสียกองกำลังทั้งสามหมื่นนี้แน่นอน!”“ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นที่แคว้นกู่?”หลังจากที่เซิ่งตงฉยงพูดจบแล้ว หงหยิ่งก็ตอบด้วยความเคารพ “ยังคงยึดฐานที่มั่นไว้ได้ ตระกูลไป๋และต้าเย่จะยังไม่อาจบุกเข้าไปได้อีกสักระยะหนึ่ง”เซิ่งตงฉยงฟังแล้วก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“เยี่ยมมาก พวกเจ้าทั้งสิบคนไปจับเป็นอู๋หลิงมา ส่วนหงหยิ่ง ข้าจะให้เจ้าทำภารกิจลับ!”เซิ่งตงฉยงมองหงหยิ่งด้วยสายตาเย็นชาอย่างยิ่ง“คุณชายโปรดบอกมาได้เลยเจ้าค่ะ”“ช่วยไปฆ่าใครคนหนึ่งให้ข้า เขา
นกพิราบสื่อสารตัวดังกล่าวร่อนลงไปเกาะอยู่หน้าโต๊ะของเขานกพิราบสื่อสารตัวนี้มีปลอกขาสีแดงดำอยู่ที่เท้า เมื่อเห็นนกพิราบสื่อสารตัวนี้ เซิ่งฟางสี่ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหยิบจดหมายออกมาจากนกพิราบสื่อสารหลังจากอ่านข้อความสั้น ๆ บนนั้นแล้วเซิ่งฟางสี่ก็มีสีหน้าเย็นชา“หวังหยวน... หวังหยวนผู้ประเสริฐ สังหารกองกำลังของลูกชายข้าไปสามหมื่นนาย จนทำให้เขาเกือบตายด้วยน้ำมือของอู๋หลิง!”เซิ่งฟางสี่ขมวดคิ้วพลังที่ซ่อนอยู่ของตระกูลเซิ่งไม่เคยถูกนำมาเปิดเผย ดั่งถูกซ่อนเร้นอยู่ในความมืด เพียงแค่รอช่วงเวลาสำคัญที่จะสร้างความแตกต่าง!สำหรับเซิ่งตงฉยง มันเป็นเพียงกลอุบายของเซิ่งฟางสี่!พวกเขาทุกคิดว่ากองกำลังของเซิ่งตงฉยงคือไพ่เด็ดของตระกูลเซิ่งแต่ทุกคนคิดผิด เพราะนี่คือกลอุบายที่เซิ่งฟางสี่จัดไว้ให้พวกเขาคิดเช่นนั้น!คนสามหมื่นคนเหล่านั้น ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่ต้องความพยายามอย่างมากในการฝึกฝนการสูญเสียพวกคนไปถึงสามหมื่นคนจึงทำให้โศกเศร้ามากแต่โชคดีที่เหตุการณ์นี้ยังไม่ก่อให้เกิดความยุ่งเหยิง หรือกล่าวอีกทางคือมันยังคงอยู่ใต้การควบคุมของเขา!ทันทีที่เซิ่งตงฉยงปรากฏตัว เซิ่งฟางสี่ได้วางแ
ทันทีที่ไป๋เจิ้นถังอ่านจดหมายจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป!เช่นเดียวกับไป๋เฟยเฟย!หากอู๋หลิงพ่ายแพ้แล้ว!นั่นไม่ได้เป็นเพราะกองกำลังนับพันคนของเซิ่งตงฉยงแน่นอน!ไพร่พลที่กล้าหาญของพวกเขามีอย่างน้อยหนึ่งหมื่นคน!อีกทั้ง....ยังมีทหารชั้นยอดอีกหนึ่งหมื่นนายด้วย!หากรวมกันคงถึงสามหมื่นนาย!เมื่อรวมกับกองทหารรักษาการณ์สามหมื่นนายในแคว้นกู่ก็เท่ากับหกหมื่นนาย!โจมตีจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ต่อให้ฝ่ายพวกเขาเองจะมีกองกำลังถึงเจ็ดหมื่นนายก็คงไม่อาจประมือได้!ไป๋เจิ้นถังคิดเช่นนี้ก็ตกตะลึงทันที ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยหวาดกลัวและความไม่เชื่อ!“ตระกูลเซิ่งมีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร นี่มัน... นี่มันเป็นไปไม่ได้!”ไป๋เจิ้นถังพูดด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง!แต่ในขณะนี้มีทหารอีกคนเข้ามารายงาน!“ท่านหัวหน้าตระกูล แย่แล้วขอรับ... ประตูเมืองแคว้นกู่เปิดออก และกองกำลังของตระกูลเซิ่งก็รีบออกไปแล้ว!”เมื่อไป๋เจิ้นถังได้ฟังเช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว!“ท่าไม่ดีแล้ว!”“ต้องเป็นเซิ่งตงฉยงพร้อมกับไพ่เด็ดของเขายกทัพมาสมทบแล้วเป็นแน่!”“ถอยทัพด่วน!”ตอนนี้ไป๋เจิ้นถังรู้สึกตัวแล้วจ