เซิ่งตงฉยงมองอู๋หลิงด้วยสายตายั่วยุ!ส่วนอีกสิบเอ็ดคนกำลังคุกเข่าลงตรงหน้าเซิ่งตงฉยงในขณะนี้“คุณชาย ท่านต้องลำบากเสียแล้ว”ผู้นำในชุดสีแดงถอดผ้าคลุมหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้างดงาม“ไม่ลำบากนักหรอก ก็แค่... เมื่อครู่นี้ที่ข้าพ่ายแพ้แล้ว ทำได้เพียงรอให้พวกเจ้ามาจัดการ เฮ้อ...”เซิ่งตงฉยงไม่อยากจะใช้พลังลับนี้เลย!นี่คือเส้นสนกลในของตระกูลเซิ่ง!มรดกตกทอดที่แท้จริง!“หงหยิ่ง คราวนี้มีคนมากี่คน?”เซิ่งตงฉยงถาม เมื่อผู้นำหญิงได้ฟังก็ตอบทันที “สามหมื่นเจ้าค่ะ”เซิ่งตงฉยงพยักหน้า “กองกำลังทหารม้าสามหมื่น... แต่คราวนี้ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เขาสูญเสียกองกำลังทั้งสามหมื่นนี้แน่นอน!”“ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นที่แคว้นกู่?”หลังจากที่เซิ่งตงฉยงพูดจบแล้ว หงหยิ่งก็ตอบด้วยความเคารพ “ยังคงยึดฐานที่มั่นไว้ได้ ตระกูลไป๋และต้าเย่จะยังไม่อาจบุกเข้าไปได้อีกสักระยะหนึ่ง”เซิ่งตงฉยงฟังแล้วก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“เยี่ยมมาก พวกเจ้าทั้งสิบคนไปจับเป็นอู๋หลิงมา ส่วนหงหยิ่ง ข้าจะให้เจ้าทำภารกิจลับ!”เซิ่งตงฉยงมองหงหยิ่งด้วยสายตาเย็นชาอย่างยิ่ง“คุณชายโปรดบอกมาได้เลยเจ้าค่ะ”“ช่วยไปฆ่าใครคนหนึ่งให้ข้า เขา
นกพิราบสื่อสารตัวดังกล่าวร่อนลงไปเกาะอยู่หน้าโต๊ะของเขานกพิราบสื่อสารตัวนี้มีปลอกขาสีแดงดำอยู่ที่เท้า เมื่อเห็นนกพิราบสื่อสารตัวนี้ เซิ่งฟางสี่ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหยิบจดหมายออกมาจากนกพิราบสื่อสารหลังจากอ่านข้อความสั้น ๆ บนนั้นแล้วเซิ่งฟางสี่ก็มีสีหน้าเย็นชา“หวังหยวน... หวังหยวนผู้ประเสริฐ สังหารกองกำลังของลูกชายข้าไปสามหมื่นนาย จนทำให้เขาเกือบตายด้วยน้ำมือของอู๋หลิง!”เซิ่งฟางสี่ขมวดคิ้วพลังที่ซ่อนอยู่ของตระกูลเซิ่งไม่เคยถูกนำมาเปิดเผย ดั่งถูกซ่อนเร้นอยู่ในความมืด เพียงแค่รอช่วงเวลาสำคัญที่จะสร้างความแตกต่าง!สำหรับเซิ่งตงฉยง มันเป็นเพียงกลอุบายของเซิ่งฟางสี่!พวกเขาทุกคิดว่ากองกำลังของเซิ่งตงฉยงคือไพ่เด็ดของตระกูลเซิ่งแต่ทุกคนคิดผิด เพราะนี่คือกลอุบายที่เซิ่งฟางสี่จัดไว้ให้พวกเขาคิดเช่นนั้น!คนสามหมื่นคนเหล่านั้น ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่ต้องความพยายามอย่างมากในการฝึกฝนการสูญเสียพวกคนไปถึงสามหมื่นคนจึงทำให้โศกเศร้ามากแต่โชคดีที่เหตุการณ์นี้ยังไม่ก่อให้เกิดความยุ่งเหยิง หรือกล่าวอีกทางคือมันยังคงอยู่ใต้การควบคุมของเขา!ทันทีที่เซิ่งตงฉยงปรากฏตัว เซิ่งฟางสี่ได้วางแ
ทันทีที่ไป๋เจิ้นถังอ่านจดหมายจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป!เช่นเดียวกับไป๋เฟยเฟย!หากอู๋หลิงพ่ายแพ้แล้ว!นั่นไม่ได้เป็นเพราะกองกำลังนับพันคนของเซิ่งตงฉยงแน่นอน!ไพร่พลที่กล้าหาญของพวกเขามีอย่างน้อยหนึ่งหมื่นคน!อีกทั้ง....ยังมีทหารชั้นยอดอีกหนึ่งหมื่นนายด้วย!หากรวมกันคงถึงสามหมื่นนาย!เมื่อรวมกับกองทหารรักษาการณ์สามหมื่นนายในแคว้นกู่ก็เท่ากับหกหมื่นนาย!โจมตีจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ต่อให้ฝ่ายพวกเขาเองจะมีกองกำลังถึงเจ็ดหมื่นนายก็คงไม่อาจประมือได้!ไป๋เจิ้นถังคิดเช่นนี้ก็ตกตะลึงทันที ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยหวาดกลัวและความไม่เชื่อ!“ตระกูลเซิ่งมีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร นี่มัน... นี่มันเป็นไปไม่ได้!”ไป๋เจิ้นถังพูดด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง!แต่ในขณะนี้มีทหารอีกคนเข้ามารายงาน!“ท่านหัวหน้าตระกูล แย่แล้วขอรับ... ประตูเมืองแคว้นกู่เปิดออก และกองกำลังของตระกูลเซิ่งก็รีบออกไปแล้ว!”เมื่อไป๋เจิ้นถังได้ฟังเช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว!“ท่าไม่ดีแล้ว!”“ต้องเป็นเซิ่งตงฉยงพร้อมกับไพ่เด็ดของเขายกทัพมาสมทบแล้วเป็นแน่!”“ถอยทัพด่วน!”ตอนนี้ไป๋เจิ้นถังรู้สึกตัวแล้วจ
ไม่มีทางป้องกันได้เลย!มันระเบิดต่อหน้าอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นอีกฝ่ายขว้างมาตกอยู่ตรงหน้าก็สายเกินไปแล้ว!“อะไรนะ!”เซิ่งฟางสี่ตกตะลึงทันที หากลูกชายของเขาไม่เล่าเช่นนี้ เขาคงไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน!นี่ฟังดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องเหลวไหล!แต่เมื่อเห็นลูกชายเป็นเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกหก!“อาวุธที่ซ่อนอยู่นั้น ใช้เพียงครั้งเดียวก็สามารถฆ่าคนได้อย่างน้อยหลายสิบคน อีกฝ่ายมีคนร้อยคนยืนเรียงแถวปามันใส่ฝ่ายเรา!”“ท่านพ่อ หวังหยวนผู้นี้เก่งกาจเหลือเกิน ข้าจึงสั่งให้หงหยิ่งไปสังหารเขาแล้วขอรับ!”ใบหน้าของเซิ่งฟางสี่เคร่งเครียดมากเมื่อเขาได้ฟังเช่นนี้ แต่ก็ยังพยักหน้า“ใช่ ถ้าหวังหยวนคนนี้ไม่ถูกกำจัด เขาจะกลายเป็นศัตรูที่น่าเกรงขามของเราอย่างแน่นอน!”เซิ่งฟางสี่มีสีหน้าโหดเหี้ยม มีทหารเพียงร้อยคนเท่านั้น แต่กลับทำลายกองทัพจำนวนสามหมื่นคนได้ นี่มันแนวคิดแบบไหนกัน!ยากเกินกว่าจะจินตนาการได้!หากยังปล่อยให้เขาทำเช่นนี้ต่อไปได้ แล้วใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้?แต่เซิ่งฟางสี่ยังคงเป็นกังวลเล็กน้อย แม้ว่าหงหยิ่งจะเป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือ แต่หวังหยวนผู้นี้ก็น่ากลัวจริง ๆ!เขากังวลว
หลังจากที่อู๋หลิงพูดจบ ความกังวลก็ฉายแววอยู่ในดวงตานางนั่นเป็นเรื่องจริงที่ไป๋เหยียนเฟยต้องเผชิญ!“เช่นนี้จะทำอย่างไร! เราไม่มีกองกำลังมากถึงเพียงนั้นอีกต่อไปแล้ว! ถ้าพวกเขามา เราจะต้านทานได้อย่างไร!”ไป๋เหยียนเฟยกังวลมากขณะพูด หลังจากอู๋หลิงได้ฟังเช่นนี้ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดทันที “เรายังมีทหารอีกนับหมื่นน่าจะยังคงยึดเมืองหลวงไว้ได้ ฮองเฮา ท่านทำได้เพียงขอให้ตระกูลไป๋รีบเข้ามาสนับสนุนโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นก็เกรงว่าต้าเย่... คงถึงคราวตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง!”เวลานี้ทำได้แค่อยู่เมืองหลวงและรอให้ตระกูลไป๋มาช่วย!ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว!แต่ไป๋เหยียนเฟยไม่ใช่คนโง่ นางคิดอย่างรวดเร็ว และอดไม่ได้ที่จะมองอู๋หลิง“แต่ว่า... ถ้าตระกูลไป๋... ไม่มาช่วย หรือ... มาช่วยไม่ทันเวลาล่ะ?”หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดจบ อู๋หลิงก็สูดหายใจเข้าอีกครั้ง เขาเองก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน!หากตระกูลไป๋เลือกที่จะไม่เคลื่อนไหว แล้วรอจนกว่าพวกเขาจะต่อสู้กับตระกูลเซิ่ง และทั้งสองฝ่ายต้องทนทุกข์ทรมาน ท้ายที่สุดตระกูลไป๋จะเป็นผู้ชนะ!ความจริงแล้วในสายตาของอู๋หลิงและไป๋เหยียนเฟย ตระกูลไป๋มีแนวโน้มว่าจะทำ
หาเลือกทางนี้จะสามารถขึ้นครองแผ่นดิน และสยบกองกำลังของทุกฝ่ายได้!วิธีนี้ง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีแรก!นกปากซ่อมกับหอยกาบทะเลาะกัน คนตกปลาย่อมได้ประโยชน์!“ท่านพ่อ หากมองในมุมมองของตระกูลไป๋ย่อมต้องเลือกเคลื่อนไหวภายหลัง เฝ้ารอจนกว่าตระกูลเซิ่งและต้าเย่จะเริ่มทำสงครามกันก่อนค่อยดำเนินการ!”“แต่ว่า... ในมุมมองของท่านอาคงต่างออกไป ข้าก็หวังว่าจะสามารถรีบไปช่วยนางได้ ในกรณีนี้ ท่านอาอาจจะไม่ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตเจ้าค่ะ!”ไป๋เฟยเฟยก็ไม่รู้จะเลือกทางใดเช่นกันอย่างไรเสีย นั่นก็คืออาของนาง!ไป๋เจิ้นถังจะไม่เข้าใจได้อย่างไร!“เฟยเอ๋อร์ เรื่องนี้... เป็นเรื่องใหญ่ พ่อเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้มาสักระยะแล้ว ดังนั้นเราจึงควรไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษ เพื่อให้บรรพบุรุษช่วยตัดสินใจกันเถิด!”“ไม่ว่าบรรพบุรุษจะบอกให้เราเลือกทางใด เราก็จะไม่มีวันหันหลังกลับ ตกลงหรือไม่?”ไป๋เจิ้นถังก็ตัดสินใจไม่ได้เช่นกัน เช่นเดียวกับที่ไป๋เฟยเฟยคิด ในมุมมองของตระกูลไป๋ย่อมหวังอย่างยิ่งว่านกปากซ่อมกับหอยกาบทะเลาะกัน คนตกปลาย่อมได้ประโยชน์!แต่จากมุมมองของน้องสาวจะต่างออกไป เขาไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับนาง
เมื่อไป๋เจิ้นถังและไป๋เฟยเฟยเห็นแท่งไม้ไผ่ดังกล่าวก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีแต่ว่า...นี่คือทางเลือกของบรรพบุรุษ!“เฟยเอ๋อร์ ถึงอย่างนั้น... เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม”ไป๋เจิ้นถังพูดจบแล้วหันหลังเดินจากไป...ในขณะนี้เซิ่งฟางสี่มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงตอนบนพร้อมด้วยกองกำลังทั้งหมดหกหมื่นนาย!ครั้งนี้เขาจะต้องยึดต้าเย่ให้ได้แน่นอน!เซิ่งฟางสี่และเซิ่งตงฉยงที่อยู่ด้านขบวนมีสายตาแน่วแน่แต่เซิ่งตงฉยงยังคงพูดว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้กองทหารของเรากำลังจะจัดการกับต้าเย่แล้ว ตระกูลไป๋... จะคิดว่านี่เป็นโอกาสหรือไม่ขอรับ?”หลังจากได้ฟังเช่นนั้นเซิ่งฟางสี่ก็ยกยิ้มตระกูลไป๋ย่อมคิดเช่นนั้น ต่อให้เป็นคนอื่นก็คงฉวยโอกาสนี้คิดลงมือเช่นกัน!“แน่นอนว่าต้องคิด ไม่ว่าใครก็คงคิดว่านี่เป็นโอกาสดีทั้งนั้น!”“แต่ว่า... เราแค่ต้องปราบปรามพวกเขาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นก็พอแล้ว!”เซิ่งฟางสี่แสยะยิ้มก่อนกล่าวเช่นนั้น เซิ่งตงฉยงก็พยักหน้า ทั้งสองนำกองกำลังหกหมื่นนายตรงไปยังบริเวณชายแดนเมืองหลวงแล้วตั้งค่าย!“ไม่มีทหารในเมืองรอบเมืองหลวงเลย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว จึงรีบถอยกลับไปเฝ้าเมืองหลวง!”เม
อู๋หลิงตะคอกอย่างเย็นชาเซิ่งตงฉยงได้ฟังเช่นนี้ก็หัวเราะเยาะ“ต่อสู้จนเหลือทหารคนสุดท้ายหรือ? เจ้าคิดว่ามันจะมีประโยชน์หรือ?”“อู๋หลิง ต้าเย่ถึงกาลล่มสลายแล้ว หากเจ้าละทิ้งด้านมืดเข้าสู่ด้านสว่าง ตระกูลเซิ่งของข้าจะให้อนาคตที่ดีแก่เจ้า!”เซิ่งตงฉยงพูดตามจริง แต่อู๋หลิงทรยศได้อย่างไร?ตระกูลนักรบของเขามีความจงรักภักดีมาหลายชั่วอายุคน ไม่เคยมีคนคิดคดทรยศมาก่อน!ดังนั้น...ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาจะอยู่และตายไปพร้อมกับเมืองหลวง!“เซิ่งตงฉยง ตระกูลเซิ่งของพวกเจ้ามีความสามารถในการโจมตีต้าเย่ แต่พวกเจ้าไม่กลัวตระกูลไป๋หรือ?”“พวกเขาวางแผนมาหลายปีแล้ว ย่อมไม่มีวันปล่อยต้าเย่ให้กับพวกเจ้าแน่นอน ดังนั้นเมื่อสงครามสงบลง พวกเขาต้องมาบุกเป็นแน่!”“พวกเจ้าอยากตัดชุดแต่งงานให้ตระกูลไป๋จริงหรือ?”หลังจากที่อู๋หลิงพูดจบ เซิ่งตงฉยงและเซิ่งฟางสี่ก็หาได้สนใจไม่แน่นอนว่าพวกเขาทุกคนคิดเรื่องนี้อยู่แล้ว!“อู๋หลิง เจ้าคงเดาถูก แต่ว่า...เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าตระกูลเซิ่งของเราไม่ได้เตรียมพร้อม?”เซิ่งฟางสี่กล่าวก่อนจะถามว่า “แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถรักษาต้าเย่ของเจ้าไว้ได้หรือ? ให้ข้าบอกเจ้าว่า ..
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย