วิธีการเช่นนี้ของตระกูลเซิ่ง เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนจริง ๆ!หลังจากที่เสนาบดีฝ่ายซ้ายหยางเฟิ่งกั๋วพูดเช่นนี้ เป้าชิงสื่อก็ถอนหายใจเช่นกัน“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ... ฮองเฮา เกรงว่าเรื่องนี้จะแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินในไม่ช้า...”เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ไป๋เหยียนเฟยก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก!“ตระกูลเซิ่งจะต้องป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั้งแผ่นดินรู้แน่นอน ว่าตอนนี้ฮองเฮาดูแลราชสำนักมาสามเดือนแล้ว แต่กลับสูญเสียสองดินแดนไปแล้ว”“สำหรับตระกูลเซิ่ง การที่พวกเขายึดดินแดนนี้กลับคืนมาได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง และเริ่มการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์อีกครั้ง บางทีตระกูลเซิ่งอาจจะนำเหตุการณ์การสิ้นพระชนม์ของฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ มาปลุกปั่น สร้างความเดือดร้อนอีกก็เป็นได้”“ผู้คนในแผ่นดินนี้ถูกหลอกลวง มีน้อยคนนักที่จะรู้ความจริงเรื่องนี้ พวกเขารู้เพียงว่าฮองเฮาทำให้สูญเสียสองดินแดน และตระกูลเซิ่ง... ยึดกลับมาได้หนึ่งดินแดน…”หยางเฟิ่งกั๋วพูดอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะรู้ว่านี่คือสิ่งที่ตระกูลเซิ่งต้องการ แต่ตอนนี้เมื่อพูดแล้วก็ยังน่าโมโหมาก!เพราะสิ่งที่ตระกูลเซิ่งทำลงไ
หากตระกูลไป๋มีแผนดำเนินการจริง ๆ ย่อมช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วนนี้ได้แน่นอน!อย่างน้อยตระกูลเซิ่งก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะจัดการกับราชสำนักได้ และคนจำนวนมากจะไม่เข้าร่วมตระกูลเซิ่งในทันที!สถานการณ์เช่นนี้จะไม่มีใครอยากเข้าร่วมกลุ่ม!เพราะจะเกิดอะไรขึ้นถ้าตระกูลเซิ่งล้มเหลว? นั่นคือหายนะ!กลยุทธ์นี้ฟังดูเหมือนจะได้ผล แต่ไป๋เหยียนเฟยกลับถอนหายใจเพราะนางและตระกูลไป๋ตัดขาดกันแล้ว!ตระกูลไป๋ก็เหมือนกับตระกูลเซิ่ง ปรารถนาความยิ่งใหญ่มาเนิ่นนาน!เกรงว่าจะไม่ยอมช่วยง่าย ๆ เป็นแน่!“เสนาบดีฝ่ายซ้าย ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านจะสื่อ แต่... มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่ได้บอกพวกท่าน ข้ารู้ทัศนคติของตระกูลไป๋มานานแล้ว พวกเขา... ก็มีความตั้งใจจะครองแผ่นดินต้าเย่ด้วยเช่นกัน!”หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดเช่นนี้ หยางเฟิ่งกั๋วและเป้าชิงสื่อก็ตกตะลึงทั้งคู่!“อะไรนะ!”พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้ ไป๋เหยียนเฟยบอกกับอู๋หลิงเท่านั้นตอนนี้พวกเขาได้เสนอแผนการนี้แล้ว แน่นอนว่านางไม่สามารถเก็บซ่อนเรื่องนี้ได้อีกต่อไป!“นี่… นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ตระกูลไป๋มีสิทธิ์อะไรบ้าง จึงจะแย่งชิงแผ่นดินได้?”“รู้ดีว่า... ตระกูลเซิ่งม
หยางเฟิ่งกั๋วคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความกังวลอย่างยิ่ง!เขาเห็นต้าเย่เป็นเช่นนี้แล้วสะเทือนใจมากจริง ๆ!ไป๋เหยียนเฟยเจ็บปวดใจมาก นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกัดฟันตอบ“ได้... ก็ได้... แต่ข้า... รับประกันไม่ได้ว่าจะโน้มน้าวสำเร็จ ข้าทำได้เพียงพยายามให้ดีที่สุดเท่านั้น...”ไป๋เหยียนเฟยไม่มีทางเลือกจริง ๆ เหตุใดนางจะไม่รู้ว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด!“ฮองเฮา ทำให้ดีที่สุด ฟังลิขิตสวรรค์พ่ะย่ะค่ะ หากสวรรค์ยอมให้ต้าเย่ของเราประสบภัยพิบัติเช่นนี้ เราก็ต้องทำใจ…” หยางเฟิ่งกั๋วพูดได้เพียงเท่านี้ ไม่รู้จะเอ่ยคำใดอีกในเวลานี้เป้าชิงสื่อกล่าวอีกครั้ง “ฮองเฮา มีอีกเรื่องหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ คนที่โจมตีเมืองสู่ในครั้งนี้คือเซิ่งตงฉยง ลูกชายคนโตของเซิ่งฟางสี่คนนี้... กระหม่อมเคยพบเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาเป็นอัจฉริยะ ไม่ได้มีชื่อเสียงมานานหลายปีจนกระหม่อมลืมเขาไปแล้ว…”“ตอนนี้ที่เขากระโจนออกมาแล้ว ดูเหมือนว่า... ตระกูลเซิ่งได้ตัดสินใจแล้วว่าจะต่อสู้กับราชสำนักจนถึงที่สุด!”เป้าชิงสื่อคิดถึงปัญหานี้ ท้ายที่สุดแล้ว เหล่าทหารที่มีเซิ่งตงฉยงเป็นผู้นำนั้นก็ไม่ธรรมดาจริง ๆ!ไป๋เหยียนเฟยสะดุ้ง นางย่อมรู้ข่าวนี้
นั่นเป็นเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาถึงโกรธมาก!“เรื่องนี้... แม้ว่าในตอนแรกตระกูลเซิ่งจะทำเช่นนั้นจริง แต่ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว พวกเขาคงรู้แล้วว่าฮองเฮาไม่ใช่คนที่สามารถควบคุมราชสำนักได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการเข้าไปแทนที่นาง!”“สมควรจะถูกแทนที่แล้ว! ฮ่องเต้ซิงหลงมีองค์ชายใหญ่ เขาเป็นอัจฉริยะ เหตุใดเขาจะเป็นฮ่องเต้ไม่ได้?”“ใช่แล้ว บัลลังก์นี้ควรจะเป็นขององค์ชายใหญ่ เหตุใดฮองเฮาถึงสมควรได้ขึ้นครอง?”“แต่เดิมข้าคิดว่าฮองเฮาองค์นี้มีความสามารถบางอย่าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางเป็นเพียงคนงี่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น!”ความคิดเห็นเหล่านี้ บ่งบอกว่าคนเหล่านี้มองไม่เห็นความจริงแต่สิ่งที่พวกเขามองออกนั้นคือความจริงที่เรียบง่ายที่สุดใครเสียหน้าและใครได้หน้า!เรื่องเช่นนี้มองออกได้ง่ายดาย!ในเวลาเดียวกัน ในวังหลวงของหมานอี๋ เอ้อร์ฮาได้มาถึงแล้ว และบอกข่าวเรื่องเมืองสู่ให้หมานต๋าถูฟังเมื่อหมานต๋าถูได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!“อะไรนะ! ตระกูลเซิ่งโจมตีเมืองสู่ในชั่วข้ามคืน สังหารทหารของข้าไปสองหมื่นคน และยึดดินแดนเมืองสู่ไป!”ใบหน้าของหมานต๋าถูซีดเผือด เขาไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลเซิ
ไป๋เจิ้นถังอ่านจดหมายแล้วรู้สึกประหลาดใจ ดวงตาเป็นประกายแวววาวไม่รู้จบ!“ตระกูลเซิ่ง ตระกูลเซิ่งนั้นช่างร้ายกาจเสียจริง ข้าประเมินพวกเจ้าต่ำไปเสียแล้ว มีพลังมากถึงเพียงนั้นจริง ๆ!”ไป๋เจิ้นถังย่อมตกตะลึง เพียงไม่กี่วันนับตั้งแต่หมานอี๋เข้ายึดเมืองสู่ได้ พวกเขาก็ถูกตระกูลเซิ่งแย่งชิงไปแล้ว ความแข็งแกร่งดังกล่าวน่าตกใจมาก!ไป๋เฟยเฟยก็รู้ข่าวนี้แล้ว และตกใจไม่แพ้กัน“ท่านพ่อ ข้าได้ยินมาว่าคราวนี้เป็นทหารของเซิ่งตงฉยง ไม่ค่อยพบเห็นชายคนนี้ แน่นอนว่าเขากำลังแอบฝึกฝนกองกำลัง ได้ยินมาว่าคนนับหมื่นเหล่านี้ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ ขณะทำการสังหารหมู่ทหารหมานอี๋ ไม่อาจประมาทได้เลย!”ไป๋เฟยเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ไม่มีใครคาดคิดว่าตระกูลเซิ่งจะเผยความแข็งแกร่งออกมาอย่างกะทันหันเช่นนี้สำหรับเรื่องนี้ ตระกูลไป๋ถึงกับตกใจ แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าข่าวดี!ตระกูลเซิ่งแข็งแกร่งมาก ย่อมสามารถกวนน้ำให้ขุ่นได้!ดังนั้นตระกูลไป๋ของพวกเขาก็จะมีโอกาสด้วย!“ตระกูลเซิ่งไม่ทำให้เราผิดหวัง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงของตนออกมา เพื่อจะพยายามยึดครองต้าเย่ให้เร็วที่สุด นี่เป็นข่าวดี
คำพูดของไป๋เจิ้นถังยิ่งลึกซึ้งยิ่งขึ้น แม้แต่ไป๋เฟยเฟยก็ยังตกตะลึงใช่แล้ว!หากแผ่นดินถึงคราวตกอยู่ในความสับสนอลหม่านจริง ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออาหารและน้ำประทังชีวิต อย่างอื่นไม่สำคัญอีกต่อไป!ไม่ว่าจะมีอุดมคติอะไรอยู่ในใจ หรือความอาฆาตพยาบาทอะไรก็ตาม ล้วนกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญ!แม้จะยังไม่ถึงจุดนั้น แต่เชื่อว่าถ้ายังวุ่นวายอยู่เหมือนตอนนี้ อีกไม่นานก็คงถึงจุดนั้น!“ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำ คือควบคุมตระกูลเซิ่ง อย่าปล่อยให้พวกเขาแข็งแกร่งเกินไป มิฉะนั้นคนที่มีความสามารถทั้งหมดในแผ่นดินจะเข้าหาพวกเขา”“ขณะเดียวกัน เราต้องพัฒนาการเงินของเราอย่างจริงจัง พร้อมกับรวบรวมเสบียงด้วย นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด!”“เมื่อสงครามปะทุขึ้น มันคือสิ่งที่พวกเราพึ่งพาได้!”ไป๋เจิ้นถังมองการณ์ไกล ท่าทางของเขาเช่นนี้เหมือนกับหวังหยวน!ไป๋เฟยเฟยพยักหน้าหลังจากได้ฟัง“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องกังวล มรดกของตระกูลไป๋ของเราในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ตระกูลเซิ่งไม่อาจเทียบได้แน่นอน!”ไป๋เฟยเฟยมั่นใจเรื่องนี้!การเงินของตระกูลไป๋นั้น ใกล้เคียงกับเงินในท้องพระคลังของต้าเย่!มีทองคำและเงินมากมายในคลังส่วนตั
คนส่งจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากไป๋เหยียนเฟย!จดหมายฉบับนี้ของนางไม่ได้มีถ้อยคำมากมาย มีเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น!ให้พวกเขาไปเมืองหลวงเพื่อคุยกัน!“ท่านอาคงกำลังเผชิญปัญหาเป็นแน่”ไป๋เฟยเฟยรีบพูด นัยน์ตาฉายแววกระตือรือร้นไป๋เจิ้นถังก็เข้าใจความจริงข้อนี้เช่นกัน แต่ว่า...เขาถอนหายใจ รู้สึกหดหู่เล็กน้อย“เฮ้อ...อาของเจ้าเรียกให้พวกเราไปที่นั่นเพื่อประโยชน์ของนางเอง”ไป๋เจิ้นถังเข้าใจทันทีที่เขาเห็นจดหมายลับทุกวันนี้ตระกูลเซิ่งกำลังบุกอย่างดุเดือด และต้าเย่ก็ไม่มีความสามารถในการต่อต้าน หากตระกูลไป๋ช่วยนาง นางก็จะสามารถควบคุมราชสำนักได้ หรือแม้กระทั่งกำจัดตระกูลเซิ่งได้ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลไป๋ด้วยซ้ำความคิดนี้ย่อมเป็นความคิดที่ดี แต่น่าเสียดายที่ไป๋เจิ้นถังไม่มีทางเห็นด้วย“ท่านพ่อ เช่นนั้นพวกเรา... จะไปหรือไม่?”ไป๋เฟยเฟยรีบถาม เมื่อนี้ไป๋เจิ้นถังได้ยินคำถามนั้นก็ถอนหายใจ“แน่นอนว่าพ่อไม่อยากไป แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เราไม่ไปได้ด้วยหรือ? เจ้าไม่รู้จักอาของเจ้าหรือ? นางมีนิสัยดื้อรั้นเพียงใด ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ที่แก้ไขไม่ได้จริง ๆ นางคงไม่มีทางขอร้องพวกเร
ไป๋เหยียนเฟยก็ฉลาดมากเช่นกัน นางรู้ดีว่าตระกูลไป๋ไม่เพียงแต่จะมาคุยเท่านั้น แต่พวกเขาจะมาพร้อมกับเงื่อนไขด้วย!บางทีอาจจะพยายามดึงนางไปช่วยฝ่ายพวกเขาด้วยซ้ำ!ไป๋เหยียนเฟยรู้ทุกอย่าง แม้นางจะรู้ว่ามันยากมาก แต่นางก็ยังต้องพยายาม เพราะต้าเย่ในวันนี้ต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลไป๋จริง ๆ!“เงื่อนไขหรือ? ใช่แล้ว... ย่อมต้องมีเงื่อนไข…”ไป๋หลิงถอนหายใจ จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้อีกหรือ?เนื่องจากตระกูลไป๋กำลังจะมา พวกเขาย่อมมีเรื่องจะขอแน่นอน ไม่เช่นนั้นตระกูลไป๋จะไม่มีทางช่วยฮองเฮาเป็นแน่ท้ายที่สุดแล้ว ความทะเยอทะยานของตระกูลไป๋ ก็ไม่น้อยไปกว่าความทะเยอทะยานของตระกูลเซิ่งเลย“ความจริงแล้ว วิธีที่ดีที่สุดสำหรับตระกูลไป๋คือไม่ต้องมา ไม่สนใจข้าไปเลย เพราะพวกเขาสามารถรอจนกว่าแผ่นดินจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แล้วฉวยโอกาสดำเนินการ”“เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งฝ่ายเราและตระกูลเซิ่งจะต้องประสบกับความสูญเสีย และมันจะเป็นผลดีที่สุดสำหรับตระกูลไป๋!”เมื่อไป๋เหยียนเฟยพูดเช่นนี้ นัยน์ตานางก็ฉายแววหมดหนทาง“แต่ว่า... เหตุใดตระกูลไป๋ถึงมาล่ะ มาเพียงเพราะเงื่อนไขหรือ แต่จากที่พูดมา เงื่อนไขอะไรก็ไม่ดีเท
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย