มื้อเที่ยงนี้คืองานเลี้ยงเนื้อแกะ หรือก็คือวิธีทานแกะ 108 แบบนั่นเองตั้งแต่หัวแกะจรดเท้าแกะ ทุกส่วนถูกปรุงเป็นอาหารหนึ่งหรือหลายจาน นอกจากนี้ ยังมีแกะย่างทั้งตัว หรูหราและอร่อยมากทุกคนต่างชื่นชมการจัดงานของประธานหลิวประธานหลิวอารมณ์ดี "ตอนหน้าหนาวแบบนี้ กินเนื้อแกะช่วยบำรุงร่างกายได้ดีทีเดียว อ้อ ที่นี่ในคฤหาสน์ของเรายังมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติอีกด้วย บ่ายนี้ถ้าไม่มีอะไรทำ สาวๆ สามารถไปแช่น้ำพุร้อนได้ เหมาะกับหน้าหนาวเลย"มีคนแซว "จัดการแบบนี้ ช่างเหมาะเจาะจริงๆ ไม่แปลกใจที่ทุกคนบอกว่าประธานหลิวเป็นมิตรกับผู้หญิง"ทุกคนยกแก้วเพื่อขอบคุณประธานหลิว บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขเหวินเหยียนโจวดื่มไวน์เล็กน้อย แล้วก้มหน้า เขยิบไปใกล้โหลวฉางเยว่ "บ่ายนี้คุณตามพวกเธอไปแช่น้ำพุร้อน เรามีเรื่องต้องคุยกัน"โหลวฉางเยว่เข้าใจทันทีก็ว่าทำไมเขาถึงเสียเวลามาที่นี่สองวันโดยเปล่าประโยชน์ แม้เขาต้องการพักผ่อนจริงๆ ก็ตาม แต่ก็จะอยู่กับเพื่อนสนิทอย่างซิ่วอวี่เยว่หรือเหอหราน ไม่ก็ประธานหลิวและเซิ่นหวายชิน แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องงานที่โต๊ะอาหารรอบๆ นี้ ยังมีผู้บริหารหลายคนที่โหลวฉางเยว่เรียกชื่อได้เลย ประธ
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเนี่ยเหลียนอี้เธอสวมชุดว่ายน้ำสีเขียวเข้มแบบเชื่อมถึงกัน แม้จะมีสไตล์ที่ค่อนข้างคลาสสิก แต่ก็ทันสมัย สิ่งสำคัญที่สุดคือ สีแบบนี้ หากผิวไม่ขาว สวมแล้วอาจทำให้ดูหมองแต่เนี่ยเหลียนอี้ผิวขาวมาก ทำให้เธอดูดีไร้ความกังวลโหลวฉางเยว่ยิ้มเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพเนี่ยเหลียนอี้ก็ว่ายน้ำจากอีกฝั่งของสระมาหาเธอ ถามว่า “คุณโหลว ทำไมไม่ลงไปแช่น้ำล่ะ?”“ฉันไม่ได้พกชุดว่ายน้ำมา เลยแช่แค่ขาเท่านั้น” โหลวฉางเยว่บอกเนี่ยเหลียนอี้ยิ้มอย่างอ่อนโยน “อย่างนี้นี่เอง ฉันคิดว่าคุณโหลวกลัวน้ำเพราะเคยจมน้ำตอนเด็ก จนไม่กล้าลงสระน้ำอุ่น คิดจะมาพาคุณไปพอดีเลย”คำพูดที่เธอพูดออกมาทำให้โหลวฉางเยว่ตกใจไม่น้อยจมน้ำ...จริงๆ แล้วเธอเคยจมน้ำตอนเป็นเด็ก ในชั่วโมงว่ายน้ำตอน ม.ปลาย แต่เธอรู้ได้อย่างไร?โหลวฉางเยว่คิดแบบไหน ก็ถามแบบนั้นด้วยเนี่ยเหลียนอี้มีผมสีดำยาว ไม่ได้มัดขึ้น ลอยอยู่บนผิวน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนเงือกที่โผล่ออกมาจากน้ำเธอเอียงหัวเล็กน้อย ยิ้มแล้วพูดว่า "ฉันก็เคยเรียนที่เดียวกับคุณ ตอนที่คุณจมน้ำ ฉันอยู่ข้างๆ และเห็นเหตุการณ์นั้นด้วย”“อา……” โหลวฉางเยว่รู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้น“ตอนฉั
ความหมายของเนี่ยเหลียนอี้คือ "นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าทำงานที่บริษัทของรุ่นพี่ซาง ไหนๆก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่า"โหลวฉางเยว่ไม่ได้แสดงความเห็นโทรศัพท์เธอดังขึ้น จึงคว้าโอกาสนี้ปลีกตัว "ขอตัวไปรับสายแป๊บนึงนะ เนี่ยเหลียนอี้ เธอแช่น้ำต่อเลย ฉันจะกลับแล้ว"เนี่ยเหลียนอี้เงยหน้าขึ้น "ตอนนี้ไม่ได้เอาโทรศัพท์มา คืนนี้พบกันตอนมื้อค่ำ แลกวีแชทกันเถอะ""ได้สิ"โหลวฉางเยว่สวมรองเท้า และเดินออกไป หลังออกจากสระน้ำพุร้อน เธอก็ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ นี่เป็นเสียงนาฬิกาปลุกที่เธอตั้งไว้เมื่อบ่ายเผื่อหลับเกินเวลาเธอไม่ชอบพูดคุยเรื่องซางฉือสุนกับผู้อื่นแต่...การซื้อกิจการ การเข้าตลาดหลักทรัพย์ การกลับมาพัฒนาประเทศ เป็นเรื่องจริงเหรอ?หลังเธอออกจากปี๋หยุน เพื่อนคนเดียวที่เธอได้ยินข่าวในวงการคือเฉียวซีซี ที่หยุดพักงานอยู่ ตอนนี้เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุดในวงการโหลวฉางเยว่นึกถึงโรงแรมสุ่ยเฉิง ครั้งนั้นที่พวกเขาพบกันใต้แสงจันทร์หลังจากเธอจับคนที่แอบถ่ายรูปเธอ และทิ้งกล้องของคนนั้นไป เธอไม่เคยมีความรู้สึกโดนแอบถ่ายอีกเลย ก็ไม่รู้ว่า เป็นเพราะเขาไม่ได้ให้คนตามเธออีก หรือคนที่ตามเธอได้รับการ
อะไรนะ?ซู่ซู่กับเนี้ยเหลียนอี้?โหลวฉางเยว่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย สองคนนี้ต่างก็ไม่ล้ำเส้นกัน ทำไมถึง...?เท้าของเธอก้าวเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว...หลังจากโหลวฉางเยว่ออกจากสระน้ำพุร้อน เนี่ยเหลียนอี้ก็ไม่ได้แช่ต่อเธอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าที่ห้อง ก่อนจะไปที่ "มู่เสินพาน"ตอนเธอเข้าไป ซู่ซู่ก็นั่งอยู่ข้างเหวินเหยียนโจว จับมือเหวินเหยียนโจวอย่างสนิทสนม ศีรษะพิงบนไหล่เขาไม่อาจบอกได้ว่าเป็นความเฉื่อยชาหรือขาดความสนใจ"เลือกใบนี้สิ" ซู่ซู่ชี้ไปที่ไพ่บนมือเหวินเหยียนโจว แต่เขากลับเลือกอีกสองใบทิ้งไป "บุรุษไม่เผยไต๋ตอนเล่นหมากรุก เล่นไพ่ก็เช่นกัน"ซู่ซู่หยิบองุ่นหนึ่งลูกใส่ปากเหวินเหยียนโจว บ่นด้วยน้ำเสียงหวาน "ไม่ฟังฉัน กินให้สำลักไปเลย!"เนี่ยเหลียนอี้รู้จักซู่ซู่ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจของเสิ่นซื่อกรุ๊ปตะวันตก สาวสังคมชื่อดังแห่งซีเฉิง และเป็นคนรักของเสิ่นไหชินด้วย... ไม่สิ ควรพูดว่า อดีตคนรักที่ถูกทอดทิ้งเสิ่นไหชินกำลังจะแต่งงานกับหลินทิงเธอยังรู้อีกว่า ไม่นานมานี้ซู่ซู่ไปทำธุระที่เมืองสุ่ยเฉิง มีข่าวฉาวกับเหวินเหยียนโจว ตอนนี้เธอถูกเสิ่นไหชินทิ้ง เลยมายุ่งกับเหวินเหยียนโจวอีกแล้ว?
หลิวเยี่ยนไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำของหลินทิง "ให้ผู้หญิงถอดเสื้อผ้าต่อหน้าฝูงชนไม่เหมาะสม งั้นก็..."โหลวฉางเยว่รีบต่อคำของเขา "งั้นก็เอาคืนเลย"“……” หลิวเยี่ยนจึงเห็นว่า โหลวฉางเยว่ที่ยืนอยู่หน้าเขาสองก้าว หรี่ตามองเขาอยู่ "โหลวฉางเยว่พูดว่าเอาคืนอะไรเหรอ?"คำพูดของโหลวฉางเยว่ ดึงดูดสายตาของทุกคนในห้องมาที่เธอ เธอพูดว่า "ฉันยังอยู่ที่นี่ แต่คุณเนี่ยพาประธานเหวินไป ดูเหมือนไม่ค่อยให้เกียรติฉัน"เนี่ยเหลียนอี้ตกใจครู่หนึ่ง บอกว่า "ฉันมีเรื่องจะคุยกับประธานเหวินก็แค่นั้น!"โหลวฉางเยว่ "ใช่เหรอ?"เดิมทีผู้หญิงสองคนแย่งชิงผู้ชายหนึ่งคน หลังจากโหลวฉางเยว่เปิดปาก กลายเป็นผู้หญิงสามคนแย่งชิงชายหนึ่งคน คนอื่นๆ มองหน้ากัน แต่ไม่มีใครกล้าแทรกสุดท้ายแล้ว คนที่ก่อความวุ่นวายคือคนที่ประธานเสิ่นพามา ผู้เสียหายคือญาติของประธานหลิว และคนที่ต้องการคำอธิบายตอนนี้ก็คือแฟนของประธานเหวินที่ถูกกฏหมายในสถานการณ์นี้ทุกคนมีจุดยืนของตัวเอง ยังรวมถึงชายสามคนที่มีตำแหน่งสูงสุด หากพวกเขาผลีผลามเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ต้องไม่เป็นผลดีแน่"แค่เข้าใจผิดเท่านั้น"เหวินเหยียนโจวพูดอย่างเฉยเมยในความเงียบสงัด เขามองโหลวฉาง
ซู่ซู่ทำลายทั้งศักดิ์ศรีและภาพลักษณ์หมด ไม่มีใครพูดอะไรอีกหลิวเยี่ยนพูด "ก็เพื่อนกันทั้งนั้น ปล่อยเรื่องนี้ไป งานเลี้ยงก็เตรียมพร้อมแล้ว พวกเรากินข้าวกันเถอะ"ทุกคนเข้าใจสถานการณ์และทยอยลุกขึ้นซู่ซู่ไม่มองใคร จากไปคนเดียว แต่ไม่ได้ไปงานเลี้ยงโหลวฉางเยว่ไม่ค่อยสบายใจ คิดจะตามซู่ซู่ไป แต่ถูกเหวินเหยียนโจวคว้ามือไว้ "จะไปไหน? ไม่มาดูผมตลอดทั้งบ่าย ไม่คิดถึงผมเหรอ?"ถ้อยคำแบบนี้ คนที่ไม่รู้เรื่องอาจคิดว่าเขากำลังจีบเธอแต่โหลวฉางเยว่ไม่กล้าคิดแบบนั้น เธอแค่รู้สึกว่าเธอพูดอะไรผิด ๆ จนทำให้เขาโกรธ และเขากำลังคิดหาวิธีที่จะสอนบทเรียนเธอเขากับหลิวเยี่ยนเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เขาพยายามแก้หน้าแทนซู่ซู่ โดยตำหนิลูกพี่ลูกน้องของหลิวเยี่ยนต่อหน้าทุกคน แต่ไม่ได้ขอโทษเหมือนซู่ซู่ ถ้าหลิวเยี่ยนจำเรื่องนี้ได้ งั้นก็ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของเขาเหวินเหยียนโจวไม่ชอบผู้หญิงที่สร้างปัญหาให้เขาในช่วงสามปีที่ผ่านมาเธอทำได้ดีมาก แม้กระทั่งเรื่องที่แท้งลูกเธอก็ไม่บอกเขาโหลวฉางเยว่พูดเสียงเบา "ประธานเหวิน ฉันอยากไปดูซู่ซู่ เธอดื่มเหล้าไปไม่น้อย""ปริมาณเหล้าของเธอไม่ต่างกับคุณเท่าไหร่" วิสกี้หนึ่งแก้วไ
ตระกูลเจียงอยู่ในเมืองจิงเฉิงผู้คนเมืองจิงเฉิงก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ว่าที่บ้านจะมีงานขาวดำหรืองานมงคล ก็มักจะเชิญงิ้วมาแสดงในงานอยู่เป็นประจำทันทีที่เพลงจบและฉากก็เปลี่ยน ม่านสีเขียวบนเวทีก็ถูกดึงขึ้นตอนที่ซู่ซู่ยังเป็นเด็ก เธอชอบปีนขึ้นไปบนเวที ยกม่านขึ้น และมองดูทีมงานเบื้องหลังการจัดฉากและการแต่งหน้าของนักแสดงแม้ว่าตอนนี้จะโตแล้ว แต่ก็ยังเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ นี้ไม่ได้ ยังคงพาน้องชายและน้องสาวกลุ่มหนึ่งของญาติขึ้นไปบนเวทีด้วยกันน้องสาวตัวเล็กๆถามว่า “ฉากต่อไปจะแสดงอะไรเหรอ? ”ซู่ซู่เห็นเจ้าหน้าที่สร้างฉากกำแพงสีแดง กระเบื้องสีเขียว และอยากรู้ว่าจะร้องเพลงอะไร ในขณะที่เธอกำลังพินิจพิเคราะห์อยู่นั้น เธอได้ยินเสียงพ่อแม่ของเธอหัวเราะและดุจากด้านหลัง“เด็กคนนี้นี่อีกแล้วนะ! ยังชอบแอบมองเวทีเหมือนตอนเด็กๆอีกแล้วนะ ซู่ซู่ลงมาเร็วๆ บอกกี่ครั้งแล้วว่าแอบมองนักแสดงตอนแต่งหน้ามันไม่สุภาพ ตอนนี้ลูกโตแล้วนะ ไหนจะยังพาน้องๆมาวุ่นวายอีก ลูกไม่อายรึไง!”จากนั้นเสียงผู้ชายที่อ่อนโยนและมั่นคงกล่าวว่า "คุณเจียงมีจิตใจแบบเด็ก ๆ เป็นเรื่องที่น่ายกย่องนะครับ”“ทำให้เสี่ยวเซินหัวเ
“ฉันก็ไม่รู้” ซู่ซู่กล่าว “ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้นึกเสียใจอะไร ฉันแค่รู้สึกเศร้านิดหน่อย บ่มเพาะหัวใจของเขามาตั้งหลายปี แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมาได้เลย มันไม่ง่ายเลยที่จะทำเรื่องแบบนี้ เสียเปรียบให้คนอื่นแล้ว”โหลวฉางเยว่กล่าวว่า “ลองมองย้อนกลับไปหลังจากผ่านไประยะหนึ่งไม่ก็สักสองสามปี บางทีพอถึงตอนนั้นแล้วเธออาจจะเข้าใจบางอย่าง จะรู้สึกเสียใจหรือไม่เสียใจที่มีผู้ชายคนนี้ในชีวิตของเธอ”ซู่ซู่ยิ้ม “อืม”เมื่อยืนไกลออกไปจึงจะมองเห็นภูเขาได้ชัดเจน หลายๆอย่างต้องให้เวลาในการทบทวนจึงจะรู้ว่าถูกหรือผิดซู่ซู่สงบลงมาก และเริ่มอยากรู้อยากเห็น “ทำไมเธอไม่ถามฉันว่านายน้อยคนไหนของตระกูลเสิ่นที่หมั้นกับฉันล่ะ? ”โหลวฉางเยว่ “เสิ่นซู่ชินล่ะมั้ง”ก่อนหน้านี้ในสุ่ยเฉิง เหวินเหยียนโจวบอกเธอว่าเสิ่นซู่ฉินมีคู่หมั้นแล้วเธอยังเคยถามเสิ่นซู่ชิน และเสิ่นซู่ชินก็ยอมรับแล้วด้วย แต่ยังอธิบายด้วยว่าเขาและฝ่ายหญิงไม่มีเจตนาเช่นนั้น และผู้หญิงคนนั้นสนิทกับพี่ชายของเขามากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแบบนี้ก็ใช่แล้วไม่ใช่รึไง?ซู่ซู่พยักหน้าตามที่คาดไว้มีเสียงหัวเราะที่เล็ดลอดออกมาจากตัวอาคาร
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ