ตระกูลเจียงอยู่ในเมืองจิงเฉิงผู้คนเมืองจิงเฉิงก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ว่าที่บ้านจะมีงานขาวดำหรืองานมงคล ก็มักจะเชิญงิ้วมาแสดงในงานอยู่เป็นประจำทันทีที่เพลงจบและฉากก็เปลี่ยน ม่านสีเขียวบนเวทีก็ถูกดึงขึ้นตอนที่ซู่ซู่ยังเป็นเด็ก เธอชอบปีนขึ้นไปบนเวที ยกม่านขึ้น และมองดูทีมงานเบื้องหลังการจัดฉากและการแต่งหน้าของนักแสดงแม้ว่าตอนนี้จะโตแล้ว แต่ก็ยังเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ นี้ไม่ได้ ยังคงพาน้องชายและน้องสาวกลุ่มหนึ่งของญาติขึ้นไปบนเวทีด้วยกันน้องสาวตัวเล็กๆถามว่า “ฉากต่อไปจะแสดงอะไรเหรอ? ”ซู่ซู่เห็นเจ้าหน้าที่สร้างฉากกำแพงสีแดง กระเบื้องสีเขียว และอยากรู้ว่าจะร้องเพลงอะไร ในขณะที่เธอกำลังพินิจพิเคราะห์อยู่นั้น เธอได้ยินเสียงพ่อแม่ของเธอหัวเราะและดุจากด้านหลัง“เด็กคนนี้นี่อีกแล้วนะ! ยังชอบแอบมองเวทีเหมือนตอนเด็กๆอีกแล้วนะ ซู่ซู่ลงมาเร็วๆ บอกกี่ครั้งแล้วว่าแอบมองนักแสดงตอนแต่งหน้ามันไม่สุภาพ ตอนนี้ลูกโตแล้วนะ ไหนจะยังพาน้องๆมาวุ่นวายอีก ลูกไม่อายรึไง!”จากนั้นเสียงผู้ชายที่อ่อนโยนและมั่นคงกล่าวว่า "คุณเจียงมีจิตใจแบบเด็ก ๆ เป็นเรื่องที่น่ายกย่องนะครับ”“ทำให้เสี่ยวเซินหัวเ
“ฉันก็ไม่รู้” ซู่ซู่กล่าว “ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้นึกเสียใจอะไร ฉันแค่รู้สึกเศร้านิดหน่อย บ่มเพาะหัวใจของเขามาตั้งหลายปี แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมาได้เลย มันไม่ง่ายเลยที่จะทำเรื่องแบบนี้ เสียเปรียบให้คนอื่นแล้ว”โหลวฉางเยว่กล่าวว่า “ลองมองย้อนกลับไปหลังจากผ่านไประยะหนึ่งไม่ก็สักสองสามปี บางทีพอถึงตอนนั้นแล้วเธออาจจะเข้าใจบางอย่าง จะรู้สึกเสียใจหรือไม่เสียใจที่มีผู้ชายคนนี้ในชีวิตของเธอ”ซู่ซู่ยิ้ม “อืม”เมื่อยืนไกลออกไปจึงจะมองเห็นภูเขาได้ชัดเจน หลายๆอย่างต้องให้เวลาในการทบทวนจึงจะรู้ว่าถูกหรือผิดซู่ซู่สงบลงมาก และเริ่มอยากรู้อยากเห็น “ทำไมเธอไม่ถามฉันว่านายน้อยคนไหนของตระกูลเสิ่นที่หมั้นกับฉันล่ะ? ”โหลวฉางเยว่ “เสิ่นซู่ชินล่ะมั้ง”ก่อนหน้านี้ในสุ่ยเฉิง เหวินเหยียนโจวบอกเธอว่าเสิ่นซู่ฉินมีคู่หมั้นแล้วเธอยังเคยถามเสิ่นซู่ชิน และเสิ่นซู่ชินก็ยอมรับแล้วด้วย แต่ยังอธิบายด้วยว่าเขาและฝ่ายหญิงไม่มีเจตนาเช่นนั้น และผู้หญิงคนนั้นสนิทกับพี่ชายของเขามากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแบบนี้ก็ใช่แล้วไม่ใช่รึไง?ซู่ซู่พยักหน้าตามที่คาดไว้มีเสียงหัวเราะที่เล็ดลอดออกมาจากตัวอาคาร
ใช่ตอนเที่ยง เหวินเหยียนโจวหยิบชามซุปที่โหลวฉางเยว่ดื่มไม่ได้ไปท่าทางของเธอในเวลานั้นราวกับว่าเธอเห็นผีตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนเห็นผีจริงๆแล้ว – เหวินเหยียนโจวดันส่วนบนของเธอขึ้นทันที สัมผัสริมฝีปากและลิ้นของเขาก็กระจายไปทั่วร่างกายของเธอ โหลวฉางเยว่ขนลุกทันทีเธอโพล่งออกมาด้วยความสิ้นหวัง “ประธานเหวินคะ เดี๋ยวก่อน ฉันเป็นประจำเดือนอยู่นะคะ!”เหวินเหยียนโจวก็หัวเราะเยาะ “ตอนบ่ายยังสามารถไปบ่อน้ำพุร้อนได้ แต่ตอนนี้กลับมีประจำเดือนแล้วอย่างงั้นเหรอ? ”โหลวฉางเยว่กัดฟันแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้ลงน้ำ ฉันแค่นั่งแช่เท้าอยู่ข้างๆ ถ้าประธานเหวินไม่เชื่อฉัน คุณสามารถถามคุณเนี่ยได้ค่ะ”ปากของเหวินเหยียนโจวโค้งงอ แต่ไม่มีรอยยิ้ม ดวงตาของเขาเย็นชามาก “ในเมื่อคุณไม่อยากทำ มาคุยเรื่องสัญญากันดีกว่า – หลี่ซิงรั่วตอบคุณแล้วหรือยัง? ”โหลวฉางเยว่กลืนน้ำลาย แล้วยกมือผลักเขาออกไป “ฉันยังไม่ได้ดูกล่องข้อความเลย ฉันจะดูตอนนี้แหละ......อืม! ”ขณะที่เธอกำลังจะลุกจากเตียง เหวินเหยียนโจวก็คว้าไหล่ของเธอโดยไม่เหลือพื้นที่ให้เธอตอบสนองใดๆเลย และกระแทกเธอลงบนหัวเตียง!สะบักไหล่ของโหลวฉางเยว่ไม่ทันระวัง กระแ
กลางคืนสิ้นสุดลงและก็ถึงรุ่งเช้าโหลวฉางเยว่นอนไม่หลับเกือบทั้งคืนเธอเปิดหูของเธอไว้เพื่อฟังสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอก และได้ยินว่าเหยียนโจวยังไม่กลับมาใบหน้าของโหลวฉางเยว่ดูแย่มาก และเธอก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อมองแค่แวบเดียว แต่เธอไม่ได้แต่งหน้า ไม่จำเป็นต้องแสดงต่อหน้าใคร ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่ทำตัวสบายๆเท่านั้นเธอไปที่ร้านอาหารเพื่อหาอะไรกิน แล้วก็อยู่ข้างนอกสักพักแขกออกจากคฤหาสน์ทีละคน เพราะวันหยุดสองวันได้สิ้นสุดลงแล้ว โหลวฉางเยว่ไม่เห็นเหวินเหยียนโจว และเขาไม่ได้ติดต่อเธอ แน่นอนว่าเธอจะไม่ไปหาเขาหลังอาหารกลางวัน หากเขายังไม่ปรากฏตัว โหลวจางเยว่ก็จะไม่สนเขา และเดินกลับไปที่ห้องเพื่อเก็บข้าวของ เตรียมนั่งแท็กซี่กลับเมืองทันทีที่เธอเดินออกจากคฤหาสน์ ก็มีรถมาจอดข้างเธอโหลวฉางเยว่คิดว่าตัวเองกำลังขวางทางของอีกฝ่าย จึงก้าวออกไปหน้าต่างรถถูกลดระดับลง หลิวเยี่ยนวางศอกของเขาไว้ที่ขอบหน้าต่าง ยกริมฝีปากขึ้นแล้วถามว่า “เลขาโหลวจะออกไปคนเดียวเหรอ? ”โหลวฉางเยว่หยุดชั่วคราว “ประธานหลิว”หลิวเยี่ยนทำท่าทำทาง “ขึ้นรถ ผมจะไปส่งคุณเอง”โหลวจางเยว่ปฏิเสธอย่างใจเย็น “ฉันไม่กล้า
หลิวเยี่ยนจับพวงมาลัยแล้วหันกลับไปมองที่โหลวฉางเยว่แล้วหัวเราะ “ผมแค่ล้อเล่นน่ะ ผมแค่เห็นสีหน้าคุณโหลวไม่ดี กลัวว่าผมซึ่งเป็นเจ้าบ้านจะปฏิบัติต่อคุณไม่ดี แล้วทำให้คุณโหลวไม่มีความสุข ผมเลยอยากทำให้คุณหัวเราะ”โหลวฉางเยว่ไม่ต้องการบริการเพิ่มเติมแบบนี้เธอเพียงแต่รู้สึกว่าหลิวเยี่ยนต้องป่วยแน่ๆแต่เธอไม่สามารถจะทำให้คนอย่างหลิวเยี่ยนโมโหได้ ดังนั้นเมื่อเธอมาถึงทางเข้าโรงพยาบาลกลางเมือง เธอยังคงรักษารูปลักษณ์ของเธอและพูดอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ ประธานหลิว”หลิวเยี่ยนโค้งริมฝีปากของเขา “ไม่เป็นไรครับ แต่ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ที่ผมบอกว่าจะตามจีบคุณ หากมีเรื่องไหนที่ผมทำได้ไม่ดี ต่อไปคุณโหลวก็ให้อภัยผมด้วยนะครับ”โหลวฉางเยว่ขมวดคิ้ว แต่เธอรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเหตุผลกับเขา เธอจึงหันหลังกลับ แล้วเข้าไปในโรงพยาบาลหลินเยี่ยนมองไปที่ด้านหลังของเธอ อยากจะจุดบุหรี่จนติดเป็นนิสัย แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในร้านอาหารเจียงหนาน เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปรถขับออกไป ผ่านถังขยะ เปิดหน้าต่างลง และโยนของสองอย่างออกไปมันคือบุหรี่และไฟแช็คเมื่อพูดว่าจะเลิก เขาก็จะเลิกจริงๆ……โหลวจางเยว่ออ
คุณผู้หญิงเหวินตอนนี้ดูประหลาดใจ“เป็นเหยียนโจวที่ปล่อยพ่อของหนูเหรอจ๊ะ? ฉันฝากเรื่องนี้ให้ลูกน้องจัดการ วันนั้นหนูโทรมาบอกฉันว่าพ่อของหนูได้รับการปล่อยตัวแล้ว ฉันคิดว่าคนของฉันเป็นคนจัดการเรื่องนี้ซะอีก”โหลวจางเยว่พูดเสริมเธอ “บางทีลูกน้องอาจจะกำลังต่อต้านเจตจำนงก็ได้นะคะ”“เมื่อฉันกลับไปฉันสั่งสอนพวกเขาอย่างแน่นอน” คุณผู้หญิงเหวินกล่าวต่อ “แต่เป็นเช่นนี้ เหยียนโจวก็มีหนูอยู่ในใจหนิจ๊ะ แล้วทำไมหนูถึงไม่อยากกลับไปทำงานกับเขาล่ะ? ”โหลวฉางเยว่ไม่ได้อธิบายมากนัก แค่พูดว่า “คุณป้าคะ หนูต้องการความช่วยเหลือจากคุณป้าแค่เรื่องเดียวเท่านั้น”คุณผู้หญิงเหวินดูหมดหนทางและพูดอย่างเสียใจ “เห้อ......ก็ได้จ่ะ ฉันเคารพการตัดสินใจของหนูนะ บังเอิญพอดีที่เหล่าเหวินพูดในตอนเช้าว่าเพื่อนในครอบครัวคนหนึ่งเสียชีวิต เขาควรจะไปแสดงความเสียใจด้วยตนเอง แต่ตอนนี้เขาสุขภาพไม่ดี เราน่าจะขอให้เหยียนโจวไปแทน เนื่องจากอยู่ในเมืองจิงเฉิง เขาก็น่าจะไม่สามารถกลับมาได้ภายในสองสามวันนี้จ่ะ”ในที่สุดโหลวฉางเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ขอบคุณค่ะคุณป้า”……โหลวฉางเยว่ออกจากร้านน้ำชายามบ่ายแล้วนั่งแท็กซี่กลับไปที่
โหลวฉางเยว่ยังไม่ลืมว่าเขาใช้รูปภาพคุกคามเพื่อบังคับให้เธอทำสิ่งเหล่านั้น และสุดท้านเขาก็บอกเธอว่ารูปภาพนั้นไม่มีอยู่จริงเธอต้องปล่อยให้เขาได้ลิ้มรสชาติของการถูกเล่นตลบหลังดูบ้าง“พอนับดูแล้ว ยังไงฉันก็ยังเสียเปรียบอยู่ดี เหวินเหยียนโจว คุณไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหนสำหรับฉันที่จะอดทนต่อคุณในช่วงเวลานี้”น้ำเสียงของเหวินเหยียนโจวเย็นชา “นั่นมันยากสำหรับคุณจริงๆสินะ”โหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปากของเธอและวางสายโทรศัพท์ทันทีเหวินเหยียนโจวฟังเสียงติ๊ดวางสายของโทรศัพท์ หน้าจอมืดลง เขาโกรธและหัวเราะออกมาเขาสงสัยว่าโหลวฉางเยว่ที่มีความคิดแบบนี้ และเธอก็ทำมันจริงๆ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเธอพูดอะไรนะ?ยากแค่ไหนที่จะทนเขาในช่วงเวลานี้?เขาทำอะไรกับเธอในช่วงเวลานี้กันนะ?เมื่อเห็นเธอดูแลแม่ของเธอจนลืมดูแลตัวเอง ก็ตั้งใจพาเธอไปทานอาหารเย็น เธอเฝ้าดูแม่ของเธอห้องไอซียูอย่างลำบาก เขาก็ขอให้คนขับรถซื้อเตียงพับให้เธอ พร้อมทั้งพาเธอกลับบ้านเพื่อล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อนและให้นอนหลับอย่างสงบถ้าเธออยากพายเรือก็พาเธอไปพายเรือ ถ้าเธออยากยิงธนูก็ไปยิงกับเธอ แม้ว่าเธอจะดื่มซุ
คนขับอยู่ข้างหน้าแทบไม่ได้บังคับรถเลย คำพูดแบบนี้คุณหนูยังกล้าพูดกับประธานเหวินได้......เปลือกตาของเหวินเหยียนโจวก็ลดลงเช่นกัน และดวงตาที่แคบลงก็มีสัญญาณเตือนเช่นกันเจียงซู่โม่เลือกที่จะเพิกเฉยต่อมันโดยสิ้นเชิงเธอคิดกับตัวเองและพูดต่อ “เลขาโหลวเป็นแค่คนคนหนึ่ง และคนคนหนึ่งนี้ก็จะมีอารมณ์และความรู้สึกเป็นของตัวเอง ต่อให้พี่จะมีแมวหรือสุนัข ถ้าพี่เอะอะก็ทุบตีมัน ดุมัน และไม่ให้อาหารมันทุกครั้ง พวกมันทุกตัวก็ต้องการอยากจะหนีกันทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษย์เลย”“พี่ต้องให้ความเคารพขั้นพื้นฐานกับเธอ และทำให้เธอรู้สึกว่าเธอมีบุคลิกที่เป็นอิสระในสายตาของพี่ เพื่อที่เธอจะได้ละทิ้งการที่เธอปฏิเสธพี่...... ฉันพูดจริงนะ พี่ชาย พี่ใช้การบังคับและการจูงใจเพื่อบังคับให้ผู้หญิงมาอยู่ข้างพี่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าพี่จะเก่งกาจอะไร แต่ถ้าเธอเต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างพี่โดยไม่มีข้อแม้ใดๆได้ นั่นถึงจะบอกได้ว่าพี่เก่งกาจแค่ไหนต่างหาก”จู่ๆ เหวินเหยียนโจวก็นึกถึงโหลวฉางเยว่เมื่อก่อนได้หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามขึ้นว่า “ถ้าเธอเก่งขนาดนี้ ทำไมเธอถึงยังโง่กับเสิ่นไหชิงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ล่ะ? ”เจี
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ