ใบหน้าของโจววั่งจมอยู่ในกรวดโคลน และอยู่ใต้รองเท้าหนังด้วย เขากัดฟันพร้อมสาปแช่ง “ไอ้เหี้ยนี่ ถ้าทำได้ก็ฆ่าฉันตอนนี้เลย! ไม่งั้นชั้นฉันจะตามแก้แค้นแกแน่”เสิ่นซู่ชินเฉยเมย ดูสงบมาก แต่เท้าเพิ่มแรงกดมากขึ้น ทำให้โจววั่ง จมลงพื้นอีกเซนเขาทำงานเรื่องการทดลองสถิติได้ดี ผลคือคนๆ นี้ซุ่มโจมตีอยู่ตรงมุมห้อง พยายามจู่โจมเขาน่าเสียดายที่ขาหักข้างนึง ไม่ใช่คู่ปรับเขา ไม่ต้องเสียแรงเยอะ ก็โดนเขาหยียบย่ำง่ายดายเหมือนขยะใต้เท้าปกติในตอนกลางวันแสกๆในที่สาธารณะ บางคนอาจเห็นเขาได้ทุกเมื่อ ศาสตราจารย์เสิ่นจะปกปิดตัวตนไว้ จะไม่ลงมือกับเขาแต่ใครให้ยัดปากกระบอกปืนใส่เขาล่ะ?วันนี้เขารู้สึกหดหู่ใจเพราะได้ยินบทสนทนาระหว่างเหวินเหยียนโจวและโหลวฉางเยว่เมื่อคืน เขายังคิดว่าถ้าโจววั่งไม่ลักพาตัวโหลวฉางเยว่และวางยาเธอคืนนั้น โหลวฉางเยว่ก็จะไม่ถูกเหวินเหยียนโจวพาตัวไป ระหว่างพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดอกไม้ที่เขารดน้ำก็ไม่เหี่ยวเฉา“คนที่เริ่มคือแกนะ” เสิ่นซู่ชินก้มลงกระซิบเบา ๆ “ฆ่าแกแล้วจะได้อะไร ให้แกมีชีวิตอยู่ต่อ น่าสนใจมากกว่าแกตายอีก”“…”โหลวฉางเยว่อยู่ในรถ ที่จอด ไกลมาก ไม่ได้ยินว่า เสิ่นซุูชินพูด
เหอชิงยกฉากกั้นตรงกลางระหว่างหน้าและหลังรถทันทีพื้นที่ด้านหลังจึงกลายเป็นพื้นที่ปิดและแคบโหลวฉางเยว่ถูกเขาดึง คุกเข่าที่ด้านล่างของรถ ตัวเธออยู่ระหว่างขาของเขา มีฉากกั้นด้านหลังเธอ ด้านหน้าก็คือเขาพื้นที่เล็กๆ ทำให้เธอไม่มีทางหนีรอดไปได้โหลวฉางเยว่ผลักหน้าอกของเหยียนโจวด้วยความโกรธ: "...คุณจะทำอะไร! ปล่อย!"เหวินเหยียนโจวใช้มือข้างหนึ่งจับร่างของเธอ มืออีกข้างจับคาง จ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ“คุณสามารถหาข้อต่างแปดร้อยข้อให้เสิ่นซู่ชินได้ทั้งๆที่เขาหลอกลวงคุณ และหาข้อแก้ตัวแปดร้อยข้อเพื่อปักหมุดข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลกับผม เลขาโหลวคุณค่อนข้าง 'เลือกที่รักมักที่ชัง' นะ”เห็นได้ชัดว่าบาดแผลของเขายังไม่หายดี ใครจะรู้ว่าเขาเอาแรงที่ไหนมาคุมขังเธอแบบนี้!ลมหายใจราวกับหิมะของเหวินเหยียนโจวปะทะจมูกของเธออย่างแผ่ซ่าน รอบถึงตัวเธอ ทำให้เธอไม่สามารถหนีได้ "ซูซูทิ้งคุณในป่ารกร้างเพราะผม แต่ผมกับซูซู ความสัมพันธ์นั้นไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ"เขาอธิบายเหรอ?แปลกประหลาดมาก“ฉันไม่เคยคิดว่าพวกคุณมีความสัมพันธ์กันยังไง ความสัมพันธ์ของพวกคุณเกี่ยวอะไรกับฉัน?” โหลวฉางเยว่หันกลับมา พยายามจะแกะมือเขาออก เ
การตอบสนองของโหลวฉางเยว่คือการจู่โจมส่วนที่อ่อนแอที่สุดของเขา - บาดแผลนั้น!เหวินเหยียนโจวถูกเธอจู่โจมมาแล้วครั้งหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ให้โอกาสครั้งที่สองกับเธออีกเขาคว้าข้อมือเธอแล้วกดเข้ากับผนังลิฟต์ เธอยกเท้าขึ้นเตะเขา เขาก็สอดขาเข้าไปตรงหว่างขาของเธอ!โหลวฉางเยว่รู้สึกได้ว่าอารมณ์เขารุนแรงมากแต่บอกตามตรง ตอนนี้อารมณ์ของเธอก็ไม่คงที่มากนักเพียงแต่ว่าเมื่อผู้ชายมีอารมณ์ไม่คงที่ แรงจะมากกว่าปกติ แต่เมื่อผู้หญิงมีอารมณ์ไม่คงที่ ดูเหมือนใช้แรงไปกับความโกรธ ตัวเธอก็ไม่มีกำลังเลยเขาสูบลมหายใจของเธอไป อย่างลึกซึ้ง หนักหน่วง ยังมีความเกลียดชังที่ปิดไม่มิดอยู่เขาเกลียดอะไรเธอนักหนา?เสียงลิฟต์ดังขั้นเมื่อถึงชั้น 19 ประตูเปิดออกโดยอัตโนมัติ เหวินเหยียนโจวปล่อยเธออย่างรวดเร็ว ดึงเธอออกมา รูดการ์ดห้อง เปิดประตูปิดให้สนิท กดเธอไว้ด้านหลังแผงประตูการเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหลมาก จนไม่มีพื้นที่ให้เธอต่อต้านได้โหลวฉางเยว่โดนกระทำ เหมือนเป็นตุ๊กตาของเขา เธอแทบบ้า "...เหวินเหยียนโจว คุณจะทำอะไร ปล่อยฉัน!"เป็นไปไม่ได้เลยในที่สุดเหวินเหยียนโจวไม่หยุดซ่อนความรักและความปรารถนาอีก พูดด้วยเสียงแหบห้าวว่
แสงสุดท้ายลาลับขอบฟ้าหายไปด้านหลังม่าน ห้องตกอยู่ในความมืดสลัวฤดูหนาวนั้นสั้น เพิ่งห้าโมงครึ่ง แทบไม่มีแสงสว่างเลยโหลวฉางเยว่ทรุดตัวลงบนผ้าห่ม เหนื่อยล้าจนขีดสุด ลมหายใจเธอหนักหน่วงเล็กน้อยมุมตาเธอยังแดงกล่ำ ขนตาเปียกชุ่ม คือน้ำตาที่ยังแห้งอยู่เหวินเหยียนโจวยกมือขึ้นคลายคิ้วที่ขมวดของเธอ โหลวฉางเยว่เหนื่อยมาก แม้เธอรู้สึกว่าเขาสัมผัสเธอ ก็ไม่อยากขยับเหวินเหยียนโจวปล่อยให้เธอนอนหลับ หยิบซองบุหรี่และไฟแช็ค เดินไปสูบที่หน้าต่างเขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาเวลานานแล้ว ยังทำให้เขาหลงใหลยิ่งกว่าความสำเร็จที่เขาได้รับจากการเซ็นสัญญามูลค่าหลายหมื่นล้านอาจเป็นเพราะโหลวฉางเยว่ หลังลาออกก็เปลี่ยนเป็นคนที่มีความเฉียบคมมากขึ้น หลบหลีกเขาเหมือนงูและแมงป่อง ไม่กอดจูบเขาเลย จึงทำให้เขาอยากเอาชนะเธอให้ได้อยากเห็นเธอพ่ายแพ้ เห็นเธอยอมจำนน เห็นเธอร้องไห้อย่างไร้ทางช่วยในอ้อมแขนของเขาหลังสูบบุหรี่เสร็จ เหวินเหยียนโจวกลับเข้ามาในห้อง บังเอิญเห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือบนพรมสว่างขึ้นก่อนริงโทนจะดัง เขาก็กดปิดเสียงก่อน ไม่ให้รบกวนโหลวฉางเยว่นี่ก็เป็นโทรศัพท์ของโหลวฉางเยว่ หน้าจอแสดง "ศาสตราจารย์เสิ่น"เหวิน
“……” สิ่งเดียวที่โหลวฉางเยว่ขาดคือ เธอด่าคนอื่นไม่เป็น ยิ่งเธอโกรธมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งพูดไม่ออก เธอกัดฟันแน่น และหน้าอกของเธอพองโตด้วยความโกรธ เหวินเหยียนโจวรู้สึกว่าเธอในแบบนี้ดูดีกว่าหน้าตาเย็นชาสงบนิ่งเหมือนปกติที่เธอเป็น เขาจูบเธอและร้องเรียกเธอว่า “เด็กดี ให้ความร่วมมือหน่อยสิ”จูบของเขาได้กลิ่นยาสูบกลิ่นอบเชย ที่สามารถทำให้คนนึกถึงห้องที่มีเตาผิงในช่วงฤดูหนาว ความรู้สึกอบอุ่นเกิดขึ้นเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เขายังตะโกนแบบนี้อีก โหลวฉางเยว่หายใจเข้าอย่างรวดเร็ว ปฏิเสธที่จะหมกมุ่นอยู่กับความอ่อนโยนจอมปลอมที่เขาแสร้งทำขึ้นเพียงเพื่อความพึงพอใจทางกาย และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง “......อย่าเรียกฉันแบบนั้นนะ! ไม่คิดว่ามันน่าขยะแขยงรึไง!” เหวินเหยียนโจวเองไม่ชอบพูดมากในช่วงเวลานี้ แต่โทรศัพท์มือถือที่อยู่บนพื้นกลับดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เหวินเหยียนโจวคิดว่าเสิ่นซู่ชินเป็นบ้าแล้วรึไง? โหลวฉางเยว่รู้สึกว่าผิดปกติ ถ้าหากเป็นเสิ่นซู่ชินจริง เขารู้อยู่แล้วว่าเธออยู่กับเหวินเหยียนโจว ถ้าเขาโทรไปครั้งหนึ่ง แล้วไม่มีใครรับสาย เขาก็จะไม่โทรอีกเพราะเขาอาจจะเดาได้ว่าเธ
เหอชิงนำเสื้อผ้ามาให้ โหลวฉางเยว่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เธอไม่มีเวลาหลีกเลี่ยงเหวินเหยียนโจวด้วยซ้ำ เปิดประตูแล้วรีบลงไปชั้นล่างแล้วออกจากโรงแรมไป ข้างนอกฟ้าก็มืดแล้ว ขณะที่เธอกำลังเดินทาง เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อจองเที่ยวบิน เที่ยวบินแรกสุดจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่จากที่นี่จะใช้เวลาไปสนามบินหนึ่งชั่วโมง โหลวฉางเยว่สูดหายใจลึก สงบสติอารมณ์ จองตั๋วและเรียกรถผ่านอินเทอร์เน็ต เนื่องจากว่ามันเป็นชั่วโมงเร่งด่วน จึงมีคนเข้าคิวต่อหน้าเธอมากกว่าสามสิบคน และไม่มีแท็กซี่วิ่งบนถนนเลย โหลวฉางเยว่ยืนอยู่คนเดียวริมถนนในเมืองที่ไม่คุ้นเคย ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความมืดมิดและหนักหน่วง แสงนีออนของร้านค้าริมถนนส่องใบหน้าที่งุนงงของเธอ รถคันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้าเธอ “ขึ้นรถ” เป็นเหวินเหยียนโจว ในเวลานี้เธอไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นเหวินเหยียนโจว เธอรีบเปิดประตูรถแล้วขึ้นไป รถก็เร่งความเร็วมุ่งหน้าไปทางสนามบินทันที เหวินเหยียนโจวมองกรามที่ตึงเครียดของเธอแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของคุณ?” โหลวฉางเยว่ตะโกนโดยไม่ต้องคิด “อย่าพูดกับฉัน!” เหอชิงซึ่งกำลังขับรถอ
โหลวฉางเยว่อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกเกรงใจที่จะรบกวนเธอ “ไม่เป็นไรก็ได้ บ้านของฉันอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานกฎหมาย ฉันเรียกรถกลับแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว”“ไม่ใช่ว่าช่วงนี้เธอเดินทางไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศหรอกเหรอ? ซีซีก็กลับไปที่บ้านเกิดด้วย อพาร์ทเมนท์ไม่มีการระบายอากาศมาเป็นเวลานาน ไม่เหมาะที่จะพักอยู่ที่นั่น” หลี่ซิงรั่วพูดต่อ “คืนนี้กลับไปที่บ้านกับฉันเถอะ พรุ่งนี้เราไปโรงพยาบาลด้วยกันจะสะดวกกว่า”สิ่งที่โหลวฉางเยว่ลังเลก็คือ เธอกับเย่เหอหรานเป็นสามีภรรยากัน จะสะดวกรึเปล่าถ้าจะต้องไปค้างที่บ้านของเธอ? หลี่ซิงรั่วรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดอย่างตรงไปตรงมาเพื่อหยุดความคิดของเธอไว้ “เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันทะเลาะกับสามี ฉันไม่ได้กลับบ้าน ฉันอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองและฉันก็อยู่คนเดียว”ในกรณีนี้โหลวฉางเยว่ไม่ได้บอกปัดอะไรต่อ และพวกเขาก็ออกจากสำนักงานกฎหมายด้วยกัน ไปที่ชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากสำนักงานกฎหมายของเธอประมาณสิบนาทีโหลวฉางเยว่อาบน้ำอุ่น สวมชุดนอนที่หลี่ซิงรั่วให้เธอยืม และในที่สุดก็นอนพักผ่อนได้สักที เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ของคุณพ่อโหลวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เหมือนมีอะไรบาง
เดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการถามเสี่ยวหลิ่ว แต่ผู้คุมไล่เธอออกไป “หมดเวลาเยี่ยมแล้ว สมาชิกในครอบครัวควรออกไปได้แล้ว” โหลวฉางเยว่ไม่มีทางเลือกนอกจากกลืนคำพูดของเธอ ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับคุณพ่อโหลว “หนูจะปรึกษากับทนายว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี พ่อควรจะหายดีก่อน ไม่ต้องกังวล ที่บ้านไม่มีอะไรผิดปกติ เราทุกคนกำลังรอให้พ่อกลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ”พ่อโหลวได้แต่พยักหน้า แล้วพึมพำอีกครั้ง “ทุกคนไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว......”โหลวฉางเยว่ออกจากวอร์ด และหลี่ซิงรั่วก็กำลังรอเธออยู่ที่ประตู เธอมีบุคลิกที่ตรงไปตรงมา เธอพูดออกไปว่า “ฉันเพิ่งจะไปพบเจ้าหน้าที่เรือนจำมา เพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ต้องขังคนอื่นให้การเป็นพยานว่าจริงๆแล้วเป็นเสี่ยวหลิ่วที่ยั่วยุพ่อของเธอก่อน แต่ยังไงทั้งสองคนก็มีเรื่องกันจริงๆ ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจะถูกลงโทษ” “จะมีบทลงโทษยังไงบ้าง?” “จะถูกกักขัง” กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ระยะเวลาในคุกของพ่อโหลว จะขยายออกไปอีกสองสามวัน แต่นี่ก็เป็นข้อสรุปที่ดีที่สุดแล้ว หากสถานการณ์ร้ายแรง ก็จะถูกดำเนินคดี และถูกส่งตัวขึ้นศาลเพื่อพิพากษาลงโทษ ซึ่งอาจไม่เกินจำนวนวัน
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ