โหลวฉางเยว่เอ่ยปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก”แต่ไป๋โหยวก็ยืนกรานที่จะวางร่มไว้ในมือของเธอ “รับไปเถอะ ในสภาพอากาศแบบนี้ จะเป็นหวัดได้ง่ายนะถ้าโดนฝน”โหลวฉางเยว่ไม่รู้ว่าเธอมีแผนการอะไร?ไป๋โหยวพูดอย่างจริงใจ “พี่ฉางเยว่ อย่าคิดว่าการเป็นหวัดเป็นเพียงความเจ็บป่วยเล็กน้อยนะ บางครั้งการเจ็บป่วยเล็กน้อย ก็อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้เหมือนกับพ่อของฉัน เขาคิดว่ามันเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาในตอนแรก คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลายเป็นโรคร้ายแรงถึงชีวิตจนเกือบจะไม่รอดเลย”“โชคดีที่ฉันได้รับการปลูกถ่ายหัวใจ ไม่เช่นนั้น ฉันคงจะไม่มีพ่อไปแล้วนะคะ”“……”หูของโหลวฉางเยว่จับคำพูดที่ละเอียดอ่อนได้ทันที “ปลูกถ่ายหัวใจ? เธอหมายถึงอะไร”ไป๋โหยวกระซิบเบา ๆ “พี่ฉางเยว่ไม่รู้เกี่ยวกับการผ่าตัดนี้เหรอคะ? การปลูกถ่ายหัวใจเป็นการทดแทนหัวใจที่แข็งแรงด้วยหัวใจดวงใหม่สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ พ่อของฉันเพิ่งได้รับการผ่าตัดเมื่อวานนี้ เป็นการผ่าตัดที่สำคัญและจำเป็น ถ้าไม่ใช่เพราะประธานเหวินช่วยจ้างแพทย์ชั้นนำมาทำการผ่าตัดพ่อของฉัน ฉันคงเป็นกังวลจริง ๆ นะคะ”“…………”ดังนั้น คนไข้ที่คุณหมอพูดเมื่อวานว่า “คนไข้มีชีวิตอยู่ได้เพียงสัปดาห์เดี
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องเฉียวซีซีพูดออกมาด้วยความโมโห และโหลวฉางเยว่ห้ามไว้ไม่ทัน “ซีซี!”เหวินเหยียนโจวหันหลังจากไปแล้วจ้องมองโหลวฉางเยว่ดวงตาสายตามืดมนราวกับเมฆพายุเสิ่นซู่ชินเห็นการเผชิญหน้ากันที่ประตูที่ด้านล่างของบันไดทิ้งรถขึ้นมาก็ได้ยินประโยคนี้พอดีหยุดก้าวขามองไปที่โหลวฉางเยว่เช่นกันเหวินเหยียนโจวปล่อยมือออกจากไป๋โหยว ไป๋โหยวดวงตาเป็นประกายวูบไหว ลูก… ลูก...“เสียลูกไปคนหนึ่งงั้นเหรอ?” เหวินเหยียนโจวสีหน้าไร้อารมณ์ เขาเพียงแค่ถามโหลวฉางเยว่ “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“……” โหลวฉางเยว่ราวกับมีก้างปลาติดอยู่ในคอเหวินเหยียนโจวนึกย้อนเรื่องราวไม่กี่เดือนนี้อย่างรวดเร็วในสมองไม่เชื่อ “จะโกหกก็ควรมีขอบเขตหน่อยทำไมผมไม่รู้ว่าคุณมีเวลาท้องแล้วยังแท้ง?”โหลวฉางเยว่เหมือนยิ้มออกมา “ถ้าคุณคิดว่าเป็นเรื่องโกหกก็เป็นเรื่องโกหกแล้วกัน”เธอดึงเฉียวซีซีกำลังจะไปกับเสิ่นซู่ชินเหวินเหยียนโจวจับมืออีกข้างเธอไว้ “ยังพูดไม่ชัดเจนก็จะไปแล้วเหรอ ดูเหมือนว่าคุณก็อยากให้เพื่อนคุณหางานทำไม่ได้ด้วยเหมือนกันสินะ”โหลวฉางเยว่หันกลับมา จากนั้นเฉียวซีซีก็ระเบิดอารมณ์ทันที “ฉันไม่ได้โกหกฉันมีหลักฐานว่าเ
เฉียวซีซีออกมาจากห้องด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักพูดติดอ่าง “ฉันฉันนำเอกสารนั้นแนบไว้กับสมุดเล่มหนึ่งแต่สมุดเล่มนั้นจู่ ๆ ฉันก็หาไม่เจอแล้ว”ประโยคนี้ทำให้เรื่องที่ไร้สาระแบบนี้น่าตลกขึ้นไปอีกเสิ่นซู่ชิงขมวดคิ้วมองไปที่โหลวฉางเยว่โหลวฉางเยว่แค่กระตูกมุมปากเล็กน้อยไม่มีอารมณ์ใดๆและยังมีเหวินเหยียนโจวที่ไม่มีอาการใดๆเฉียวซีซีพยายามอย่างร้อนรนที่จะพิสูจน์ว่าหนังสือเล่มนี้มีอยู่จริงไม่ใช่เรื่องที่เธอแต่งขึ้นมา “เยว่เยว่เธอรู้จักสมุดเล่มสีน้ำเงินของฉันใช่ไหมหน้าปกเขียนชื่อฉันอยู่เธอยังเคยหัวเราะเยาะว่าฉันเหมือนตอนสมัยเรียนเขียนชื่อตัวเองในสมุดทุกเล่มเธอจำได้ไหม?”โหลวฉางเยว่รู้จักสมุดเล่มนั้นแต่พวกเธออยู่คนละห้องปกติเธอจะไม่ไปห้องของเฉียวซีซีและไม่รู้ว่าสมุดเล่มนั้นของเธออยู่ไหนไป๋โหยวยืนอยู่ด้านหลังของเหวินเหยียนโจวบนใบหน้ามีผ้าปิดแผลพูดเสียงเบา “ความหมายก็คือไม่มีหลักฐานใช่ไหม?”ประโยคนี้พูดออกมาอุณหภูมิในคอนโดลดลงมาหนึ่งองศาอีกครั้งเฉียวซีซียังคงยืนยันว่าตัวเองไม่ได้โกหกและโหลวฉางเยว่ก็ไม่อยากไปมองเหวินเหยียนโจวอีกเดิมทีเขาก็ไม่เชื่อว่าเธอเคยทำแท้งครั้งนี้คิดว่าคงมั่นใจว่าทุ
แต่จะทำแบบนั้นไม่ได้ ทำไม่ได้เด็ดขาดเธอยังมีพ่อแม่ เธอไม่สามารถไม่สนใจเรื่องอื่น“คุณแย่งหัวใจของแม่ฉัน แย่งโอกาสที่แม่ฉันมีชีวิตอยู่ต่อ เป็นเรื่องจริงที่ไม่สามารถแย้งได้ คุณทำให้ฉันกำลังจะเสียแม่ฉันไป ถ้าคุณยังมีความเป็นคนอยู่ ก็ควรจะหยุดได้แล้ว ทำให้ฉันตายได้ผลประโยชน์อะไรกับคุณ”“เรื่องจริงที่ไม่สามารถแย้งได้” เหวินเหยียนโจวพูดย้ำประโยคนี้ หัวเราะ “เธอจะคิดแบบนี้ใช่ไหม”โหลวฉางเยว่ก็ไม่อยากคิดเช่นนี้แต่เธอเชื่อว่าปลายทางของหัวใจเป็นไปตามที่ไป๋โหยวบอกเธอ นั่นคือหัวใจของแม่เธอตอนนี้อยู่ในร่างกายของพ่อเธอไปแล้วเสิ่นซู่ชินจับไหล่เธอที่กำลังสั่นเทาอยู่ เป็นเพราะโกรธจนสั่น เขากล่าวเสียงต่ำ “ผมมีวิธีพิสูจน์ว่าคุณโหลวท้องหรือไม่ และเคยแท้งหรือไม่”สายตาของหลายคนมองไปที่เขาเสิ่นซู่ชินกล่าว “ง่ายมากครับ แค่จับชีพจรก็รู้แล้ว”“แค่จับชีพจร?” น้ำเสียงของเหวินเหยียนโจวสงสัยทั้งสงสัยที่เขามีความสามารถนี้หรือเปล่า และสงสัยว่าเขาเข้าข้างโหลวฉางเยว่ที่โกหกหรือเปล่าเสิ่นซู่ชินน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่ชายคนรองของผม คือคุณหมอเสิ่นเหยียนชิน ชื่อเสียงของเขาประธานเหวินน่าจะเคยได้ยินมาก่อน ผมเคย
“ไม่เชื่อการแพทย์แผนจีนเหรอครับ?” เสิ่นซู่ชิงเลิกคิ้ว การแพทย์แผนจีนเป็นความรู้ที่บรรพบุรุษของเราได้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลาหลายพันปี”“เชื่อค่ะ ฉันแค่เชื่อในความลึกซึ้งของการแพทย์แผนจีน ดังนั้นจึงคิดว่า ศาสตราจารย์เสิ่นคงไม่สามารถเรียนรู้วิชาแบบนี้ได้ง่าย ๆ” ไม่งั้นการแพทย์แผนจีนจะง่ายเกินไปสามารถรู้อาการร่างกายเธอได้แค่ผ่านการจับชีพจร นอกจากเป็นอัจฉริยะด้านการแพทย์ ไม่งั้น พยายามเรียนรู้อย่างลำบากมา10กว่าปี ก็อาจจะไม่สามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้ และเสิ่นซู่ชินยังเป็นถึงศาสตราจารย์ เขาคงเรียนรู้สองอย่างในเวลาเดียวกันไม่ได้เสิ่นซู่ชินยิ้ม และยอมรับ “ใช่ ผมจับชีพจรไม่เป็น ไม่เป็นเลยสักนิด”โหลวฉางเยว่พูดเสียงเบา “คุณโกหกเหรอ”เสิ่นซู่ชินมองดูเธอ “ผมโกหก ก็เพราะว่าผมเชื่อว่าคุณไม่ได้โกหก”คิ้วของโหลวฉางเยว่อดกระตุกไม่ได้เสิ่นซู่ชิน คนหนึ่งที่รู้จักเธอได้ไม่ถึงเดือน ก็เชื่อใจเธอช่วยเธอ เหวินเหยียนโจวล่ะ?กระทั่งรู้สึกว่า เธอนำเรื่องแท้งมาโกหกเขาโหลวฉางเยว่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก จับเบียร์ในมือสิ่นซิ่นมา เสิ่นซู่ชินจะแย่งกลับไปโหลวฉางเยว่หลบ “ตอนนี้ฉันอยากดื่มเบียร์ ศาสตร
โหลวฉางเยว่ร่องไห้ไม่มีเสียง แค่น้ำตาไหลลงมาเป็นเม็ด ๆลืมไปว่าเธอเป็นคนพิงเสิ่นซู่ชิน หรือเสิ่นซู่ชินกดให้เธอพิงอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง ยังไงเธอก็กำลังพิงหน้าอกของเขาอยู่ น้ำตาที่ไหลลงบนเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินของเขา ไม่นานร่องรอยสีเข้มก็แพร่กระจายออกเสิ่นซู่ชินพูดเสียงเบา “เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่มีผู้หญิงร้องไห้จนทำให้เสื้อผมเป็นแบบนี้ ฉางเยว่ คุณต้องซื้อเสื้อใหม่คืนผมอีกแล้วนะครับ”นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อเธอโหลวฉางเยว่เงยหน้าขึ้นมองเขาดวงตาของเขาอ่อนโยนสงบ มีพลังงานที่ทำให้อุ่นใจเหวินเหยียนโจวแตกต่างกับเขาอย่างสิ้นเชิงคนแบบเหวินเหยียนโจว แม้จะอยู่ใกล้ชิดมาก ก็ยากที่จะมีความสัมพันธ์ด้วยกันได้ เยือกเย็นที่สุดดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา ดูน่าสงสาร จริง ๆ แล้วก็ดูยั่วมาก แม้เสิ่นซู่ชินจะเป็นคนดีขนาดไหน ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง รู้สึกแทบจะอดไม่ได้ลูกกระเดือกของขาขยับอยู่สักพัก พูดเสียงแหบ “อย่าจ้องผู้ชายแบบนี้สิ ถ้ายังจ้องอีก ผมจะจูบคุณแล้วนะ”โหลวฉางเยว่ยังคงจ้ององ เหมือนกำลังเชิญชวนดูเหมือนว่า คืนนี้จะเป็นคนดีไม่ได้แล้วสิ เสิ่นซู่ชินก้มหัว เข้าใกล้ริมฝีปากเธอแต่แว่นตาช
เหวินเหยียนโจวลดกระจกลง เรียวข้อนิ้วมือที่ยื่นดีดขี้บุหรี่ออกจากหน้าต่างเขาพูดกับจ้าวเตี้ยนที่อยู่ด้านหน้า “ไปเอากล้องวงจรปิดหน้าประตูใหญ่ของโรงพยาบาลมา”แน่นอนว่าคือกล้องวงจรช่วงที่โหลวฉางเยว่กับเฉียวซีซีลงมือกับไป๋โหยว เกรงว่าตกไปอยู่ในมือคนอื่นจะเป็นเรื่องใหญ่เจตนาทำร้ายถ้าเอาเรื่องขึ้นมา อย่างน้องก็ต้องถูกคุมขังจ้าวเตี้ยนตอบรับอย่างเข้าใจเหวินเหยียนโจวพูดขึ้นอีก “เรียกคุณหมอผ่าตัดของแม่โหลวฉางเยว่กับพ่อของไป๋โหยวมาให้หมด”จ้าวเจี้ยน “ครับ”ความบางเอิญที่ไม่นับว่าบังเอิญ หมอผ่าตัดของพ่อไป๋และแม่โหลวเป็นคนเดียวกันพอดีคุณหมอที่สามารถทำการปลูกถ่ายหัวใจล้วนเป็นคุณหมอระดับผู้อำนวยการ โรงพยาบาลประชาชนอันดับหนึ่งแผนกผ่าตัดหัวใจมีทั้งหมดแค่สองคน ไม่คนใดก็คนหนึ่งต่อหน้าคนอื่น ผู้อำนวยการซ่งถูกยกยอถูกให้ความเคารพ แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าของเหวินเหยีนโจว แม้แต่รถยังไม่กล้าขึ้น ทำได้เพียงถือร่มยืนกลางฝน อธิบายอย่างตั้งใจ“ระบบการบริจาคหัวใจ ไม่ได้อิงว่าหนุ่มสาวหรือแก่และไม่ได้อิงตามว่าใครมาก่อนมาหลัง แต่อิงตามอาการป่วยหนักเบาตามระดับอาการโรคของผู้ป่วยมาตัดสินว่าใจให้คนไข้คนไหน ไม่ว
ผมว่าเธอยังไม่ตื่น ให้เธอนอนเถอะ “เสิ่นซู่ชินพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม” กินข้าวเช้าหรือยัง?เฉียวซีซีกระพริบตาปริบ ๆ “อีกเดี๋ยวไปทำงานค่อยแวะซื้อน้ำต้าหู้ปาท๋องโก๋”“ผมซื้ออะไรนิดหน่อย เอาโจ๊กไปอุ่น ถ้าไม่รีบรอเดี๋ยวก็ได้ได้กินแล้ว”เฉียวซีซีอุดปากแทบกรี๊ดทันที นี่เข้ามาอุ่นโจ๊กให้ที่ไหนกัน นี่มันเหมือนมืออาชีพที่มาทำอาหารให้เยว่เยว่ชัด ๆ !ต้นปีนี้ก็มีชายหนุ่มมาทำอาหารให้และยังเป็นชายหนุ่มประเภทที่การศึกษาดีเพียบพร้อมไปหมดเฉียวซีซีรีบพูดทันที “เชิญคุณตามสบาย ตามสบาย ห้องครัวอยู่ทางด้านนั้น ของอะไรใช้ได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ฉันจะรีบไปทำงานข้าวเช้าคงไม่กินแล้ว พวกเธอกินเถอะ”เสิ่นสู่ชินยิ้มขอบคุณน้อย ๆ หิ้วของเข้าห้องครัวเฉียวซีซีหยิบโทรศัพท์ออกมา ถ่ายภาพที่เขาถกแขนเสื้อขึ้นเป็นภาพที่เขากำลังล้างผักล้างกระดูกหมูอยู่ที่อ่างล้าง ส่งไปที่เว่ยซิ่นของโหลวฉางเยว่ทางด้านเธอจัดการอะไรเสร็จก็ออกจากบ้านไปทำงาน เซิ่นซู่เสินก็น้ำวัตถุดิบมาอุ่นในหม้อทำโจ๊ก เพียงครึ่งชั่วโมงก็อุ่นเสร็จ เขาถือหม้อมาวางไว้ที่โต๊ะอาหารเช้าอีกทั้งยังหยิบแผ่นกระดาษโน๊ตที่แขวนอยู่ด้านบนตู้เย็น เขียนไม่กี่คำก็ติดไว้บนหม้
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ