เวินหนี่อึ้งไปเล็กน้อย เย่หนานโจวควรจะอยากตามหาผู้หญิงคนนั้นมากกว่าไม่ใช่หรือ? หรือเขากำลังลองใจเธอเวินหนี่ไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ต้องพูดตามความคิดของเขา “เรื่องที่คุณเย่สั่งให้ฉันช่วย ฉันต้องทำให้ดี ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่เป็นทุกเรื่องค่ะ”การตอบแบบนี้ไม่น่าจะมากเกินไปใช่ไหมในฐานะเลขาของเขา เธอต้องทำตามคำสั่งของเขาในเรื่องงานอยู่แล้วคำตอบนี้แสดงถึงความจงรักภักดีของเธอ ใบหน้าสวยไม่แสดงความเศร้าเลยแม้แต่น้อย แถมยังเต็มใจช่วยเขาหาผู้หญิงที่เคยนอนกับเขาอีก ไม่ว่าจะในฐานะภรรยาหรือเลขา เธอก็มีความเข้าใจและเอาใจใส่เป็นพิเศษเย่หนานโจวหันหน้ากลับมามองข้างหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เลขาเวินเป็นเลขาที่ดีมาก ถ้าไม่มีเธอฉันคงแย่”เดิมทีเวินหนี่รู้สึกตึงเครียด แต่เมื่อได้ยินคำชมจากเขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และตอบกลับอย่างเป็นทางการ “เป็นหน้าที่ของฉันค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดต่อไป”เผยชิงที่ฟังบทสนทนาของพวกเขา รู้สึกว่ามันแปลกมาก คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเป็นการรายงานงานของลูกน้องแต่คนที่รู้ก็คงคิดว่าพวกเขาคุยกันไม่ตรงประเด็นเผยชิงเข้าใจความหมายของเย่หนานโจว
“ก็จริง เวินหนี่สวยขนาดนี้คงมีคนตามจีบเธอมากมายและเธอก็คงจะมีมาตรฐานสูงเป็นธรรมดาผู้อำนวยการหวังมองไปที่ลู่เซินอีกครั้ง “แต่ลู่เซินเองก็ไม่ได้แย่ เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม แถมยังนิสัยดีและมีอนาคตที่สดใสอีกต่างหาก!”เมื่อได้ฟังคำชมเชยของเขา ใบหน้าของเย่หนานโจวก็มืดมนลง เห็นได้ชัดว่าผู้อำนวยการหวังพึงพอใจลู่เซินเป็นอย่างมากและยังพยายามจับคู่ให้พวกเขาอย่างตั้งใจลู่เซินมองไปที่เย่หนานโจว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ครูหวัง ชมผมมากเกินไปแล้วครับ แต่อย่างไรก็ตาม เวินหนี่เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกนี้ และเธอก็สมควรได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่”เวินหนี่ดูระมัดระวัง แต่เธอรู้สึกประทับใจกับคำพูดของลู่เซินเขาบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกและสมควรได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่ไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถปฏิเสธความอ่อนโยนเช่นนี้ได้เย่หนานโจวเห็นว่าเวินหนี่กำลังมองไปที่ลู่เซิน บางทีเธออาจรู้สึกประทับใจเขาขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้เย่หนานโจวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะดึงเนคไทและพูดอย่างเย็นชา “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ตอนที่เวินหนี่ลำบากก็ไม่เห็นว่าจะได้รับความช่วยเหลื
ผู้อำนวยการหวังมีลูกสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจเพียงคนเดียว ดังนั้นเขาจึงตามใจเธอมาก เพียงแต่ทำเป็นดุเธอเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าแขก แต่หากอยู่ที่บ้านทุกอย่างล้วนคล้อยตามเธอเขาไม่ค่อยได้พาหวังอินออกมาด้วย เว้นเสียแต่เธอจะมีความสนใจอยากมาเองและเขาก็ไม่เคยพาเธอไปพบเย่หนานโจวเขากังวลว่าลูกสาวของเขาจะไม่สามารถควบคุมคนที่เอาแต่ใจอย่างเย่หนานโจวได้ก่อนหน้านี้ เขามีความคิดที่จะแนะนำหวังอินให้กับลู่เซินลู่เซินเป็นคนดี หากลูกสาวของเขาได้แต่งงานกับลู่เซินจะไม่เสียเปรียบอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลง ลู่เซินชอบเวินหนี่ ซึ่งทุกคนสามารถสัมผัสได้หวังอินสนใจเย่หนานโจวมากกว่า ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงตามใจเธอ ดูว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่นอกจากพวกเขาแล้ว ผู้อำนวยการหวังยังเชิญเพื่อนบางคนมาด้วยทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นคนรุ่นลุง ส่วนใหญ่เฝ้าดูหวังอินเติบโตมา จึงรักและเอ็นดูเธอมากเป็นพิเศษ เมื่อมาถึงก็ถามสารทุกข์สุกดิบเกี่ยวกับเธอ หวังอินเองก็ทักทายอย่างใจกว้าง หลังจากที่ทุกคนมาครบแล้ว หวังอินก็มองไปที่เย่หนานโจวแล้วถามว่า “ประธานเย่แพ้อาหารอะไรบ้างไหมคะ? หรือว่ามีอะไรที่ชอบกินเป็นพิเศษหร
ตอนมัธยมต้นเขาเป็นเพียงเด็กอ้วน จะมีความกล้ายืนเคียงข้างเธอได้อย่างไรเขาจึงทำได้เพียงเแอบมองเธออย่างเงียบ ๆ“ตอนนี้ฉันเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเองแล้ว”เวินหนี่ไม่คาดคิดว่าเขาจะมีความรู้สึกเช่นนี้กับเธอ และเธอก็เคยสังเกตเห็นจริง ๆลู่เซินมองไปที่เธอยิ้ม ๆ ด้วยความรักใคร่ “เวินหนี่ ตอนที่อยู่ประเทศเอ็ม ฉันเคยกลับมาแล้วครั้งหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากที่ฉันรู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บ ตอนที่ฉันกลับมา เธอก็เข้าโรงเรียนมัธยมปลายแล้ว ฉันเพียงแค่กล้ามองเธอจากทางด้านหลังเท่านั้น ฉันดีใจมากที่เห็นเธอไม่เป็นอะไร และตอนนั้นฉันก็ตั้งใจแล้วจะทำให้เธอมีความสุขเมื่อฉันกลับมา”เวินหนี่ทำอะไรไม่ถูก เธอสามารถเข้าใจเขาได้นี่ก็เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วตั้งแต่สมัยมัธยมต้นจนถึงตอนนี้และลู่เซินชอบเธอมานานกว่าที่เธอชอบเย่หนานโจว เธอถามขึ้นว่า “หลายปีมานี้นายไม่เคยชอบคนอื่นเลยเหรอ?”ลู่เซินตอบด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “บางทีอาจเป็นเพราะตระกูลลู่ของเรารักเดียวใจเดียว”“แต่เวินหนี่เธอไม่ต้องกังวลไป ที่ฉันชอบเธอ ฉันไม่เคยต้องการกดดันเธอเลย เธอจะคิดกับฉันแค่เพื่อนก็ได้ แค่นั้นฉันก็ดีใจแล้วที่มีเพื่อนแบบเธอ”เวินห
ในขณะนี้เวินหนี่เหมือนถูกฟ้าผ่า ใบหน้าของเธอซีด ร่างกายของเธอแข็งทื่อ และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เธออยากจะหนีออกไปจากสถานที่นี้ แต่เท้าของเธอรู้สึกเหมือนถูกตอกด้วยตะปู ไม่อาจละสายตาไปจากพวกเขาได้เลยไม่คิดเลยว่าแค่เธอมาเข้าห้องน้ำ พวกเขาจะพัฒนามาถึงจุดที่จูบกันได้แบบนี้แล้วเพียงแต่ในวินาทีต่อมา เย่หนานโจวก็ดึงมือของหวังอินออก ดวงตาของเขาบังเอิญสบกับเวินหนี่ เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของพวกเขาสบกันในอากาศ เต็มไปด้วยความสงสัยและความเสียใจเย่หนานโจวไม่มีเวลาอธิบายอะไร ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรักษาระยะห่างจากหวังอินและพูดอย่างเย็นชา “คุณหวัง กรุณาให้เกียรติตัวเองด้วย”หวังอินไล่ตามเขาออกมา เมื่อเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่คนเดียว จึงอยากจะใกล้ชิดกับเขาให้มากขึ้นเธอคิดว่าไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถปฏิเสธผู้หญิงสวยได้ และยังไม่เคยมีใครปฏิเสธเธอมาก่อนด้วยตราบใดที่เธอริเริ่ม เธอก็สามารถคว้าเย่หนานโจวได้แม้ว่าจะเป็นเพียงความสัมพันธ์แบบคืนเดียว แต่เธอก็รู้สึกว่าคุ้มค่าแล้วไม่คิดเลยว่าเขาจะดึงตัวเธอออกบางทีนี่อาจเป็นวิธีกระตุ้นความต้องการ หวังอินไม่ได้คิดอะไรมาก แต่กลับยิ้มมุมปากแล้วม
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่สามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้เธอจัดการอารมณ์ทั้งหมดก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม จากนั้นก็มองไปที่หวังอินที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ประธานเย่ ในฐานะเลขาของคุณ ฉันจะไม่มองสิ่งที่ไม่ควรมอง และจะไม่ฟังสิ่งที่ฉันไม่ควรฟัง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกคุณที่นี่ฉันจะเก็บเป็นความลับ ไม่พูดออกไปอย่างแน่นอนค่ะ”หวังอินเข้าใจอะไรบางสิ่งบางในทันที และเดินเข้าไปก่อนจะพูดว่า “ประธานเย่ เป็นเพราะมีคนอื่นอยู่ คุณเลยกังวลใช่ไหมคะ หากเป็นเช่นนั้น คน ๆ นี้คือเลขาของคุณ เธอต้องเข้มงวดกับคำพูดของตัวเองอย่างแน่นอน ฉันรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่คุณเย่ไม่มีเรื่องอื้อฉาวและไม่เคยเปิดเผยเรื่องแฟนสาว ฉันไม่จำเป็นต้องมีสถานะก็ได้ เรามาแอบคบกัน ตกลงไหมคะ?”เธอหลงรักเย่หนานโจวอยากอยู่ใกล้เขาและพิชิตใจเขาหากเขาสนใจเธอ เธอก็สามารถเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาได้แบบนี้เขาคงไม่สามารถปฏิเสธได้แน่ ความห่างเหินและความเฉยเมยของเวินหนี่ทำให้เย่หนานโจวไม่พอใจมากพออยู่แล้ว ยังมีหวังอินที่มาพูดจาไร้สาระอยู่ข้างหูของเขาอีก มันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น สายตาเย็นชาของเขาเบี่ยงจากเวินหนี่ไปยังหวังอินเดิ
“ขอโทษค่ะคุณเย่ วันนี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ได้เข้าไปห้ามไว้ทันเวลาจนทำให้คุณเย่ไม่พอใจ ฉันจะหลีกเลี่ยงไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตค่ะ” เวินหนี่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยความกลัวว่าเขาจะโกรธและทะเลาะกันใหญ่โตเธอยอมรับความผิดพลาดอย่างรวดเร็วและไม่ได้โต้เถียงเขา เย่หนานโจวจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “เธอรู้สึกตัวเร็วดีนี่ งั้นฉันขอถามเธอหน่อย ที่เธอทำแบบนั้นเป็นเพราะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว”การกระทำของเธอก่อนนี้เป็นเพราะเรื่องส่วนตัวเธอรู้สึกโศกเศร้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เวินหนี่กล่าวขึ้น “แน่นอนว่าเป็นเพราะเรื่องงานค่ะ ตราบใดที่ฉันเป็นเลขาของประธานเย่ ฉันก็จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง คุณเย่ คุณหักเงินเดือนของฉันได้เลยค่ะ ฉันไม่มีข้อโต้แย้ง”“...”เย่หนานโจวพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง และเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็หาความผิดของเธอไม่ได้และเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะสาวความยาวเย่หนานโจวเม้มริมฝีปาก ใบหน้าของเขามืดมนลง เขาปล่อยเธอและห่างเหินราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดคุยกับเธอเวินหนี่รู้สึกโล่งใจและคิดว่าตัวเองผ่านการทดสอบแล้ว แต่เธอกลับเห็นว
เธอลืมตาขึ้น เห็นเผยชิงเปิดประตูรถและเขย่าตัวเธอ เธอลุกขึ้นนั่งแล้วถามขึ้นว่า “มีอะไร?”“วันนี้ประธานเย่ดื่มหนักมาก แถมยังปลุกไม่ตื่นด้วยครับ” เผยชิงกล่าวเวินหนี่รีบมองไปและเห็นว่าเย่หนานโจวกำลังนอนหลับพิงพนักเก้าอี้ในตำแหน่งเดิม เขาหายใจอย่างมั่นคงและไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย บางทีเขาอาจจะดื่มมากเกินไปจนเหนื่อยและหลับไปแล้วแต่เขาไม่ค่อยเป็นแบบนี้ในความทรงจำของเธอ เขาไม่เคยเมาจนหลับลึกแบบนี้มาก่อน เมื่อเห็นว่ามาถึงประตูบ้านแล้ว เธอจึงพูดขึ้นว่า “ฉันจะเรียกให้คนมาพยุงเขาเข้าไป”“เผยชิง นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ” ทันใดนั้นเวินหนี่ก็ได้สติเผยชิงพยักหน้า “ครับ ฝากดูแลประธานเย่ด้วยนะครับ”เวินหนี่ลงจากรถแล้วรีบเข้าไปเรียกคนรับใช้ในบ้านให้ออกมาช่วยพยุงเย่หนานโจวเข้าไปหลังจากพยุงเขามาถึงห้องนอน เย่หนานโจวก็ถูกวางลงบนเตียง เวินหนี่รู้สึกหมดแรงเธอมองดูชายที่หมดสติอยู่บนเตียง ก่อนจะช่วยเขาถอดรองเท้า ถอดเสื้อสูทออกแล้วแขวนไว้บนไม้แขวนเสื้อเธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรงจากบนตัวเขาดูเหมือนว่าจะดื่มไปเยอะจริง ๆ ทันใดนั้น เย่หนานโจวก็พลิกตัวและจับเวินหนี่ไว้ในอ้อมแขนโดยไม
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม