เวินหนี่หัวเราะออกมา "ดูเธอพูดสิ ฉันกับเย่หนานโจวไม่มีความรักต่อกัน ต่อให้เธอจัดการลู่ม่านเซิงไป ก็จะมีคนอื่นมาแทนอยู่ดี"ถังเยาทำหน้าบึ้งทันที "งั้นฉันไม่พูดแล้ว"แม่บ้านใช้เวลาไม่นานก็ทำอาหารเสร็จ แต่เวินหนี่กินได้ไม่เยอะ และรู้สึกง่วงวันต่อมาเวินหนี่กับถังเยาไปงานแสดงภาพวาดของถังเยาถังเยาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงพอสมควรแล้ว และถึงแม้ว่าเธอจะปลอมตัวไป แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะถูกคนจำได้ในงานมีคนเยอะมากถังเยาจำต้องปล่อยเวินหนี่ให้แยกไป "เวินหนี่ เธอกลับไปก่อนนะ"พูดจบ ถังเยาก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อไม่มีถังเยาอยู่ด้วย เวินหนี่ก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปที่นี่ แต่ไม่คาดคิดว่าเมื่อเธอเดินไปที่ทางออก เธอจะเจอกับเย่หนานโจวที่กำลังเดินตรงเข้ามาทั้งสองสบตากันชั่วขณะ เหมือนกับเวลาหยุดนิ่งอย่างไรก็ตามเวินหนี่รีบตั้งสติและหลุดจากภวังค์ เธอไม่ได้พูดอะไรและพยายามจะเดินอ้อมเย่หนานโจวไป แต่เขากลับขวางทางเธอไว้ "นี่ซ้อมล่วงหน้าแล้วเหรอ?""ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่คิดว่าฉันไม่มีงานทำแล้ว ฉันเลยไม่ควรอยู่ข้างคุณอีก"เวินหนี่หลบสายตา ไม่มองเขาเสียงของเย่หนานโจวแหบพร่าเล็กน้อย "ฉันมาตามหาเธอ กลับไ
เมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนั้น เย่หนานโจวก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”“ค่ะ ฉันกำลังจะกินยา”เวินหนี่รู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง และรู้สึกลำคอบีบตันเธอไม่กล้ามองดวงตาสีเข้มของเย่หนานโจว เพราะกลัวว่าสายตาที่คมกริบของเย่หนานโจวจะมองเห็นบางสิ่งบางอย่างเย่หนานโจวขมวดคิ้ว “นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้วตั้งแต่เธอบอกว่าไปตรวจ เอายาอะไรกลับมากินล่ะ เอามานี่สิฉันจะถามเสิ่นฉือให้ ถ้ามันไม่ได้ผล ฉันจะได้ให้เสิ่นฉือเอายาตัวใหม่มาให้”ยาที่คุณหมอออกให้เธอคือยาแคลเซียมและยากรดโฟลิก ซึ่งเธอได้สลับยาเรียบร้อยแล้วหากเอาสิ่งนี้ให้เสิ่นฉือดูเขาจะต้องพบสิ่งผิดปกติได้ทันทีในฐานะแพทย์อย่างแน่นอน!เวินหนี่ทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่อง “คุณพูดเองว่านี่พึ่งจะผ่านไปแค่วันสองวัน มันจะเห็นผลเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน อีกอย่างครั้งก่อนคุณก็ให้ยาแก้ปวดท้องกับฉันมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”เย่หนานโจวนึกขึ้นได้ เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไร เวินหนี่จึงรีบวางกาแฟลงบนโต๊ะข้างหน้าเขา “คราวนี้ฉันไม่ได้ใส่ดอกหอมหมื่นลี้ คุณลองชิมดูสิคะว่าชอบไหม พอดีฉันนึกขึ้นมาได้ว่าต้องไปจัดของในห้อง”“อืม”เย่หนานโจวไม่
เวินหนี่นิ่งอึ้ง เย่หนานโจวไม่เคยอ่อนโยนกับเธอขนาดนี้มาก่อนหากไม่มีข้อตกลงสามปีและไม่มีลู่ม่านเซิง เธอก็คงจะเกิดความคิดที่จะอยู่เคียงข้างเย่หนานโจวอีกครั้งเพราะการกระทำและคำพูดไม่กี่คำเหล่านี้ของเขาเวินหนี่พยักหน้า “ฉันรู้ค่ะว่าเสิ่นฉือไม่จับฉันกิน แต่ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรจริง ๆ เย่หนานโจว ทำไมคุณไม่เชื่อฉันล่ะ หรือว่าฉันดูเหมือนคนป่วยเหรอ?”“หรือคุณคิดว่าฉันท้อง?”ครั้งนี้เวินหนี่โจมตีขึ้นมาก่อน ไม่ใช่ว่าเย่หนานโจวไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ แต่ถูกเธอปฏิเสธไปครั้งนี้เธอพูดถึงมันก่อน โดยหวังว่าเย่หนานโจวจะล้มเลิกความคิดนี้เย่หนานโจวไม่ตอบอย่างไรก็ตาม สายตาของเขาจ้องมาที่เวินหนี่อีกครั้งเพราะคำพูดของเธอก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเธอแค่อ้วนขึ้นแต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขารูสึกว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีนัก แถมยังดูซูบลงเล็กน้อย“อีกเดี๋ยวฉันจะให้คนรับใช้ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ ช่วงนี้เธอก็อยู่ที่นี่ไปก่อน” ริมฝีปากบางของเย่หนานโจวขยับช้า ๆ เสียงของเขาต่ำและแหบแห้งเวินหนี่พยักหน้า…หลังจากอาบน้ำเสร็จพวกเขาก็เตรียมเข้านอน เวินหนี่ไม่กล้าสวมเสื้อผ้าสีอ่อน เธอเลือกชุดนอนลายสก็อตตัวใหญ่
เธอทำโจ๊กและบะหมี่ไข่และทำน้ำลูกแพร์ตุ๋นด้วย เมื่อทำเสร็จแล้ว สาวใช้ก็ช่วยเธอนำมันออกไปที่โต๊ะด้านนอกเย่หนานโจวบังเอิญลงมาจากชั้นบนพอดี เวินหนี่จึงเรียกเขา “รีบมาทานอาหารเช้าค่ะ”ขณะนั้น แสงแดดก็ส่องมาบนตัวของเวินหนี่ ส่องประกายสีทองอันสวยงามบนร่างเธอเย่หนานโจวรู้สึกว่าเวลาชั่วขณะนี้มันดีมาก ราวกับว่าได้กลับไปยังตอนแรกของการแต่งงาน แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้นหลังจากทานอาหารเช้าแล้ว พวกเขาต้องไปที่สำนักงานเขตตามนัดหมายเย่หนานโจวไม่อยากทานอาหารเช้าเลยจริง ๆ แต่เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ฝีมือการทำอาหารของเวินหนี่นั้นยอดเยี่ยมมาก อาหารที่เธอทำก็อร่อยและมีประโยชน์ต่อกระเพาะหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จพวกเขาก็เดินออกไปพร้อมกันเย่หนานโจวไม่ได้เรียกคนขับ และไม่ได้เรียกเผยชิง เขาขับรถเองโดยมีเวินหนี่นั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับ เหมือนกับวันที่พวกเขาไปจดทะเบียนสมรสแต่วันนั้นไม่ได้อากาศดีเท่าวันนี้ตอนที่ไปถึงสำนักงานเขตช่องจดทะเบียนสมรสแทบไม่มีคนเลย กลับกันช่องจดทะเบียนหย่าต้องทำการนัดหมายและเข้าคิวรอเมื่อรอมาประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงคิวของพวกเขา เจ้าหน้าที่ดูวันที่ ก่อนจะดูท
เวินหนี่ไม่ได้มีความสุขแต่เธอไม่มีทางเลือก“ใช่ค่ะ ฉันมีความสุขมาก” เวินหนี่ตอบปากไม่ตรงกับใจ เย่หนานโจวเข้าใจทุกอย่างแล้ว “สิ่งที่เธอเรียกว่าวิธีที่ดีกว่าคือการหาทนายความใช่ไหม?”เวินหนี่ไม่ปฏิเสธแต่หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดกับเย่หนานโจวว่า “ประธานเย่ เราไม่ได้จะไปทางเดียวกันแล้วค่ะ”เธอจะไปหาทนายความเย่หนานโจวเข้าใจความคิดของเธออย่างถ่องแท้ และไม่มีทางที่เขาจะใจดีไปส่งเธอแน่นอน เย่หนานโจวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ที่เย่กรุ๊ปมีงานค้างมากมาย”“อ้อ” เวินหนี่ไม่ได้พูดอะไรอีกเมื่อพวกเขามาถึงเย่กรุ๊ป คนหนึ่งก็เข้าไปในห้องทำงานของประธาน ส่วนอีกคนก็กลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองฉู่ซวงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเวินหนี่ “พี่เวิน ฉันคิดว่าพี่จะไม่กลับมาแล้วซะอีก”เวินหนี่ถูกดึงดูดด้วยเสียงของฉู่ซวงฉู่ซวงดูเนี๊ยบมากในชุดทำงานของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่หนานโจวให้การยอมรับในตัวเธอ บวกกับเธอเป็นคนคัดเลือกฉู่ซวงเข้ามาเอง ตั้งใจจะรับเข้ามาแทนตำแหน่งของเธออยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่ฉู่ซวงจะพูดแบบนั้น แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ยินฉู่ซวงพูดแบบนี้กันนะฉู่ซวงทำใ
เย่หนานโจวพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “เธอไปต้อนรับคนของเจียงกรุ๊ปที่โรงแรมที จากนั้นก็เตรียมสถานที่สำหรับมื้อกลางวันของวันนี้ รวมถึงเตรียมจองคลับสำหรับคืนนี้ด้วย”“ค่ะ”เธอไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของเย่หนานโจวได้หลังจากได้ที่อยู่ของโรงแรมแล้ว เวินหนี่ก็ไปที่ลานจอดรถใต้ดินเพื่อเอารถ ขณะที่เธอกำลังเปิดประตูรถ ก็มีมือหนึ่งคว้าข้อมือของเธอเอาไว้จนทำให้เวินหนี่ตกใจวินาทีต่อมา เธอได้ยินเสียงของฉู่ซวง “พี่เวิน ฉันคือคนที่พี่คัดเลือกเข้ามา ฉันเป็นคนยังไงพี่ไม่รู้เหรอคะ? ที่ฉันถามพี่แบบนั้นมันไม่ได้มีความหมายอะไรแอบแฝง ฉันแค่อยากขอคำแนะนำจากพี่จริง ๆ พี่ช่วยฉันขอความเมตตากับประธานเย่หน่อยได้ไหมคะ?”ฉู่ซวงไม่อยากถูกไล่ออกไปแบบนี้เธอรออยู่ในลานจอดรถและคิดเรื่องนี้วนไปมา ไม่ว่าเธอจะได้พบกับเวินหนี่ เผยชิง หรือเย่หนานโจวก็ตาม เธอก็จะต้องทำตัวถ่อมตนและขอให้คนเหล่านี้ให้เธออยู่ต่อตอนนี้เวินหนี่ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจ “ประธานเย่ไล่เธอออกแล้ว และเธอก็น่าจะรู้จักนิสัยของเขาดี เธอคิดว่าประธานเย่ยังจะอยากให้เธอกลับมาไหม?”เธอไม่อยากมีปัญหากับเย่หนานโจวเพราะฉู่ซวง และเธอก็ไม่ต้องการถูกเย่หนานโจวเย
หลังจากที่เจียงซิงถงพูดจบ เธอก็หันหลังให้กับเวินหนี่แล้วไม่พูดอะไรอีกเมื่อไม่สามารถรับรองผู้รับผิดชอบของเจียงกรุ๊ปได้ เวินหนี่จึงรายงานกับเย่หนานโจวตามความจริง “อีกฝ่ายขอให้คุณมาด้วยตนเอง เพราะพวกเขาไม่ชอบที่เราเปลี่ยนคนไปมาค่ะ”เวินหนี่ไม่มัวพูดไร้สาระ หากเย่หนานโจวต้องการรักษาความร่วมมือนี้เขาก็ต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง แต่หากเขาไม่ต้องการก็แค่ไม่สนใจ ส่วนเธอก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการไปหาทนายความได้แต่ไม่คิดว่าเย่หนานโจวจะพูดขึ้นทันที “กลับมา”เย่หนานโจวเน้นเสียงต่ำและจริงจัง บ่งบอกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น“ค่ะ” เวินหนี่ตอบรับโดยไม่ได้พูดอะไรมากเมื่อเธอกลับมาอยู่ข้างหน้าเย่หนานโจวอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์แต่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างบานใหญ่พร้อมกับบุหรี่ในมือขวาตอนนี้เวินหนี่แยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวชัด “มีงานอะไรให้ฉันทำอีกไหมคะ?”เย่หนานโจวพ่นควันออกมา ควันสีขาวบดบังใบหน้าของเย่หนานโจวจนมองไม่เห็นแต่น้ำเสียงของเขาก็คมชัดและเย็นชา “ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ยื่นเงื่อนไขนี้ทันทีที่เธอไปที่นั่น?”คำพูดและน้ำเสียงเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังตั้งคำถามมาที่เธอเวินห
ชายคนหนึ่งแต่งตัวเนี้ยบนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ถามเธอว่า “คุณผู้หญิง คุณบอกเองว่าคุณไปนัดหมายหย่าที่สำนักงานเขตเรียบร้อยแล้ว คุณเพียงแค่อดทนรอเท่านั้น หากสามีของคุณไม่ยอมหย่าพวกเราถึงจะดำเนินการตามกฎหมายได้”เวินหนี่เคร่งเครียด “ฉันต้องการหย่ายิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดีค่ะ”“คุณต้องการเงินเท่าไรถึงจะช่วยให้ฉันหย่าได้?” เวินหนี่ร้อนใจมากเธอไม่สามารถรอถึงสองเดือนได้ชายคนนั้นเห็นปฏิกิริยาของเวินหนี่อย่างชัดเจน “คุณรีบร้อนหย่าขนาดนี้ เป็นเพราะอีกฝ่ายไม่เต็มใจที่จะหย่า หรือคุณกำลังนอกใจมีคนอื่น?”เวินหนี่ปฏิเสธ “ฉันไม่ได้นอกใจค่ะ ฉันแต่งงานกับอีกฝ่ายตามสัญญา และอีกฝ่ายก็มีคนรักอยู่ในใจแล้ว และเราก็แต่งงานกันแบบลับ ๆ และตอนนี้ฉันก็เบื่อหน่ายกับการแต่งงานที่ไร้ความรักนี้แล้ว เราไม่ต้องแบ่งทรัพย์สินและไม่มีลูก ฉันแค่ต้องการชีวิตใหม่ค่ะ”การแต่งงานลับคำพูดนี้ของ “เวินหนี่” ดึงดูดความสนใจของชายคนนั้นได้สำเร็จมีเพียงครอบครัวคนรวยเท่านั้นที่จะเลือกแต่งงานลับในเมื่อเป็นแบบนี้เขาก็อาจได้เงินก้อนโตชายคนนั้นพยักหน้าให้เวินหนี่แล้วพูดว่า “คุณไปร่างแบบฟ้องหย่ากับผู้ช่วยผมก่อนก็แล้วกัน”“ค่ะ”เ
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ