เธอก้มหน้าลง “เปล่าค่ะ ฉันแค่พูดไปอย่างงั้น อย่าเก็บไปใส่ใจเลยค่ะ ฉันรู้ข้อตกลงระหว่างเราดีและคุณก็รู้ว่าฉันมีคนอื่นอยู่ในใจอยู่แล้ว”เธอรู้ว่าหากพูดออกไปแบบนี้จะทำให้เย่หนานโจวโกรธมาก แต่เธอไม่มีทางเลือกเธอรักศักดิ์ศรีและไม่ต้องการให้เย่หนานโจวรู้ว่าเธอหึงเขาหลังจากคำพูดของเธอหลุดออกไป รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาก็จางหายไปทันที และเขาก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ในบริษัทเธอเป็นเลขาของฉัน ไม่ว่าฉันจะสั่งให้เธอทำอะไรเธอก็ทำได้เพียงพยักหน้าและทำตามเท่านั้น”ความหมายก็คืออย่าพูดไร้สาระเวินหนี่พยักหน้า “ค่ะ”จากนั้นเวินหนี่ก็เดินไปหาเย่หนานโจวฝีมือของเธอนั้นนุ่มนวลมาก และสิ่งสำคัญที่สุดคือกลิ่นหอมจาง ๆ จากร่างกายของเวินหนี่ซึ่งทำให้เย่หนานโจวรู้สึกสบาย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หลับตาทั้งร่างรู้สึกผ่อนคลาย…ในเวลาเดียวกัน เย่ซูเฟินก็มาถึงบ้านของเวินหนี่ ครั้งก่อนที่เย่ซูเฟินลงไม้ลงมือกับเวินหนี่ที่โรงพยาบาล เติ้งจวนก็ไม่มีความประทับใจที่ดีต่อเย่ซูเฟิน ครั้งนี้เมื่อเห็นเย่ซูเฟินเธอจึงพูดขึ้นอย่างเย็นชา “คุณมาทำอะไรที่นี่?”เย่ซูเฟินถือกระเป๋าชาแนลและมองเหยียดเติ้งจวน “ลูกสาวของเธอแ
เย่หนานโจวยังไม่ทันได้ตอบอะไร เติ้งจวนก็กดวางสาย“ตู๊ด ตู๊ด” เสียงวางสายดังก้องกดทับอยู่ในใจของเย่หนานโจว เขายังคงถือโทรศัพท์ไว้ในมือและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ปกคลุมไปด้วยเมฆดำมืดมนเต็มไปด้วยความตึงเครียดเวินหนี่เดินเข้าไปและเห็นเย่หนานโจวถือโทรศัพท์ของเธอไว้ในมือแน่นหัวใจของเวินหนี่เต้นผิดจังหวะปัจจุบันโรงพยาบาลทุกแห่งต่างก็ใช้โทรศัพท์ในการให้บริการรวมถึงการนัดหมายต่าง ๆ เมื่อเห็นว่าเย่หนานโจวมีสีหน้าแบบนั้นหรือว่าเขาจะเห็นบันทึกการนัดหมายและการชำระเงินของเธอ!โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดวงตาสีดำคมกริบของเย่หนานโจวหันมามองที่เธอ ฝ่ามือของเวินหนี่เย็นเฉียบเธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเย่หนานโจวอย่างไร แต่จู่ ๆ เย่หนานโจวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เวินหนี่ เธอบอกเรื่องที่เราจะหย่ากันกับแม่ของเธอแล้วงั้นเหรอ?”ที่แท้เวินหนี่ก็ตีตนไปก่อนไข้ หลังจากที่เย่หนานโจวถามแบบนั้น เวินหนี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเธอเม้มริมฝีปาก “เป็นเรื่องปกติที่จะคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับชีวิตปัจจุบันไม่ใช่เหรอคะ?”แม้ว่าเธอจะคิดไม่ถึงว่าเย่หนานโจวจะรับสายโทรศัพท์ของเธอ แต่เมื่อถึงเรื่องหย่า เธอก็คุยเรื่องนั
คำพูดเหล่านี้ไปไม่ถึงหูของเย่หนานโจวด้วยซ้ำ เย่หนานโจวไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของฉู่ซวง เขามีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะพูดให้ชัดเจน “เธอไม่มีทางแทนที่เวินหนี่ได้และอย่าได้มีความคิดเกินตัว!”“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของประธานเย่ค่ะ ฉันจะโทรหาร้านอาหารให้เขาทำอาหารมาส่งใหม่อีกครั้ง”ฉู่ซวงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองไปที่เย่หนานโจวอีกเย่หนานโจวพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็น!”พูดจบ เย่หนานโจวก็ยืนขึ้นและทิ้งฉู่ซวงไว้ด้านหลังแม้ว่าเย่หนานโจวจะออกจากห้องทำงานไปแล้ว แต่ฉู่ซวงก็ยังมีความกลัวอยู่ เย่หนานโจวคิดว่าเธอมีความคิดเกินตัวและต้องการเข้ามาแทนที่เวินหนี่ แต่เวินหนี่รับเธอเข้ามาแทนที่ตัวเองไม่ใช่เหรอจากท่าทีของเย่หนานโจวดูเหมือนว่าเขาจะไล่เธอออกเมื่อใดก็ได้ เธอได้ทำงานที่เย่กรุ๊ปเชียวนะ หากเธอถูกเย่หนานโจวไล่ออก และไปที่บริษัทอื่นแล้วพวกเขาเห็นประวัติเธอว่าโดนไล่ออก แล้วจะยังต้องการเธออยู่ไหมยิ่งไปกว่านั้น! เธอกำลังเผชิญหน้ากับเจ้าพ่อธุรกิจอันดับหนึ่งในเมืองหลวง ซึ่งเป็นถึงหัวหน้าตระกูลเย่!เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของฉู่ซวงก็เปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น เธอจะต้องอยู่ต่อให้ได้! …เวินหนี
เติ้งจวนทำเสียงเหอะอย่างไม่พอใจ "ถ้าเธอกลับมาอีก ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอออกไปอย่างง่าย ๆ แน่! คนดีมักถูกเอาเปรียบ เราไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วทำไมต้องกลัวเธอด้วย!"เวินหนี่รู้สึกตาร้อนผ่าวพ่อแม่ทุกคนต่างก็เป็นแบบนี้ ถึงที่สุดแล้วพวกเขาก็จะทำเพื่อลูกเสมอเวินหนี่เอ่ยเสียงแผ่ว "หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องมีปัญหากับใคร เรื่องของเย่ซูเฟินหนูจะจัดการเองค่ะ"เย่ซูเฟินไม่เคยชอบเธออยู่แล้วตอนนี้เย่หนานโจวไม่ยอมที่จะหย่า เย่ซูเฟินอาจจะกลายเป็นประเด็นที่เธอสามารถใช้เป็นช่องทางทำลายความสัมพันธ์นี้ได้หลังจากทำอาหารให้พ่อแม่เสร็จแล้ว เธอถึงออกมาแต่เมื่อเธอมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน กำลังจะเรียกรถแท็กซี่ เธอกลับเห็นรถหรูสีดำที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน กระจกหน้าต่างรถถูกเลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเย่หนานโจวที่ปรากฏชัดเจนต่อสายตามือข้างหนึ่งของเขาวางอยู่ตรงขอบหน้าต่าง นิ้วมือเรียวยาวคีบบุหรี่ที่สูบไปแล้วครึ่งมวนเวินหนี่ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาการที่เธอเปิดประตูรถดึงดูดความสนใจจากชายหนุ่มทันทีเมื่อเย่หนานโจวหันมามองด้านข้าง เวินหนี่ก็ได้นั่งลงบนเบาะข้างคนขับแล้ว แม้
เวินหนี่ที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำว่า ‘โดนวางยา’ เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่งลู่ม่านเซิงไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลหรอกหรือ แล้วทำไมถึงโดนวางยาได้ล่ะ!นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!ลู่ม่านเซิงรู้สึกจุกที่ลำคอ หัวใจเธอเย็นเฉียบ เย่หนานโจวรู้เรื่องแล้วแต่กลับไม่รีบมาหาเธอทันที เย่หนานโจวเปลี่ยนไป เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน!ทันใดนั้นลู่ม่านเซิงก็สะอื้น "พี่หนานโจว พี่คิดว่าฉันแกล้งทำหรือเปล่า? ฉันไม่ได้แกล้งนะคะ ทุกอย่างมีผลการตรวจยืนยันแล้ว รังนกที่ฉันกินถูกส่งไปตรวจแล้วด้วย"เมื่อได้ยินดังนั้น เวินหนี่ก็เข้าใจทันทีลู่ม่านเซิงโดนวางยาจากรังนก ซึ่งรังนกนั่นเป็นของที่เธอเป็นคนส่งไปให้ เย่ซูเฟินชื่นชอบลู่ม่านเซิงมาก ถึงกับคิดจะส่งอาหารเสริมให้ลู่ม่านเซิงเย่ซูเฟินไม่มีทางเป็นคนที่วางยาแน่นอนดังนั้นความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือเธอ!เวินหนี่เอ่ยเสียงเย็น "ฉันส่งอาหารเสริมไปที่โรงพยาบาลตามคำสั่งของแม่คุณ แต่ตลอดทางฉันไม่เคยเปิดรังนกนั้นเลย ถ้าเปิดคุณลู่คงต้องสังเกตเห็นแล้ว"เธอไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นเธอจะไม่ยอมรับความผิดนี้ทางอีกด้านของสายโทรศัพท์ ลู่ม่านเซิงได้ยินสิ่งที่เวินหนี่พูดอย่า
เย่หนานโจวเงียบไปเขาไม่ได้ตอบอะไร แต่ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ใบหน้าหล่อเหลาดูเย็นชาเป็นพิเศษ“เวินหนี่ เพื่อให้ได้หย่า ถึงกับเรียนรู้ที่จะเล่นบทเหยื่อเลยเหรอ ฉันควรจะส่งเธอไปเข้าวงการบันเทิงด้วยไหม?”เสียงเย็นชาที่แฝงด้วยความเย้ยหยันดังขึ้นข้างหูเวินหนี่เวินหนี่ไม่อยากจะเชื่อ “ในสายตาคุณ ฉันกำลังเล่นบทเหยื่องั้นเหรอ?”เธออยู่ข้างเขามานานขนาดนี้ แม้ว่าจะไม่มีความรู้สึกต่อกัน แต่ในระหว่างที่ใช้เวลาร่วมกันเขาน่าจะเข้าใจนิสัยและบุคลิกของเธอบ้าง ไม่ใช่เลยไม่รู้สักนิดแต่สุดท้ายเขากลับพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้!เวินหนี่รู้สึกผิดหวังในตัวเขามาก “จะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ เราแค่แต่งงานตามสัญญา ในเรื่องอื่น ๆ ฉันทำอะไรก็ได้ นั่นเป็นสิทธิ์ของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยว”จะเข้าวงการบันเทิงหรือไม่ นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเธอส่วนเรื่องที่ลู่ม่านเซิงกล่าวหาว่าเธอวางยา เวินหนี่จะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง“ประธานเย่ คุณจะขับรถไหมคะ? ถ้าไม่ขับ ฉันจะลง” พูดจบเวินหนี่ก็เตรียมจะเปิดประตูรถแต่ประตูรถถูกล็อกด้วยระบบควบคุมโดยเย่หนานโจวก่อนที่เขาจะพูดเสียงเย็นชา “คาดเข็มขัดซะ”ในเมื
“การชิงดีชิงเด่นแบบนี้ เอามาทำเป็นหนังได้เลยนะ! มันสุดยอดจริง ๆ!”…เวินหนี่ไม่สนใจจะอ่านความคิดเห็นในโลกออนไลน์อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เธอรู้ก็คือหลักฐานได้ถูกปล่อยออกไปแล้ว ตราบใดที่เธอสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ การที่เรื่องจะบานปลายในโลกออนไลน์ก็ไม่เกี่ยวกับเธออีกต่อไปเพราะเธอมาอยู่ที่ว่างเจียงหยวน เธอจึงยังมีของบางอย่างที่ทิ้งไว้ที่นี่เธอหยิบของที่จำเป็นออกไป และทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นไว้ของมีไม่มากนัก เธอจึงจัดเก็บเสร็จอย่างรวดเร็วทันทีที่เปิดประตูห้องเธอก็เห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ที่หน้าประตู เขาจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือของเธอ ใบหน้าเคร่งขรึมและเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด“ตอนแรกฉันตั้งใจจะใมอบหลักฐานพวกนี้ให้คุณดู แต่เพราะคอมเมนต์ออนไลน์มันรุนแรงเกินไป ฉันก็เลยขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองก่อน ไม่ว่าจะเป็นลู่ม่านเซิงที่จงใจใส่ร้ายฉัน หรือถูกเข้าใจผิดว่าโดนวางยาจริง ๆ ก็ตาม”ตอนนี้เธอได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้ว เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธออีกต่อให้เย่หนานโจวจะโกรธ เขาก็ทำอะไรไม่ได้เย่หนานโจวไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ เขาแทบไม่ได้อ่านความคิดเห็นพว
ดวงตาของเวินหนี่ชัดเจนว่าเต็มไปด้วยความดื้อรั้นเวินหนี่ในวันนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนเลย“ฉันจะไปจองคิวที่สำนักทะเบียนกับเธอวันพุธหน้า” เย่หนานโจวเอ่ยเสียงเย็นชาเวินหนี่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วเวินหนี่คิดถึงเวลา วันนี้เพิ่งจะเป็นวันจันทร์ ยังเหลืออีกหลายวันกว่าจะถึงวันพุธหน้า เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แล้วนี่อีกหลายวันจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน!เธอเม้มริมฝีปาก “ทำไมไม่ไปจองวันนี้ล่ะ? ฉันไม่อยากให้เรื่องมันยืดยาวออกไป”“เรื่องของม่านเซิงยังไม่จบ” เย่หนานโจวทิ้งคำพูดนี้ไว้อย่างเย็นชา ไม่อยากพูดคุยเรื่องนี้กับเธอต่ออีกคำพูดนี้ของเขา บ่งบอกว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าเธอแม้แต่วินาทีเดียวแล้วคำพูดนี้มันหมายความว่ายังไงกัน?เขายังคิดว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องลู่ม่านเซิงถูกวางยาอยู่งั้นหรือ?เธอได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว แต่เย่หนานโจวยังแสดงท่าทีแบบนี้ เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพิสูจน์ออกมาใช่ไหม?อย่างไรก็ตามการที่เย่หนานโจวยอมไปจองคิวที่สำนักงานเขตก็ยังดีกว่าไม่ยอมและปล่อยให้เรื่องคาราคาซังต่อไปแบบนี้…เย่หนานโจวกลับมาที่ห้องทำงานเขาเพิ่งจุดบุหรี
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ