ใบหน้าของเย่ซูเฟินมืดมนราวก้นหม้อเย่หนานโจวไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากพบเธอ!เย่ซูเฟินไม่สนใจ และเธอก็ยืนกรานที่จะเดินเข้าไปข้างในแต่เธอก้าวไปยังไม่ถึงสองก้าว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดกับเธออย่างสุภาพว่า “คุณผู้หญิงครับ กรุณาอย่าทำเรื่องให้ยากกับพวกเราเลยครับ หากคุณต้องการพบประธานเย่ คุณสามารถกลับไปพบเขาที่บ้านได้หรือจะโทรหาเขาก็ได้ครับ”“ที่นี่ผู้คนเข้าออกมากมาย หากมีใครเห็นและนำไปโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต มันคงจะไม่ดีแน่ครับ!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เตือนเย่ซูเฟินอีกครั้งหน้าอกของเย่ซูเฟินกระเพื่อมขึ้นลงด้วยโทสะและความโกรธของเธอก็พุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเขาจงใจขวางเธอไว้แบบนี้แล้วเขาจะยอมรับสายเธอได้อย่างไร? ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเวินหนี่ เขาไม่อยากให้เธอสร้างปัญหาให้กับเวินหนี่!ดี!เย่หนานโจวทำเพื่อเวินหนี่ขนาดนี้เลยงั้นเหรอ! เย่ซูเฟินจากไปด้วยความโกรธ…ภายในห้องทำงานของประธาน ตั้งแต่เย่หนานโจวพาเวินหนี่กลับมา เขาก็เข้าไปจัดการเอกสารที่ห้องทำงาน เวินหนี่เองก็ไม่สามารถปล่อยให้ตัวเอง
เธอก้มหน้าลง “เปล่าค่ะ ฉันแค่พูดไปอย่างงั้น อย่าเก็บไปใส่ใจเลยค่ะ ฉันรู้ข้อตกลงระหว่างเราดีและคุณก็รู้ว่าฉันมีคนอื่นอยู่ในใจอยู่แล้ว”เธอรู้ว่าหากพูดออกไปแบบนี้จะทำให้เย่หนานโจวโกรธมาก แต่เธอไม่มีทางเลือกเธอรักศักดิ์ศรีและไม่ต้องการให้เย่หนานโจวรู้ว่าเธอหึงเขาหลังจากคำพูดของเธอหลุดออกไป รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาก็จางหายไปทันที และเขาก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ในบริษัทเธอเป็นเลขาของฉัน ไม่ว่าฉันจะสั่งให้เธอทำอะไรเธอก็ทำได้เพียงพยักหน้าและทำตามเท่านั้น”ความหมายก็คืออย่าพูดไร้สาระเวินหนี่พยักหน้า “ค่ะ”จากนั้นเวินหนี่ก็เดินไปหาเย่หนานโจวฝีมือของเธอนั้นนุ่มนวลมาก และสิ่งสำคัญที่สุดคือกลิ่นหอมจาง ๆ จากร่างกายของเวินหนี่ซึ่งทำให้เย่หนานโจวรู้สึกสบาย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หลับตาทั้งร่างรู้สึกผ่อนคลาย…ในเวลาเดียวกัน เย่ซูเฟินก็มาถึงบ้านของเวินหนี่ ครั้งก่อนที่เย่ซูเฟินลงไม้ลงมือกับเวินหนี่ที่โรงพยาบาล เติ้งจวนก็ไม่มีความประทับใจที่ดีต่อเย่ซูเฟิน ครั้งนี้เมื่อเห็นเย่ซูเฟินเธอจึงพูดขึ้นอย่างเย็นชา “คุณมาทำอะไรที่นี่?”เย่ซูเฟินถือกระเป๋าชาแนลและมองเหยียดเติ้งจวน “ลูกสาวของเธอแ
เย่หนานโจวยังไม่ทันได้ตอบอะไร เติ้งจวนก็กดวางสาย“ตู๊ด ตู๊ด” เสียงวางสายดังก้องกดทับอยู่ในใจของเย่หนานโจว เขายังคงถือโทรศัพท์ไว้ในมือและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ปกคลุมไปด้วยเมฆดำมืดมนเต็มไปด้วยความตึงเครียดเวินหนี่เดินเข้าไปและเห็นเย่หนานโจวถือโทรศัพท์ของเธอไว้ในมือแน่นหัวใจของเวินหนี่เต้นผิดจังหวะปัจจุบันโรงพยาบาลทุกแห่งต่างก็ใช้โทรศัพท์ในการให้บริการรวมถึงการนัดหมายต่าง ๆ เมื่อเห็นว่าเย่หนานโจวมีสีหน้าแบบนั้นหรือว่าเขาจะเห็นบันทึกการนัดหมายและการชำระเงินของเธอ!โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดวงตาสีดำคมกริบของเย่หนานโจวหันมามองที่เธอ ฝ่ามือของเวินหนี่เย็นเฉียบเธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเย่หนานโจวอย่างไร แต่จู่ ๆ เย่หนานโจวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เวินหนี่ เธอบอกเรื่องที่เราจะหย่ากันกับแม่ของเธอแล้วงั้นเหรอ?”ที่แท้เวินหนี่ก็ตีตนไปก่อนไข้ หลังจากที่เย่หนานโจวถามแบบนั้น เวินหนี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเธอเม้มริมฝีปาก “เป็นเรื่องปกติที่จะคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับชีวิตปัจจุบันไม่ใช่เหรอคะ?”แม้ว่าเธอจะคิดไม่ถึงว่าเย่หนานโจวจะรับสายโทรศัพท์ของเธอ แต่เมื่อถึงเรื่องหย่า เธอก็คุยเรื่องนั
คำพูดเหล่านี้ไปไม่ถึงหูของเย่หนานโจวด้วยซ้ำ เย่หนานโจวไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของฉู่ซวง เขามีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะพูดให้ชัดเจน “เธอไม่มีทางแทนที่เวินหนี่ได้และอย่าได้มีความคิดเกินตัว!”“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของประธานเย่ค่ะ ฉันจะโทรหาร้านอาหารให้เขาทำอาหารมาส่งใหม่อีกครั้ง”ฉู่ซวงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองไปที่เย่หนานโจวอีกเย่หนานโจวพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็น!”พูดจบ เย่หนานโจวก็ยืนขึ้นและทิ้งฉู่ซวงไว้ด้านหลังแม้ว่าเย่หนานโจวจะออกจากห้องทำงานไปแล้ว แต่ฉู่ซวงก็ยังมีความกลัวอยู่ เย่หนานโจวคิดว่าเธอมีความคิดเกินตัวและต้องการเข้ามาแทนที่เวินหนี่ แต่เวินหนี่รับเธอเข้ามาแทนที่ตัวเองไม่ใช่เหรอจากท่าทีของเย่หนานโจวดูเหมือนว่าเขาจะไล่เธอออกเมื่อใดก็ได้ เธอได้ทำงานที่เย่กรุ๊ปเชียวนะ หากเธอถูกเย่หนานโจวไล่ออก และไปที่บริษัทอื่นแล้วพวกเขาเห็นประวัติเธอว่าโดนไล่ออก แล้วจะยังต้องการเธออยู่ไหมยิ่งไปกว่านั้น! เธอกำลังเผชิญหน้ากับเจ้าพ่อธุรกิจอันดับหนึ่งในเมืองหลวง ซึ่งเป็นถึงหัวหน้าตระกูลเย่!เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของฉู่ซวงก็เปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น เธอจะต้องอยู่ต่อให้ได้! …เวินหนี
เติ้งจวนทำเสียงเหอะอย่างไม่พอใจ "ถ้าเธอกลับมาอีก ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอออกไปอย่างง่าย ๆ แน่! คนดีมักถูกเอาเปรียบ เราไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วทำไมต้องกลัวเธอด้วย!"เวินหนี่รู้สึกตาร้อนผ่าวพ่อแม่ทุกคนต่างก็เป็นแบบนี้ ถึงที่สุดแล้วพวกเขาก็จะทำเพื่อลูกเสมอเวินหนี่เอ่ยเสียงแผ่ว "หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องมีปัญหากับใคร เรื่องของเย่ซูเฟินหนูจะจัดการเองค่ะ"เย่ซูเฟินไม่เคยชอบเธออยู่แล้วตอนนี้เย่หนานโจวไม่ยอมที่จะหย่า เย่ซูเฟินอาจจะกลายเป็นประเด็นที่เธอสามารถใช้เป็นช่องทางทำลายความสัมพันธ์นี้ได้หลังจากทำอาหารให้พ่อแม่เสร็จแล้ว เธอถึงออกมาแต่เมื่อเธอมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน กำลังจะเรียกรถแท็กซี่ เธอกลับเห็นรถหรูสีดำที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน กระจกหน้าต่างรถถูกเลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเย่หนานโจวที่ปรากฏชัดเจนต่อสายตามือข้างหนึ่งของเขาวางอยู่ตรงขอบหน้าต่าง นิ้วมือเรียวยาวคีบบุหรี่ที่สูบไปแล้วครึ่งมวนเวินหนี่ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาการที่เธอเปิดประตูรถดึงดูดความสนใจจากชายหนุ่มทันทีเมื่อเย่หนานโจวหันมามองด้านข้าง เวินหนี่ก็ได้นั่งลงบนเบาะข้างคนขับแล้ว แม้
เวินหนี่ที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำว่า ‘โดนวางยา’ เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่งลู่ม่านเซิงไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลหรอกหรือ แล้วทำไมถึงโดนวางยาได้ล่ะ!นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!ลู่ม่านเซิงรู้สึกจุกที่ลำคอ หัวใจเธอเย็นเฉียบ เย่หนานโจวรู้เรื่องแล้วแต่กลับไม่รีบมาหาเธอทันที เย่หนานโจวเปลี่ยนไป เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน!ทันใดนั้นลู่ม่านเซิงก็สะอื้น "พี่หนานโจว พี่คิดว่าฉันแกล้งทำหรือเปล่า? ฉันไม่ได้แกล้งนะคะ ทุกอย่างมีผลการตรวจยืนยันแล้ว รังนกที่ฉันกินถูกส่งไปตรวจแล้วด้วย"เมื่อได้ยินดังนั้น เวินหนี่ก็เข้าใจทันทีลู่ม่านเซิงโดนวางยาจากรังนก ซึ่งรังนกนั่นเป็นของที่เธอเป็นคนส่งไปให้ เย่ซูเฟินชื่นชอบลู่ม่านเซิงมาก ถึงกับคิดจะส่งอาหารเสริมให้ลู่ม่านเซิงเย่ซูเฟินไม่มีทางเป็นคนที่วางยาแน่นอนดังนั้นความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือเธอ!เวินหนี่เอ่ยเสียงเย็น "ฉันส่งอาหารเสริมไปที่โรงพยาบาลตามคำสั่งของแม่คุณ แต่ตลอดทางฉันไม่เคยเปิดรังนกนั้นเลย ถ้าเปิดคุณลู่คงต้องสังเกตเห็นแล้ว"เธอไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นเธอจะไม่ยอมรับความผิดนี้ทางอีกด้านของสายโทรศัพท์ ลู่ม่านเซิงได้ยินสิ่งที่เวินหนี่พูดอย่า
เย่หนานโจวเงียบไปเขาไม่ได้ตอบอะไร แต่ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ใบหน้าหล่อเหลาดูเย็นชาเป็นพิเศษ“เวินหนี่ เพื่อให้ได้หย่า ถึงกับเรียนรู้ที่จะเล่นบทเหยื่อเลยเหรอ ฉันควรจะส่งเธอไปเข้าวงการบันเทิงด้วยไหม?”เสียงเย็นชาที่แฝงด้วยความเย้ยหยันดังขึ้นข้างหูเวินหนี่เวินหนี่ไม่อยากจะเชื่อ “ในสายตาคุณ ฉันกำลังเล่นบทเหยื่องั้นเหรอ?”เธออยู่ข้างเขามานานขนาดนี้ แม้ว่าจะไม่มีความรู้สึกต่อกัน แต่ในระหว่างที่ใช้เวลาร่วมกันเขาน่าจะเข้าใจนิสัยและบุคลิกของเธอบ้าง ไม่ใช่เลยไม่รู้สักนิดแต่สุดท้ายเขากลับพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้!เวินหนี่รู้สึกผิดหวังในตัวเขามาก “จะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ เราแค่แต่งงานตามสัญญา ในเรื่องอื่น ๆ ฉันทำอะไรก็ได้ นั่นเป็นสิทธิ์ของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยว”จะเข้าวงการบันเทิงหรือไม่ นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเธอส่วนเรื่องที่ลู่ม่านเซิงกล่าวหาว่าเธอวางยา เวินหนี่จะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง“ประธานเย่ คุณจะขับรถไหมคะ? ถ้าไม่ขับ ฉันจะลง” พูดจบเวินหนี่ก็เตรียมจะเปิดประตูรถแต่ประตูรถถูกล็อกด้วยระบบควบคุมโดยเย่หนานโจวก่อนที่เขาจะพูดเสียงเย็นชา “คาดเข็มขัดซะ”ในเมื
“การชิงดีชิงเด่นแบบนี้ เอามาทำเป็นหนังได้เลยนะ! มันสุดยอดจริง ๆ!”…เวินหนี่ไม่สนใจจะอ่านความคิดเห็นในโลกออนไลน์อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เธอรู้ก็คือหลักฐานได้ถูกปล่อยออกไปแล้ว ตราบใดที่เธอสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ การที่เรื่องจะบานปลายในโลกออนไลน์ก็ไม่เกี่ยวกับเธออีกต่อไปเพราะเธอมาอยู่ที่ว่างเจียงหยวน เธอจึงยังมีของบางอย่างที่ทิ้งไว้ที่นี่เธอหยิบของที่จำเป็นออกไป และทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นไว้ของมีไม่มากนัก เธอจึงจัดเก็บเสร็จอย่างรวดเร็วทันทีที่เปิดประตูห้องเธอก็เห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ที่หน้าประตู เขาจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือของเธอ ใบหน้าเคร่งขรึมและเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด“ตอนแรกฉันตั้งใจจะใมอบหลักฐานพวกนี้ให้คุณดู แต่เพราะคอมเมนต์ออนไลน์มันรุนแรงเกินไป ฉันก็เลยขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองก่อน ไม่ว่าจะเป็นลู่ม่านเซิงที่จงใจใส่ร้ายฉัน หรือถูกเข้าใจผิดว่าโดนวางยาจริง ๆ ก็ตาม”ตอนนี้เธอได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้ว เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธออีกต่อให้เย่หนานโจวจะโกรธ เขาก็ทำอะไรไม่ได้เย่หนานโจวไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ เขาแทบไม่ได้อ่านความคิดเห็นพว
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม