ผู้เป็นพ่อของเย่หนานโจววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ พูดเสียงเบา “พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาบอกว่าในใจเขารู้ดี เพราะงั้นเรื่องนี้ก็ปล่อยให้เขาจัดการเองเถอะ”เมื่อเย่ซูเฟินได้ยินคำนี้ก็ยิ่งโกรธหนักขึ้น “ทำไมคุณถึงไม่สนใจอะไรเลยล่ะคะ? ปล่อยให้เขาจัดการเอง แล้วถ้าสุดท้ายจัดการไม่ได้จะทำยังไง!”คนฟังเงยหน้ามองเย่ซูเฟิน ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าจัดการไม่ได้ก็เป็นเรื่องของเขา คุณจะไปยุ่งทำไม?”“ลูกของฉัน ฉันจะไม่สนใจได้ยังไง?” เย่ซูเฟินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นคนฟังมองเธอด้วยแววตาที่แฝงความรังเกียจ ก่อนจะเงียบไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นเขาทำท่าแบบนี้ เย่ซูเฟินยิ่งรู้สึกกระวนกระวาย “คุณเห็นเขาเป็นลูกของคุณบ้างไหม หลายปีมานี้คุณก็ไม่เคยสนใจเขาเลยนะ บ้านหลังนี้จะมีคุณหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน!”ผู้เป็นสามียังคงพูดอย่างเย็นชาเหมือนเดิม “หลายปีที่ผ่านมา เขาก็อยู่ดีมีสุขไม่ใช่หรือไง?” ราวกับว่าเย่หนานโจวไม่ใช่ลูกของตนเย่ซูเฟินพูดขึ้นว่า “เขาไม่เคยสนิทกับเราเลย แล้วเขาจะดีไปถึงไหนได้! ทั้งหมดเป็นความผิดของคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ คุณเป็นคนทำลายพวกเรา!”เย่ซูเฟินเริ่มอารมณ์ท่วมท
คำพูดของเย่หนานโจวพุ่งตรงมาที่เธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาสิ่งที่เธอตั้งใจอยากจะเก็บไว้ให้เป็นความทรงจำดี ๆ ในสายตาของเย่หนานโจวกลับกลายเป็นเรื่องน่าขันและเย็นชาเวินหนี่รู้สึกหยันตนเอง “แค่ถามเฉย ๆ เท่านั้นเอง ยังไงมันก็เป็นทริปฟรีถ้าไม่ไปก็คงเสียดาย ฉันไม่อยากพูดอะไรมากแล้ว มีอะไรอีกไหมคะ?”นัยยะของคำพูดคือ ถ้าไม่มีอะไรอีก เธอก็จะไปแล้วเย่หนานโจวไม่พูดอะไรเวินหนี่ก็ไม่ได้รอให้เขาตอบ เธอเดินออกไปทันทีสิ่งที่เย่หนานโจวไม่คาดคิดก็คือลู่ม่านเซิงกรีดข้อมือตัวเองเสี่ยวหยวนโทรมาอย่างร้อนรน “ประธานเย่ พี่ม่านเซิงบอกว่าเธอไม่เคยคิดจะโยนความผิดทั้งหมดให้กับเวินหนี่ เรื่องรังนกฉันเป็นคนดูแลตอนที่เธอกินเองค่ะ”“ฉันอยู่ข้าง ๆ เธอ ฉันจะทำร้ายเธอได้ยังไง พี่ม่านเซิงบอกว่าไม่อยากให้บริษัทของคุณถูกวิจารณ์ ก็เลยเลือกที่จะใช้ความตายพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง…”เสียงของเสี่ยวหยวนสั่นอย่างหนัก เธอรู้สึกกลัวอย่างแท้จริง“ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?” ใบหน้าของเย่หนานโจวเคร่งเครียดเสี่ยวหยวนร้องไห้ออกมา “ตอนนี้พี่ม่านเซิงยังอยู่ในห้องฉุกเฉินค่ะ ประธานเย่คุณมาที่นี่เถอะค่ะ ฉันกลัวว่า…”คำพูดต่อจากน
เวินหนี่หวังว่าเย่หนานโจวจะใจเย็นลงบ้างไม่อย่างนั้นหากเขาพาเธอไปหาลู่ม่านเซิงเพื่อให้เธอไถ่โทษ เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจอกับบทลงโทษอะไรบ้าง และถ้าส่งผลกระทบต่อลูกในท้อง นั่นจะเป็นความเจ็บปวดไปตลอดชีวิตเย่หนานโจวจึงจับไหล่เธอไว้แน่นขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้เธอสงบลง “ฉันรู้ ฉันไม่ได้จะพาเธอไปหาลู่ม่านเซิง ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน งั้นโทรหาถังเยาให้มารับเธอดีไหม?”ด้วยสภาพจิตใจของเวินหนี่ตอนนี้ เย่หนานโจวเองก็ไม่สบายใจที่จะปล่อยให้เธอไปคนเดียวเวินหนี่มองเย่หนานโจวด้วยความไม่เชื่อสุดท้ายเมื่อเห็นว่าเย่หนานโจวไม่พูดอะไร เธอจึงรีบโทรหาถังเยาอย่างรวดเร็ว “ถังเยา ฉันจะส่งพิกัดไปให้นะ เธอมารับฉันตอนนี้เลย…”น้ำเสียงของเวินหนี่สั่นเครือถังเยาได้ยินเสียงสั่นเครือของเวินหนี่ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก “โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”ตอนที่เวินหนี่ส่งพิกัดให้ถังเยา มือของเธอสั่นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งเธอทำทุกอย่างเสร็จ เย่หนานโจวจึงเอ่ยถามขึ้น “ตอนนี้เธอน่าจะเชื่อฉันแล้วนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพาเธอไปหาลู่ม่านเซิง”เวินหนี่รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ ไม่รู้จะตอบคำพูดของเย่หนานโจวอย่างไรและไม่รู้จะอธิบายความรู้ส
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังเยาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วพวกเขาคงมีปัญหากันอยู่ก่อนหน้านี้ด้วยถังเยาหัวเราะเยาะ “แค่ทำท่าว่าจะฆ่าตัวตายเท่านั้นเอง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอจะกรีดข้อมือจริงหรือเปล่า แล้วของขวัญนั่นผู้ผลิตก็ยืนยันว่าไม่มีการแกะบรรจุภัณฑ์ออกเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นปัญหาน่าจะอยู่ที่ตัวลู่ม่านเซิงเองนั่นแหละ”พูดตรง ๆ ก็คือลู่ม่านเซิงต้องการใช้การฆ่าตัวตายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน ให้ทุกคนรู้ว่าเธอใช้วิธีนี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองบางคนก็จะเชื่อว่า ลู่ม่านเซิงยอมตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แล้วจะหันกลับมาสงสัยและโจมตีเวินหนี่แทนลู่ม่านเซิงเดินหมากที่เสี่ยงมากในครั้งนี้เวินหนี่ไม่ได้ตอบอะไร แต่ในใจเธอกลับรู้สึกหนักอึ้งแม้สิ่งที่ลู่ม่านเซิงจะทำก็เป็นเรื่องของเธอ แต่ประเด็นสำคัญคือเย่หนานโจวคงไม่มีวันปล่อยให้คนรักของเขาเกิดเรื่อง รวมถึงเย่ซูเฟินที่ก็ห่วงใยลู่ม่านเซิงมากเช่นกันขณะที่ถังเยาขับรถไปเธอก็พูดถึงเย่ซูเฟินด้วย “มันน่าขำจริง ๆ เธอยังไม่ได้หย่ากับเย่หนานโจวเลย นี่มันศตวรรษที่ 21 แล้ว แม่สามีของเธอคิดจะให้ลู่ม่านเซิงเป็นนางบำเรอของเย่หนานโจว
"การโจมตีของชาวเน็ตมันรุนแรงเกินไป ฉันอยากออกจากโรงพยาบาล" เสียงของลู่ม่านเซิงแหบแห้ง และน้ำตาที่ยังไม่แห้งดีคลออยู่ในดวงตาของเธอท่าทางของลู่ม่านเซิงในตอนนี้ดูน่าสงสารและอ่อนแอเย่หนานโจวตอบกลับ "ฉันจะให้เผยชิงจัดการเรื่องนี้ แต่จากสภาพร่างกายของเธอตอนนี้ เธอควรพักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวัน ฉันจะให้เผยชิงหาบอดี้การ์ดมาคุ้มกัน จะไม่เกิดเรื่องที่เธอกังวล"ลู่ม่านเซิงรู้ดีว่า แม้ว่าเย่หนานโจวจะพูดแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ยังรักษาระยะห่างจากเธออยู่ดี ตั้งแต่เกิดเรื่องมาจนถึงตอนนี้ เย่หนานโจวไม่เคยพูดถึงเวินหนี่เลยในใจของเย่หนานโจว เขายังคงปกป้องเวินหนี่อยู่มาก"สิ่งที่คุณจัดการฉันไม่ได้กังวลหรอก แต่หนานโจวคุณไม่รู้หรอกว่าคนในโลกออนไลน์น่ากลัวขนาดไหน ฉันรับไม่ไหวจริง ๆ ฉันถึงได้... ถึงได้..."สุดท้ายลู่ม่านเซิงก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้ เธอร้องไห้จนแทบพูดไม่เป็นเสียงแต่เธอก็ยังถามถึงประเด็นสำคัญ "พี่หนานโจว คุณจะมีเวลามาหาฉันบ้างไหม?"เย่หนานโจวยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธอ "ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยมีเวลา ฉันตกลงกับเวินหนี่ไว้แล้วว่าจะพาเธอไปเที่ยวที่ประเทศฝรั่งเศส"ลู่ม่านเซิงแทบไม่อยากเ
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายคนนั้นยังคงไม่หายไปและเสียงของเขาก็ยังคงนุ่มนวลเช่นเดิม “เธอบอกแล้ว ฉันก็แค่ผ่านมาเลยเอาของมาฝากให้เธอหน่อยเท่านั้นเอง”ใบหน้าของถังเยาไม่ค่อยดีนัก เธอแค่นหัวเราะ “ของที่นายบอกว่าผ่านมาเลยเอามาฝากก็คือดอกไม้เนี่ยนะ?”“ใช่” ชายคนนั้นไม่ได้ปฏิเสธเสียงของถังเยาเย็นชา “ฉันไม่สนใจของพวกนี้ ถ้านายยังมารบกวนฉันอีก ฉันไม่เกรงใจแล้วนะ ฉันจะแจ้งตำรวจ”เวินหนี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อึ้งไป เธอไม่คิดว่าถังเยาจะเย็นชากับผู้ชายคนนี้ขนาดนี้เขาดูดีทั้งหน้าตาและบุคลิกแต่เขาคนนั้นกลับไม่โกรธ แถมยังยิ้มและพูดอย่างใจเย็น “ก็ฉันซื้อดอกไม้นี่มาแล้ว ดอกไม้กับผู้หญิงสวย ๆ น่ะมันเข้ากันดีออก เธอช่วยเห็นแกความลำบากที่ฉันอุตส่าห์มา รับไว้หน่อยเถอะนะ”ถังเยาพูดเสียงเย็น “เลี้ยวซ้ายไปเจอถังขยะ ขอบคุณ”คนพูดไม่แม้แต่จะมองชายคนนั้นสักนิดในวินาทีต่อมาถังเยาก็เลื่อนกระจกขึ้นชายคนนั้นยืนอยู่ไม่กี่วินาที ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับช่อดอกไม้ เวินหนี่มองเห็นแผ่นหลังของเขา ซึ่งดูเหงาหงอยไม่น้อย"เราไปบ้านกันก่อนเถอะ" หลังจากรอสักพัก ถังเยาจึงเอ่ยปากขณะที่ปลดเข็มขัดนิรภัยออก ถังเยาก็พูดคุยกับเว
เวินหนี่พยักหน้า "มีเหตุผลนะ"ถังเยาพูดต่อ "งั้นก็คอยดูก่อนว่าประธานเย่ของเธอจะทำตามสัญญาหรือเปล่า ถ้าไม่ทำ ก็ทำตามที่ฉันบอกทีละขั้นตอน ยังไงเธอก็แค่ต้องหย่าให้สำเร็จแล้วก็เดินจากไป ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น""โอเค"ยังไงก็ค่อยดูกันตอนนั้น…เย่หนานโจวไปที่บริษัทตระกูลเย่“เวินหนี่ชงกาแฟให้หน่อย”หลังจากจัดการกับเอกสารจำนวนมาก เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้า ขณะที่กำลังนวดขมับอยู่ เขาก็เรียกชื่อเวินหนี่ออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่ทันทีที่พูดออกมา เย่หนานโจวก็ตระหนักถึงปัญหาเวินหนี่ไม่ได้อยู่ที่บริษัทอีกแล้ว ตอนนี้เธออยู่กับถังเยาในห้องทำงานที่เงียบสงบ ไม่มีเงาของเวินหนี่ แต่เขากลับเผลอเรียกเธอออกมาโดยไม่รู้ตัว!ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นก็ค่อย ๆ ลอยมาในอากาศแถมยังมีกลิ่นหอมของดอกหอมหมื่นลี้เจืออยู่เล็กน้อย“ประธานเย่ นี่คือกาแฟที่คุณชอบค่ะ”เสียงที่สุภาพดังขึ้นข้างหูของเย่หนานโจว เขาเห็นฉู่ซวงถือถ้วยกาแฟเดินตรงมาหาเขาฉู่ซวงสูงกว่าเวินหนี่เล็กน้อย แต่เธอไม่ขาวเท่าเวินหนี่ ใบหน้าของเธอก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าและการแต่งตัวของเธอก็แตกต่างจากเวินหนี่อย่างสิ้นเชิงวันนี้ฉู่ซวงไม่ไ
รอยยิ้มที่มุมปากของเย่หนานโจวหายไปในทันที“ตึง!”ฉู่ซวงล้มลงอย่างแรงบนพื้น ท่าทางดูน่าอับอายและเจ็บจริง ๆน้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาของเธอ แต่เธอก็ทำได้เพียงขอโทษเย่หนานโจว “ขอโทษค่ะ ประธานเย่ ดูเหมือนว่าฉันจะข้อเท้าพลิก ฉัน...ฉันมันน่าตายจริง ๆ!”“ใช่ เธอน่าตายจริง ๆ!” เย่หนานโจวพูดอย่างไม่สนใจ “แค่นี้คิดว่าจะหลอกฉันได้งั้นเหรอ?”ฉู่ซวงตกใจ " ! "เย่หนานโจวรู้ทันทุกอย่างราวกับมีภาพสะท้อนอยู่ในใจแต่ตอนนี้เธอไม่สามารถยอมรับได้จึงรีบปฏิเสธ "ประธานเย่ คุณเข้าใจฉันผิดแล้ว ฉันแค่ล้มลงแล้วกาแฟหกจริง ๆ ค่ะ ประธานเย่ดูสิ มันเป็นเพราะรองเท้าที่ฉันซื้อไม่ดีเลยทำให้ฉันล้ม"เสียงของฉู่ซวงเริ่มแหบแห้งและท่าทางของเธอก็ดูอับอายไม่น้อยรองเท้าของเธอส้นหลุดออกมาจริง ๆ แต่เย่หนานโจวไม่ได้สนใจดูเลยเสียงของเย่หนานโจวเย็นชา “ถ้าเธอไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นก็ดี แต่คิดว่าเธอทำแบบนี้แล้วมันดีงั้นเหรอ?”“ขอโทษค่ะประธานเย่ ฉันรู้ว่าฉันเป็นแค่เลขาฝึกงานของคุณและฉันก็เป็นตัวแทนของภาพลักษณ์บริษัท แต่ฉันเพิ่งเรียนจบมา เงินในมือฉันก็ไม่ได้มีมากนัก...”ยิ่งพูด ฉู่ซวงก็ยิ่งรู้สึกไม่มีความมั่นใจเย่หนานโจวไม่แม
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ