คนรับใช้วางถ้วยชาไว้บนโต๊ะแล้วพูดว่า “ชาค่ะคุณโจว”โจวเสี่ยวหลินยังไม่กล้าแสดงความอวดดี เมื่อเห็นคนมาถึงเธอจึงรีบโยนหมอนออกแล้วนั่งหลังตรงอย่างเรียบร้อย ก่อนจะพูดกับคนรับใช้ว่า “ขอบคุณค่ะ”หญิงสาวมองถ้วยชาบนโต๊ะซึ่งยังคงมีไอน้ำพวยพุ่งออกมา ภาชนะทำจากเซรามิกสวยงาม ในขณะที่บรรจุชาและมีกลีบกุหลาบเพิ่มเข้าไป ดูประณีตและส่งกลิ่นหอมของกุหลาบลอยมาด้วยเธอยกถ้วยขึ้นดื่มไปหนึ่งอึก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ฟุ้งกระจายอยู่ภายในปากรู้สึกว่าตัวเองมีความสง่างามขึ้นมาก “อร่อยมากค่ะ ฉันไม่เคยดื่มชาที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน”อาจจะเป็นเพราะเธอไม่เคยเห็นสถานที่หรูหราเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้โจวเสี่ยวหลินจึงรู้สึกว่าทุกสิ่งที่เห็นและทุกสิ่งที่ดื่มล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแม้แต่ชาก็รู้สึกแตกต่างจากชาที่อื่นหน้าที่ของคนรับใช้คือการดูแลแขกให้ดี เมื่อได้ยินคำชมจึงตอบกลับว่า “เป็นหน้าที่ของเราก็เท่านั้นเองค่ะ”พูดจบคนรับใช้ก็ถอยออกไปโจวเสี่ยวหลินมองคนรับใช้ที่ออกไปอยู่นาน หลังจากที่ได้รับคำตอบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองได้รับเกียรติและความสำคัญเป็นครั้งแรกผ่านไปสักพัก เวินหนี่จึงออกมาจากห้องเธอได้จัดการทุกอย่าง
เวินหนี่ไม่สนใจเธอ ทว่าเดินไปที่ประตูและขึ้นรถที่ขับมาถึงทันทีโจวเสี่ยวหลินจึงได้แต่ยืนมองรถที่จากไปอย่างช้า ๆ แทนจนกระทั่งเงาของรถหายไปจากสายตา หญิงสาวจึงหันไปมองที่อื่นแม้บ้านนี้จะหรูหราขนาดไหน แต่หากต้องอยู่คนเดียว ก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่ดีตอนนี้โจวเสี่ยวหลินรู้สึกหนักใจมากกว่าเดิมเย่หนานโจวยังเชื่อใจเธอเลย ทำไมเวินหนี่ถึงไม่เชื่อเธอล่ะ?เวินหนี่เป็นคนดี หากมีโอกาสได้อธิบายให้เธอฟังวันไหน หญิงสาวอาจจะเชื่อใจเธอมากขึ้นโจวเสี่ยวหลินปลอบใจตัวเองเช่นนั้น จึงรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านคนรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมห้องเมื่อทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พูดกับเธออย่างสุภาพจากนั้นโจวเสี่ยวหลินก็เดินเข้าไปในห้องของตัวเองห้องนอนกว้างใหญ่ แถมยังมีเตียงเจ้าหญิงขนาดใหญ่ พร้อมด้วยม่านที่เธอใฝ่ฝันถึง ตัวห้องใหญ่กว่าบ้านทั้งหลังที่บ้านเกิดของเธอเสียอีกทุกอย่างดูใหม่เอี่ยมหญิงสาวเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบกับชุดที่เรียงรายไม่รู้จบ ทุกชุดดูสวยงามตระการตาภาพนี้เหมือนกับในละครโทรทัศน์ที่เคยเห็นไม่มีผิดเพี้ยนเธอเคยจินตนาการว่าสักวันหนึ่งจะได้กลายเ
เย่ซูเฟินชอบลดคุณค่าของเวินหนี่เพื่อเติมเต็มความรู้สึกเหนือกว่าของตัวเองเวินหนี่รู้สึกเศร้าและเสียใจ จึงยิ่งกระตุ้นความต้องการแก้แค้นของเธอมากขึ้นเย่ซูเฟินประสบความสำเร็จในการเห็นสีหน้าไม่ดีและซีดเซียวของหญิงสาวตรงหน้า รอยยิ้มที่มุมปากจึงแสดงความพอใจออกมา ส่วนแววตาก็เปลี่ยนไป ก่อนจะหยุดยุ่งกับเวินหนี่พูดมากไปแล้วได้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากเดิม ก็เท่ากับการที่พูดไปแล้วเปลืองลมปากเปล่า ๆคำพูดของเย่ซูเฟินไม่ใช่ไม่มีเหตุผลตอนนี้บ้านหลังนั้นมีผู้หญิงอีกคนอยู่ด้วยในความทรงจำของเวินหนี่ เย่หนานโจวเป็นคนที่รู้จักความเหมาะสมและไม่เคยทำให้ผู้หญิงคนไหนรู้สึกว่าเขาจะอ่อนข้อให้ได้ง่าย ๆเขาสามารถปฏิเสธหวังอินได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่ปฏิเสธโจวเสี่ยวหลินแถมยังจัดให้เธออยู่ในบ้านหลังนั้น นี่ไม่ใช่การเก็บผู้หญิงไว้ในเรือนทองหรอกหรือ?เย่หนานโจวเชื่อว่าโจวเสี่ยวหลินคือผู้หญิงที่เขาพบในคืนนั้น และยังเป็นครั้งแรกที่เขาพบเธอ เธออ่อนแอและต้องการการปกป้อง ซึ่งอาจทำให้เขามีความรู้สึกพิเศษหรือเขาอาจจะรู้สึกว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่กลับบ้าน ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้หรือเปล่าว่า
คำพูดของเขาสร้างความอบอุ่นแก่โจวเสี่ยวหลินเป็นอย่างมาก เธอจึงนั่งลงใกล้เขาแล้วพูดว่า “ประธานเย่ แบบฉันยังสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จริง ๆ เหรอคะ?”“อืม”โจวเสี่ยวหลินยิ้มอย่างมีความสุข รอยยิ้มของเธอเผยให้เห็นรอยบุ๋มที่มุมปาก และรอยยิ้มก็หวานมากเสียด้วย “ประธานเย่ คุณดีกับฉันมากเลยค่ะ คุณเป็นคนที่ดีที่สุดในโลกสำหรับฉันเลย!”คำพูดนี้ทำให้แววตาของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากดริมฝีปากและวางหนังสือพิมพ์ลงเวินหนี่จับตามองพวกเขาอย่างเงียบ ๆ บทสนทนาที่คุยอย่างเป็นกันเองประกอบกับเสียงหัวเราะ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นภาพที่คึกคักเช่นนี้แม้ว่าเย่หนานโจวจะอยู่กับลู่ม่านเซิง ทว่าเขาก็มีท่าทางเย็นชา ไม่เคยมีความเป็นกันเองเช่นนี้มาก่อนรอยยิ้มของโจวเสี่ยวหลินที่แสดงความพอใจเพียงแค่ได้เรียน ก็ทำให้เธอดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ จริง ๆเธอเป็นคนที่ไร้เดียงสาและไม่เคยเห็นโลกกว้างมากนัก ทำให้รู้สึกว่าเธอสะอาดและน่าสงสารนั่นอาจเป็นลักษณะเฉพาะของเธอ“คุณเวิน ทำไมไม่เข้าไปนั่งในบ้านล่ะคะ?”เมื่อคนรับใช้เดินผ่านมาเห็นเวินหนี่ยืนอยู่ที่ตรงประตูก็เดินเข้ามาทักถามหญิงสาวอย่างสุภาพซึ่งคำถามนั้นก็ทำใ
เขาทำตามที่เธอต้องการ เธอควรจะรู้สึกดีใจสิเวินหนี่เงียบและไม่พูดอะไรโจวเสี่ยวหลินเห็นว่าทั้งสองคนมีท่าทางไม่ดีจึงพยายามปรับบรรยากาศ โดยบอกว่า “คุณเวินอยู่ทานข้าวกับฉันเถอะค่ะ”“จะบอกว่าอาหารที่คุณป้าทำอร่อยมาก คุณอยากทานอะไรเธอก็สามารถทำออกมาได้หมด เก่งมากเลยใช่ไหมล่ะคะ? คุณต้องลองลิ้มรสฝีมือเธอนะคะ!” โจวเสี่ยวหลินแนะนำด้วยความคาดหวังเวินหนี่หันไปมองโจวเสี่ยวหลินและพูดว่า “ไม่ต้องหรอก…”“ต้องสิ ต้อง” โจวเสี่ยวหลินตอบกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นมองไปที่เย่หนานโจวเหมือนไม่ได้พูดคุยกับเขา “ประธานเย่ ขอให้คุณเวินอยู่ทานข้าวกับฉันเถอะนะคะ ฉันอยู่ที่นี่มานานแล้ว ยังไม่มีใครมาทานข้าวด้วย ฉันรู้สึกเหงามากเลย”เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาเฉยเมย และพูดอย่างเรียบเฉย “ตามสบาย”เมื่อได้คำตอบที่พอใจแล้ว โจวเสี่ยวหลินก็ยิ่งยื้อเวินหนี่ไม่ยอมปล่อย “เห็นไหมคะ ประธานเย่เองก็ตอบตกลงแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเลย”หญิงสาวกลัวว่าเย่หนานโจวจะทำให้เวินหนี่รู้สึกเกร็งเกินไป“งั้นก็ได้” เวินหนี่จึงยอมตกลงและอยู่ทานข้าวด้วยกัน“สถานที่เหงา ๆ แบบนี้จะได้มีความคึกคักบ้าง ฉันดีใจมากเลยค่ะ!” โจวเสี่ยวหลินยิ้มอย่
เวินหนี่หันไปมองคนถามสักครู่ ริมฝีปากของเธอยิ้มและดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง เวินหนี่รู้ดีว่านั่นคือสายตาที่แสดงถึงความชื่นชมและความต้องการที่จะรู้จักทุกอย่างเกี่ยวกับเขา และอยากเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด“รู้อยู่บ้าง” เธอตอบอย่างเยือกเย็น “อยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาจากฉันล่ะ?”โจวเสี่ยวหลินไม่ปิดบังและตอบอย่างตรงไปตรงมา “อยากรู้ทุกอย่างค่ะ ถ้าฉันรู้จักเขามากขึ้น จะไม่ทำให้เขาไม่พอใจใช่ไหมคะ?”เวินหนี่ถามต่อไปว่า “เธออยากเข้าใจเขา ไม่ทำให้เขาไม่พอใจ อยากให้เขาพอใจทุกเรื่อง แบบนั้นคิดว่าเขาจะชอบเธอมากขึ้นเหรอ?”โจวเสี่ยวหลินรู้สึกเขินจนหน้าแดง ก่อนจะตอบว่า “ถ้าคุณสังเกตเห็นแบบนี้ แล้วประธานเย่ก็อาจจะเห็นและรับรู้ได้ถึงความรู้สึกชอบที่ฉันมีให้ด้วยสินะคะ!”เวินหนี่ไม่ตอบอะไร เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ปิดบังความทะเยอทะยานของตัวเองเลย“ไม่ดีเลย ถ้าเขารู้ทุกอย่างชัดเจนว่าฉันพยายามทำให้เขาพอใจ ก็อาจจะทำให้ฉันดูราคาถูกไปหน่อย” โจวเสี่ยวหลินกำลังคิดอยู่ว่าจะเป็นคนที่ดีที่สุดในใจของเย่หนานโจวได้อย่างไร“ฉันไม่มีภูมิหลังหรือสถานะอะไร เขายังไม่รังเกียจฉัน การได้อยู่ในพื้นที่เดียวกับเขาก็ถือว่าโชคดีม
เย่หนานโจวรู้สึกแปลกใจที่เธอพูดถึงเรื่องนี้ “ทำไมครั้งที่แล้วไม่พูดอะไรเลย?”“ครั้งที่แล้วคุณไม่ได้ให้โอกาสฉันอธิบาย”เวินหนี่ยังจำได้ว่าครั้งที่แล้วเขาหันหลังเดินจากไปทันที โดยไม่ฟังเธอแม้แต่คำเดียวเย่หนานโจวมีข้อสงสัย จึงถามต่อว่า “ถ้าโจวเสี่ยวหลินไม่ใช่คนที่เธอพามาก็น่าจะไม่รู้จักกัน ครั้งแรกที่ฉันเจอ หล่อนก็ดูสนิทสนมกับเธอมาก ซึ่งหมายความว่าผู้หญิงคนนั้นรู้จักเธอนานแล้ว”สิ่งที่เธอพูดและการกระทำดูไม่สอดคล้องกันโชคดีที่ตอนที่เธอหันไปคว้าโจวเสี่ยวหลิน เธอไม่ได้พูดอะไรเกินจริง ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังมองหาคนมาแทนที่ตอนนี้จึงมีโอกาสให้เธอแก้ตัว“จริง ๆ แล้วฉันเคยเจอหล่อนสองครั้ง” เวินหนี่ไม่ได้ปฏิเสธ “ประธานเย่สั่งให้ฉันตามหาคนไม่ใช่เหรอคะ? งานที่คุณมอบหมาย ฉันย่อมต้องให้ความสำคัญ”เย่หนานโจวพยายามจับผิดในคำพูดของอีกฝ่าย “ถ้าหล่อนไม่ได้ติดต่อมา เธอก็จะไม่บอกฉัน แสดงว่าเธอปกปิดความจริงจากฉันใช่ไหม?”คำพูดนี้ทำให้เวินหนี่รู้สึกอึดอัดกลัวเขาจะคิดว่าเธอทำโดยเจตนา จึงชี้แจงต่อ “ฉันยังไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจน ถ้าหากว่าเป็นหล่อนจริง ๆ ฉันจะรีบพามาหาคุณในทันที”สุดท้ายแล้วเธอก็ไ
ยิ่งคิดโจวเสี่ยวหลินก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นเช่นนั้นในเมื่อเวินหนี่ไม่ต้องการพาเธอกลับมา มันก็ชัดเจนแล้วว่าหญิงสาวไม่ต้องการให้ใครมาแย่งตำแหน่งของตัวเองไปไม่แปลกใจเลยที่เธอจะเปลี่ยนไปเวินหนี่เองก็ชอบเย่หนานโจว จึงไม่อนุญาตให้ผู้หญิงคนอื่นชอบเขาจึงมาพูดกับเธอแบบนั้นโจวเสี่ยวหลินคิดว่าถ้าไม่ใช่เวินหนี่ตามตัวเธอมา เย่หนานโจวเองก็คงไม่มีวันรู้ว่าเวินหนี่เป็นผู้หญิงที่นอนกับเขาในคืนนั้นเวินหนี่พยายามคิดหาทางออกเพื่อปิดบังเรื่องนี้ แล้วก็จัดการส่งเธอออกไปในตอนแรกโจวเสี่ยวหลินไม่ได้คิดอะไรมากนัก เป็นครั้งแรกที่เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นจึงรู้สึกกลัวและตื่นตระหนก คิดแค่ว่าไม่ต้องการให้ใครมารับผิดชอบเธอรู้ว่าเย่หนานโจวกำลังตามหาเธอ และไม่อยากก่อปัญหาใด ๆ จึงคิดแค่จะบอกลาให้เรียบร้อยแต่เย่หนานโจวกลับดีกับเธอมาก อ่อนโยนกับเธอ และยังให้เธออยู่ใกล้ชิดกับเขาสิ่งนี้ทำให้เธอได้สัมผัสถึงความรู้สึกที่มีคนดูแลเอาใจใส่ดังนั้นเธอจึงยอมอยู่ต่อการที่เธออยู่ต่ออาจเป็นภัยคุกคามต่อเวินหนี่ในตอนนั้นเองเย่หนานโจวรับโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ หลังจากวางสายเขาจึงพูดกับเ