ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง ความเงียบเข้าปกคลุมทุกตารางนิ้วในห้องนอนกว้าง พิมพ์รพีพรขยับตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง แล้วเลื่อนผ้าห่มลงเล็กน้อย กวาดสายตามองไปที่ประตูและมองไปรอบห้อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว นอกจากคนตัวโตที่มองสบตาเธออยู่บนเตียงเดียวกัน สายตาของปลัดเมฆาดูสำนึกผิด ราวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบขโมยขนมกิน หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที และไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มมาปกปิดร่างกายท่อนบนไว้ แววตาของพิมพ์รพีพรราวกับนางพญาเสือที่พร้อมจะกัดเหยื่อให้จมเขี้ยว
“พี่เมฆ...” น้ำเสียงลอดไรฟันของพิมพ์รพีพรเล่นเอาปลัดเมฆาเสียวสันหลังวาบ
“ทำไมถึงชอบเอาเปรียบ ทำไมถึงชอบฉวยโอกาสนัก” กำปั้นเล็กเสยเข้าที่ปลายคาง ปลัดเมฆารู้สึกมึนน้อยๆไปครู่หนึ่ง เจ้าของกำปั้นไม่สาแก่ใจ โถมร่างบางของตัวเองขึ้นคร่อมบนร่างคนตัวใหญ่กว่า มือเล็กๆบีบคอหนาด้วยแรงทั้งหมดที่มี ปลัดเมฆาตาถลนอ้าปากค้าง ไม่ใช่เพราะหายใจไม่ออก แต่เพราะหน้าอกอวบดีดเด้งอยู่ใกล้แค่คืบ ตุ่มไตเม็ดเล็กๆสีหวานน่ากินชะมัด มือใหญ่จับหมับเข้าที่สะโพกงอนบีบแน่น โดยคนที่ห่วงแต่จะทำร้ายคนอื่นไม่ได้ระวังตัว
“แค้กๆ” เสียงไอแบบสมจริงของค
“เพื่อความสบายใจของพิมพ์ พี่นอนตรงนี้ก็ได้” นิ้วเรียวใหญ่ที่ลงที่พื้นห้อง พิมพ์รพีพรมองตาม แล้วหน้านวลก็เห่อแดงขึ้นมา เมื่อพบว่าเขาและเธอมองไปจุดเดียวกัน คือตรงที่เสื้อชั้นในเธอกองรวมกันอยู่กับเสื้อเชิ้ตสีหวานของตัวเอง“พิมพ์ไปอาบน้ำก่อนนะ จะได้สบายตัว เดี๋ยวพี่จะหาชุดให้ยืมใส่นอน” ตัดไฟเสียแต่ต้นลมก่อน เดี๋ยวจะโดนขย้ำคอซ้ำ“ไปเอาผ้าเช็ดตัวมาสิ” พิมพ์รพีพรสะบัดหน้าหนีจากพื้นห้อง แล้วหันมาตวาดแหวคนตัวโต กลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆที่กำลังก่อตัวขึ้นปลัดเมฆาดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง ค้นในตู้ใบใหญ่เลือกหาชุดที่คนตัวเล็กน่าจะพอสวมนอนได้ ก่อนจะเอามายื่นให้ แล้วทำเป็นหมุนตัวกลับหลับตา แสดงความเป็นสุภาพบุรุษออกมาทันไหมหนอ พ่อปลัดเมฆาสุดยอดสุภาพบุรุษ พิมพ์รพีพรใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่พันร่างตัวเอง แล้วหย่อนขาลงจากเตียง ไม่ลืมที่จะก้มหยิบชิ้นส่วนที่กองอยู่บนพื้นเข้าไปในห้องน้ำด้วย เสียงประตูห้องน้ำปิดลงทำให้ปลัดเมฆาหันหน้ากลับมา พร้อมด้วยรอยยิ้มที่บานอยู่เต็มใบหน้าพิมพ์รพีพรอยู่ในชุดกางเกงวอร์มตัวใหญ่กับเสื้อยื
“เดี๋ยวเล็ก แป๊บหนึ่ง” เมธาวีลุกจากเก้าอี้ เดินอ้อมไปด้านหลังพีรพล ลำแขนกลมกลึงทั้งสองข้างวางลงบนบ่าแกร่ง หญิงสาวแนบหน้าเนียนที่ถูกแต่งไว้อย่างดีทุกรายละเอียด ไปกับใบหน้าของพีรพล ชายหนุ่มผงะเล็กน้อย แต่ไม่สามารถเบี่ยงตัวออกได้ทัน เพราะดูจะเป็นการเสียมารยาท เมธาวีจงใจเบียดหน้าอกอวบอิ่มไปกับแผ่นหลังของชายหนุ่ม พีรพลได้แต่ปั้นหน้ายิ้มไปตามมารยาท“ขอบใจมากจ้าเล็ก” เจ้าของร้านเดินไปบริการแขกโต๊ะอื่นแล้ว เมธาวียิ้มและหัวเราะคิกคัก เมื่อตรวจสอบรูปหลายรูปบนหน้าจอมือถือของตน“เดี๋ยวเมส่งรูปให้พีเก็บไว้ในมือถือนะคะ จะได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก”“ครับ ขอบคุณครับ”อาหารมื้อค่ำเกือบดึกของพีรพลมือนี้ช่างยาวนานนัก เขาแอบถอนหายใจหลายครั้ง คืนนี้อุตส่าห์ว่าจะโทรหาลูกหาเมีย กว่าจะกลับถึงบ้านก็คงดึกมาก ป่านนี้ลูกเมียคงหลับไปแล้ว“ขอบคุณนะคะพี สำหรับอาหารมื้อนี้ แล้วก็ขอบคุณที่มาส่งเม” เมธาวีขยับตัวเร็วจูบที่ปลายคางสาก เป็นอีกครั้งที่พีรพลต้องตกใจ“แทนคำขอบคุณอีกครั้งนะคะ กู๊ดไนท์ค่ะ” เมธาวียิ้มหวานให้ชายหนุ่มก่อนจะก้าวลงจากรถ หญิงสาวยืนรอจนรถของพี
“อืม” นิชาผู้หญิงนิ่งๆที่เขายอมสยบให้ก็ยังคงเป็นนิชาเหมือนเดิม เธอไม่เคยก้าวก่ายในสิ่งที่สามีไม่บอก“ไม่ถามอะไรต่อหน่อยเหรอ” น้ำเสียงคนตัวโตชักจะงอนที่ภรรยาไม่หวง เพราะนิชาก็รู้อยู่ว่าเมธาวีเป็นใคร“ก็ถ้าพีเล่าให้ฟังแค่นี้ ก็แปลว่าไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว จะให้หนุงหนิงถามอะไรล่ะ” นิชาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ให้หัวใจก็อดหวั่นไหวไม่ได้“หึๆ...โครงการคอนโดใหม่ของบริษัทเม เขาให้บริษัทเราเป็นผู้ออกแบบตกแต่งให้ เมเขาบอกว่า เขาเป็นคนขอร้องให้พ่อเลือกบริษัทของเรา แล้วเมเขาก็ขอให้พีเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน ต่อไปนี้พีกับเมอาจจะต้องเจอบ่อยขึ้นนะ” พีรพลวางคางสากบนศีรษะภรรยา แล้วบอกเล่าทุกอย่างให้ภรรยาฟังเพื่อความสบายใจ“หนุงหนิงเชื่อใจพีเสมอค่ะ ถ้าวันนั้นพีเลือกเมเราก็คงไม่มีวันนี้ และในเมื่อวันนั้นพีเลือกหนุงหนิง วันนี้พีก็ไม่มีสิทธิ์ไปเลือกคนอื่นได้แล้ว จริงไหมคะ” น้ำเสียงข่มขู่ในตอนท้ายทำให้พีรพลยิ้มกว้าง อ้อมแขนแกร่งกระชับแนบแน่นยิ่งขึ้น นี่ไงล่ะแม่เสือซ่อนเล็บของเขา“เช้าแล้วนะพี เดี๋ยวเด็กๆขึ้นมาเห็น ไม่เอาค่ะ ปล่อยเถอะ” นิชาเอ็ดเบาๆ เมื่อรู้สึกว่ามือไม
“นอนสักพักนะ ค่อยลุกไปอาบน้ำ เดี๋ยวพีจัดเสื้อผ้าใส่ตู้เอง” นิชาพยักหน้ายิ้มให้สามี ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย พีรพลเหมือนซาตานที่สูบพลังชีวิตเธอแทบไม่เหลือ ในทุกครั้งที่มีการบอกรักทางร่างกาย แต่เธอก็ยินยอมและเต็มใจทุกครั้งด้วยสิ“ตาเมฆ หนูพิมพ์ ตื่นหรือยังลูก” เสียงนางนภาเรียกปลุกลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ในตอนเช้าตรู่ คนตัวโตขยับร่างอย่างเมื่อยขบจากการนอนบนพื้นไม้แข็ง เขางัวเงียลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู“ครับแม่ ตื่นแล้วครับ” ปลัดเมฆายื่นหน้าออกมาจากห้อง นางนภายิ้มให้ลูกชายแล้วพยายามชะเง้อคอมองข้ามลูกชายเข้าไปให้ห้อง“แล้วหนูพิมพ์ล่ะ คงเหนื่อยใช่ไหมลูก เดี๋ยวแม่จะเตรียมหาของบำรุงกำลังให้ดีกว่า หลังแต่งงานคงจะต้องโหมงานหนักกัน” ปลัดเมฆาขมวดคิ้ว“เอาน่า...แม่เข้าใจ เหมือนพ่อกำนันตอนได้กับแม่ใหม่ๆแหละ” ปลัดเมฆาอ้าปากเหวอ“ไปๆ ปลุกหนูพิมพ์นะลูก เมื่อคืนตอนที่แม่โทรบอกย่าพรว่าหนูพิมพ์จะนอนที่นี่ แกกำชับว่าให้เมฆกับหนูพิมพ์ไปกินข้าวเช้าด้วยนะลูก” นางนภาพูดจบก็หันหลังให้บุตรชาย ปลัดเมฆาส่ายหน้ายิ้มๆ“พิมพ์จ๋า”
“เอ่อ...” พิมพ์รพีพรมีอาการติดอ่างในทันที“ทำได้ไงอะปลัดเมฆ ให้ยายพิมพ์ยอมเรียกพี่ได้ ฮ่าๆ” พีรพลถามจบก็หัวเราะเสียงดัง พิมพ์รพีพรถลึงตาใส่พี่ชายตนเอง แล้วหันไปจิกสายตาให้คนตัวโตที่นั่งอมยิ้มน้อยๆทำได้ไงน่ะเหรอ แค่คิดเธอก็วูบวาบไปทั้งตัวอีกแล้ว“พิมพ์เป็นคนเรียกเองแหละ พิมพ์โตพอจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควรหรอกน่า ถ้าไม่เรียกอย่างนี้ เดี๋ยวพี่พีกับย่าก็มาบ่นให้พิมพ์อีก พิมพ์ไม่อยากฟัง” คนที่ถูกเรียกพี่เลิกคิ้วสูงสบตากลมโต แต่พิมพ์รพีพรเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาด้วย“ก็ดีแล้วรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่” ย่าพรเอ่ยยิ้มๆ“ลูกค้ากรุ๊ปเสาร์อาทิตย์ที่พี่ยกเลิกไป พี่ให้แพ็คเกจมาพักฟรีได้สองคืนจ้ะพิมพ์ ให้เลือกมาช่วงไหนก็ได้ภายในหนึ่งปี แต่ต้องโทรมาแจ้งล่วงหน้าก่อน ลูกค้าเขาก็โอเค ไม่มีปัญหาอะไรจ้ะ” นิชาอธิบายรายละเอียดให้พิมพ์รพีพรสบายใจ“อ้อ...ขอบคุณพี่หนุงหนิงที่ช่วยแก้ปัญหาให้นะคะ เก่งอย่างนี้มาทำบ้านนาเปี่ยมรักช่วยพิมพ์เลยไหมคะ” นิชายิ้มหวาน“ตอนแรกก็ว่าจะขอพีอยู่ที่ต่อสักพัก อยากทำงานช่วยพิมพ์ แต่ตอนนี้พี่คงต้องขอตัวไปช่วยที่บริษัทแล้วล่ะ เห็น
“ตู้ม!” คนตัวใหญ่ตกน้ำเสียงดัง เสียงหัวเราะของคนตัวเล็กดังลั่นกว่า ก่อนที่ทุกอย่างรอบข้างจะเงียบสงบลงเหมือนเดิม เหลือเพียงเสียงลมพัดใบไม้ใบหญ้า และเสียงนกร้องดังแว่วอยู่ไกลๆพิมพ์รพีพรกวาดสายตาไปตามผืนน้ำที่นิ่งสงบ ปลัดเมฆาจมหายไปไหน ทำไมยังไม่โผล่ขึ้นมา คลองน้ำนี้ค่อนข้างลึก หรือปลัดเมฆาจะว่ายน้ำไม่เป็น หญิงสาวยืนขมวดคิ้วทำหน้าเหลอหลาตกใจ“ว่ายน้ำไม่เป็นเหรอ” ร่างบางเดินลงบันได แล้วเรียกชื่อชายหนุ่มอย่างตกใจ“พี่เมฆ พี่เมฆ อย่าเล่นแบบนี้ พิมพ์ไปล่ะนะ” ก็ยังเงียบเหมือนเดิม หญิงสาวเริ่มใจไม่ดี แล้วทันใดนั้นปลัดเมฆาก็โผล่ขึ้นมากลางคลอง เสียงตีน้ำกระจายพร้อมเสียงร้อง“พิมพ์ ช่วยพี่ด้วย” พิมพ์รพีพรมองท่าทางของปลัดเมฆาอย่างจับผิด“พิมพ์ช่วยพี่ด้วย” ร่างคนตัวโตจมหายไปน้ำอีกครั้งพร้อมกับความเงียบ พิมพ์รพีพรหันซ้ายหันขวา ก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงน้ำแล้วออกแรงว่ายไปยังจุดที่ร่างของปลัดเมฆาจมลงไปเมื่อสักครู่ ร่างเล็กสมส่วนว่ายวนไปวนมาปากก็ร้องเรียกคนที่เพิ่งจมหายไป“พี่เมฆ!” พิมพ์รพีพรลอยตัวในน้ำหันซ้ายขวา เมื่อหาไม่เจอหน้าตาก็แสดงอาการตกอกตกใจ“น
เสียงกระทืบเท้าตึงๆขึ้นบันไดมาทำให้ย่าพรขมวดคิ้ว ยิ่งเมื่อเห็นสภาพหลานสาวยิ่งแปลกใจ“ไปทำอะไรมายายพิมพ์ ทำไมเปียกปอนอย่างนั้น” ย่าพรเอ่ยถามเสียงดัง“เอ่อ...ตกน้ำค่ะ”“ตาเถร!”ย่าพรยกมือทาบอก ไม่ใช่เพราะคำตอบจากปากบางจิ้มลิ้ม แต่เพราะคนตัวโตที่เดินขึ้นมาบนเรือนไล่หลังหลานสาวมา ก็ตัวเปียกปอนไม่ต่างกัน“ปลัดเมฆก็ตกน้ำเหมือนกันเหรอ” ย่าพรเอ่ยถามอ้าปากค้าง ปลัดเมฆายกมือเกาท้ายทอยแล้วยิ้มแห้งๆให้ย่าพร“ไปๆ เปลี่ยนชุดในห้องยายพิมพ์กันก่อน เดี๋ยวได้เป็นหวัดกันพอดี”“ครับ” ปลัดรับคำทำตามอย่างเต็มใจ“เรื่องอะไรคะ ห้องของพิมพ์ไม่ต้อนรับคนแปลกหน้าค่ะ” พิมพ์รพีพรต่อต้านทันที“คนแปลกหน้าอะไรกันยายพิมพ์ ผัวเมียน่ะ เขาถือเป็นคนคนเดียวกันนะ” ย่าพรเอ่ยอย่างปรามหลานสาว“แต่...”“พิมพ์...พาพ่อปลัดไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ย่าพรมองหน้าหลานสาวลอดแว่นสายตา และใช้น้ำเสียงต่ำเป็นการเตือนว่าให้ทำตามที่บอก“มาสิ” พิมพ์รพีพรตวัดสายตามองคนที่ยืนทำหน้าเศร้าอย่างหมั่นไส้นัก ปลัดเมฆาเดินก้มหน้าตามหญิงสาวไปอย่างเจียมตัว&nb
“แล้วต้องทำยังไง ไม่ทำเหมือน...เอ่อ...ไม่จุ๊บแล้วนะ” พูดเองก็หน้าแดงเอง คนที่เคยโดนจุ๊บเห็นหน้าแดงๆแล้วอยากจะจับมาจุ๊บเอง แบบน้องไม่ต้องพี่จัดให้“อืม...เปลี่ยนเสื้อผ้าให้หน่อยสิ”“อะไรนะ” พิมพ์รพีพรเสียงดังตาโต“จุ๊ๆ อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวเค้าก็รู้กันทั้งบ้านหรอก” หญิงสาวถอนหายใจแรง“ตัวโตยังกะยักษ์ เปลี่ยนเองเลย พิมพ์จะหันหลังให้ เปลี่ยนเสร็จแล้วออกไปเลยนะ” คนตัวเล็กกลับหลังหันทันทีที่พูดจบ หวังแค่ให้เขารีบๆเปลี่ยนชุด แล้วออกจากห้องเธอไปซะ“ยืนรอข้างนอกตั้งนาน หนาวจนมือแข็งไปหมดแล้ว แกะกระดุมไม่ได้” ร่างคนตัวโตประชิดร่างคนตัวเล็ก พิมพ์รพีพรหันหน้ากลับมาทันที“พี่เมฆ” พิมพ์รพีพรกัดฟันเรียกชื่อคนที่กักร่างตัวเองไว้“เรามาช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” พูดจบ มือใหญ่ก็พยายามแกะมือเล็กออกจากปมผ้าขนหนู“ไม่ๆ พิมพ์แกะกระดุมให้ก็ได้อย่ามายุ่งกับพิมพ์นะ” ปลัดเมฆายิ้มกรุ้มกริ่ม คนตัวโตยืนตรงรออย่างอารมณ์ดี มือบางข้างหนึ่งกำผ้าขนหนูแน่น อีกข้างหนึ่งพยายามแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เขาอย่างลำบาก กว่าจะเสร็จทั้งแถวจึงใช้เวลานานกว่าปกติ“เสร
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใดภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต
“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ด