“อื้ม...ฮันนีมูนนี้พี่คงจะตายคาอกแน่ๆ” ไทธรณ์พูดริมชิดกลีบปากบาง
“ก็พอแค่นี้สิคะ” เสียงหวานนั้นสั่นพร่าชัดเจน
“ถ้าหยุด...คงสิ้นใจตายลงตรงนี้แหละ” ไทธรณ์ประกบปากบางอีกครั้งจูบดูดดื่มราวกับกระหายนักหนา เขาไม่เคยรู้สึกเบื่อริมฝีปากนี้เลย นับวันยิ่งหลงจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว
รสิตาผลักร่างหนาถอยหลังจนชิดผนังระเบียง ตะวันลับแสงไปแล้ว ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา บริเวณบ้านพักนี้เป็นชายหาดส่วนตัว จึงไม่มีใครมาเดินเพ่นพ่าน มีเพียงเสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้าหาฝั่ง และเสียงลมหายใจของสองร่างที่กอดตระกองจูบกันอย่างดูดดื่ม
ไทธรณ์พลิกร่างของรสิตาให้หลังพิงผนังห้องริมระเบียงแทนตน มือหนาเลื่อนลงถลกชายกระโปรงชุดเดรสผ้าบางพลิ้วลายดอกไม้เล็กๆยาวกรอมเท้าขึ้น นิ้วเรียวใหญ่ถูกส่งเข้าไปสำรวจช่องทางรัก น้ำหวานจากอารมณ์ปรารถนาลื่นเยิ้มจนไทธรณ์หัวใจเต้นถี่เมื่อได้สัมผัส ซับในตัวบางถูกรูดรั้งลง ขาเรียวขยับยกขึ้นลงจนมันไปกองอยู่ปลายเท้าและหลุดไปในที่สุด มือน้อยของรสิตากำลังปลดปล่อยแกะตะขอ และรูดซิปกางเกงขาสั้นของชายหนุ่ม ชั้นในสีขาวถูกมือเล็กๆบังอาจรูดทิ้งไปกองกับพื้น และไทธรณ์ก็กำ
“หนูไอไม่แต่งค่ะคุณแม่ มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะคะ แล้วหนูไอก็ไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นด้วย” ไอรักพูดเสียงดังอย่างโมโห “แต่หนูไอก็น่าจะรู้ว่าไม่มีใครขัดใจป๊าได้นะลูก”มารดาพยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว ที่ตอนนี้นั่งชักสีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก อยู่บนเตียงนอนของตนเอง “แล้วอีกอย่าง ถึงตอนนี้ไม่ได้รัก เดี๋ยวอยู่ๆ กันไปก็รักกันเองแหละลูก”ไอรักหันขวับจ้องมองมารดาอย่างเอาเรื่อง “ไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ หนูไอมีแฟนแล้ว หนูไอโตแล้วนะคะ บรรลุนิติภาวะแล้ว หนูไอไม่ยอม”ไอรักยอมโกหกว่ามีแฟนเพื่อเอาตัวรอดผู้เป็นมารดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจเต็มที เดินเข้าไปกอดลูกแล้วลูบศีรษะเบาๆ“หนูไอ...แม่เข้าใจเหตุผลของลูกทุกอย่าง แต่มีเหตุผลหนึ่งที่หนูไอลืมไปหรือเปล่า?” ไอรักหันกลับมามองหน้ามารดาก็พบสายตาที่อ่อนโยนแต่จริงจัง “ความเหมาะสมไงจ๊ะ ผู้ชายคนที่ป๊าเลือกให้ เป็นเจ้าของไร่อ้อยพันกว่าไร่ทางภาคตะวันตก และครอบครัวของเขาก็มีกิจการท่าข้าวที่มีส่วนในการเอื้อกับธุรกิจของเรา แม่ไม่อยากบังคับหนูไอ แต่แม่รู้ว่าหนูไอจะเข้าใจความหวังดีของป๊ากับแม่ และเข้าใจคำว่าความเหมาะสมนะ” หญิงสาวนิ่งเงียบกับเหตุผลที่ได้ฟัง ใช่
“วันนี้พี่เขาจะพาหนูไอไปหาลุงธงกับคุณป้าที่บ้าน เพื่อจะได้เป็นการดูตัวทั้งสองฝ่าย เพราะพี่เขาก็มาแนะนำตัวกับบ้านเราแล้ว หนูไอก็ต้องไปแนะนำตัวกับบ้านโน้นด้วย ตอนแรกป๊าว่าจะพาไปเอง แต่ตาธีร์เขาอาสามารับ ป๊าก็เลยว่า ดีเหมือนกัน ป๊าแก่แล้วขี้เกียจนั่งรถนานๆ เอาไว้เจอกันรวมญาติทีเดียวในงานแต่งเลยดีกว่า ฮ่าๆ” ไอรักนิ่งอึ้ง นึกไม่ถึงว่าจะถูกจู่โจมรวดเร็วขนาดนี้ “แต่...แม่คะ” ไอรักพยายามหาตัวช่วย หากแต่มารดากลับนิ่งเงียบ เพราะถือว่าเมื่อเช้าได้อธิบายไปหมดทุกอย่างแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของพ่อลูกจะต้องคุยกันเอง “ป๊าคะ” ไอรักกลืนน้ำลายลงคอ กำลังคิดว่าเหตุผลที่เธอคิดไว้ ที่จะมาใช้ปฏิเสธครั้งนี้จะรุนแรงไปหรือเปล่า เธอนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสิน ใจโพล่งออกมาว่า “ป๊าคะ แม่คะ หนูไอมีแฟนแล้วค่ะ” เสี่ยอินชะงักมือที่ถือช้อนข้าวต้มค้างไว้ แล้วมองหน้าบุตรสาวก่อนจะพูดว่า “ก็แค่แฟน มีแล้วก็เลิกได้ เอาเป็นว่าวันนี้กินข้าวเช้าเสร็จ หนูไอก็เดินทางไปกับพี่เขาเลยนะ” ไอรักอ้าปากเหวอ ไม่ได้เธอจะยอมไม่ได้ “แต่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วนะคะป๊า” ได้ผล! ทุกคนนิ่งเงียบ ไอ
“ฉันอะไร ต้องเรียกตัวเองว่าหนูไอสิ พี่ว่าเราเรียกกันแบบนี้ดูสนิทสนมกันดีนะ” ไอรักสูดหายใจเข้าปอดยาวๆก่อนจะผ่อนออกอย่างยากเย็น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ เพราะคิดว่าถ้าพูดกับชายหนุ่มดีๆ เขาอาจจะเปลี่ยนใจกลับไปส่งเธอที่บ้านก็ได้“พี่ธีร์คะ หนูไอมีสามีแล้ว พี่ธีร์ไม่อายคนอื่นเค้าเหรอที่จะถูกตราหน้าว่าไปแย่งภรรยาของคนอื่นเค้ามา” ธีร์ภาณุไม่ได้หันมามองหน้าไอรัก แต่กลับพูดขึ้นว่า “พี่บอกหนูไอแล้วไงว่าพี่ไม่ถือ แล้วอีกอย่างหนูไอก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับใคร ตามกฎหมายแล้วถือว่าหนูไอยังโสด นั่นก็แปลว่าพี่ไม่ได้ไปแย่งภรรยาของใคร” ไอรักควันออกหูกับคำตอบที่ได้ “คุณธีร์ภาณุ นี่เราพูดกันดีๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม คุณไม่เข้าใจเลยว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วจะมาแต่งงานกันได้ยังไง ฉันชอบสีอะไร ชอบทานอะไร ชอบดูหนังประเภทไหน คุณรู้ไหม...มันเป็นสิ่งที่คนที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันต้องรู้ ถ้าเราแต่งงานกันไปชีวิตคู่ของเราต้องไปไม่รอดแน่ๆ”“อย่างน้อยพี่ก็รู้ว่าหนูไอไซซ์สามสิบสี่คัพซี” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะปรายตามองไอรัก หญิงสาวโกรธจนหน้าแดง เริ่มคิดได้ว่าตอ
“ปล่อยนะ คุณจะมาฉวยโอกาสทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” ธีร์ภาณุนิ่งเงียบ จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโต ผู้คนที่สัญจรไปมามองอย่างสนใจใคร่รู้...เรื่องของชายหนุ่มตัวโตกับหญิงสาวตัวเล็ก ที่กำลังกอดรัดกันอยู่ข้างถนน อีกฝ่ายดิ้นรนขัดขืนอีกฝ่ายกลับกอดรัดไว้แน่นอย่างจงใจ ไอรักเพิ่งสังเกตใบหน้าของชายหนุ่มในระยะชิดใกล้ แววตาจริงจังคิ้วเข้ม ใบหน้าสะอาดสีเข้มเล็กน้อยอย่างคนทำงานกลางแจ้ง มีไรของหนวดเคราขึ้นบางๆ จมูกโด่งรับกับใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากหนาได้รูปเวลาขยับพูดก็ดูแล้วเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์อยู่เหมือนกันนะ นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ ไอรักสะบัดหน้าไล่ความคิดที่ไม่ได้เรื่องของตนเองออกไป เชิดหน้ามองชายหนุ่มอย่างถือดี ไม่ได้รู้เลยว่าใบหน้านวลผ่อง พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ แววตากลมโตกับจมูกรั้นนิดๆ และริมฝีปากบางของเธอ จะทำให้คนที่จ้องมองมาต้องถอนหายใจ เพราะต้องควบคุมตัวเองที่จะไม่ล่วงเกินเธอ ในขณะที่ยังไม่ถึงเวลา ต่างคนต่างจ้องตากันอย่างเอาเรื่อง “หนูไอ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้” ธีร์ภาณุออกคำสั่งอย่างหัวเสีย เขาเริ่มเหนื่อยกับความดื้อรั้นของไอรัก หรือจะสั่งสอนตามแบบของเขาสักครั้งให้หลาบจำไปเลยดีไหมนะ
ธีร์ภาณุถอนหายใจ มองดูหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้ม เวลาที่เธอหลับตาก็ดูน่ารักดีอยู่หรอก บางทีถ้าปรับความเข้าใจกันได้ และถ้าเขากับเธอได้คุยกันดีๆ มากกว่าการพูดหนึ่งคำแต่เถียงกันซะสามคำแบบนี้ อะไรก็คงจะดีขึ้น จะทำอย่างไรดีล่ะ ธีร์ภาณุยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคิดแผนการบางอย่างได้ เขาขับรถต่อไปเรื่อยๆอย่างอารมณ์ดี เมื่อถึงทางแยกก่อนจะถึง ‘ท่าข้าวธงชัย’ ชายหนุ่มหักพวงมาลัยรถเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่มีป้ายบอกทางไป... ‘ไร่แสงตะวัน’ โดยที่คนนอนหลับอยู่ข้างๆไม่ได้รู้ตัวเลยว่า จุดหมายปลายทางได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว“หนูไอตื่นได้แล้วครับ ถึงแล้ว” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ดังอยู่ข้างหู ปลุกไอรักให้ตื่นจากการหลับใหล “ถึงบ้านคุณลุงแล้วหรือคะ” ไอรักพูดพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นมอง ไปข้างหน้าแล้วก็หันมองรอบข้าง สุดท้ายหันไปจ้องตาผู้ชายตัวโต ที่ยืนอมยิ้มและจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว “นี่มันที่ไหน คุณพาฉันมาที่ไหนเนี่ย” เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็เริ่มก่อสงครามประสาทโวยวายทันที “ไร่แสงตะวัน” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเปิดประตูก้าวลงจากรถ เขายืนบิดร่างกายเพื่อไล่ความเมื่อยที่นั่งขับรถมาเป็นเวลานาน ไอ
เมื่อเข้ามาถึงภายในบ้าน เธอจึงรู้ว่าประตูและหน้าต่างบานใหญ่แต่ละบานเป็นกระจกบานเลื่อน ผ้าม่านสีขาวนวลส่งผลให้ภายในบ้านแลดูสว่าง มีประตูด้านหนึ่งของบ้านเชื่อมต่อกับระเบียงกว้างๆที่มีโต๊ะกลมสีขาว พร้อมกับเก้าอี้อีกสองตัว มองเลยผ่านไปเห็นทิวเขาเป็นแนวอยู่ไกลๆ ไอรักเดินไปที่ระเบียงสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆแล้วผ่อนออกช้าๆ หญิงสาวคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองในวันนี้ นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า เมื่อเช้าเธออยู่ที่บ้านของตนเอง แต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วทำไมเธอต้องมาที่นี่ด้วย เพราะอีตาธีร์ภาณุนั่นคนเดียว อยากจะร้องไห้เสียจริงๆ อยากจะบอกป๊าให้ได้รู้ว่า เจ้าบ่าวที่ป๊าเลือกให้ไม่ได้ถูกใจลูกสาวคนนี้เลยสักนิด“นายหญิงคะ เชิญข้างในเถอะค่ะ ย่างเข้าหน้าหนาวอย่างนี้พอแดดร่มลมตกอากาศจะเย็นมาก วันนี้ลมหนาวพัดแรง เดี๋ยวจะไม่สบายได้นะคะ” ป้าบัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ค่ะป้าบัว” ไอรักเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเธอไม่อยากจะพูดอะไร ตอนนี้เธออยากพักผ่อน“ป้าเตรียมน้ำอุ่นให้แล้ว นายหญิงอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาทานข้าวนะคะ ป้าจะทำกับข้าวให้สุดฝีมือเลยค่ะ ห้องน้ำอยู่ทางด
เมื่อลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ และเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว ไอรักจึงคิดได้ว่า ตัวเองไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเลยสักชุด แล้วที่สำคัญไม่มีชุดชั้นในเลย แล้วนี่จะใส่ชุดไหนล่ะ หญิงสาวคิดอย่างอารมณ์เสียอยู่คนเดียวในห้องน้ำ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมตัวใหญ่มาพันตัว แล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องรีบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำเหมือนเดิม“พี่ธีร์เข้ามาทำไม แล้วป้าบัวล่ะ” ไอรักถามเสียงดัง แต่คนที่นอนเหยียดตัวยาวเอกเขนกอยู่บนเตียงกว้าง ไม่ได้ใส่ใจที่จะตอบเลยสักนิด ธีร์ภาณุพลิกตัวหันมามองไอรัก ที่ตอนนี้มีเพียงใบหน้าขาวนวลที่โผล่ออกมาจากห้องน้ำ“จะยืนอยู่อย่างนั้นอีกนานไหม เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวยาวๆมาทางไอรัก หญิงสาวรีบดึงตัวเองกลับเข้าไปในห้องน้ำ และตั้งใจจะปิดประตู แต่ช้ากว่ามือของชายหนุ่มที่ดันประตูไว้ได้ทัน“พี่ไม่ทำอะไรหรอก แค่จะมาบอกว่าให้รีบใส่เสื้อผ้า จะได้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน”“แล้วจะให้ใส่อะไรล่ะ ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยสักชุด อยู่ดีๆก็ถูกฉุดตัวมา” ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ“ไม่ได้ฉุดมาสักหน่อย ป๊ากับแม่ของหนูไอเต็มใจยกหนูไอให้มากับพี่เอง
หญิงสาวเริ่มหยิบชุดออกมาเลือกทีละชุดแล้วเธอก็มาสะดุดตาที่ชุดชั้นใน ไอรักหยิบขึ้นมาดู แต่ละตัวมันเป็นขนาดที่พอดีกับตัวของเธอทั้งหมด นี่อีตาพี่ธีร์คงจะสั่งว่าเอาชุดแบบไหนและขนาดเท่าไรล่ะสิ คิดแล้วก็โมโหตัวเองที่สู้แรงของผู้ชายตัวโตไม่ได้“เจ็บใจนักคอยดูนะอย่าให้ถึงทีเราบ้างก็แล้วกัน ป๊านะป๊าไม่ได้เป็นห่วงลูกสาวบ้างเลย ปล่อยให้มากับใครก็ไม่รู้” ไอรักบ่นไปแต่งตัวไปไอรักแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเปิดประตูห้องนอน เดินไปทางประตูที่เปิดออกสู่ระเบียงกว้าง เมื่อเลื่อนกระจกเปิดประตูก็ปะทะกับลมเย็นวูบหนึ่ง หญิงสาวจึงยกมือสองข้างขึ้นกอดอกตัวเองทันที ธีร์ภาณุที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วได้ยินเสียงปิดประตู เขาจึงละสายตาจากภาพตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้าเบื้องหน้า หันกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หญิงสาว“หนาวหรือครับหนูไอ”“นิดหน่อยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับมองไปที่โต๊ะกลม ที่ตอนนี้มีอาหารหลายอย่างวางไว้ ส่งกลิ่นหอมน่ากินทั้งนั้น“กับข้าวน่ากินจังเลยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ โดยไม่ต้องรอให้ชายหนุ่มเชิญ ธีร์ภาณุเดินอ้อมมาที่ด้านหลังไอรัก หยิบผ้าแพรผืนบางสีครีมที่วางอยู่บนโต
“อื้ม...ฮันนีมูนนี้พี่คงจะตายคาอกแน่ๆ” ไทธรณ์พูดริมชิดกลีบปากบาง“ก็พอแค่นี้สิคะ” เสียงหวานนั้นสั่นพร่าชัดเจน“ถ้าหยุด...คงสิ้นใจตายลงตรงนี้แหละ” ไทธรณ์ประกบปากบางอีกครั้งจูบดูดดื่มราวกับกระหายนักหนา เขาไม่เคยรู้สึกเบื่อริมฝีปากนี้เลย นับวันยิ่งหลงจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้วรสิตาผลักร่างหนาถอยหลังจนชิดผนังระเบียง ตะวันลับแสงไปแล้ว ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา บริเวณบ้านพักนี้เป็นชายหาดส่วนตัว จึงไม่มีใครมาเดินเพ่นพ่าน มีเพียงเสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้าหาฝั่ง และเสียงลมหายใจของสองร่างที่กอดตระกองจูบกันอย่างดูดดื่มไทธรณ์พลิกร่างของรสิตาให้หลังพิงผนังห้องริมระเบียงแทนตน มือหนาเลื่อนลงถลกชายกระโปรงชุดเดรสผ้าบางพลิ้วลายดอกไม้เล็กๆยาวกรอมเท้าขึ้น นิ้วเรียวใหญ่ถูกส่งเข้าไปสำรวจช่องทางรัก น้ำหวานจากอารมณ์ปรารถนาลื่นเยิ้มจนไทธรณ์หัวใจเต้นถี่เมื่อได้สัมผัส ซับในตัวบางถูกรูดรั้งลง ขาเรียวขยับยกขึ้นลงจนมันไปกองอยู่ปลายเท้าและหลุดไปในที่สุด มือน้อยของรสิตากำลังปลดปล่อยแกะตะขอ และรูดซิปกางเกงขาสั้นของชายหนุ่ม ชั้นในสีขาวถูกมือเล็กๆบังอาจรูดทิ้งไปกองกับพื้น และไทธรณ์ก็กำ
เธอนอนทับมันไว้ตอนนี้มันแข็งแกร่งดุนดันอยู่ที่ต้นขาของเธอ หญิงสาวสบสายตาสามีของตนเองที่นอนยิ้มกริ่ม ก่อนที่ริมฝีปากบางจะได้เปล่งเสียงออกมา ท่อนขาเรียวของเธอถูกขาแข็งแรงของเขาแยกออกจากกัน มือหนาจับต้นขาทั้งสองของเธอยกขึ้น แล้วกดลงเบาๆให้ร่องดอกไม้ชุ่มฉ่ำได้ครอบครองกลางความเป็นชายของตนเอง ธีร์ภาณุขบกรามแน่นเมื่อถูกความร้อนชื้นครอบครองตัวตนของเขาไว้จนมิด ไอรักจิกเล็บลงที่บ่าแกร่ง ธีร์ภาณุเลื่อนฝ่ามือกดสะโพกเต่งตึงเพื่อให้ทั้งสองแนบชิดกันลึกซึ้งยิ่งขึ้นเนิ่นนานโดยไม่ยอมทำอะไรต่อ ไอรักส่งเสียงอื้ออ้าในลำคอ เพราะตอนนี้เธอรอคอยเขา รอคอยให้ธีร์ภาณุจับจูงไปยังวิมานแสงดาว เป็นการรอคอยที่ทรมานมาก จนเธอไม่สามารถต้านทานความต้องการของตนเองได้ไอรักเริ่มขยับสะโพกของตนเอง ร่างบางสั่นไหวกับความซาบซ่านที่ค้นพบว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องรอคอยจากธีร์ภาณุก็ได้ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างสมใจ เมื่อไอรักยันกายลุกขึ้นนั่งบนตัวตนของเขา สองมือหนาเลื่อนขึ้นป่ายปัดแผ่วเบาผ่านยอดอก และบีบเคล้นอกอวบสลับไปมา สายตาคมวาวจับจ้องหน้านวลที่แหงนเงยขณะกำลังขยับเข้าออกอยู่บนกายของเขาธีร์ภาณุไม่ปล่อยให้ไอรักคุมเกมฝ่าย
“พี่รักหนูไอนะครับ” พูดจบก็ประคองหน้านวลไว้ในอุ้งมือแผ่วเบา ไอรักสบสายตาของชายหนุ่มที่มองมา หญิงสาวหลับตาพริ้ม ธีร์ภาณุจึงประทับรอยจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมน แล้วเลื่อนมากระซิบที่ข้างหูของไอรัก“รอพี่สักครู่นะครับ อันนี้มัดจำไว้ก่อน” ไอรักยิ้มเขินธีร์ภาณุในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาว เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่กลับไม่พบเจ้าสาวหมาดๆของตัวเอง หากแต่ชายหนุ่มสะดุดตากับประตูกระจกบานใหญ่ริมระเบียงที่ปิดไม่สนิทไอรักยืนกอดอกอยู่ริมระเบียง หญิงสาวทอดสายตาไกลออกไป สายลมหนาวพัดเบา ทำให้ผมยาวที่ถูกปล่อยเป็นอิสระปลิวไสวตามแรงลม“อุ๊ย!” เมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังหญิงสาวจึงอุทานด้วยความตกใจ“อากาศเย็นมากนะครับ มายืนตากลมคนเดียวระวังจะไม่สบาย” ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่น ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กับหญิงสาว ไอรักเอนศีรษะพิงกับแผงอกกว้าง และวางมือบนท่อนแขนแข็งแรงที่โอบกอดตัวเธอไว้“คืนนี้ดาวสวยนะคะ เต็มท้องฟ้าเลย”“ทุกคืนต่อจากนี้ไปจะเป็นค่ำคืนที่สวยงามสำหรับพี่เสมอ” ไอรักพลิกตัวกลับมามองชายหนุ่ม
“ป๊าเชื่อว่าได้ฝากลูกสาวไว้กับคนที่สามารถดูแลลูกสาวป๊าได้ ขอบใจธีร์มากนะที่ไม่ทำให้ป๊าผิดหวัง” ไอรักและธีร์ภาณุก้มศีรษะลงไหว้ท่านทั้งสอง เสี่ยอินตบบ่าลูกเขยเบาๆคำอวยพรต่างๆนานาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายในการส่งตัวเข้าห้องหอ มันช่างยืดยาวนักในความคิดของธีร์ภาณุ และเมื่อประตูห้องถูกปิดลง ชายหนุ่มจึงยิ้มให้ภรรยาของตนเอง หากแต่ไอรักมัวแต่เหยียดขาออกเพราะเมื่อยขบเต็มที่ ธีร์ภาณุจึงลุกขึ้นยืนก่อนพร้อมกับยื่นมือให้ไอรัก“เมื่อยละสิ” ไอรักพยักหน้าพร้อมกับยื่นมือให้ธีร์ภาณุช่วยประคองตนเองให้ลุกขึ้น“หนูไออาบน้ำก่อนเลยนะครับ ดึกมากแล้วจะได้พักผ่อน” ไอรักทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวเดินไปค้นชุดในตู้แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ อย่างรวดเร็ว จนธีร์ภาณุอดขำกับอาการของไอรักไม่ได้ด้านไทธรณ์และรสิตา พร้อมกับญาติผู้ใหญ่เดินทางกลับคฤหาสน์เจ้าสัวปรีชา หลังจากส่งตัวคู่น้องเข้าห้องหอไปแล้ว เพื่อทำพิธีส่งตัวเข้าหอ ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวคำอวยพรแก่คู่บ่าวสาว ที่นั่งอยู่บนพื้นภายในห้องหอที่ถูกประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีชมพู เนิ่นนานจนรสิตา แทบจะสัปหงก“พ
“บ้าน่าแก มันเป็นเรื่องขำๆ ฉันไม่เชื่อหรอก” พิมพ์รพีพรกล่าวอย่างไม่สนใจมากนัก“เหลือดอกไม้ของพี่แนน เผื่อฉันจะได้บ้าง อย่าเพิ่งไปไหนนะแก” น่านน้ำดึงแขนเพื่อนไว้ ขณะที่สาวๆยังยืนเต็มบริเวณหน้าเวที“จะโยนมาแล้วแก” น่านน้ำปรี่วิ่งเข้าไปหน้าเวทีท่ามกลางสาวๆ เธออาจจะสนใจแต่ช่อดอกไม้จนลืมระวังตัว ความเร็วของฝีเท้าบวกกับรองเท้าส้นสูงที่ไม่คุ้นชินเท่าไรนัก ทำให้เธอหกล้มหัวคะมำอยู่ในท่าคลานเข่า หัวเข่าถลอกปอกเปิก หญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆต่างเบี่ยงตัวหลบ เพราะกลัวถูกน่านน้ำดึงให้ล้มลงไปด้วยดอกไม้ช่อเล็กๆตกอยู่ตรงหน้า น่านน้ำกลอกตามองซ้ายขวา เอาวะหน้าแตกทั้งที่ก็ให้มันคุ้มหน่อย เธอตัดสินใจคว้าช่อดอกไม้ตรงหน้าขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นด้วยความยากเย็น หญิงสาวเดินกะเผลกตรงไปหาเพื่อน พิมพ์รพีพรทำหน้าตาเหยเกกับท่าทางของเพื่อน เธอไม่รู้ว่าจะขำหรือจะสงสารเพื่อนดี แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร น่านน้ำก็ดึงแขนเพื่อนสาวก้าวฉับๆเพื่อจะกลับไปที่โต๊ะทันที อายก็อายแต่มันแก้ไขสถานการณ์อะไรไม่ได้แล้ว เธอจึงเลือกที่จะเดินออกจากบริเวณหน้าเวทีเงียบๆ พร้อมกับกำช่อดอกไม้ในมือไว้แน่นสองสาวเดินยังไม่ถึง
“จะทำอะไร ปล่อยนะ” พิมพ์รพีพรโวยวายประท้วงเมื่อข้อมือบางถูกคว้าหมับและจับไว้แน่น“รู้ไหมว่าผู้ชายไม่ชอบให้ใครมาตราหน้าว่า ไอ้ตุ๊ด”“เหรอ ไอ้ตุ๊ด ๆๆ อุ๊บ!” เสียงของพิมพ์รพีพรถูกกลืนหายเข้าไปในปากของปลัดเมฆา ริมฝีปากหนาบดเคล้าจนพิมพ์รพีพรรู้สึกเจ็บ จนต้องเปิดปากตัวเองรับลิ้นร้อนร้ายกาจของชายหนุ่มอย่างไม่ได้เต็มใจนัก ร่างบางพยายามดิ้นรนจากอ้อมแขนแข็งแรงที่ตอนแรกเธอเองคิดว่าอ้อนแอ้นราวกับผู้หญิง แต่เมื่อได้สัมผัสใกล้ชิดทำให้หญิงสาวรู้ว่า มันแข็งแกร่งเหลือเกิน พิมพ์รพีพรพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนกับว่าเธอยิ่งติดกับดัก ที่ถูกรัดรึงด้วยอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม“อ้าว! ยายพิมพ์หายไปไหนแล้วล่ะ ไม่รอกันเลย” น่านน้ำที่กลับออกมาจากห้องน้ำเมื่อไม่เห็นเพื่อนรักจึงเดินกลับเข้าไปในงาน โดยไม่ได้เอะใจว่าเพื่อนตัวเองกำลังถูกลงโทษอยู่อีกด้านของพุ่มดอกแก้วเมื่อได้ชิมความหวานจากริมฝีปากบางที่ช่างค่อนขอด ปลัดเมฆาเองกลับเคลิ้มจนไม่อยากถอนริมฝีปากออก แต่เมื่อต้องตัดใจถอนริมฝีปาก ชายหนุ่มยังไม่วายกระซิบชิดอยู่ริมฝีปากบาง“นี่คือบทเรียนสำหรับผู้หญิงตัวเล็กอย่า
“รู้สึกว่าคุณพิมพ์จะมีปัญหาคาใจจริงนะครับ” ปลัดเมฆารู้สึกกรุ่นๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ที่ผู้หญิงคนนี้ดูจะปักใจเชื่อว่าเขาเป็นประเภทชอบไม้ป่าเดียวกัน นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่กลางงานแต่งเพื่อนรักล่ะก็ จะจับมาจูบกระชากวิญญาณให้ถอนคำพูดให้ได้เลยล่ะ รู้จักเสือเมฆาน้อยไปเสียแล้ว“ขอโทษด้วยนะคะพี่เมฆ ยายพิมพ์เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว หนูไอเล่าให้ฟังทุกอย่างแล้ว แกยังจะสงสัยอะไรอีกเนี่ย” ประโยคท้ายๆน่านน้ำพยายามกระซิบเบาๆกับเพื่อนสาวตัวเองพิมพ์รพีพรจึงเงียบและไม่พูดอะไรต่อ ปลัดเมฆาเองที่ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วยจึงเงียบด้วยเช่นกัน“คุณภูชิตครับ” ปลัดเมฆาร้องเรียกภูชิต และโบกไม้โบกมือให้สัญญาณ ภูชิตที่เพิ่งมาถึงงานจึงเดินตรงไปยังโต๊ะที่ปลัดเมฆานั่งอยู่กับสองสาวเพื่อนของไอรัก“สวัสดีครับปลัด” ภูชิตทักทายพร้อมกับยื่นมือสัมผัสกับมือของปลัดเมฆาที่ยื่นมารออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณภูชิตมีโต๊ะนั่งหรือยังครับ”“ผมเพิ่งมาถึงน่ะครับยังไม่มีโต๊ะครับ”“ถ้าคุณภูชิตไม่รังเกียจ เชิญร่วมโต๊ะกับพวกเราได้นะครับ นี่คุณพิมพ์กับคุณน้ำ เพื่อนของเจ้าสาวครับ คุณพิมพ์ คุ
ปอยผมระบ่าเนียน บนศีรษะถูกแซมด้วยดอกไม้สีฟ้าดอกเล็กๆหลายดอกเมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวขึ้นไปอยู่บนเวที พิธีกรจึงเริ่มทำหน้าที่ เชิญพ่อและแม่ของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวคำอวยพรพร้อม ทั้งถ่ายรูปหมู่ครอบครัว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้บรรยากาศอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณงานคู่ไทธรณ์และรสิตาได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอตอนตีหนึ่ง โดยใช้คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าสัวปรีชาที่ไทธรณ์ย้ายสำมะโนครัวเข้าไปอยู่แล้วเป็นเรือนหอคู่ของธีร์ภาณุและไอรักได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอก่อนเที่ยงคืน ซึ่งคุณกานดาตกลงว่าจะใช้เวลา23.59น. เป็นฤกษ์ดี และเรือนหอที่ใช้ก็คือบ้านหลังเล็กในไร่นี้เอง ตามความประสงค์ของเจ้าบ่าวงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความชื่นมื่นและรอยยิ้ม เจ้าบ่าวทั้งสองคอยประคับประคองดูแลเจ้าสาวของตนเองอย่างดี จนหญิงสาวที่มาร่วมงานต่างอิจฉา ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มเพื่อนไอรักสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“สวัสดีค่ะพี่ธีร์” พิมพ์รพีพรหนึ่งในสองสาวที่มีท่าทางมั่นใจ เอ่ยทักทายเพื่อนเขย เมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเดินทักทายขอบคุณแขกเหรื่อในงานจนมาถึงโต๊ะที่พวกเธอนั่งกันอยู่
ไอรักหลับยาวแทบจะไม่รู้เรื่อง หลังจากจบงานพิธีช่วงเช้าตอนเกือบเที่ยง และถูกพาตัวมาที่ไร่เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงกลางคืน หญิงสาวถูกกำหนดว่าให้พักผ่อน ก่อนจะลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมอีกครั้งเพียงสองชั่วโมง หากแต่คนที่เป็นเจ้าบ่าวกลับไม่ได้พักผ่อนเลย เขาต้องการตรวจงานเองทุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด“นายเล็ก พี่หนูไอยังไม่ออกมาจากห้องเลยค่ะ สงสัยหลับอยู่น่ะค่ะ ช่างแต่งหน้าทำผมมานั่งรอนานแล้วนะคะ” น้อยหน่าวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกชายหนุ่มขณะที่เขากำลังสั่งงานเสร็จพอดี และกำลังจะไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงค่ำคืนนี้“หนูไอคงเหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อเช้าน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้เอง”ธีร์ภาณุเดินเร็วกลับไปยังบ้านหลังเล็กของเขา เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน บรรดาช่างแต่งหน้าทำผมที่เป็นสาวประเภทสอง ต่างก็แอบกรี๊ดอยู่ในใจเมื่อเห็นเจ้าบ่าวในระยะใกล้“ขอโทษนะครับที่ต้องรอ เดี๋ยวผมจะเรียกเจ้าสาวให้นะครับ”พูดจบธีร์ภาณุหายเขาไปในห้องนอนพร้อมกับปิดล็อกประตู ทำเอาคนที่นั่งรอแต่งหน้าเจ้าสาวที่ได้ยินเสียงล็อกประตู ต่างมองหน้ากันว่าจะ ล็อกประตูเพื่ออะไร แค่เข้