“ดื่มกาแฟก่อน แล้วพี่จะปล่อย” รสิตาถอนหายใจเบาๆ หน้างอง้ำ
“ก็ได้ค่ะ เอาแก้วมาสิคะ”
“พี่ป้อน” ไทธรณ์ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มแล้วอมไว้ในปากตน มือหนารั้งท้ายทอยหญิงสาวให้แหงนเงย แล้วประกบปากของตนเข้ากับกลีบปากบางสีชมพู รสิตาเพิ่งเข้าใจความหมายของคำว่าป้อนของเขาตอนนี้แหละ หญิงสาวอ่อนใจจริงๆ จึงจำยอมต้องเผยอปากรับกาแฟจากปากหยักได้รูปนั้น กาแฟอุ่นๆกรุ่นกลิ่นหอมถูกส่งเข้าปากเล็กและกลืนลงคอ หากแต่คนป้อนกลับไม่ยอมถอนริมฝีปากออก ลิ้นสากเกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้นเล็กๆ กวาดไปตามโพรงปากอุ่นชื้น รสขมของกาแฟกับความหวานซาบซ่านของรสจูบกระชากวิญญาณจากชายหนุ่ม ทำเอารสิตาถึงกับสั่นสะท้านจมดิ่งลงในวังวนเสน่หาอีกครั้ง
มือร้อนอีกข้างกอบกุมทรวงอกอวบ ไทธรณ์ขยำเบาๆและใช้นิ้วสะกิดคีบยอดอกที่แข็งเป็นตุ่มไต คลึงเคล้นทั้งสองข้างจนรสิตาครางอู้อี้ในลำคอ
“พี่ไท...เช้าแล้วนะคะ” หญิงสาวประท้วงเมื่อปากบางถูกปล่อยเป็นอิสระ คนที่ถูกห้ามไม่ได้ฟังสักนิด เขายังใช้จมูกดอมดมไปทั่วต้นคอระหง ปากก็ขบเม้มไปทั่วบ่าเนียน สร้างความปั่นป่วนให้คนในอ้อมกอดจนสับสน
รสิตาจับข้อมือหนาที่ป่ายปัดอยู่บนอกอวบของตน หว
ฮันนีมูนคราวนี้ เธอจะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างไหมหนอ?ขณะที่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจโปรแกรมสถานที่ท่องเที่ยวเลย เพราะฮันนีมูนคราวนี้ เขามีจุดประสงค์เพื่อทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เท่านั้น และเมื่อประตูห้องน้ำถูกปิดลง ความหวานละมุนแสนเร่าร้อนก่อตัวขึ้นอีกครั้งและอีกครั้งน้ำผึ้งพระจันทร์ช่างหวานหอมเกินห้ามใจ ทำให้ไทธรณ์รู้สึกราวกับว่าตนเองต้องคำสาปแห่งรัก จนไม่อาจจะถอนกายห่างจากภรรยาได้เลย“หนูไอขับรถเก่งเหมือนกันนะเนี่ย” ธีร์ภาณุเอ่ยแซวภรรยาของตน ที่กำลังทำหน้าที่ขับรถจี๊ปสำรวจไร่แสงตะวัน ด้วยข้ออ้างของไอรักที่ว่า ในเมื่อตนเองเป็นนายหญิงของไร่แล้ว ก็จำเป็นที่เธอต้องรู้ทุกซอกทุกมุมของไร่ เพื่อจะได้ดูแลไร่ช่วยสามีได้อย่างเต็มที่“ไม่ได้หรอกค่ะ พี่ธีร์ขับได้หนูไอก็ต้องขับได้” ไอรักตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ“นี่ใจคอ จะไม่ยอมพี่สักอย่างเลยหรือไง”“ทุกวันนี้ผู้หญิงกับผู้ชายมีสิทธิ์เท่าเทียมกันค่ะ ความสามารถของผู้หญิงก็ไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ชายนะคะ”“อืม...ท่าจะใช่ ความสามารถของหนูไอไม่ได้ด้อยไปกว่
มือใหญ่สอดหายไปในชุดเดรสสวยตะปบไปที่สะโพกเต่งตึง บีบเคล้นหนักๆอยู่หลายที ก่อนที่เขาจะรั้งขาทั้งสองข้างมากอดเกี่ยวที่เอวสอบของตน ธีร์ภาณุผละออกจากริมฝีปากหวานละมุนอย่างอ้อยอิ่ง เขาก้มลงมองเนินอกอวบ ภายใต้ผ้าฝ้ายเนื้อบางสีขาวเมื่อเปียกน้ำแล้วทำให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกเบาๆ ก่อนจะก้มลงใช้ริมฝีปากและลิ้นร้อนดูดดึงป่ายปัดยอดอกที่แข็งชูชันผ่านผ้าเนื้อบาง เนินอกอวบถูกขบเม้มเบาบ้างแรงบ้างสลับกัน ไอรักพยายามกัดริมฝีปากล่างของตนเองไว้เพราะกลัวใครจะผ่านมาได้ยิน หากแต่เธอก็ยอมรับว่าครั้งนี้เธอตื่นเต้นมาก จนร่างกายแทบจะระเบิดออกมา ขาเรียวสองข้างกอดกระหวัดรัดเอวสอบแน่น ไอรักเริ่มส่ายสะโพกวนจงใจให้ถูไถไปกับความแข็งแกร่งของธีร์ภาณุอย่างเว้าวอน ใบหน้างามแหงนเงยไปด้านหลัง“อื้อ! พี่ธีร์” ธีร์ภาณุรับรู้ได้ถึงความต้องการของภรรยาตนเอง เขาประคองร่างบางด้วยแขนแกร่งเพียงข้างเดียวอย่างสบาย เพราะน้ำช่วยพยุงร่างของคนตัวเล็กทำให้ทุ่นแรงของเขาได้ มือใหญ่อีกข้างสอดลงเบื้องล่างตรงกลางระหว่างตนเองและไอรัก เขาปลดเข็มขัดและรูดซิปตัวเองออกช้าๆ เพื่อปลดปล่อยเสรีภาพให้กับตัวตนที่ร้อนรุ่มแข็งแกร
ธีร์ภาณุกอดเกี่ยวร่างบาง นั่งลงที่โขดหินที่จมอยู่ใต้น้ำ แล้วดึงรั้งร่างของภรรยานั่งบนตักของตน น้ำใสอยู่ในระดับเอวของชายหนุ่มเมื่อเขานั่งลง วงแขนแกร่งรวบร่างนุ่มนิ่มไว้แน่น แผ่นหลังของไอรักแนบไปกับอกกว้าง หญิงสาวยังหอบหายใจแรง“ยังไม่หายเหนื่อยหรือ ใครกันแน่ที่แก่” ไอรักตีเบาๆที่แขนของสามี เธอเหนื่อยจนไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้วชุดเดรสกระโปรงผ้าฝ้ายที่ลอยปลิวตามกระแสน้ำเอื่อยๆ ก่อนถูกรั้งให้นั่งทับตักกว้าง ทำให้สะโพกเนียนถูไถกับบความแข็งแกร่งของธีร์ภาณุอย่างเลี่ยงไม่ได้“มาดูกันว่าใครแก่กว่ากัน” ไอรักพูดจบก็พลิกกายกลับมาเผชิญ หน้าสามีตนเอง หญิงสาวแยกขาเรียวออกคร่อมร่างหนาไว้ สองมือเล็กๆของเธอคว้าหมับเข้าที่ท่อนกายแข็งแกร่งใต้น้ำ ไอรักจับตัวตนของธีร์ภาณุไว้แน่น หญิงสาวเงยหน้าสบสายตาเขาอย่างท้าทาย และขยับมือขึ้นลงช้าๆ ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง หัวใจกระตุกวูบความเสียวซ่านแล่นปราดไปทั่วร่าง เป็นไงล่ะภรรยาของเขา ช่างจดช่างจำและพลิกแพลงบทเรียนที่เขาเคยสอนให้ เล่นเอาติวเตอร์อย่างเขาแทบจะหัวใจวายคาอกอยู่ตรงนี้“อื้อ! หนูไอ” ธีร์ภาณุครางกระเส่าด้วยเสียง
“ก็บอกว่าชุดพิเศษ ชุดพิเศษก็ต้องใส่ไข่ เหมือนเวลาเราสั่งโจ๊กหน้าปากซอยไงครับ พิเศษใส่ไข่...หึๆ”ไอรักตาโตเข้าใจความหมายของสามี แต่เธอแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะรับได้อีกแล้ว หากธีร์ภาณุไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธ วงแขนแกร่งพลิกร่างบางกลับหลัง มือหนาช้อนบริเวณท้องน้อยยกเบาๆ คนตัวเล็กก็ลอยตัวสูงขึ้นในน้ำ เรียวขาเล็กถูกจับแยกด้วยมือหนาอีกข้าง กลีบกุหลาบกลางกายสาวเบ่งบานอยู่ชิดความแข็งแกร่ง จดจ่อเตรียมพร้อมที่จะเข้าครอบคลุมลำรักร้อนร้ายของชายหนุ่ม“เกี่ยวไว้เอวพี่ไว้แน่นๆนะครับ” ธีร์ภาณุกระซิบกระซาบ ไอรักทำตามอย่างว่าง่ายเพราะกลัวตกแล้วจะจมน้ำไป ชายหนุ่มปล่อยมือจากเรียวขาขาว สองแขนแกร่งแบ่งหน้าที่โอบรอบเอวคอดและอกอวบ และเมื่อธีร์ภาณุตรึงร่างบางไว้มั่น จึงส่งตัวตนแข็งแกร่งของตัวเองเข้าสู่ช่องทางรักอุ่นร้อน ชายหนุ่มรุกแรงครั้งเดียวจนสุดทาง กดแช่แน่นิ่งไว้โดยไม่ขยับ สะโพกเต่งตึงชิดไปกับต้นขาแข็งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ไอรักจิกเล็บลงบนท่อนแขนที่โอบรัดตัวเธออยู่ เสียงครางอื้ออ้าดังขึ้นอีกครั้งและอีกครั้งธีร์ภาณุยืนแยกขาออกเล็กน้อยเพื่อถ่วงดุลน้ำหนัก ของร่างบางที่เกี่ยวกระหวัด
ณ บ้านไม้สองชั้นแบบภาคกลางทั่วไปใต้ถุนโล่ง เสาไม้สักทองขนาดใหญ่หลายสิบต้น บ่งบอกฐานะของผู้เป็นเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี ตัวบ้านตั้งอยู่บนเนื้อที่สองไร่เศษ บริเวณบ้านถูกล้อมรอบด้วยรั้วไม้เตี้ยๆสีน้ำตาลเข้ม ภายในรั้วมีทั้งแปลงดอกไม้ พืชผักสวนครัว และไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ทั้งที่มีผลรับประทานได้ และไม่ได้หลายชนิด หลังบ้านไกลออกไปสุดลูกหูลูกตาเกือบสองร้อยไร่นั้นคือ แปลงไร่นาสวนผสมที่เจ้าของบ้านได้นำแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้ และปรับเปลี่ยนให้เข้ากันกับสภาพพื้นที่และเศรษฐกิจที่ตนอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านภาคภูมิใจเป็นที่สุดสนามหญ้าหน้าบ้านที่เคยมองดูกว้างขวางนักหนา วันนี้กลับแคบลงถนัดตา เมื่อผู้คนต่างทยอยมาร่วมแสดงความยินดีกับ ‘ย่าพร’ ในงานเปิดตัว ‘บ้านนาเปี่ยมรัก’ ซึ่งเป็นโฮมสเตย์สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศท้องทุ่งไร่นา และสัมผัสการทำเกษตรแบบพื้นบ้าน โดยมีหลานสาวสุดที่รักเป็นคนริเริ่มความคิด และลงทุนลงแรงจัดการทุกอย่าง ผสมกับการใช้ความรู้ทางการเกษตรของย่า และใช้วิชาการในการจัดการธุรกิจตามที่หลานสาวได้ร่ำเรียนมาผู้เป็นย่าที่รักหลา
พิมพ์รพีพรเดินไปตามทางเล็กๆมุ่งสู่กระท่อมหลังสุดท้าย ‘บ้านนาเปี่ยมรัก’ มีกระท่อมไว้รับรองนักท่องเที่ยวอยู่สิบหลัง มีทั้งแบบหลังใหญ่สำหรับมาเป็นหมู่คณะ หลังขนาดกลางสำหรับครอบครัว และหลังเล็กซึ่งเป็นหลังสุดท้ายสำหรับพักสองคนสองข้างทางที่เดินผ่านเป็นรั้วไม้ไผ่มีพืชผักไม้เลื้อยทั้งตำลึง มะระขี้นก อัญชัน และกระถินขึ้นแซมกันอยู่ตลอดทาง ทั้งยังมีต้นมะพร้าวน้ำหอมเตี้ยที่ออกผลดกทุกต้นขึ้นเรียงรายไปจนสุดทางให้ร่มเงา หญิงสาวแอบยิ้มไปกับบรรยากาศรอบกาย พิมพ์รพีพรภูมิใจกับวันนี้เป็นที่สุด วันที่เธอได้ใช้วิชาความรู้ที่เล่าเรียนมาให้เป็นประโยชน์ กิจการที่เธอก่อตั้งเองมากับมือกำลังจะเริ่มต้น“พี่พิมพ์” หญิงสาวหันหลังกลับตามเสียงเรียกทันที ผมยาวที่ถูกรวบไว้เป็นหางม้าสะบัดเล็กน้อย“คือกระถินจะไปช่วยพี่แตงเสิร์ฟน้ำจ้ะ เห็นว่าท่านนายอำเภอกำลังจะมาถึง พี่พิมพ์นุ่งผ้าถุงเองได้ไหม” กระถินเด็กสาววัยสิบแปดเป็นลูกของคนงานเก่าแก่ของย่าพร รีบวิ่งตามมาทันทีที่เห็นพิมพ์รพีพรเดินออกมาจากบริเวณงาน เพราะได้นัดแนะกันไว้ว่าตนเองจะต้องมาช่วยนุ่งผ้าถุงให้หญิงสาว“อืม...ไม่เป
พอสบโอกาสจึงปลีกตัวออกมาจากบริเวณพิธีเปิดงาน ชายหนุ่มเดินดูรอบๆบ้าน ก็อดที่จะนึกชื่นชมอยู่ในใจไม่ได้ว่าเป็นการจัดงานเปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาก เขาเดินดูแปลงผักสวนครัว อุปกรณ์การทำเกษตรแบบพื้นบ้านสมัยก่อน ที่จัดมุมไว้ให้เรียนรู้และสัมผัสได้จริง ยิ่งเดินห่างเวทีออกมา เสียงดังจากเครื่องเสียงที่นายอำเภอกำลังกล่าวเปิดงานอยู่ ก็กลายเป็นเสียงแว่วๆมาแต่ไกล บรรยากาศลมพัดเย็นที่โชยมาจากทุ่งนาสีเขียว ดึงให้ปลัดเมฆาเดินไปตามทางที่ร่มรื่นกระท่อมหลากหลายขนาดที่ปลูกเรียงรายกันอยู่ใกล้กับแปลงนาข้าว ดูน่าสนใจไม่น้อย ตัวกระท่อมทำจากไม้ไผ่และมุงหลังคาด้วยหญ้าคา แต่ละหลังมีระเบียงด้านหลังยื่นเข้าไปในคลองน้ำใส ส่วนด้านหน้าเป็นทางเดินเล็กๆที่ทอดเข้าสู่กระท่อมแต่ละหลัง ซึ่งปลูกห่างกันพอสมควรปลัดเมฆาเดินไปตามทางเรื่อยๆ ด้านหน้าของกระท่อมแต่ละหลังถูกตกแต่งด้วยอุปกรณ์การเกษตรที่แตกต่างกัน บางหลังมีล้อเกวียนขนาดใหญ่โชว์อยู่หน้ากระท่อม บางหลังมีคันไถอันใหญ่ หรือหลังสุดท้ายชายทุ่งตรงโน้นมีกองฟางอยู่หน้ากระท่อมด้วย ชายหนุ่มเปิดประตูกระท่อมหลังใหญ่หลังแรก แล้วเดินเข้าไปสำรวจด้านใน เครื่
พิมพ์รพีพรถอยห่างจากร่างคนตัวโต แต่ถอยไม่ถึงสองก้าวผ้าถุงเจ้ากรรมที่เหน็บเอวไว้กลับหลุดลงไปกองที่พื้น“กรี๊ด! อย่ามองนะ”“ไม่ทันแล้วคุณ”“ไอ้ปลัดลามก”หญิงสาวตกใจรีบก้มลงจับชายผ้าถุงรวบขึ้นมาไว้ที่เอว ปากก็ต่อว่าคนที่มองขาเรียวขาวของเธอแบบไม่วางตา และคนมองก็รู้สึกขัดใจยิ่งนัก เมื่อกำลังจะมองเลยขึ้นไปแต่หญิงสาวกลับดึงผ้าถุงขึ้นมาปิดบังสิ่งที่น่ามองเสียก่อนอืม...เป็นเอามากปลัดเมฆา “คิดว่าผมอยากดูนักหรือไง ไม่เห็นจะน่าดูสักนิด สำคัญตัวเองผิดไปแล้วคุณ”พิมพ์รพีพรอยากจะกรีดร้องดังๆ กับคำพูดของชายหนุ่ม ชายหนุ่มที่ปากไม่ตรงกับใจ“ไอ้ปลัดบ้า ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”ปลัดเมฆาส่ายหน้ายิ้มๆ“ยิ้มอะไร”พิมพ์รพีพรรู้สึกว่าความโกรธมันแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ“ขำเจ้าของบ้านนาเปี่ยมรัก แต่ดันใส่ผ้าถุงไม่เป็น ผู้หญิงบ้านนาภาษาอะไร”“ฉันจะใส่เป็นหรือไม่เป็นมันก็เรื่องของฉัน หรือคุณใส่ผ้าถุงเป็น อ๋อ! คงแอบเอาทั้งกระโปรงทั้งผ้าถุงมาใส่บ่อยล่ะสิ ฉันลืมไปว่าคุณเป็นประเภทไม่ใช่แมนเต็มตัว”“พิมพ์รพีพร”น้ำ
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใดภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต
“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ด