รสิตาขับรถไปตามทางอย่างระมัดระวังเพราะถึงแม้จะชินทาง แต่เธอก็ไม่ประมาท หากแต่สองสาวก็ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีรถจักรยานยนต์ขับตามมาตั้งแต่ออกจากร้าน และพอถึงเส้นทางเปลี่ยวก่อนถึงทางเข้าไร่มันก็เร่งเครื่องแซงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“นั่นอะไรน่ะ! พี่แนนระวังนะคะ” แสงจากไฟหน้ารถทำให้หญิงสาวทั้งสองเห็นภาพรถจักรยานยนต์ล้มขวางอยู่กลางถนน ซึ่งส่งผลให้รสิตาต้องเหยียบเบรกกะทันหัน
“ใครน่ะ เป็นอะไรมากหรือเปล่านะ” ไอรักพูดพร้อมกับเปิดประตูลงจากรถ และเดินตรงไปยังรถจักรยานยนต์ที่ล้มอยู่ รสิตาเดินตามมาติดๆ
“อ้าว! ไม่มีคนนี่นา กระเด็นไปข้างทางหรือเปล่า ช่วยกันหาเถอะค่ะพี่แนน เผื่อจะได้พาส่งโรงพยาบาล” หญิงสาวทั้งสองกวาดตามองรอบๆตัว เพื่อหวังจะหาเจ้าของรถที่อาจจะได้รับบาดเจ็บ แต่แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อมีชายหนุ่มสองคนสวมหมวกไหมพรมสีดำคลุมหน้าตา วิ่งกรูเข้ามาจับตัวทั้งสองไว้
“นี่มันอะไรกันปล่อยนะ” รสิตาโวยวายเมื่อถูกจู่โจมจับสองมือไพล่หลัง
“ถ้าไม่อยากตายอย่าดิ้น แล้วก็หุบปากซะ” เสียงห้าวของคนที่จับตัวเธอพูดขึ้น พร้อมกับออกแรงบีบแขนเธอแรงขึ้น จนรสิตาหน้านิ่วด้วยความเจ็บ
“พวก
ไทธรณ์คลายอ้อมแขนออกเปลี่ยนมากอดเอวบางไว้หลวมๆ เขาทราบเรื่องราวทั้งหมดที่น้องชายโทรไปเล่าให้ฟังแล้ว ระหว่างทางที่ขับรถมา ชายหนุ่มคิดถึงแต่ใบหน้าของคนตัวเล็ก รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ ถึงน้องชายจะบอกแล้วว่าเธอปลอดภัยดี แต่เขาก็อยากเห็นกับตาตัวเองมากกว่า“ขอบคุณมากเลยนะครับคุณภูชิต ขอบคุณจริงๆครับ” ไทธรณ์ยื่นมือเพื่อสัมผัสกับมือของภูชิต“ไม่เป็นไรครับคุณไท ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงเลยครับ ช่วยๆกันไปเรามันคนกันเองนะครับ”“พี่ขอโทษที่ไม่ได้ดูแลแนนให้ดีกว่านี้” ไทธรณ์เอ่ยขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากไร่แสงตะวันได้สักครู่“อย่าโทษตัวเองสิคะพี่ไท ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหรอกค่ะ” รสิตาเอื้อมมือไปวางบนมือหนาที่วางไว้บนต้นขาของชายหนุ่ม“แต่พี่เป็นสามี พี่ควร...”“ไม่เอาไม่พูดเรื่องนี้แล้วค่ะ เห็นไหมว่าแนนไม่เป็นอะไรสักหน่อย แนนสัญญาว่าต่อไปจะดูแลตัวเองดีๆ ไม่ให้พี่ไทต้องเป็นห่วงนะคะ” รสิตายิ้มหวาน เธอไม่อยากให้ไทธรณ์เป็นกังวลกับตัวเองมากนัก เพราะรู้ว่าเขาต้องทำงานหนัก หากจะมามัวแต่ห่วงเธออาจจะทำให้เสียการเสียงานได้
ขณะที่อีกมือยังบีบเคล้นหยอกล้อกับอกอวบอยู่ หญิงสาวหลับตาพริ้ม เม้มริมฝีปากแน่น ไทธรณ์มองภาพคนรักด้วยความ เสน่หา และเมื่อเขาสัมผัสถึงความชุ่มฉ่ำพรั่งพร้อม ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าก้มลงไล้เลียไปทั่วเนินรักแสนหวานของหญิงสาว ดูดดึงขบเม้มอย่างเอาแต่ใจ รสิตาขยำศีรษะทุยได้รูปของไทธรณ์รุนแรง เพื่อระบายความรู้สึกเสียวซ่านที่ก่อตัวขึ้น มันตีตื้นขึ้นมาจนหญิงสาวกลัวว่าตนเองอาจจะขาดใจตายได้“พี่ไท...อื้อ!” ลิ้นสากรัวเร็วสะกิดติ่งที่ไวต่อความรู้สึก นิ้วเรียวใหญ่ร้ายกาจสอดหายเข้าไปในช่องทางรัก สำรวจตรวจตราอย่างช่ำชอง ไทธรณ์รู้สึกถึงความรัดแน่นรอบนิ้วของตน จึงเร่งจังหวะขยับเข้าออกเร็วขึ้น ริมฝีปากบางเผยอขึ้นครางกระเส่า สะโพกเต่งตึงแอ่นรับท้าทายทุกสัมผัสที่ชายหนุ่มมอบให้ ร่างบางบิดเร่าสั่นสะท้าน“พี่ไท พี่ไท อ๊า!” รสิตากรีดร้องเสียงดัง กายสาวสั่นสะท้านรุนแรง หยาดน้ำอุ่นใสไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ไทธรณ์ดูดกลืนน้ำหวานนั้นอย่างภูมิใจ ลิ้นสากยังไม่วายไล้เลียจาบจ้วง จนคนที่เตะวิมานแสงดาวไปแล้วสะท้านกายซ้ำแล้วซ้ำเล่า นิ้วเรียวใหญ่รับรู้ถึงการตอดรัดเป็นจังหวะของช่องทางรัก เขาหยุดแช่แน่นิ่งไว้เพื
ไทธรณ์รั้งศีรษะของหญิงสาวให้รับจุมพิตอีกครั้ง รสิตาจูบตอบอย่างเต็มใจ มือบางประคองแก้มสากไว้ในมือ จูบของไทธรณ์อ่อนหวานเย้ายวน จนทำให้เธอลืมความไหวหวั่นปนตกใจ กับอะไรของเขาที่ได้เห็นเมื่อสักครู่ มือหนาลูบไล้ทั่วร่างบางทุกซอกทุกมุม ทำให้ร่างของคนที่ถูกรุกรานทำความสะอาดให้ สั่นระริกด้วยแรงปรารถนาล้ำลึก ไทธรณ์จงใจใช้มือหนาไล้วนอยู่บริเวณซอกขาด้านใน ก่อนที่นิ้วเรียวใหญ่สอดหายเข้าไปในใจกลางความเป็นสาวที่อยู่ใต้น้ำ รสิตาครางเสียงหวานอย่างสุดจะกลั้นได้ คนขี้แกล้งจงใจถูอยู่ที่เดียวนั่นแหละ จากจังหวะช้าๆก็เร่งเร็วขึ้นจนที่สุดเธอต้องกรีดร้องออกมาพร้อมกับร่างกายที่กระตุกเกร็งโดยที่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้เลยรสิตาทุบอกแกร่งเบาๆ เธอแทบจะหมดแรงลุกขึ้น เมื่อไทธรณ์ลุกขึ้นก่อนแล้วคว้าตัวเธอประคองลุกออกจากอ่างอาบน้ำไปด้วยกัน ไทธรณ์เช็ดตัวให้เธอและตัวเองอย่างลวกๆ เพราะเขากำลังเคร่งครัดจนจะระเบิดอยู่แล้ว ชายหนุ่มตวัดร่างรสิตาขึ้นแนบอก เดินออกจากห้องน้ำโดยทั้งสองร่างเปล่าเปลือยเหมือนกันร่างบางถูกวางลงบนเตียงกว้าง แล้วร่างหนาก็โถมทับเธอไว้จนแทบจมหายไปกับเตียงนุ่ม ริมฝีปากหนารุกรานดูดดึงริมฝีปา
ไทธรณ์พลิกร่างบางให้นอนคว่ำลงช้าๆ และยังไม่ยอมถอดถอนกายแกร่งออก ท่อนแขนแข็งแรงสอดช้อนใต้ท้องของร่างนุ่มนิ่มขึ้น ให้ตนเองขยับรุกได้ล้ำลึก ขณะที่ศีรษะทุยของคนที่ถูกรุกรานหนักหน่วงซบหน้าตะแคงลงที่หมอนนุ่ม มือบางกำหมอนไว้แน่น เมื่อรับรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกจับจูงพุ่งทะยานไปยังเส้นทางรักที่สุขสมอีกครั้งไทธรณ์วางเข่าทั้งสองข้างของตนแนบแน่นไปกับท่อนขาเรียว ที่คุกเข่าคุดคู้อยู่ใต้ร่างของตน ชายหนุ่มขยับเอวสอบรัวถี่ขณะกอดเกี่ยวเอวบางแน่น มืออีกข้างลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนแล้ววกกลับไปด้านหน้า บีบเคล้นอกอวบรุนแรง ตามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังจะพุ่งถึงขีดสุดห้องนอนกว้างอบอวลไปด้วยเสียงร้องระงมด้วยความสุขสมของสองร่าง ที่กอดเกี่ยวกันท่องไปในดินแดนแสงดาวด้วยความสุขสม ไทธรณ์กระแทกจังหวะสุดท้ายล้ำลึกกดแช่แน่นิ่ง ถ่ายเทความรุ่มร้อนจากร่างแกร่งสู่ร่างบางที่สั่นสะท้านอยู่ใต้ร่างของตนรสิตาเมื่อยล้าจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น เมื่อคนตัวโตพลิกกายให้นอนนอนราบลงกับเตียงนุ่ม แล้วเอนตัวลงนอนข้างๆกัน หญิงสาวขยับร่างซุกซบกับแผงอกกว้างอย่างไม่อิดออดเลย ไทธรณ์จูบซับแก้มนวลเบาๆ กอดกระชับภรรยาตัวเองแนบแน่น
มือใหญ่ปลดกระดุมออกทุกเม็ดและกำจัดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ให้พ้นสายตา เขารู้ว่าไอรักไม่ได้ใส่ชุดชั้นในนอน นั่นมันก็ทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วทรวงอกอิ่มตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เมื่อธีร์ภาณุถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง แล้วยกตัวขึ้นทาบทับหญิงสาวไว้โดยที่ตัวเองยังไม่ได้ถอดชุดนอนออกจากร่างกาย มือหนาหยอกเอินอกอวบอย่างเบามือ และไล้ไปมาวนรอบตุ่มไตของยอดอกสีสวยหนักบ้างเบาบ้างเป็นจังหวะเน้นๆ ริมฝีปากหนาก้มลงครอบครองดูดกลืนยอดอกอีกข้าง ลิ้นร้อนสากไล้วนไปมาบนยอดอกช้าๆก่อนจะเพิ่มความเร็วรัวจนร่างบางแอ่นสะท้าน ไอรักแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง หญิงสาวอ้าปากเพื่อช่วยในการดูดอากาศเข้าปอด ถึงกระนั้นเธอก็ยังได้ยินเสียงครางแว่วหวานของตัวเองทุกจังหวะการรุกรานเป็นไปอย่างหนักแน่นและรัวเร็ว ในขณะไอรักคิดว่าตนเองกำลังจะขาดใจ หากต้องผวาเสียววาบไปทั่วท้องน้อย เมื่อนิ้วเรียวใหญ่แทรกผ่านกลางเนินเนื้อสาว ธีร์ภาณุค้นพบว่าไอรักเร่าร้อนพอแล้วสำหรับเขา หากแต่ชายหนุ่มเคยบอกไปแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไร หากหญิงสาวไม่เต็มใจนิ้วเรียวใหญ่ช่างร้ายกาจนัก เมื่อชายหนุ่มจงใจกดเน้นล้ำลึกอย่างช้าๆ แล
“หนูไอขี้โกง” ไอรักขมวดคิ้วนิดหนึ่งไม่เข้าใจความหมาย ก่อนที่จะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ร่างกายส่วนที่เพิ่งได้รับการเติมเต็มไปเมื่อสักครู่ก็ถูกรุกรานอีกครั้ง ธีร์ภาณุขยับกายเข้าออกอย่างเชื่องช้าในจังหวะแรก มือหนาบีบเคล้นอกอวบด้วยอารมณ์รัก ก่อนจะเร่งจังหวะสุดท้ายพร้อมกับใช้นิ้วมือบีบเคล้นจุดที่ไวต่อสัมผัสกลางกายสาว ไอรักบิดตัวไปมาครางเสียงหวานเมื่อไม่สามารถต้านทานความรู้สึกเสียวซ่านได้ ในที่สุดชายหนุ่มก็จับจูงหญิงสาวพาไปสัมผัสความรู้สึกสุขสมที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างพร้อมกัน วิมานแสงดาวที่ธีร์ภาณุพาไอรักมาแตะต้องครั้งนี้ ช่างเร่าร้อนและอิ่มเอม จนหญิงสาวต้องกรีดร้องเสียงดังยาวนาน ในขณะที่ชายหนุ่มก็คำรามเสียงทุ้มออกมาอย่างสุดกั้น ธีร์ภาณุซบลงบนตัวหญิงสาว เสียงหายใจถี่กระชั้นของทั้งสองดังประสานกัน“พี่ธีร์...หนูไอหนักค่ะ” เสียงประท้วงอ้อมแอ้มหลังจากพายุอารมณ์รักพัดผ่านไปสักครู่ ทำให้ธีร์ภาณุเลื่อนตัวลงมานอนข้างๆไอรัก ก่อนจะกอดเกี่ยวร่างบางไว้แนบอก แล้วจูบย้ำที่หน้าผากมนแรงๆ“เห็นไหมว่าพี่ไม่เคยบังคับใจใคร” ไอรักก้มหน้างุดกับอกกว้าง หญิงสาวรู้ตัวดีว่าตนเองเป็นฝ่ายเรียกร้องจากช
“แนนเป็นไงบ้างตาไท ทางนั้นมีอะไรให้เราช่วยไหม” คุณกานดาถามถึงว่าที่ลูกสะใภ้คนโตอย่างเป็นห่วง“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ งานไม่ล่มแน่นอนครับคุณกานดา” ไทธรณ์ยิ้มให้มารดา ก่อนจะถูกค้อนขวับวงใหญ่จากคุณกานดา“ไม่ต้องมาประชดประชันแม่เลยตาไท ดีนะที่แนนไม่เป็นไร เพราะเราคนเดียวเลยที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ต่อไปต้องดูแลแนนให้ดีๆเข้าใจไหม”“ครับแม่ ผมจะดูแลสะใภ้คนโตของแม่ให้ดีที่สุด ด้วยเกียรติของกระผมครับ” ไทธรณ์ล้อเลียนรับคำหนักแน่น“หนูไอคิดถึงพี่บ้างไหมครับ” ธีร์ภาณุยิงคำถามตรงๆเมื่ออยู่กันสองต่อสองภายในสวนหลังบ้าน หลังจากที่ทานอาหารว่างกับคุณกานดาตามคำชวนของผู้เป็นแม่แล้ว ไทธรณ์ก็ขอตัวกลับไปดูงานที่ท่าข้าว คุณกานดาเองก็ติดภารกิจเลือกเครื่องเพชรไว้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้ใส่ในวันแต่งงานเมื่อถูกถามตรงๆไอรักเลือกที่จะยิ้มหวานแทนคำตอบ ทำเอาคนที่ตั้งคำถามโวยวายประท้วงไม่ยอม“ไม่เอาครับ อย่ายิ้มอย่างเดียวสิ พี่อยากได้ยินให้หายเหนื่อย พอให้พี่ได้ชื่นใจนะหนูไอ” ไอรักหัวเราะคิก จ้องมองนัยน์ตาของคนที่กำลังรอคำตอบ“คิดถึงสิคะป๋า” ธีร์ภา
“อ้าว! วอนแล้วไหมล่ะ นั่นเมียเพื่อนนะโว้ย!” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับทำสีหน้าจริงจังเอาเรื่อง“เฮ้ย! ไอ้บ้า ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ฉันหมายถึงว่า น่าจะพาคุณไอรักมาให้ฉันคุ้นเคยหน่อย เผื่อเขาจะมีเพื่อนที่หน้าตาน่ารักเหมือนกัน ฉันจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาสักที นี่แม่ก็มาวุ่นวายจับคู่คนโน้น แนะนำคนนี้ให้ฉันอยู่ได้ ไม่รู้อะไรนักหนา”“สมน้ำหน้า ก็แกเล่นทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมาอยู่ได้ เมื่อไหร่จะหาสะใภ้เป็นตัวเป็นตนให้แม่เขาได้วางใจสักทีล่ะ”“เฮ้ย! ของอย่างนี้มันบังคับใจกันได้ที่ไหน ก็ที่เจอมันเคมีไม่ตรงกันนี่หว่า คบประเดี๋ยวประด๋าวพอได้ แต่ให้เอามาเป็นแม่ของลูก ไม่ไหวว่ะ...ว่าแต่แกเหอะไอ้เสือ คิดยังไงวะ ถึงตัดสินใจลงเอยกับคุณไอรัก เห็นตอนแรกที่มาเล่าให้ฟังโวยวายนักหนาว่าโดนบังคับ บอกตรงๆเซอร์ไพรส์มาก” ปลัดเมฆายิงคำถามจบก็จ้องหน้าเพื่อนรอฟังคำตอบ“แกเคยเชื่อในรักแรกพบไหมวะ” คำตอบที่ได้รับทำให้ปลัดเมฆาสำลักกาแฟ จ้องมองหน้าเพื่อนอย่างขำๆ“ครั้งแรกที่ฉันเจอหนูไอ ฉันก็หลงใหลไปกับหน้าตาเหมือนกับผู้ชายทั่วไปที่เจอผู้หญิงสวยๆแหละ แต่พอได้ใกล้ชิดพูดคุยยิ่งทำให้ฉันรู้
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใดภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต
“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ด
ภูชิตสะบัดศีรษะไล่ความคิดติดเรทออกจากสมองตัวเอง เขายืนขึ้นเต็มความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร แล้วก้มมองสภาพเปียกปอนของตัวเอง และหันไปมองคนบนเตียง เสื้อนอนลายคิดตี้สีชมพูเปียกแนบไปกับอกอวบ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าคิตตี้เป็นอะไรที่น่ารักมาก ยิ่งตอนนี้ที่มันสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจของคนที่สวมใส่อยู่ คิตตี้ช่างเป็นอะไรที่น่าค้นหาจริงๆยาก็กินไม่ได้ ตัวก็ร้อนจี๋ วิธีเดียวที่จะลดอุณหภูมิในตัวคนไข้ได้ ก็คงเป็นการเช็ดตัวสินะภูชิตกลับเข้ามาในห้องของน่านน้ำอีกครั้งในชุดใหม่ พร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนู ชายหนุ่มยืนมองร่างของคนบนเตียงแล้วถอนหายใจ เขาวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ร่างสูงนั่งลงบนเตียงชิดร่างของหญิงสาว“ผมจะเช็ดตัวให้นะ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ” บุรุษพยาบาลจำเป็นเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนสติตัวเอง มากกว่าที่จะบอกคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง มือใหญ่ดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างเล็กจนถึงคอ ก่อนจะค่อยๆคลำเข้าไปใต้ผ้าห่ม แกะกระดุมเสื้อนอนทีละเม็ด แล้วค่อยๆพลิกร่างใต้ผ้าห่มดึงเสื้อนอนออก“ชิ้นที่หนึ่ง” เสื้ออุ่นๆที่อยู่ในมือทำให้ภูชิตอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นอย่างกล้า