หญิงสาวหอบหายใจเร็วอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะปรับจังหวะให้เป็นปกติ คนที่เพิ่งส่งเธอไปวิมานแสงดาวยืนขึ้นเต็มความสูง เขายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่นัยน์ตาคู่สวย ไอรักก้มหน้ารู้สึกอายจนไม่อยากสบสายตาของธีร์ภาณุเลย หากแต่ตอนนี้เธอรู้สึกเพลียแทบจะยืนไม่ไหว แข้งขาก็พาลอ่อนแรง มือบางจึงต้องเกาะแขนชายหนุ่มไว้เพื่อพยุงร่างกายตัวเอง
“นี่ไงรางวัลพิเศษ ชื่นใจที่สุด” ธีร์ภาณุกอดคนตัวเล็กในอ้อมแขนครู่หนึ่ง ก่อนจะจัดการถอดบราเซียร์ออกจากร่างบาง ไอรักเตรียมตัวอ้าปากประท้วง
“พี่จะอาบน้ำให้ครับ อยู่เฉยๆนะ ไม่อย่างนั้นพี่ไม่รับประกันความปลอดภัย” ไอรักหุบปากลงทันที ยืนนิ่งให้ชายหนุ่มอาบน้ำให้ราวกับเด็กน้อย
ธีร์ภาณุใช้ผ้าขนหนูซับน้ำให้ร่างบางก่อนจะพันตัวให้ แล้วรุนหลังไอรักออกจากห้องน้ำ “หนูไอแต่งตัวเองนะครับ พี่เปียกหมดเลยขอตัวอาบน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นมาอีกแล้ว ไอรักหันหลังให้ชายหนุ่มแล้วเดินออกจากห้องน้ำทันที ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ
ธีร์ภาณุเปิดฝักบัวให้แรงขึ้น เขาต้องการให้สายน้ำดับความร้อนระอุของอารมณ์ภายใน เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน ที่ทำอะไรให้หญิงสาวขนาดนั้นแล้วตัวเองจ
“นายเล็กครับ” ธีร์ภาณุและไอรักหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน และนั่นมันก็ทำให้ลุงมิ่งรู้สึกว่าตัวเองมาไม่ถูกเวลาเอาซะเลย “มีอะไรครับลุงมิ่ง” “เอ่อ...มีแขกมาหาครับ” ลุงมิ่งพูดขณะที่มุมกุมเป้าก้มหน้ามองดิน เพราะรู้สึกตัวเองว่าเข้ามาขัดจังหวะของเจ้านายอย่างไม่น่าให้อภัย “ใคร” “เอ่อ...คุณมินตราครับ” ไอรักกับธีร์ภาณุหันหน้ามาสบตากันโดยอัตโนมัติ คนหนึ่งแววตาเต็มไปด้วยคำถาม คนหนึ่งแววตาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ กลัวคนที่สบตาด้วยจะเข้าใจผิด ก่อนที่ธีร์ภาณุจะได้พูดอะไร ไอรักสะบัดหน้าหนีด้วยความงอน ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเร็วตรงไปที่บ้านหลังเล็กทันที “หนูไอ” ธีร์ภาณุเรียกตามคนขี้งอนแต่หญิงสาวก็ไม่หันหลังกลับมา “ผมขอโทษครับนายเล็ก” ลุงมิ่งเอ่ยขึ้นอย่างสำนึกผิด “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับลุงมิ่ง” ชายแก่พยักหน้าหงึกๆ แ
มินตรายิ้มเยาะ ผู้หญิงอย่างไอรักไม่มีวันตามทันเกมของเธอแน่นอน มินตราเดินตามไอรักเข้าไปในห้องนอน ป้าบัวและน้อยหน่าที่ยืนคอยบริการอยู่รีบเก็บสำรับถ้วยชามทันที“คุณมินอะไรนี่เขาเป็นใครป้า ทำไมดูวุ่นวายกับนายเล็กจัง แล้วทำไมพี่หนูไอไม่ว่าอะไรสักคำ” น้อยหน่าพูดไปตามที่เห็น“เรื่องของเจ้านายอย่าสู่รู้ รีบๆเก็บจานชามกลับบ้านเร็ว” ป้าบัวเอ็ดหลานสาว แต่ตัวเองกลับลอบถอนหายใจกับสถานการณ์ของเจ้านายอยู่เหมือนกัน“เอ่อ...คุณไอรักคะ บังเอิญว่ามินไม่ได้เตรียมชุดนอนมาด้วย ขอยืมหน่อยนะคะ” ไอรักมองหน้ามินตราครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้หยิบชุดนอนผ้าลินินเนื้อดี ซึ่งเป็นชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีชมพู แล้วไอรักก็นึกอะไรออกบางอย่าง“ถ้าอย่างนั้นคุณมินตราก็คงไม่มีชุดชั้นเปลี่ยนด้วยสิคะ แต่คุณมินตราคงใส่ของหนูไอไม่ได้มั้งคะ หนูไอไซซ์สามสิบสี่คัพซี ประมาณการดูแล้วคุณมินตราคงแค่สามสิบสองคัพบี แต่ที่เห็นดูมๆนั่น โกยมาใช่มั้ยคะ”มันเจ็บตรงนี้แหละ มินตราคิดในใจ แต่คนอย่างมินตราไม่มีวันยอมใครง่ายๆหรอก“เอ่อ...ก็ไม่เป็นไรค่ะ มินไม่ใส่ก
นาฬิกาบนผนังห้องบอกให้รู้ว่าเริ่มวันใหม่ได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว คนตัวโตที่เพิ่งไขกุญแจบ้านเข้ามาหรี่ตามองร่างบนที่นอนคุดคู้บนโซฟาในความมืด เมื่อเดินเข้าใกล้ และกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เขาหลงใหลก็ทำให้รู้ว่าเป็นไอรัก“หนูไอมานอนทำอะไรตรงนี้”ชายหนุ่มพึมพำ แต่เมื่อคิดได้ว่าในห้องมีมินตรานอนอยู่ นั่นคงเป็นเหตุผลให้ไอรักต้องมานอนอยู่ตรงนี้ เขานึกโกรธตัวเองที่ใจอ่อนยอมให้มินตราค้างที่ไร่ด้วย ทำให้คนตัวเล็กต้องมานอนคุดคู้อยู่ที่โซฟา ธีร์ภาณุมองไปที่ประตูห้องนอนแล้วถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ในความมืด ชายหนุ่มช้อนร่างบางขึ้นแนบอก ไอรักเบียดตัวเข้าหาอกอุ่นอย่างคุ้นเคย น่าจะเป็นเพราะเพิ่งข่มตาหลับได้ไม่นานทำให้หญิงสาวหลับลึก ไม่ได้รู้สึกตัวว่ากำลังถูกเปลี่ยนที่นอนธีร์ภาณุอุ้มร่างบางนุ่มนิ่มพาเดินเร็วตรงไปที่โกดังหลังใหญ่ในไร่ อากาศข้างนอกเย็นจนชายหนุ่มต้องกระชับร่างบางแน่นยิ่งขึ้น ไอรักเองก็กอดตอบแนบแน่นด้วยความคุ้นชินตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องนอนและมีห้องน้ำอยู่ในตัว ตั้งอยู่ด้านในสุดของโกดัง ซึ่งไอรักเองก็ไม่เคยสังเกตเห็น
“เอ่อ...รอวันแต่งงานไม่ได้หรือคะ” คนโดนจู่โจมพยายามต่อรอง เมื่อมองไม่เห็นทางรอด“ไม่เอา...พี่คงขาดใจตายก่อนพอดี” ชายหนุ่มตอกย้ำคำพูดด้วยการกดจมูกแรงๆ พร้อมกับสูดความหอมของแก้มนวลฟอดใหญ่ ไอรักพยายามเบี่ยงตัวหลบเป็นพัลวัน“หนูไอสวยจังครับ” คนในอ้อมกอดเผยอปากจะเถียง แต่กลับถูกริมฝีปากได้รูปฉกวูบอย่างรวดเร็ว มือใหญ่ช้อนท้ายทอยเธอไว้เพื่อรับจูบจากเขา สติของไอรักแตกกระเจิง ดวงตากลมสวยเบิกกว้าง มือน้อยๆพยายามทุบตีอกแกร่งที่กอดขังเธอไว้เพียงแค่มือเดียว แต่มันก็ไม่ได้เป็นผลให้คนที่กำลังละเลียดชิมริมฝีปากบางของเธอสะทกสะท้านแม้แต่น้อย ลิ้นอุ่นๆของธีร์ภาณุค่อยๆซอกซอนชิมทุกอณูของปากเล็กๆอย่างช่ำชอง จูบที่แสนจะเร่าร้อนกระชากจิตวิญญาณของไอรัก จนคนถูกจูบแทบจะหลอมละลายไปกับอกกว้างท่าทีดิ้นรนแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนระทวย ท่อนแขนรียวเปลี่ยนเป็นโอบคอชายหนุ่มไว้อย่างหาที่จะยึด เพราะไอรักรู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ เธอจึงจำเป็นต้องหาที่เกาะยึดไว้ ธีร์ภาณุถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ชายหนุ่มมองหน้านวลที่ตอนนี้แดงก่ำแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ไอรักหลบสายตาที่มองมาด้วยการหลุบตาลง
“อย่าค่ะ!” เสียงห้ามแผ่วเบาและแหบพร่า ขณะที่ร่างกายกลับทรยศแอ่นกายรับลิ้นสากร้อน ที่จาบจ้วงเข้ามาเพื่อดูดดุนเนื้อนิ่มด้วยจังหวะหนักแน่นเนิบช้า ธีร์ภาณุดูดกลืนทุกหยาดหยดของน้ำผึ้งหวานที่ออกมาจากกายสาว และเมื่อชายหนุ่มยกสะโพกเต่งตึงขึ้นเพื่อควบคุมได้ถนัด เขาเร่งจังหวะตวัดรัวเร็วขึ้น ไอรักแอ่นกายรับอย่างลืมตัว หญิงสาวรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังล่องลอยสูงลิ่ว และกำลังจะตกลงมาจากที่สูง มันเสียวซ่านเนิ่นนานจนแทบจะลืมหายใจ เมื่อถึงจุดที่ความทรมานถูกปลดปล่อย สมองพร่างพรายว่างเปล่าชั่วขณะ หญิงสาวกรีดร้องเสียงหวานอย่างลืมอาย กายสาวเกร็งกระตุกหอบหายใจถี่และแรง ธีร์ภาณุจูบย้ำแรงๆที่เนื้อนิ่ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาดวงตาปรือปรอยของหญิงสาว ไอรักทุบบ่าของชายหนุ่มเบาๆ และหลบสายตาคมด้วยความเขินอาย ชายหนุ่มเคลื่อนตัวขึ้นคร่อมร่างบางไว้“พี่รักหนูไอนะครับ” ธีร์ภาณุกระซิบข้างหูไอรักแผ่วเบา หากแต่คนที่กำลังฟังได้ยินชัดเจน ส่งผลให้หัวใจคนฟังพองโตคับอก ชายหนุ่มใช้แขนยันตัวเองขึ้นเพื่อสบตากับตากลมโตด้วยแววตาที่จริงใจ“หนูไอไม่ได้รังเกียจพี่ใช่ไหม พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้หนูไอเสียใจเด็ดขาด” ไอรักพยา
เพื่อระบายความเสียวซ่านรุ่มร้อนในกาย หญิงสาวแยกเรียวขาออกกว้างขยับสะโพก เพื่อไขว่คว้าหาความสุขตามครรลองธรรมชาติของชายหญิง ธีร์ภาณุส่งเสียงครางทุ้มต่ำในลำคอย่างพอใจ เขาละมือจากกลุ่มผมสลวยแล้ววางมือไว้บนที่นอนนุ่ม เพื่อรับน้ำหนักของตนและคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตัวเขา ชายหนุ่มยกสะโพกสอบขึ้นเพื่อส่งความแข็งแกร่งเข้าไปในร่างบางล้ำลึก มือหนาอีกข้างยังทำหน้าที่กดคลึงไล้วนติ่งกลางกายสาวไอรักถอนริมฝีปากออกจากปากหนา แล้วเอนศีรษะพิงบ่ากว้างใบหน้าแหงนหงายครางเสียงหวานกระเส่า ในทุกจังหวะที่ถูกรุกล้ำรัวเร็วจากคนข้างล่างกายเธอ ธีร์ภาณุก้มลงดอมดมแก้มเนียน ไล้เลียไปตามลำคอระหงหอมกรุ่น“พี่ธีร์...” ไอรักครางชื่อของชายหนุ่มออกมาเมื่อใกล้จะถึงวิมานแสงดาว ที่เธอรู้ว่ามันจะสุขสมเพียงใด ธีร์ภาณุรู้สึกถึงแรงรัดของหญิงสาว ทำให้เขารู้ว่าใกล้จะส่งเธอถึงฝั่งฝันแล้ว ชายหนุ่มเร่งสะโพกสอบขึ้นเร็วแรง นิ้วใหญ่กดคลึงติ่งสาวเน้นหนัก แสงดาวพร่างพรายแตกกระจายในความรู้สึกของไอรัก หากแต่คนตัวใหญ่เอาแต่ใจกลับไม่พอใจแค่นั้น ชายหนุ่มจับวางร่างบางนอนคว่ำกับเตียงนุ่ม ขณะที่ร่างกายยังสอดประสานกัน ธีร์ภาณุกดสะโพกสอ
“อ้าว! ยังไงล่ะเนี่ย ไม่อาบน้ำแล้วเหรอครับ”“เอ่อ...” ก่อนจะได้ตัดสินใจตอบอะไรออกมา ร่างบางก็ถูกกอดแนบแน่น ธีร์ภาณุย่อตัวลงใช้สองแขนโอบรอบใต้สะโพกผาย แล้วยกคนเนื้อนิ่มกอดกระชับแนบตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมกระซิบแผ่วข้างหู“พี่อาบให้นะครับ” ธีร์ภาณุพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ทำเอาคนฟังที่พอจะจับอารมณ์หวามของชายหนุ่มได้หัวใจเต้นโครมคราม“มะ...” ธีร์ภาณุบดริมฝีปากบางด้วยปากของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วพาหญิงสาวเดินหายไปในห้องน้ำ โดยไม่ปล่อยริมฝีปากบางให้เป็นอิสระภายในห้องน้ำค่อนข้างแคบ เพราะเนื้อที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดของตู้คอนเทนเนอร์ แต่ทุกอย่างกลับถูกจัดวางอย่างลงตัว อุปกรณ์ทุกชิ้นในห้องน้ำดูเรียบหรูในโทนสีขาว ธีร์ภาณุวางไอรักลงแล้วเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำ น้ำอุ่นจากฝักบัวอันใหญ่เหนือศีรษะตกกระทบทั้งร่างของธีร์ภาณุและไอรัก คนตัวเล็กได้แต่ยืนกอดอกตัวเองห่อไหล่ และหันหลังให้คนตัวโต“อยากอยู่อย่างนี้นานๆ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับโอบกอดเอวคอดจากด้านหลัง“รีบๆอาบสิคะ” ไอรักประท้วง ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนไหล่เนียน ไล้เลียไปทั่วแผ่นหลังนุ่มลื่น
ความซาบซ่านจากจุดกึ่งกลางกายสาว แผ่ไปทั่วร่างของไอรัก สุดที่จะยับยั้งความรู้สึกหวามรัญจวนได้ ไอรักจิกเล็บบนแผ่นหลังกว้าง ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอร่างบางกระตุกเกร็งหลายครั้ง ขาเรียวอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่ไหว ธีร์ภาณุเร่งจังหวะสุดท้ายรุนแรงและถี่รัว ก่อนจะปีนป่ายไปถึงความสุขล้ำลึก ที่แผ่ซ่านไปทั้งร่าง ชายหนุ่มกระตุกเกร็ง พร้อมกับส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอ ในขณะที่ริมฝีปากยังดูดดึงจุมพิตอยู่กับริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อน เนิ่นนาน ก่อนจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดูดดึงเบาๆและขบเม้มอย่างหยอกล้อ ท่อนขาเรียวถูกปล่อยวางลงบนพื้น หากแต่มือหนายังไม่วายลูบไล้ไปทั่วทุกที่บนร่างบางอย่างเอาแต่ใจ ไอรักก้มหน้าลงแนบแก้มกับอกกว้าง แขนเรียวกลมกลึงยังกอดลำตัวแกร่งไว้แน่น เธอคิดว่าถ้าหากปล่อยมือตอนนี้ ร่างของเธออาจจะร่วงไปกองอยู่กับพื้นก็เป็นได้ เพราะเธอเหนื่อยเหลือเกิน“หนูไอง่วงจัง”ไอรักพึมพำกับอกกว้าง หญิงสาวแทบจะหลับตาอยู่ใต้สายน้ำอุ่น เธอรับรู้ถึงการกระเพื่อมของอกแกร่ง เนื่องจากธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆกับท่าทางของเธอ“พี่อาบน้ำให้นะครับ”ไอรักพยักหน้ารับ เธอไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว หญิงสา
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใดภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต
“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ด
ภูชิตสะบัดศีรษะไล่ความคิดติดเรทออกจากสมองตัวเอง เขายืนขึ้นเต็มความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร แล้วก้มมองสภาพเปียกปอนของตัวเอง และหันไปมองคนบนเตียง เสื้อนอนลายคิดตี้สีชมพูเปียกแนบไปกับอกอวบ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าคิตตี้เป็นอะไรที่น่ารักมาก ยิ่งตอนนี้ที่มันสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจของคนที่สวมใส่อยู่ คิตตี้ช่างเป็นอะไรที่น่าค้นหาจริงๆยาก็กินไม่ได้ ตัวก็ร้อนจี๋ วิธีเดียวที่จะลดอุณหภูมิในตัวคนไข้ได้ ก็คงเป็นการเช็ดตัวสินะภูชิตกลับเข้ามาในห้องของน่านน้ำอีกครั้งในชุดใหม่ พร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนู ชายหนุ่มยืนมองร่างของคนบนเตียงแล้วถอนหายใจ เขาวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ร่างสูงนั่งลงบนเตียงชิดร่างของหญิงสาว“ผมจะเช็ดตัวให้นะ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ” บุรุษพยาบาลจำเป็นเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนสติตัวเอง มากกว่าที่จะบอกคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง มือใหญ่ดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างเล็กจนถึงคอ ก่อนจะค่อยๆคลำเข้าไปใต้ผ้าห่ม แกะกระดุมเสื้อนอนทีละเม็ด แล้วค่อยๆพลิกร่างใต้ผ้าห่มดึงเสื้อนอนออก“ชิ้นที่หนึ่ง” เสื้ออุ่นๆที่อยู่ในมือทำให้ภูชิตอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นอย่างกล้า
“เงียบจัง” น่านน้ำในชุดนอนกางเกงขายาวเสื้อแขนยาวลายคิตตี้สีชมพู นั่งกอดหมอนใบใหญ่บนเตียงกว้าง บรรยากาศบ้านไร่ช่างวังเวงน่ากลัวจริง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มืดไปหมด หญิงสาวถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในวันนี้ มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่พอเหลือบดูเวลาแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่นั่งตาละห้อย“ดึกป่านนี้หลับกันหมดแล้วล่ะ เฮ้อ!” น่านน้ำเอนตัวลงนอน กว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ใช้เวลานานนักหนา ทำให้แปดนาฬิกาในวันแรกของการทำงาน น่านน้ำยังคงนอนหลับไม่รู้สึกตัว เนื่องจากการเดินทางไกลและมาเจอสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น ซึ่งแตกต่างจากอากาศในเมืองหลวง ทำให้ร่างกายของเธอปรับสภาพไม่ทัน หญิงสาวจึงเข้าสู่โหมดไข้สูงและตัวร้อนจี๋ก๊อกๆ“คุณน่านน้ำ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อน แล้วตามด้วยเสียงทุ้มตามมา น่านน้ำพยายามปรือตาขึ้น แต่ทำไมหนังตาเธอมันถึงหนักอึ้งอย่างนี้ หญิงสาวไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพาร่างตัวเองลงจากเตียงเลยภูชิตขมวดคิ้วมุ่น เขาเคาะประตูอีกครั้ง หากแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ข้างใน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกลับไปที่ห้องตนเอง หยิบกุญแจสำรองมาไขกุยแจเปิดประตูห้องออก