“นายหญิง!” ลุงมิ่งอุทานขึ้นเสียงดัง ธีร์ภาณุหันขวับมองหน้าลุงมิ่งด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังกลุ่มคนงาน ทุกคนหลีกทางให้เจ้านายหนุ่มได้มองเห็นร่างบางที่นอนไม่ได้สติอย่างชัดเจน
“หนูไอ!” ธีร์ภาณุเรียกชื่อไอรักอย่างตกใจ
ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าลงแล้วใช้มือทั้งสองข้างช้อนร่างบางขึ้นมาแนบอก ลำแขนแข็งแรงกอดกระชับร่างของไอรักไว้แน่น
“หนูไอ หนูไอ” ธีร์ภาณุพยายามเรียกชื่อไอรัก โดยหวังว่าหญิงสาวจะรู้สึกตัว
“นายเล็กครับ น้ำครับ” ลุงมิ่งยื่นกระบอกน้ำเย็นให้ธีร์ภาณุ ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนวางร่างบาง โดยให้ศีรษะวางอยู่บนตักของตัวเอง ก่อนจะเทน้ำใส่มือแล้วลูบตามใบหน้าของหญิงสาว
“เฮ้ย! ไปๆถอยออกไปให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกกว่านี้” ลุงมิ่งส่งเสียงดังบอกคนงานให้ถอยออกไป คนงานทุกคนจึงแยกย้ายกันเดินห่างออกไป และต่างก็สงสัยว่าผู้หญิงสวยคนนี้เป็นใคร ทำไมผู้เป็นนายของไร่แสงตะวันถึงได้ดูเป็นห่วงเป็นใยมากมายนัก อาจเป็นเพราะไอรักเพิ่งเข้ามาอยู่ในไร่ และธีร์ภาณุเองก็ยังไม่ได้แนะนำให้คนงานรู้จัก เมื่อเห็นเจ้านายผู้เข้มงวด แต่กลับปฏิบัติอย่างอ่อนโยนกับหญิงสาว ลูกน้องก็เลยพาลสงสัยสถ
“อุ๊ย! พี่ธีร์” หญิงสาวหดแขนลงกอดลำตัวอย่างรวดเร็ว เธอทำตัวไม่ถูกเมื่อหันไปสบสายตากับคนที่นั่งมองอยู่อย่างยิ้มๆ เพราะตอนนี้เธอมีแค่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเขาคลุมร่างอยู่ตัวเดียว ตัวเดียวจริงๆ“ดีขึ้นหรือยังหนูไอ” แววตากับน้ำเสียงที่ถามมาดูห่วงใยและจริงใจ จนคนที่ถูกถามรู้สึกได้“ค่ะ”ธีร์ภาณุขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง แล้วเดินตรงมาที่ไอรัก หญิงสาวถอยหลังกรูด“พี่ธีร์หยุดนะ จะทำอะไรน่ะ” ไอรักพูดเสียงดังหลับตาปี๋ พร้อมกับยกมือขึ้นและเหยียดแขนสุดเป็นการปกป้องตัวเอง ชายหนุ่มหัวเราะร่วนทกับคำพูดและท่าทางของหญิงสาว ธีร์ภาณุเดินผ่านเฉียดร่างบาง เขาหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นมาดื่ม เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆจากธีร์ภาณุ ไอรักจึงค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วหันหน้าหันหลัง ก่อนจะถอยไปสองสามก้าวเพื่อทิ้งระยะห่างระหว่างตัวเองและชายหนุ่ม“เห็นพี่เป็นคนบ้ากามหรือไง ถึงได้ทำท่าทางอย่างนั้น” ไอรักเอียงหน้าหลบสายตาแล้วเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง“ยิ่งกว่าบ้ากามอีกเหอะ คนลามก” ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของไอรัก“คืนนี้พี่คงเคลียร์งานอีกน
ไอรักนอนคว่ำหน้าใช้หมอนทับศีรษะแล้วปิดหูทั้งสองข้าง หญิงสาวไม่อยากได้ยินเสียงของคนข้างนอกเลย ยิ่งในสถานที่เดียวกันกับที่เกิดเหตุการณ์ชวนหัวใจเต้นรัวเมื่อคืนวันก่อน เธอยิ่งไม่อยากจะเห็นหน้าเขาเสียด้วยซ้ำไปถ้าเพียงแต่ไอรักจะจำได้ว่า เมื่อคืนวันก่อนที่เธอล็อกประตูแน่นหนา แต่ธีร์ภาณุก็ยังเปิดประตูเข้าไปได้ เพราะมีกุญแจสำรองประตูทุกบานในบ้าน หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงใหญ่คงจะระวังตัวมากกว่านี้“ขอนอนด้วยคนนะครับ” ธีร์ภาณุพูดเบาๆเขาไขกุญแจห้องเข้ามาเหมือนเดิม หลังจากที่ต้องทนนอนขดตัวและเหน็บหนาวที่โซฟาอยู่ร่วมสองชั่วโมง ชายหนุ่มค่อยๆล้มตัวลงนอนข้างคนตัวเล็กที่หลับไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แถมยังไม่ทันไรหลังจากชายหนุ่มนอนลงข้างๆ เธอยังเบียดกายเข้ากับแผงอกกว้างโดยไม่รู้ตัว ทำเอาชายหนุ่มที่พยายามนอนท่องพุทโธอยู่ในใจเริ่มควบคุมตัวเองได้ยากยิ่งขึ้น ก็คนตัวเล็กช่างนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นออกปานนี้ธีร์ภาณุใช้แขนกอดกระชับร่างบางเบาๆ ก่อนจะก้มลงหอมแก้มนวลอย่างทะนุถนอมซ้ำๆอยู่หลายครั้ง เขายิ้มในความมืดสลัว แต่คนที่ถูกขโมยหอมแก้มนวลกลับใช้มือปัดป่าย ราวกับว่ามีแมลงม
“หนูไอไม่แต่งค่ะคุณแม่ มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะคะ แล้วหนูไอก็ไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นด้วย” ไอรักพูดเสียงดังอย่างโมโห “แต่หนูไอก็น่าจะรู้ว่าไม่มีใครขัดใจป๊าได้นะลูก”มารดาพยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว ที่ตอนนี้นั่งชักสีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก อยู่บนเตียงนอนของตนเอง “แล้วอีกอย่าง ถึงตอนนี้ไม่ได้รัก เดี๋ยวอยู่ๆ กันไปก็รักกันเองแหละลูก”ไอรักหันขวับจ้องมองมารดาอย่างเอาเรื่อง “ไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ หนูไอมีแฟนแล้ว หนูไอโตแล้วนะคะ บรรลุนิติภาวะแล้ว หนูไอไม่ยอม”ไอรักยอมโกหกว่ามีแฟนเพื่อเอาตัวรอดผู้เป็นมารดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจเต็มที เดินเข้าไปกอดลูกแล้วลูบศีรษะเบาๆ“หนูไอ...แม่เข้าใจเหตุผลของลูกทุกอย่าง แต่มีเหตุผลหนึ่งที่หนูไอลืมไปหรือเปล่า?” ไอรักหันกลับมามองหน้ามารดาก็พบสายตาที่อ่อนโยนแต่จริงจัง “ความเหมาะสมไงจ๊ะ ผู้ชายคนที่ป๊าเลือกให้ เป็นเจ้าของไร่อ้อยพันกว่าไร่ทางภาคตะวันตก และครอบครัวของเขาก็มีกิจการท่าข้าวที่มีส่วนในการเอื้อกับธุรกิจของเรา แม่ไม่อยากบังคับหนูไอ แต่แม่รู้ว่าหนูไอจะเข้าใจความหวังดีของป๊ากับแม่ และเข้าใจคำว่าความเหมาะสมนะ” หญิงสาวนิ่งเงียบกับเหตุผลที่ได้ฟัง ใช่
“วันนี้พี่เขาจะพาหนูไอไปหาลุงธงกับคุณป้าที่บ้าน เพื่อจะได้เป็นการดูตัวทั้งสองฝ่าย เพราะพี่เขาก็มาแนะนำตัวกับบ้านเราแล้ว หนูไอก็ต้องไปแนะนำตัวกับบ้านโน้นด้วย ตอนแรกป๊าว่าจะพาไปเอง แต่ตาธีร์เขาอาสามารับ ป๊าก็เลยว่า ดีเหมือนกัน ป๊าแก่แล้วขี้เกียจนั่งรถนานๆ เอาไว้เจอกันรวมญาติทีเดียวในงานแต่งเลยดีกว่า ฮ่าๆ” ไอรักนิ่งอึ้ง นึกไม่ถึงว่าจะถูกจู่โจมรวดเร็วขนาดนี้ “แต่...แม่คะ” ไอรักพยายามหาตัวช่วย หากแต่มารดากลับนิ่งเงียบ เพราะถือว่าเมื่อเช้าได้อธิบายไปหมดทุกอย่างแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของพ่อลูกจะต้องคุยกันเอง “ป๊าคะ” ไอรักกลืนน้ำลายลงคอ กำลังคิดว่าเหตุผลที่เธอคิดไว้ ที่จะมาใช้ปฏิเสธครั้งนี้จะรุนแรงไปหรือเปล่า เธอนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสิน ใจโพล่งออกมาว่า “ป๊าคะ แม่คะ หนูไอมีแฟนแล้วค่ะ” เสี่ยอินชะงักมือที่ถือช้อนข้าวต้มค้างไว้ แล้วมองหน้าบุตรสาวก่อนจะพูดว่า “ก็แค่แฟน มีแล้วก็เลิกได้ เอาเป็นว่าวันนี้กินข้าวเช้าเสร็จ หนูไอก็เดินทางไปกับพี่เขาเลยนะ” ไอรักอ้าปากเหวอ ไม่ได้เธอจะยอมไม่ได้ “แต่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วนะคะป๊า” ได้ผล! ทุกคนนิ่งเงียบ ไอ
“ฉันอะไร ต้องเรียกตัวเองว่าหนูไอสิ พี่ว่าเราเรียกกันแบบนี้ดูสนิทสนมกันดีนะ” ไอรักสูดหายใจเข้าปอดยาวๆก่อนจะผ่อนออกอย่างยากเย็น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ เพราะคิดว่าถ้าพูดกับชายหนุ่มดีๆ เขาอาจจะเปลี่ยนใจกลับไปส่งเธอที่บ้านก็ได้“พี่ธีร์คะ หนูไอมีสามีแล้ว พี่ธีร์ไม่อายคนอื่นเค้าเหรอที่จะถูกตราหน้าว่าไปแย่งภรรยาของคนอื่นเค้ามา” ธีร์ภาณุไม่ได้หันมามองหน้าไอรัก แต่กลับพูดขึ้นว่า “พี่บอกหนูไอแล้วไงว่าพี่ไม่ถือ แล้วอีกอย่างหนูไอก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับใคร ตามกฎหมายแล้วถือว่าหนูไอยังโสด นั่นก็แปลว่าพี่ไม่ได้ไปแย่งภรรยาของใคร” ไอรักควันออกหูกับคำตอบที่ได้ “คุณธีร์ภาณุ นี่เราพูดกันดีๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม คุณไม่เข้าใจเลยว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วจะมาแต่งงานกันได้ยังไง ฉันชอบสีอะไร ชอบทานอะไร ชอบดูหนังประเภทไหน คุณรู้ไหม...มันเป็นสิ่งที่คนที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันต้องรู้ ถ้าเราแต่งงานกันไปชีวิตคู่ของเราต้องไปไม่รอดแน่ๆ”“อย่างน้อยพี่ก็รู้ว่าหนูไอไซซ์สามสิบสี่คัพซี” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะปรายตามองไอรัก หญิงสาวโกรธจนหน้าแดง เริ่มคิดได้ว่าตอ
“ปล่อยนะ คุณจะมาฉวยโอกาสทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” ธีร์ภาณุนิ่งเงียบ จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโต ผู้คนที่สัญจรไปมามองอย่างสนใจใคร่รู้...เรื่องของชายหนุ่มตัวโตกับหญิงสาวตัวเล็ก ที่กำลังกอดรัดกันอยู่ข้างถนน อีกฝ่ายดิ้นรนขัดขืนอีกฝ่ายกลับกอดรัดไว้แน่นอย่างจงใจ ไอรักเพิ่งสังเกตใบหน้าของชายหนุ่มในระยะชิดใกล้ แววตาจริงจังคิ้วเข้ม ใบหน้าสะอาดสีเข้มเล็กน้อยอย่างคนทำงานกลางแจ้ง มีไรของหนวดเคราขึ้นบางๆ จมูกโด่งรับกับใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากหนาได้รูปเวลาขยับพูดก็ดูแล้วเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์อยู่เหมือนกันนะ นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ ไอรักสะบัดหน้าไล่ความคิดที่ไม่ได้เรื่องของตนเองออกไป เชิดหน้ามองชายหนุ่มอย่างถือดี ไม่ได้รู้เลยว่าใบหน้านวลผ่อง พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ แววตากลมโตกับจมูกรั้นนิดๆ และริมฝีปากบางของเธอ จะทำให้คนที่จ้องมองมาต้องถอนหายใจ เพราะต้องควบคุมตัวเองที่จะไม่ล่วงเกินเธอ ในขณะที่ยังไม่ถึงเวลา ต่างคนต่างจ้องตากันอย่างเอาเรื่อง “หนูไอ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้” ธีร์ภาณุออกคำสั่งอย่างหัวเสีย เขาเริ่มเหนื่อยกับความดื้อรั้นของไอรัก หรือจะสั่งสอนตามแบบของเขาสักครั้งให้หลาบจำไปเลยดีไหมนะ
ธีร์ภาณุถอนหายใจ มองดูหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้ม เวลาที่เธอหลับตาก็ดูน่ารักดีอยู่หรอก บางทีถ้าปรับความเข้าใจกันได้ และถ้าเขากับเธอได้คุยกันดีๆ มากกว่าการพูดหนึ่งคำแต่เถียงกันซะสามคำแบบนี้ อะไรก็คงจะดีขึ้น จะทำอย่างไรดีล่ะ ธีร์ภาณุยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคิดแผนการบางอย่างได้ เขาขับรถต่อไปเรื่อยๆอย่างอารมณ์ดี เมื่อถึงทางแยกก่อนจะถึง ‘ท่าข้าวธงชัย’ ชายหนุ่มหักพวงมาลัยรถเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่มีป้ายบอกทางไป... ‘ไร่แสงตะวัน’ โดยที่คนนอนหลับอยู่ข้างๆไม่ได้รู้ตัวเลยว่า จุดหมายปลายทางได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว“หนูไอตื่นได้แล้วครับ ถึงแล้ว” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ดังอยู่ข้างหู ปลุกไอรักให้ตื่นจากการหลับใหล “ถึงบ้านคุณลุงแล้วหรือคะ” ไอรักพูดพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นมอง ไปข้างหน้าแล้วก็หันมองรอบข้าง สุดท้ายหันไปจ้องตาผู้ชายตัวโต ที่ยืนอมยิ้มและจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว “นี่มันที่ไหน คุณพาฉันมาที่ไหนเนี่ย” เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็เริ่มก่อสงครามประสาทโวยวายทันที “ไร่แสงตะวัน” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเปิดประตูก้าวลงจากรถ เขายืนบิดร่างกายเพื่อไล่ความเมื่อยที่นั่งขับรถมาเป็นเวลานาน ไอ
เมื่อเข้ามาถึงภายในบ้าน เธอจึงรู้ว่าประตูและหน้าต่างบานใหญ่แต่ละบานเป็นกระจกบานเลื่อน ผ้าม่านสีขาวนวลส่งผลให้ภายในบ้านแลดูสว่าง มีประตูด้านหนึ่งของบ้านเชื่อมต่อกับระเบียงกว้างๆที่มีโต๊ะกลมสีขาว พร้อมกับเก้าอี้อีกสองตัว มองเลยผ่านไปเห็นทิวเขาเป็นแนวอยู่ไกลๆ ไอรักเดินไปที่ระเบียงสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆแล้วผ่อนออกช้าๆ หญิงสาวคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองในวันนี้ นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า เมื่อเช้าเธออยู่ที่บ้านของตนเอง แต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วทำไมเธอต้องมาที่นี่ด้วย เพราะอีตาธีร์ภาณุนั่นคนเดียว อยากจะร้องไห้เสียจริงๆ อยากจะบอกป๊าให้ได้รู้ว่า เจ้าบ่าวที่ป๊าเลือกให้ไม่ได้ถูกใจลูกสาวคนนี้เลยสักนิด“นายหญิงคะ เชิญข้างในเถอะค่ะ ย่างเข้าหน้าหนาวอย่างนี้พอแดดร่มลมตกอากาศจะเย็นมาก วันนี้ลมหนาวพัดแรง เดี๋ยวจะไม่สบายได้นะคะ” ป้าบัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ค่ะป้าบัว” ไอรักเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเธอไม่อยากจะพูดอะไร ตอนนี้เธออยากพักผ่อน“ป้าเตรียมน้ำอุ่นให้แล้ว นายหญิงอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาทานข้าวนะคะ ป้าจะทำกับข้าวให้สุดฝีมือเลยค่ะ ห้องน้ำอยู่ทางด
ไอรักนอนคว่ำหน้าใช้หมอนทับศีรษะแล้วปิดหูทั้งสองข้าง หญิงสาวไม่อยากได้ยินเสียงของคนข้างนอกเลย ยิ่งในสถานที่เดียวกันกับที่เกิดเหตุการณ์ชวนหัวใจเต้นรัวเมื่อคืนวันก่อน เธอยิ่งไม่อยากจะเห็นหน้าเขาเสียด้วยซ้ำไปถ้าเพียงแต่ไอรักจะจำได้ว่า เมื่อคืนวันก่อนที่เธอล็อกประตูแน่นหนา แต่ธีร์ภาณุก็ยังเปิดประตูเข้าไปได้ เพราะมีกุญแจสำรองประตูทุกบานในบ้าน หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงใหญ่คงจะระวังตัวมากกว่านี้“ขอนอนด้วยคนนะครับ” ธีร์ภาณุพูดเบาๆเขาไขกุญแจห้องเข้ามาเหมือนเดิม หลังจากที่ต้องทนนอนขดตัวและเหน็บหนาวที่โซฟาอยู่ร่วมสองชั่วโมง ชายหนุ่มค่อยๆล้มตัวลงนอนข้างคนตัวเล็กที่หลับไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แถมยังไม่ทันไรหลังจากชายหนุ่มนอนลงข้างๆ เธอยังเบียดกายเข้ากับแผงอกกว้างโดยไม่รู้ตัว ทำเอาชายหนุ่มที่พยายามนอนท่องพุทโธอยู่ในใจเริ่มควบคุมตัวเองได้ยากยิ่งขึ้น ก็คนตัวเล็กช่างนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นออกปานนี้ธีร์ภาณุใช้แขนกอดกระชับร่างบางเบาๆ ก่อนจะก้มลงหอมแก้มนวลอย่างทะนุถนอมซ้ำๆอยู่หลายครั้ง เขายิ้มในความมืดสลัว แต่คนที่ถูกขโมยหอมแก้มนวลกลับใช้มือปัดป่าย ราวกับว่ามีแมลงม
“อุ๊ย! พี่ธีร์” หญิงสาวหดแขนลงกอดลำตัวอย่างรวดเร็ว เธอทำตัวไม่ถูกเมื่อหันไปสบสายตากับคนที่นั่งมองอยู่อย่างยิ้มๆ เพราะตอนนี้เธอมีแค่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเขาคลุมร่างอยู่ตัวเดียว ตัวเดียวจริงๆ“ดีขึ้นหรือยังหนูไอ” แววตากับน้ำเสียงที่ถามมาดูห่วงใยและจริงใจ จนคนที่ถูกถามรู้สึกได้“ค่ะ”ธีร์ภาณุขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง แล้วเดินตรงมาที่ไอรัก หญิงสาวถอยหลังกรูด“พี่ธีร์หยุดนะ จะทำอะไรน่ะ” ไอรักพูดเสียงดังหลับตาปี๋ พร้อมกับยกมือขึ้นและเหยียดแขนสุดเป็นการปกป้องตัวเอง ชายหนุ่มหัวเราะร่วนทกับคำพูดและท่าทางของหญิงสาว ธีร์ภาณุเดินผ่านเฉียดร่างบาง เขาหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นมาดื่ม เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆจากธีร์ภาณุ ไอรักจึงค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วหันหน้าหันหลัง ก่อนจะถอยไปสองสามก้าวเพื่อทิ้งระยะห่างระหว่างตัวเองและชายหนุ่ม“เห็นพี่เป็นคนบ้ากามหรือไง ถึงได้ทำท่าทางอย่างนั้น” ไอรักเอียงหน้าหลบสายตาแล้วเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง“ยิ่งกว่าบ้ากามอีกเหอะ คนลามก” ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของไอรัก“คืนนี้พี่คงเคลียร์งานอีกน
“นายหญิง!” ลุงมิ่งอุทานขึ้นเสียงดัง ธีร์ภาณุหันขวับมองหน้าลุงมิ่งด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังกลุ่มคนงาน ทุกคนหลีกทางให้เจ้านายหนุ่มได้มองเห็นร่างบางที่นอนไม่ได้สติอย่างชัดเจน“หนูไอ!” ธีร์ภาณุเรียกชื่อไอรักอย่างตกใจชายหนุ่มนั่งคุกเข่าลงแล้วใช้มือทั้งสองข้างช้อนร่างบางขึ้นมาแนบอก ลำแขนแข็งแรงกอดกระชับร่างของไอรักไว้แน่น“หนูไอ หนูไอ” ธีร์ภาณุพยายามเรียกชื่อไอรัก โดยหวังว่าหญิงสาวจะรู้สึกตัว“นายเล็กครับ น้ำครับ” ลุงมิ่งยื่นกระบอกน้ำเย็นให้ธีร์ภาณุ ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนวางร่างบาง โดยให้ศีรษะวางอยู่บนตักของตัวเอง ก่อนจะเทน้ำใส่มือแล้วลูบตามใบหน้าของหญิงสาว“เฮ้ย! ไปๆถอยออกไปให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกกว่านี้” ลุงมิ่งส่งเสียงดังบอกคนงานให้ถอยออกไป คนงานทุกคนจึงแยกย้ายกันเดินห่างออกไป และต่างก็สงสัยว่าผู้หญิงสวยคนนี้เป็นใคร ทำไมผู้เป็นนายของไร่แสงตะวันถึงได้ดูเป็นห่วงเป็นใยมากมายนัก อาจเป็นเพราะไอรักเพิ่งเข้ามาอยู่ในไร่ และธีร์ภาณุเองก็ยังไม่ได้แนะนำให้คนงานรู้จัก เมื่อเห็นเจ้านายผู้เข้มงวด แต่กลับปฏิบัติอย่างอ่อนโยนกับหญิงสาว ลูกน้องก็เลยพาลสงสัยสถ
ลุงมิ่งเปิดประตูรถข้างคนขับออก แต่ยังไม่ทันได้ขึ้นนั่งบนรถ เสียงเรียกของคนงานหนุ่มก็ดังขึ้น ทำให้ลุงมิ่งหันไปมองที่มาของเสียง“ลุงมิ่งๆ” คนงานวิ่งกระหืดกระหอบมา เมื่อวิ่งมายืนอยู่ตรงหน้าลุงมิ่ง เขาก็หอบเสียจนตัวโยน“อ้าว! ไอ้ยอด มีอะไรหรือเปล่าวิ่งซะหน้าตั้งมาเชียว” ลุงมิ่งถามอย่างใจเย็น“เกิดเรื่องใหญ่แล้วลุง ไฟไหม้ไร่อ้อยแปลงริมสุดตรงท้ายไร่โน่น” คนงานหนุ่มรายงานพร้อมกับชี้ไปทางท้ายไร่ ลุงมิ่งตกใจตาเบิกโพลง เมื่อหันไปมองตามที่คนงานหนุ่มบอก“ตายล่ะหว่า! แล้วมีใครไปดูหรือยัง” ลุงมิ่งถามอย่างร้อนใจ“พวกเราไปช่วยกันบางส่วนแล้วล่ะ ฉันมารายงานให้ลุงรู้จะได้แจ้งนายเล็กถูก เดี๋ยวฉันต้องขอตัวไปช่วยพวกนั้นก่อนนะ นี่ก็ขับรถมารับคนงานอีกกลุ่มหนึ่งจะได้ไปช่วยกัน” คนงานหนุ่มพูดจบก็วิ่งไปขึ้นกระบะรถอีกคันที่จอดอยู่ไกลจากตัวบ้านพอสมควรลุงมิ่งเดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้าน ชายแก่กำลังตัดสินใจว่าจะปลุกเจ้านายหนุ่มดีหรือไม่ เพราะเมื่อคืนกว่าธีร์ภาณุจะได้พักผ่อนก็เกือบเช้า แล้วนี่ยังจะมาเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนซ้ำอีก“เอาวะยังไงก็ต้องบอกล่ะ” ชายแก่ตัดสินใจเ
“โอเคจ้ะ พี่หนูไอขับรถไปโกดังคนเดียวก็ได้ น้อยหน่าไปกับลุงมิ่งเถอะจ้ะ” น้อยหน่ายิ้มกว้างโบกมือลาไอรัก แล้วหันหลังวิ่งไปขึ้นรถกระบะ“ผมไปก่อนนะครับนายหญิง”รถกระบะสีขาวกลับรถเพื่อมุ่งหน้าเข้าไร่แสงตะวันในเส้นทางเดิม ไอรักเริ่มบังคับรถออกตัวอย่างช้าๆไปอีกทางหนึ่งของไร่ เพราะไม่อยากขับรถผ่านบ้านหลังเล็กที่เจ้าของไร่อยู่นั่นเอง หญิงสาวจำทางในไร่ได้พอสมควร จากการที่เคยขับรถมาสำรวจไร่กับน้อยหน่าเมื่อครั้งก่อน และทางก็ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ไอรักจึงไม่กังวลใจที่ต้องขับรถมาคนเดียว ตอนแรกไอรักคิดว่าจะใช้รถคันนี้ขับหนีออกจากไร่แสงตะวัน แต่ดูอาการของรถแล้วน่าจะไปไม่รอด เธอจึงตัดสินใจที่ขับรถไปไว้ในโกดังตามที่ตกลงกับลุงมิ่งไอรักขับรถไปตามทางที่คดเคี้ยวเล็กน้อย และขับอย่างช้าๆ เพื่อความปลอดภัยในการขับรถบนเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน เพราะถนนในไร่บางแห่งก็มีหลุมขนาดใหญ่ ถ้าขับเร็วมากอาจจะเกิดอันตรายได้ขณะที่หญิงสาวบังคับรถไปตามทางอย่างระมัดระวังนั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างของใครสองคน กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ข้างทางใกล้ๆกับแปลงอ้อย ซึ่งอยู่ห่างจากไอรักในระยะที่มองเห็นหน้าไม่ช
“อืม...”เจ้าสัวส่งเสียงงึมงำในลำคอ ละสายตาจากไทธรณ์ก้มลงทานข้าวต้มเงียบๆ ราวกับว่าไม่มีเขานั่งอยู่ตรงนั้น ครู่เดียวถ้วยกาแฟหอมกรุ่นก็ถูกนำมาวางต่อหน้าไทธรณ์“เจ้าสัวครับ คุณย่าครับ”“ว่าไงคุณไท”เจ้าสัวปรีชาวางช้อนลง และกวักมือเรียกเด็กมาเก็บชามข้าวต้ม พร้อมกับทั้งทำสัญญาณมือไล่เด็กรับใช้ทุกคนให้ออกจากบริเวณนั้น“ผมรอฟังอยู่คุณไท”ไทธรณ์รู้สึกว่าหายใจไม่ทั่วท้องไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะไม่แน่ใจว่าถ้อยคำที่เรียบเรียงไว้ในใจ เมื่อพูดออกไปแล้วจะถูกใจเจ้าสัวไหม“ว่ามาสิพ่อไท ย่ากับเจ้าสัวรอฟังอยู่” หญิงชราสำทับอีกครั้ง ทั้งสองจ้องมาที่ไทธรณ์เพื่อรอฟังอย่างตั้งใจ“ผมเชื่อใจคุณได้ใช่ไหม”“ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายครับเจ้าสัว” ไทธรณ์ย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หลังจากจากที่เขาเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงให้เจ้าสัวปรีชาฟัง หากแต่เจ้าสัวกลับไม่มีท่าทีโมโหอย่างที่เขากลัวไว้แต่แรก“ผมจะให้โอกาสไอ้กฤษณ์ตามที่คุณไทแนะนำ เพราะผมเองก็ไม่อยากมีปัญหากับพวกมีสีเท่าไรนักหรอก แต่ถ้าหากคุณไทรับปากที่จะดูแลแน
“พี่ขอโทษที่ไม่ดูแลแนนให้ดีกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น” น้ำเสียงสำนึกผิดและสายตาที่มองมายังรสิตาทำให้หญิงสาวหัวใจกระตุกวูบ เพราะคนที่ผิดน่าจะเป็นเธอมากกว่าที่เป็นคนเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนนั้นไทธรณ์ขยับเข้าใกล้รสิตา หญิงสาวกระชับผ้าห่มในมือแน่นโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มยิ้มกับอาการนั้น มือหนาปัดปอยผมที่ระหน้าผากมน มองหญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่นและห่วงใย ก่อนจะดึงร่างบางนุ่มนิ่มเข้ามากอดแนบอกกว้าง รสิตาเอนซบอย่างไม่เกี่ยงงอน“ขอบคุณมานะคะที่ช่วยแนนไว้” เสียงหวานพึมพำอยู่กับแผงอกกว้าง“เป็นหน้าที่ของพี่ที่จะต้องดูแลแนนด้วยชีวิตของพี่เอง พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายแนนได้อีก” ชายหนุ่มหญิงสาวกระชับอ้อมกอดเพื่อถ่ายทอดความรักให้กันและกัน“ไปอาบน้ำก่อนไหมครับ เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้าน ป่านนี้เจ้าสัวปรีชาพลิกแผ่นดินหาแล้วล่ะ ลูกสาวหายไปทั้งคืนอย่างนี้”“เอ่อ...”“พี่เตรียมชุดไว้ในห้องน้ำให้แล้ว ไปอาบน้ำเถอะครับร่างกายจะได้สดชื่น” ไทธรณ์ส่งยิ้มอบอุ่นให้รสิตา แต่แววตาของหญิงสาวก็ยังบ่งบอกถึงความลังเล“พี่จะหันหลังให้ โอเคไหมครับ” ไทธร
“เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะว่าอะไรนะคะ รถคันนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าสภาพไม่ดี แล้วจะมาว่ากันมันก็ไม่ถูกนะคะ” ไอรักพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ“นายเล็กหวงรถคันนี้มากค่ะพี่หนูไอ ลุงมิ่งไม่น่าขับมาเลย”“บ๊ะ! เอ็งนี่ ใครจะไปอยากให้มันพังล่ะวะ ก็ข้ารีบมาเอาเอกสารให้นายเล็ก เห็นรถคันนี้จอดอยู่ใกล้ๆข้าก็รีบขับมา เดี๋ยวพอนายเล็กตื่นขึ้นมาเอกสารยังไม่ถึงมือ ข้าจะโดนว่าเอาได้ เฮ้อ!แต่ดันมาทรยศเอาซะได้” พูดจบลุงมิ่งก็ถอนหายใจพร้อมกับส่ายศีรษะ“งั้นลองให้พี่หนูไอขับดูไหมล่ะลุง รถคันนี้พี่หนูไอก็เคยขับได้นะ” น้อยหน่าพูดขึ้นพร้อมกับดึงแขนไอรักเบาๆ ด้วยสายตาละห้อย“นะ...พี่หนูไอ ถือว่าช่วยลุงมิ่งนะคะ นี่ถ้าเอางานไปให้นายเล็กไม่ทันก่อนตื่นล่ะก็ ลุงมิ่งต้องโดนเอ็ดแน่ๆเลย แล้วนายเล็กก็ต้องหักเงินเดือนลุงมิ่ง หรือไม่ก็อาจจะไล่ออก เพราะทำงานไม่เสร็จตามสั่ง” น้อยหน่าพูดพร้อมกับหันไปขยิบตาให้ลุงมิ่ง ไอรักนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากขอกุญแจกับลุงมิ่ง แล้วเดินไปที่รถจี๊ปที่จอดอยู่ใกล้ๆไอรักขึ้นนั่งประจำที่คนขับ แล้วเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ ครั้งที่หนึ่งรถไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ไอรักหันไปมอ
“อากาศดีจัง เอ๊ะ!มีต้นดอกปีบด้วย” ไอรักอุทานเบาๆก่อนจะก้าวลงจากศาลาทรงไทย แล้วสาวเท้าเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ใบเขียวครึ้ม มีดอกสีขาวเป็นช่ออยู่เต็มต้น บริเวณใต้ต้นของมันมีดอกหล่นอยู่เต็มไปหมด สีขาวโพลนของดอกปีบที่ตัดกับสีเขียวเข้มของใบหญ้า ทำให้ดอกดูเด่นชัดยิ่งขึ้น ยิ่งเดินเข้าใกล้ไอรักก็ยิ่งได้กลิ่นหอมของมันที่ใต้ต้นปีบหญิงสาวนั่งลงกับพื้นสนามหญ้า และเก็บดอกปีบทีละดอกไว้ในมือพร้อมกับรอยยิ้ม ดอกปีบมีสีขาว ก้านดอกยาวประมาณสองนิ้ว และมีกลีบดอกสีขาวประมาณสี่ห้าแฉกเพียงชั้นเดียวบานอยู่ตรงปลายก้านดอก เป็นดอกไม้ที่ไอรักชอบมากเพราะมีกลิ่นหอมเย็นแบบไทยๆ หญิงสาวเก็บดอกปีบหลายดอกไว้ในกำมือ แล้วยกขึ้นดมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด“หอมจังเลย” ไอรักเผลอยิ้มให้กับบรรยากาศตอนสายกับดอกไม้หอมที่ชื่นชอบ ก่อนจะตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงแหลมเล็กๆ“พี่หนูไอคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองไปทางเสียงเล็กๆที่ได้ยิน ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับเจ้าของเสียง“อ้าว! น้อยหน่า” เด็กหญิงน้อยหน่าวิ่งหน้าตั้งกระหืดกระหอบตรงไปหาไอรัก แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ“เป็นไงบ้างหายดีแล้วเหรอ พี่มัวแต่ยุ่งๆเรื่องโน้นเ