“เถ้าแก่ กำไลนี่ ได้สักเท่าไหร่ อย่าโก่งราคานะ ไม่งั้นข้าจะตัดนิ้วเจ้า”
“ขอรับๆ แหม คุณหนูอย่าใจร้อน ขอข้าดูหน่อยสิ”
เถ้าแก่รับกำไลหยกขาวเนื้อดีนั้นไปดูก่อนจะตีราคามาให้
“ห้าร้อยตำลึง”
“อะไรกัน นี่มันหยกขาว หายากราคาแพงเถ้าแก่ อย่างน้อยๆ หากข้าเอาไปให้เถ้าแก่เถาที่ร้านตรอกข้าหน้า อย่างน้อยๆ เขาน่าจะให้ข้าสัก สองพันตำลึง เอาแบบนี้ หากท่านไม่เอา ข้าไปขายให้เขาสักพันห้าก็แล้วกัน”
“แม่นางๆๆ เดี่ยวๆ แหะๆๆ อย่าพึ่งใจร้อนซี่ นะๆ ใจเย็นๆ ใจร่มๆ เมื่อครู่ข้าอาจจะตรวจดูไม่ถี่ถ้วน เอาแบบนี้ ในฐานะที่เราค้าขายกันมานาน ข้าให้เจ้า พันสามร้อยตำลึง เต็มที่แล้ว ห้ามต่อรอง”
“เฮ้อ เถ้าแก่ เห็นว่าเป็นท่านหรอกนะ ข้าก็ไม่อยากไปผูกมิตรกับร้านอื่น ของดีๆ ข้าก็เอามาให้ท่านก่อน ก็ได้ๆ พันสามร้อย จ่ายสดเท่านั้นนะ”
“รู้แล้วๆ เอานี่เงินของแม่นาง แล้ววันหลังอย่าลืมนะ มีของดีมาแวะหาข้าก่อน”
“ได้ๆ ข้าไปล่ะ”
“หยกขาว หึหึ อย่างน้อยต้องขายต่อได้สักสองหรือสามพันล่ะ เนื้องามจริงๆ”
ไป๋ซินเหยาเดินออกมาจากร้านรับซื้อและจำนำสินค้า ก่อนจะหอบเงินเดินไปตามทาง นางมิได้ต้องการเงินมากมายขนาดนั้น และนางก็รู้ว่าสินค้าแต่ละอย่างมีค่าเท่าใดก่อนเอามาขาย เพียงแต่เถ้าแก่มักจะเอาไปหลอกขายให้บรรดาเศรษฐีใหม่และผู้มั่งมีที่ดูของไม่เป็น จนได้กำไรเพิ่มมากขึ้นก็เท่านั้น
“เถ้าแก่เจียง ยาที่ข้าสั่งเอาไว้ได้หรือยังเจ้าคะ”
“อ้าว อาไป๋ ได้แล้วๆ เอานี่ ข้าฝากนี่ไปให้ท่านแม่เจ้าด้วยนะ ให้นางดื่มบำรุง อย่าดื่มมากไป ค่อยๆ จิบ จะเอาผสมในน้ำชาก็ได้ ช่วงนี้ใกล้หน้าฝนแล้ว ช่วยบรรเทาอาการไอของนางได้ด้วย”
“ขอบคุณเถ้าแก่เจ้าค่ะ นี่ค่ายา”
“อาไป๋ ทำไมมันมากขนาดนี้เล่า ยาแค่ สองร้อยตำลึงเอาคืนไปๆ”
“แต่ยาหอบพวกนี้อีกล่ะเจ้าคะ”
“เอาไปให้พวกเขาเถิด พวกคนอพยพยังต้องใช้ ถือว่าข้าช่วยทำบุญนะ”
“เถ้าแก่ ข้าขอบคุณท่านแทนพวกเขาด้วยเจ้าค่ะ”
“เจ้ารีบกลับบ้านเถอะ ป่านนี้แม่เจ้าเป็นห่วงแย่แล้ว”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณเถ้าแก่เจียง”
ทางกลับบ้าน นางต้องเดินผ่านจวนสกุลหลิว ที่นั่นคือจวนท่านอ๋องหลิว ซึ่งก็คือบิดาของนาง ก่อนที่นางจะเดินผ่าน นางเห็นมีรถม้าที่คุ้นตาจอดอยู่หน้าจวน
“นั่นมัน เจ้าหน้าขาวที่ช่องเขามิใช่หรือ มาทำอะไรที่นี่”
เขาเดินลงจากรถม้า ไป๋ซินเหยาเดินสวนกับเขาที่ปากทางเข้าจวนอ๋องหลิว และคนของจวนอ๋องก็ได้เปิดประตูต้อนรับคณะเดินทางจากเมืองหลวงเข้าไปด้านใน
“คุณชายลู่ เชิญขอรับ ท่านอ๋องรออยู่ด้านในขอรับ”
“ขอบคุณพ่อบ้าน”
หลิวอ๋องนั่งรออยู่ที่ห้องโถง เขาเห็นว่าแขกเดินเข้ามาแล้วเขาจึงลุกไปต้อนรับ และผู้ที่เดินเข้ามารีบกล่าวทักทาย
“ข้าน้อยลู่จื่อหยางคารวะท่านอ๋อง”
ผู้ที่ถูกคารวะถึงกับรีบชักมือกลับ ก่อนจะตอบกลับไป
“เอ่อ คุณชายลู่ ตามสบาย เชิญนั่งก่อน”
“ขอบคุณท่านอ๋อง”
เขานั่งจิบชาไปสักพักจึงได้แจ้งเรื่องสำคัญที่มาถึงเจียงหยาง
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยมิทราบว่า ท่านอ๋องพอจะทราบแล้วหรือไม่ว่าที่องค์ไท่จื่อส่งข้ามาเพราะเรื่องใด”
“ข้าพอทราบแล้ว คุณชายลู่ ต้องการให้ข้าจัดการธุระเรื่องใดก็เชิญแจ้งได้เลย”
“องค์ไทจื่อจะเสด็จมาที่นี่ในอีกสิบห้าวันข้างหน้า เพื่อมาประจำการที่เจียงหยาง ดังนั้น เรื่องสำคัญอีกเรื่องก็คือ การเลือกคู่สมรส ฝ่าบาทมีรับสั่งให้องค์ไท่จื่อรับพระสนม หากถูกใจจะตั้งเป็นพระชายาองค์รัชทายาทเลยก็ย่อมได้”
“ข้าทราบแล้ว เพียงแต่ว่า เรื่องนี้ องค์ไท่จื่อมิใช่ว่าต้องการเลือกด้วยตัวเองหรอกหรือ”
“ใช่ขอรับ พระองค์เลยให้ข้ามาก่อน เพื่อคัดเลือกหญิงงาม ท่านจงเร่งจัดเตรียมงานเลี้ยงเพื่อให้บรรดาหญิงงามมารวมตัวกัน ก่อนที่องค์ไท่จื่อจะเสด็จมาถึงเถิด”
“ข้าทราบแล้ว อีกสามวัน ข้าจะจัดงานงานเลี้ยงขึ้น เชิญหญิงงามในเจียงหยางมาร่วมงานเพื่อให้ท่านคัดเลือก”
“ดี เรื่องนี้ ข้าคงต้องรบกวนท่านอ๋องแล้ว” …
“ท่านแม่ ข้าได้ยามาแล้วเจ้าค่ะ ป้าฝู นี่เจ้าค่ะ ข้าไปจ่ายตลาดมาด้วย”“คุณหนู โห ช่างมากมายเหลือเกินเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะให้อามู่ต้มยาให้ฮูหยินเลยเจ้าค่ะ”“ฝากด้วยเจ้าค่ะ”“อ่อ คุณหนูเจ้าคะ มีคนฝากนี่มาให้ท่านเจ้าค่ะ”“ขอบคุณป้าฝู”นางหยิบจดหมายมา ก่อนที่จะอ่าน“คืนนี้ หอหงอี้ สามีเลวของข้าจะเอาปิ่นทองของข้าไปมอบให้หญิงคณิกา หากเจ้านำมาคืนได้ ข้าพร้อมจ่ายห้าพันตำลึง” “โห ห้าพันเชียวนะ ไม่รับก็โง่แล้ว”“เขาจะไปหานางรำชื่อซู่เนี่ย ห้องส่วนตัว …..เสร็จแล้ว เจ้ามารับเงินที่นี่ ….” “หอหงอี้ คืนนี้เจอกัน”“คุณชาย อาการท่าน …”“ไม่เป็นไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ใดมีสระน้ำเย็น หรืออ่างน้ำเย็นให้แช่ได้บ้าง”“มีหอหงอี้ขอรับ ถ้าเช่นนั้น”“เจ้าไปจองให้ข้าที ขอห้องส่วนตัวนะคืนนี้ข้าจะไปที่นั่น”“ขอรับ”“คุณชาย กลับโรงเตี๊ยมก่อนนะขอรับ”หอหงอี้ไป๋ซินเหยาปลอมตัวเป็นสาวใช้เข้ามาที่นี่ ก่อนที่นางจะได้ยินเสี่ยวเอ้อร์สั่งสาวใช้ ว่าให้ยกไปยังห้องของแม่นางซู่เนี่ย“พี่สาว ข้าช่วยเจ้าเอง เจ้าบอกข้ามาก็พอว่าห้องแม่นางซู่เนี่ยอยู่ที่ใด”“ออ มาใหม่หรือ เจ้าเดินตรงไปสุดทาง ห้องนางอยู่ด้านขวา ระวังล่ะ วันนี้นางมีแข
“หึ น่าสนใจ”“คุณชายขอรับ”“เสี่ยวหลุน เจ้าหาชุดใหม่ให้ข้าทีข้าจะกลับแล้ว”“เอ่อ แต่ว่า...”“เจ้าไม่เข้าใจงั้นหรือ...”“ขอรับ”เขาจัดหาชุดใหม่มาให้เว่ยจื่อหยางก่อนที่เขาจะสวมชุดให้คุณชายเรียบร้อยและออกจากหอนางโลม เสี่ยวหลุนอดที่จะถามไม่ได้“คุณชาย ชุดของท่านเล่าขอรับ”“โดนเอาไปน่ะ”“เป็นไปได้อย่างไรกัน ชุดนั่นอยู่ในห้องอาบน้ำนะขอรับ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”“แต่ว่าคุณชาย แล้วตอนนี้ร่างกายของท่าน…”“ข้าสบายดี สบายมาก ๆเลยล่ะ ไม่เคยรู้สึกตัวเบาแบบนี้มาก่อนเลย”“นี่มันแปลกเกินไปนะขอรับ หรือว่าสระน้ำเย็นที่หอหงอี้นั่น จะสามารถช่วยท่านจากโรคนี้ได้”“หึ ไม่ใช่สระนั่นหรอกแต่เป็นอย่างอื่น ไปกันเถิด”“อย่างอื่น ….”“บ้าจริง เสียรู้จนได้”ไป๋ซินเหยาเดินไปตามทางที่นัดหมายเอาไว้ ก่อนที่จะไปเคาะรถม้า“นี่ของของท่าน”นางรับเข้าไปในรถม้า และยื่นตั๋วเงินห้าพันตำลึงที่ตกลงเอาไว้ให้ออกมาให้ไป๋ซินเหยา“นี่เงินของเจ้า ขอบใจเจ้ามาก”“ไม่เป็นไร ข้าขอตัวก่อน”“ออกรถ”สตรีในรถม้าสั่งให้รถม้าวิ่งออกจากที่นั่นทันที ก่อนที่ซินเหยาจะเดินทางกลับบ้าน พร้อมกับถอดชุดบุรุษที่ตัวหลวมมากสำหรับนางทิ้งในถัง ก่อนจะดึงขึ้นม
“ข้าแต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ชายาเอก ลูกสะใภ้ที่ท่านภูมิใจหนักหนากลับเล่นชู้จนต้องระเห็จออกจวนอ๋องไปมิใช่หรือเจ้าคะ”"ฟิ้วว เพี๊ยะ เพี๊ยะ"“อาเหยา เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ”นางหันไปมองหน้าหลิวอ๋อง ก่อนที่ลู่จื่อหยางจะมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างนึกสนใจแต่เขาไม่พูดอะไร เขาหันไปมองหน้าซินเหยา ที่ตอนนี้ดูเหมือนนางจะโกรธมากจนถึงมากที่สุด สายตาที่มองไปที่ชายาหลิวอ๋องที่ล้มอยู่ที่พื้นนั้นยากจะคาดเดาความรู้สึกได้“หากเจ้ากล้าว่าท่านแม่ข้าอีกแม้คำเดียว เจ้าก็เตรียมตัวจัดงานศพได้เลย”“เพี๊ยะ”“เป่าเฉิง!!” “ท่านอ๋อง โปรดยั้งมือด้วย นางเป็นสตรี”ลู่จื่อหยางมองกลับมาที่ซินเหยา สายตานางที่ว่าน่ากลัวแล้ว ตอนนี้เขาแทบจะบรรยายไม่ออกเลยว่านางรู้สึกเช่นไร ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหานางอย่างลืมตัว“คุณหนูใหญ่ เจ้า..”“ข้าชื่อไป๋ซินเหยา ข้ากับจวนสกุลหลิวมิได้เกี่ยวข้องอะไรกัน ท่านปู่ ขออภัยที่หลานคงมิได้มาร่วมงานด้วยในครั้งนี้ และคงไม่มาเหยียบที่นี่อีก ท่านปู่ รักษาตัวด้วยเจ้าค่ะ”“อาเหยา เดี๋ยว อาเหยา”ซินเหยาเดินออกมาจากจวนโดยมิได้หันกลับไปมองอีก“หึ ในเมื่อพวกเจ้าไม่คิดจะให้เกียรตินาง ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติข้า
“คุณชายลู่ นี่มันจะไม่..”“นางพึ่งมีเรื่องที่จวนอ๋องมา ข้าพอเข้าใจนางได้ขอรับ ฮูหยินไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนมารับนางเองขอรับ เพื่อป้องกันมิให้นางถูกรังแกอีก และป้องกันตัวนางมิให้ถูกลงโทษเรื่องขัดราชโองการด้วย หวังว่าฮูหยินคงเข้าใจ โปรดให้ความร่วมมือกับข้าด้วยขอรับ”“คุณชายลู่มิต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะให้นางไปงานนี้เอง ข้าจะอธิบายให้นางเข้าใจเจ้าค่ะ”“ขอบคุณฮูหยิน เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน”“ท่านแม่ ลูกได้ยาตัวใหม่มาเจ้าค่ะ เจ้าแก่เจียงบอกว่า…นี่ท่านมาทำอะไรที่นี่”นางมองเขาอย่างตกใจ นางไม่ทันเจอพ่อบ้าน จึงไม่มีใครแจ้งนางว่าท่านแม่มีแขก“เหยาเหยา อย่าเสียมารยาทกับคุณชายลู่”“เหตุใดไปไหนก็เจอแต่เจ้าหน้าขาวนี่กันนะ”“คุณหนูใหญ่ เจ้าว่าอย่างไรนะขอรับ”“เปล่าเจ้าค่ะ เห็นว่าท่านจะกลับแล้วนี่เจ้าคะ เชิญเจ้าค่ะ”“เหยาเหยา!!”สายตานางหม่นลงเล็กน้อยเมื่อถูกมารดาดุ ลู่จื่อหยางที่พึ่งเห็นว่านางเจออะไรมาที่จวนอ๋อง และยังกลับบ้านมาเจอท่านแม่ดุอีก เขาจึงรีบบอก“ฮูหยิน ถ้าอย่างไร ให้คุณหนูใหญ่เป็นผู้ไปส่งข้าได้หรือไม่ขอรับ ข้าจะได้พูดกับนางเกี่ยวกับเรื่องวันพรุ่งนี้ด้วย”“ขอบคุณคุณชายลู่ รบกวนท่า
เมื่อเดินออกมาจนพ้นโรงน้ำชาแล้ว ซินเหยาจึงค่อยๆ ดึงมือกลับ ทำเอาลู่จื่อหยางมองกลับไปหานาง ก่อนที่เขาจะถามอย่างใคร่รู้ว่านางไปมีเรื่องอะไรกับคนกลุ่มนั้น“เจ้ามีเรื่องอะไรกับพวกเขางั้นหรือ”“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พวกชอบหาเรื่อง”“ข้ามีเวลาพร้อมจะฟัง แล้วอีกอย่าง งานพรุ่งนี้ หากพวกเขาเข้าร่วมจริง ๆ ข้าก็ต้องหาวิธีป้องกันมิให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เพราะฉะนั้น ซินเหยา เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังเสียดีๆ”นางมองหน้าเขาที่ใช้เหตุผลที่สวยหรูมาบังคับให้นางเล่า ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ นางไม่อยากจำ และลืมไปนานแล้วตั้งแต่ลงจากเขาเซียนซี“ข้าเคยเรียนที่สำนักเพ่ยเฉิง ที่เขาเซียนซีมา แต่ด้วยวิชาบางอย่างที่ข้าฝึกมันไม่เหมือนวิชาที่พวกเขาเรียนรู้ ฟางหรูนางจึงหาเรื่องข้า ให้ข้าแสดงวิชาที่เรียนจากที่อื่นออกมาและใส่ร้ายหาว่าข้าฝึกวิชานอกรีต และฟ้องอาจารย์ให้ขับไล่ข้าออกจากสำนัก”“แต่นางมีสิทธิ์อะไรมาไล่เจ้า แล้ววิชาที่เจ้าฝึก คือวิชาใดกันล่ะ”“สุดท้ายอาจารย์ก็มิได้ไล่ข้าเจ้าค่ะ แต่นางอาศัยความเป็นศิษย์พี่เหมือนกับศิษย์พี่จินเย่ นางเลยยุให้ศิษย์ร่วมสำนักมารังแกข้าหลายครั้ง อาจารย์จึงเรียกข้าไปสอนด้วยตัวเอง เมื่อข้าเรียนจ
“แต่ในเมื่อนางมิได้บอกว่านางกับบุรุษผู้นั้นเป็นอะไรกัน เหตุใดต้องลือกันไปเองว่านาง…”“ข่าวลือมักมีที่มา หากไม่มีเค้าโครง มีหรือจะมีคนพูดถึง”“หากนางถูกขับไล่ออกจากสำนัก เหตุใดเจ้าสำนักจึงมิได้มีการประกาศออกมาแจ้ง มีแค่เพียงข่าวเล่าลือออกมา”“เรื่องนี้ข้าก็มิทราบเจ้าค่ะ อาจารย์คงกลัวว่าสำนักจะเสียชื่อเสียงกระมังเจ้าคะ ถึงได้ปิดข่าว”เขาคิดดูแล้วสิ่งที่นางพูดมิใช่ว่าจะเชื่อถือไม่ได้ เพียงแค่เหมือนนางเลือกที่จะเล่าเพียงข้อเสียของซินเหยาให้เขาฟังเพียงเท่านั้น ที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือ วิชาที่นางฝึกมิใช่วิชานอกรีดแต่อย่างใด เป็นเพียงวิชาการเรียกและควบคุมสัตว์เท่านั้น เพียงแต่ผู้ที่มีพรสวรรค์แบบนั้นหาได้ยาก และนางก็เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ทำได้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้สตรีตรงหน้าเขาไม่พอใจไป๋ซินเหยา“แม่นางเจิน พรุ่งนี้ข้ายังมีธุระต่อ คืนนี้คงต้องขอลาไปก่อน ขอบคุณที่ร่วมทานอาหารกับข้า”“ขอบคุณคุณชายลู่มากกว่าเจ้าค่ะ ที่อุตส่าห์เลี้ยงอาหารค่ำข้า”“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”เขาเดินไปถึงห้องก่อนที่จะพบว่าเสี่ยวหลุนมารอเขาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว“เจ้าไปสืบมาได้ไวปานนั้นเชียว”“ขอรับ”“ว่ามาสิ”น่าแป
นางจงใจพูดเสียงดังให้คนทั้งงานสนใจมาที่นาง ซินเหยาหันไปมองที่ประตู นางเห็นสัญญาณของคนขับรถม้าพยักหน้าให้แล้ว ด้วยความแปลกใจของลู่จื่อหยางที่เดินเข้ามาหานาง“ซินเหยา เรื่องภายในครอบครัวเอาไว้คุยทีหลัง เจ้าอย่าทำลายงานนี้เชียว”“ท่านหลีกไป ข้าขอเตือนท่าน อย่ามายุ่งเรื่องนี้”สายตานางทำให้เขานึกกลัว เขาไม่เพียงไม่หลีก แต่ยังจับแขนนางแน่น ราวกับจะสั่งว่าอย่าทำอะไรที่บังคับให้เขาต้องทำร้ายนาง“คุณชายลู่แน่ใจนะว่าท่านจะไม่หลีก”“ซินเหยา มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน...”“หลีกไป”ปลายผ้าพุ่งไปที่แขนของหลิวจูเม่ยก่อนที่แขนนางจะถูกกระชากอย่างแรง กำไลทองติดมากับปลายผ้านั้นใส่มือนาง“ไป๋ซินเหยา เจ้าหยาบคายเกินไปแล้วนะ เอากำไลแม่ข้าคืนมานะ นังสารเลว เด็ก ๆ จับมันออกไป”“ใครไม่กลัวตายก็เข้ามา”“อาเหยา หยุดนะ!!”“ท่านเป็นใครท่านอ๋อง มีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าให้หยุด หากท่านคิดว่าข้าจำไม่ได้ละก็ ท่านดูให้เต็มสองตาว่านี่มันเป็นของผู้ใด”ซินเหยาขว้างกำไลทองนั้นใส่หน้าผากผู้เป็นพ่อ เขาไม่ทันระวังไม่คิดว่านางจะรวดเร็ว ทำให้หน้าผากเขาเป็นแผลเลือดออก ก่อนที่กำไลทองนั้นจะหล่นมาที่มือของเขา ด้านในสลักคำว่าไป๋ชัดเจน เขาหั
“ไม่!! เจ้าต้องคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”“ข้าบอกให้เอาคืนมา”“เจ้าอยากได้ก็เข้ามาเอาสิ”ซินเหยาไม่รอเขาเชิญรอบที่สอง นางพุ่งตัวเข้าไปพร้อมกับยื่นผ้าที่เหลืออยู่ออกไปแย่งขลุ่ยมา แต่เขาก็หลบหลีกได้ วรยุทธเขานับว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็หลบการโจมตีของนางได้มากกว่าจินเย่ เขาไม่ใช้อาวุธลับอีกเลยเมื่อมองเห็นแผลของนาง เพียงแค่หลบนางจนนางเหนื่อยและเขาก็เริ่มจู่โจมนางอีกที“เจ้าพลาดแล้วล่ะ”“ปล่อยข้านะ”นางพยายามจับขลุ่ยในมือของเขาก่อนที่จะหมุนรอบตัวเขา แต่เขาก็ดึงกลับได้ นางจึงออกแรงดึงแต่เขาไม่ยอมจังหวะที่นางกำลังจะดึง เขาเพียงกระตุกนิดเดียว นางก็ล้มเพราะบาดเจ็บและความเหนื่อยที่ออกแรงไปมากจนล้มลงลู่จื่อหยางพลิกตัวให้นางล้มลงที่พื้นหญ้า และกดนางลงที่พื้นไม่ให้นางขยับได้อีก“ปล่อยข้านะ”เขาค่อยๆ ใช้มือไปเช็ดเลือดที่แก้มนางออกอย่างเบามือ รอยนั้นไม่ได้ลึกมา แต่ก็ทำนางเป็นแผล เขารู้สึกว่ามีบางอย่างมากรีดที่หัวใจเขา ทำเอาเขาเจ็บไปด้วย“เจ้าเจ็บหรือไม่ เหตุใดจึงไม่หลบ เหตุใดต้องปล่อยให้ตัวเองเจ็บ”“เป็นท่านมิใช่หรือที่ซัดมีดนั่นมาทำร้ายข้า ตอนนี้จะมาพูดสิ่งใดอีก ปล่อยข้านะ"“ข้า
จื่อหยางรีบลุกขึ้นจากตักของซินเหยาที่เขากำลังนอนหนุนอย่างสบาย และหันมากอดนางแทน“ข้าก็ไม่ได้อยากโกหกเจ้านะ เพียงแต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ หากบอกเจ้าไป เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ ไหนเจ้าบอกว่าไม่โกรธข้าแล้วอย่างไรเล่า”“ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เป็นท่านที่ร้อนตัวออกมาเอง”“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองๆ ทุกเรื่องเลย ข้าผิดแต่เพียงผู้เดียว”“แล้วหลังจากนั้นเล่าเพคะ”“จากนั้น เซว่านชิงก็เอาขวดยานั่นมาให้ข้ากับเสด็จพี่ตรวจดู พบว่ามันเป็นยาพิษ พวกเราเลยสลับขวดใหม่และซ้อนแผนนาง ทำให้เซว่านชิงทำเหมือนทำตามแผนของนาง ข้ารู้ว่านางกำนัลนั่นเป็นคนของหยุนเซียน นางต้องฟ้องแน่ และก็อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”“มีเพียงข้าคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องแผนการนี้”“นั่นเพราะพวกเราไม่มีเวลาบอกกับเจ้า เซว่านชิงเองก็บอกเจ้าไม่ได้เพราะนางกำนัลสองคนนั้นจับตาดูพวกเจ้าอยู่ นางจึงทำได้เพียงทำตามแผนเท่านั้น”“ท่านไม่เชื่อว่าข้าจะเป็นคนทำตั้งแต่แรก”“ข้าไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น และคงไม่โง่ขนาดที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีคนใส่ร้ายเจ้าแน่ ๆ”“ขอเพียงพระองค์เชื่อ หม่อม
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธข้า ไม่ยอมรับข้า เจ้าเป็นคนรักอิสระดั่งนกที่โบยบินอยู่บนท้องนภาที่ยิ่งใหญ่ แต่ตัวข้าคือพญาอินทรีที่ต้องคอยเฝ้ามองสรรพสิ่ง คอยจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องและกำจัดเหยื่อที่มารุกราน ข้ากลัวว่าหากเจ้าไม่รักข้าก่อน ข้าจะไม่สามารถกุมหัวใจเจ้าได้ เจ้าจะโบยบินจากข้าไป นั่นคงทำให้ข้าไม่มีแรงที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป”“แต่อย่างไรพระองค์ก็ต้องเลือก และสิ่งที่เลือกก็ช่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่มีหม่อมฉัน พระองค์ก็ยืนหยัดเพื่อราษฎรได้นะเพคะ”“เมื่อก่อนได้ แต่ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ เหยาเหยา เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตข้า ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ที่หัวใจข้าถูกเจ้าขโมยมันไปจนหมดสิ้น ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ข้าผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับกลัวว่าเจ้าจะไม่พอใจ อารมณ์เจ้าขึ้นๆ ลงๆ ก็ทำให้ข้ากลัวจนทำอะไรน่าอับอายมากมาย ข้ามักจะทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้า นึกๆ ไปแล้ว พอเป็นเรื่องของเจ้า ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงแค่ลูกนกหัดบินเท่านั้น และไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ ที่ขาดเจ้าไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของข้า อยากจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”“พระองค์พูดเช่นนี้ ต้องการให้หม่อมฉันยกโทษให้งั
ไป๋ซินเหยาหันมามองหน้าเว่ยจื่อหยางด้วยความตกใจเช่นกัน เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกนางมาก่อน ฐานะที่แท้จริงของเขาพึ่งมาเปิดเผยวันนี้ นางหันไปมองที่ท่านอา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะรู้ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว“ที่แท้พระองค์เฝ้าระวังมาโดยตลอด พระองค์ระแวงกระหม่อมมาโดยตลอด หึ นี่คือสิ่งตอบแทนข้ารับรับใช้ที่ซื่อสัตย์”“ซื่อสัตย์ ท่านยังกล้าพูดว่าท่านซื่อสัตย์เช่นนั้นหรือ ท่านอาศัยเอาความบาดหมางของพระชายารองหลิวอ๋อง ยุยงให้แม่ทัพหลิงร่วมมือกับท่านเพื่อจะก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ยังดีที่เสด็จพี่ข้าเชี่ยวชาญการทูต สามารถเกลี้ยกล่อมให้แม่ทัพหลิงล้มเลิกความคิดนี้ได้ คิดว่าท่านจะหยุด แต่ไม่เลย ท่านกลับหาเรื่องใช้บุตรสาวคิดแผนการร้าย จะป้ายสีให้พระสนมกับองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมีความผิดเพื่อยุยงให้แคว้นเหวยหน่วนก่อสงครามและท่านก็จะเป็นนกขมิ้นที่ตามเก็บผลประโยชน์ในภายหลัง ท่านยังกล้าพูดว่าท่านเป็นขุนนางซื่อสัตย์ ท่านไม่อายปากบ้างหรือ”“ฮ่าๆๆ องค์ชาย ไม่ ไม่สิ องค์ไท่จื่อ แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็สืบรู้จนหมด นับถือจริงๆ ที่แท้ พวกท่านเดินทางไปเจียงหยางเพราะเรื่องแม่ทัพหลิงนี่เอง ถึงว่า เขาไม่คิดจะติดต่อข้ามาอีกเลย ข้าคิดว่าทอ
ฝ่าบาทเป็นผู้สั่งการเองโดยไม่รอให้เสนาบดีเป่าร้องขอชีวิตบุตรสาว เขาเองก็คงไม่ได้อยากทำเช่นนั้น การเก็บบุตรสาวที่ทำให้ชื่อเสียงของสกุลเป่าเสื่อมเสียเอาไว้เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่ในความคิดของเขา ตัดเนื้อร้ายออก อย่างไรก็ยังดีกว่าที่เสียหายทั้งตระกูล“หมอหลวง อาการฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง”“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาปลอดภัยดี ชีพจรเต้นคงที่ ราวกับว่าพระองค์กำลังพักผ่อนอยู่ ทางที่ดีปล่อยให้พระองค์นอนพักผ่อนอย่าให้ผู้ใดไปรบกวนจะเป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนี้ก็ฝากให้พวกท่านจัดการก็แล้วกัน”“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงออกไปแล้ว พระสนมโม่เฟยเองก็ถูกสั่งให้ไปพักพร้อมกับองค์หญิงเซว่านชิง ตอนนี้เหลือเพียงฝ่าบาท องค์ชายทั้งสอง เสนาบดีเป่า ไป๋ซินเหยาและหลิวอ๋องที่อยู่ในกระโจม“ไป๋ซินเหยา เรื่องนี้ต้องขอโทษเจ้าที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม”“ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลเพคะ เพียงเรื่องคลี่คลายได้หม่อมฉันก็ไม่ติดใจเอาความแล้วเพคะ”“ฝ่าบาท บุตรีกระหม่อมอายุยังน้อย ที่ทำไปก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ลงโทษนางมากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“หึ เสนาบดีเป่า ท่านบอกว่านางอายุน้อย ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ที่นางจะเอาชีวิตคือฮ
“เป่าหยุนเซียน แล้วที่เจ้าโวยวายว่าฮองเฮาถูกวางยาพิษและกล่าวโทษผู้อื่นนี่มันอย่างไรกัน ข้าต้องการคำอธิบาย”ฝ่าบาทหันมาถามเอาความกับหยุนเซียนที่นั่งคุกเข่าสั่นอยู่กับพื้น“ฝ่าบาท คิดว่านางคงตกใจเพราะนางนั่งอยู่กับฮองเฮาและคงตกใจเมื่อเห็นว่าฮองเฮาล้มลง จึงคิดว่านางถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”เป่าอี้หยวนเป็นผู้แก้ต่างให้บุตรสาวเพื่อให้นางได้พ้นข้อกล่าวหาโง่ๆ นี้ หากไม่ใช่นางที่โวยวายทำแตกตื่น เรื่องนี้คงมิได้ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้“งั้นหรือ แล้วเหตุใดนางถึงได้กล่าวโทษไป๋ซินเหยากับองค์หญิงทันทีที่คิดว่าฮองเฮาโดนยาพิษเล่าท่านเสนาบดี”“เรื่องนี้ข้าคิดว่าข้าอธิบายได้เพคะ”เซว่านชิงเดินก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเป่าหยุนเซียนที่นั่งส่ายหน้าร้องขอความเห็นใจจากเซว่านชิงอยู่ แต่ตอนนี้นางเห็นธาตุแท้ของเป่าหยุนเซียนแล้ว เมื่อหลอกใช้นางแล้วยังจะโยนความผิดให้นางและเสด็จอาที่เป็นพระสนมรับเคราะห์ไปด้วยเพื่อให้ตนเองได้พ้นผิด“องค์หญิง เจ้าหมายความว่าเช่นไร”“ทูลฝ่าบาท ก่อนหน้านั้นเป็นท่านหญิงผู้นี้ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับหม่อมฉันและพระสนมเพื่อยุให้หม่อมฉันทำร้ายแม่นางไป๋เพคะ รวมถึงเหตุการณ์วันนี้...”“องค์หญิง ท่
เป่าหยุนเซียนเมื่อถูกถามเช่นนี้ก็เริ่มโวยวายและลนลานจนต้องตะโกนใส่เขา“ก็ข้าอยู่ใกล้พระองค์ที่สุด เห็นทุกเหตุการณ์ ฮองเฮามิได้เสวยสิ่งใดนอกจากชาที่ไป๋ซินเหยานำมาถวาย มีพยานรู้เห็นมากมาย องค์ชายแปด หากพระองค์ต้องการปกป้องนางข้าก็ไม่ว่า แต่อย่าหลับหูหลับตาเชื่อว่านางไม่มีความผิดเช่นนี้ มันดูไม่ยุติธรรมเลยเพคะ”“องค์ชายแปด เรื่องนี้เพียงแค่เรานำชาที่นางชงให้ฮองเฮาเสวยมาตรวจสอบดูก็จะรู้ พระองค์กล้าหรือไม่”“ท่านเสนาบดี ดูท่านเองก็จะมั่นใจมากเหลือเกินว่าในชานั้นมีสิ่งผิดปกติสินะ”“หมอหลวง ไปนำชาที่เหลือมาตรวจสอบ เราต้องการรู้ผลตอนนี้เลย”ฝ่าบาทเป็นผู้ออกคำสั่ง เว่ยจื่อหยางสบตากับเสนาบดีเป่าอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด หมอหลวงนำเอาใบชาที่เหลือมานั่งตรวจสอบดูและรีบทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบ“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมตรวจสอบใบชาที่พระชายาหลิวอ๋องเอามาเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าอย่างไร มีอะไรผิดปกติหรือไม่ รีบพูดมา!!”ฝ่าบาทเองก็อยากจะทราบความเป็นจริง พระองค์ไม่คิดว่าครอบครัวของหลิวอ๋องแม้ว่าจะมีเรื่องบาดหมางกับฮองเฮาเพียงใดก็คงมิกล้าจะลอบวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เป็นแน่“กราบทูลฝ่าบาท ชานี้…. ไม่มีส
นางกำนัลทยอยยกน้ำชาและของว่างมาวางให้พวกท่านหญิงที่นั่งอยู่ด้านใน ซึ่งแยกออกมาจากกระโจมของบุรุษ เพื่อเป็นการพบปะของบรรดาพระสนมและพระชายาของขุนนางที่ได้เข้าร่วมงานในวันนี้“ฮองเฮาเพคะ เห็นว่าวันนี้ชาที่นำมาเป็นชาของพระชายาหลิวอ๋องที่นำมาจากเจียงหยางเชียวนะเพคะ พระองค์ลองเสวยดูเพคะ”“เช่นนั้นหรือ พระชายาช่างใส่ใจเสียจริง”“ขอบพระทัยเพคะฮองเฮา หม่อมฉันเพียงเห็นว่าชาที่นั่นรสชาติดี จึงอยากนำมาถวายในโอกาสสำคัญนี้เพคะ”“ยอดเยี่ยม หากข้ามิได้ลองคงน่าเสียดายแย่ ยกมาสิ”ไป๋ซินเหยาเป็นผู้ชงชานั้นในกระโจมตามหลักวิธีการชงชาโบราณที่มารดานางได้สอนมา ท่วงท่าที่นางเริ่มทำตั้งแต่คั่วใบชาและชงออกมาช่างงดงาม เหล่าบรรดาพระสนมและฮูหยินของเหล่าขุนนางล้วนแต่ชื่นชมนาง ไม่เว้นแม่แต่ฮองเฮาและพระสนมโม่เฟย เมื่อนางเริ่มชงชา กลิ่นชานั้นก็หอมอบอวลในกระโจมทำให้ผู้ที่นั่งอยู่รู้สึกผ่อนคลายแม้ยังมิได้ลิ้มลองเมื่อชาถูกรินสู่กา ไป๋ซินเหยาจึงให้นางกำนัลยกไปถวายให้ฮองเฮาที่นั่งรออยู่เป็นผู้ชิมเป็นคนแรก“ฮองเฮาเพคะ ลองเสวยสิเพคะ”“ท่านหญิงเป่า เหตุใดเจ้าดูตื่นเต้นกว่าข้าเสียอีก เจ้าจะลองดื่มกับข้าหรือไม่”“ไม่ๆๆๆ เพคะ ห
“เปล่านะ ข้าบาดเจ็บจริงๆ แต่ไม่ได้เจ็บมาก ยาที่เจ้าต้มมาได้ผลดีมากต่างหาก”“เอามือของท่านออกไปเลย มิเช่นนั้นข้าจะกลับห้อง”เขากระชับกอดนางพร้อมกับใช้ขาเกี่ยวรัดนางเอาไว้ไม่ให้นางขยับหนี กว่าเขาจะทำให้นางยอมคืนดีด้วยและยอมอยู่กับเขาจนถึงตอนนี้ช่างเป็นเรื่องที่เหนื่อยยิ่งกว่าคุมทหารทั้งกองทัพเสียอีก“เหยาเหยา เรามาต่อเรื่องของเราจากบนรถม้านั่นดีหรือไม่”“ท่านบอกว่าจะไม่รังแกข้า ตอนนี้ท่านน่าจะง่วงแล้วมิใช่หรือ”ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ไหนท่านหมอบอกว่ายานี้กินแล้วจะทำให้ง่วงเพลียและหลับทันทีอย่างไรเล่า แต่ดูท่าทางมือที่เลื้อยลุกลามไปทั่วเช่นนี้ มันไม่เหมือนคนที่บาดเจ็บหนักเลยสักนิด“จื่อหยางท่านจะหยุดหรือไม่หยุ….”“อืมมม หวานจัง..”ซินเหยาหลงกลหันมาเขาจับนางได้ก็ประกบปากอิ่มนั้นทันทีพร้อมกับไม่รั้งรอที่จะล้วงชิมความหวานในปากนั้นอย่างกระหายซินเหยาเองตอนนี้ก็เริ่มปล่อยอารมณ์ไปตามเขา นางรู้ดีว่ายิ่งห้ามก็เหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้เขาหาเรื่องนางได้มากขึ้นเท่านั้น นางเริ่มจูบเขาตอบจนนางรู้สึกว่าสัมผัสนั้นเริ่มอ่อนลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง….“จื่อหยาง องค์ชาย…เฮ้อ ออกฤทธิ์เสียที”นางห่มผ
องค์ชายแปดเดินเข้าไปในห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดีสำหรับเขา เมื่อเขานั่งอยู่ที่เตียง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นสาวใช้สองคนที่ยกอาหารมาให้เขา“ทูลองค์ชาย ท่านอ๋องให้ยกข้าวต้มมาให้พระองค์ หลังจากนั้นจะยกยามาให้เพคะ”“ขอบใจพวกเจ้ามาก”เขาเดินไปที่โต๊ะอาหารตอนนี้มือขวาที่ถนัดถูกพันผ้าเอาไว้จึงทำให้ยกช้อนลำบาก เมื่อต้องตักข้าวกินเอง ยังไม่ทันที่เขาจะตักข้าว เสียงประตูก็เปิดอีกครั้ง ไป๋ซินเหยายกยามาให้เขา นางเห็นว่าเขากำลังพยายามตักข้าว นางจึงนำถ้วยยาวางลงและนั่งข้างๆ เขา ดึงช้อนที่มือเขามาอย่างแรง เขาจึงร้องเจ็บแต่นางก็ยังไม่ยอมคุยกับเขาสักคำ“เหยาเหยา ข้าขอโทษที่ไม่บอกเจ้าเรื่องโจรป่า”นางป้อนข้าวเขา แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ทำเพียงป้อนข้าวเขาต่อไปเรื่อย ๆ“เอ่อ…ที่ให้ท่านอากับเซียวจุนไปช่วยข้าเพราะข้ามีเหตุผล เหยาเหยา คุยกับข้าหน่อยสิ”ข้าวต้มถูกป้อนจนเกือบหมดจนเขายกมือพอแล้ว นางจึงเทน้ำให้เขา เมื่อเขาดื่มจนหมด นางจึงหยิบถ้วยยาส่งให้เขา องค์ชายแปดจึงดื่มรวดเดียวหมดโดยไม่ปริปากบ่นสักคำด้วยความเกรงกลัวว่าคนตรงหน้าจะเริ่มดุเขา“ข้ากินหมดแล้ว”ไป๋ซินเหยายกชามข้าวและยาใส่ถาดเตรียมจ