นางร้ายตกสวรรค์
ส่วนเถาจื่อนั้นแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี หล่อนอับอายแทนหลานสาวคนนี้ เลี้ยงอีกฝ่ายช่วยหลี่ฉู่มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แม้จะรู้ว่าเธอแสบ ก๋ากั๋น แต่ใครเล่าจะกล้าคิดว่า วันนี้ ถึงขั้นอยากเป็นเมียของเซียวหวังเหล่ยจนตัวสั่น
เถาจื่อเลยต้องสะกิดแขนหญิงสาวหวังให้เธอลดคำพูดคำจาลง ผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะทนฟังเสียงนางงิ้ว ที่รับบทสตรีร่านราคะได้
ฝ่ายโจวหยางซีกลับทำเหมือนไม่รู้ตัว เธอยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ให้อีกฝ่าย ขนตาที่งอนดำเงางามไหวไปมา จริตเช่นนั้น ผู้ชายได้แต่ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ทว่าแทนที่เขาจะสั่งให้หยุดทำ กลับพูดว่า
“ฮึ เอาไว้ เธอได้นอนกับฉันบนเตียงเมื่อไหร่ แล้วฉันจะให้เธอใช้คำว่าเมีย พร้อมทำหน้าที่นั้นอย่างเหนื่อยยากที่เดียวเลยล่ะ ”
โจวหยางซีมองชายหนุ่ม มองและทำตาหวานเยิ้มกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้ ปากร้าย พูดจาไม่เข้าหู แต่ลึกๆ ก็เซี้ยวจัด และทำให้เธอมันเขี้ยว แน่นอนหากคาดการณ์ไม่ผิด เขามีใจให้หญิงสาวอย่างไม่ต้องสงสัย
ฮิๆ ๆ จับผู้ชายที่ขี้เก๊ก ชอบวางมาด ง่ายแค่นี้เอง
“ตกลงค่ะ ถ้าเหล่ยต้าเกอยังเตะปี๊บดังปังๆ ๆ ซีซีก็จะนอนทั้งบนเตียง ห้องครัว ห้องน้ำ และแปลงผักกับคุณ เพื่อให้เราได้มีทายาทเพิ่มอีกสักสองสามคน”
หญิงสาวอยากพูดอะไรมากกว่านั้น แต่ชายหนุ่มรู้สึกหน้าชา และอับอายสายตาคนอื่น เขาจึงออกคำสั่งว่า
“สิบนาที อั๊วแต่จะรอเธออยู่ที่รถ ถ้าช้าแม้แต่วินาทีเดียวก็อย่าหวังว่าชาตินี้จะได้เหยียบบ้านเซียวเป็นอันขาด”
เขตอำเภอเหอสี
โจวหยางซีมาถึงบ้านเซียว ซึ่งอยู่ห่างจากถนนสายหลักเกือบสามสิบกิโลเมตร ที่นี่ตัดขาดจากโลกภายนอกเลยก็ว่าได้ พอคิดไปคิดมาอีกที เธอกำลังย้อนเข้ามาในอีกโลกหนึ่งเต็มตัว หลายวันก่อนอยู่ที่ตึกเขียว และถนนสายสี่ก็พอได้เห็นแสงสี ผู้คนแต่งตัวเฉิดฉาย มีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่เป็นอาหารตา ทว่าที่นี่... กลับแตกต่างจากภาพในหัวอย่างชัดเจน
ที่สำคัญเธอไม่ได้เข้าไปในเรือนหลัก กลับอยู่ห่างออกมาหลายสิบเมตร และมีคนคอยจับตาดูอยู่ทุกฝีก้าว
ใช่...โจวหยางซีเข้ามาที่ตระกูลเซียว ได้พักที่เรือนของคนงานทำสวน มีตำแหน่งเป็นคนงานทั่วไป ไม่ใช่เมียของเซียวหวังเหล่ยเหมือนภาพที่วาดหวังไว้
ในตอนที่บอกให้ลงจากรถเก๋ง เธอส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ต่อชายหนุ่ม แทนที่เขาจะพูดด้วย กลับปิดปากเงียบ จะมีก็แต่เซียวตี้หลุนเท่านั้นที่ให้กำลังใจ
“มามี้ ไม่ต้องห่วง คนหล่ออยู่ที่ไหน ใครๆ ก็รัก น้องก็หล่อ คนรักเต็มไปหมดเลย”
พอได้ยินลูกชายเรียกหญิงสาวเช่นนั้น เขาจึงแก้เสียใหม่
“เรียกพี่ซีซีนะครับ... เรียกมามี้แบบนั้นไม่ได้ ป๊ายังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย”
เด็กชายอยากซักไซ้หลายอย่าง แต่รู้ว่า คำสั่งของบิดานั้นเขาห้ามขัด
“ได้ครับ ตอนนี้ยังไม่เป็นมามี้ ไม่นานก็ได้เป็นแน่นอน”
ยามนั้น โจวหยางซีน้อยใจขึ้นมา ดวงตากลมโตมีสีแดงระเรื่อ พร้อมกันนั้นก็ส่งสายตาอ้อนวอนถึงเซียวหวังเหล่ย
“ทำไมเหล่ยต้าเกอ ไม่บอกซีซีก่อน แบบนี้ไม่ถูกต้องนะคะ”
“เหลวไหล เธอกำลังกล่าวหาอั๊วรู้ไหม อยากมาที่นี่บ้านเซียว อั๊วก็พามาแล้วอย่างไรล่ะ”
“แต่มันไม่ใช่แบบนี้ ซีซีจะมาเป็นเอ่อ...”
เธอกำลังจะบอกความต้องการของตนออกไป แต่ชายหนุ่มถลึงตาดุ และถึงอยากอาละวาดกลับ ทว่าเป็นตอนนั้นที่หญิงสาวเกิดความกลัวเขาอย่างบอกไม่ถูก
“ทำตัวดีๆ ๆ อยู่ในบ้านเซียว ทำงานหนักสักหน่อย แต่จะไม่อดตาย และไม่ต้องถูกพวกแก๊งขวานลำพองรังแก”
หญิงสาวขยับปากจะพูดอีกหน แต่ลูกชายของเขาเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“พี่ซีซีต้องไม่ร้องไห้ นอนใกล้สวนผักกับเล้าไก่ มีกลิ่นตุๆ นิดหน่อย น้องก็ไม่ชอบ แต่...ดีกว่านอนข้างล่างนู้น ใกล้ๆ ไร่มันฝรั่ง แถวนั้น ผีดุ ป่าป๊าบอกว่า มีศพทหาร และลึกลงไป เป็นสุสานเก่า ผีตัวดำๆ ลิ้นยาวๆ เต็มไปหมดเลย”
เด็กชายว่าจบ ก็เริ่มเล่นสนุกด้วยการแลบลิ้น ทำเสียงกุ๊กๆ กู๋ หลอกเธอ
ในเวลาเกือบสามทุ่ม โจวหยางซียังปรับตัวไม่ได้เลย เธอได้ยินแต่เสียงแมลง กับสุนัขเห่าสลับกันไปมา ท้องร้องหิวมาก อีกอย่าง...เธอพักที่เรือนคนงานหญิง เป็นที่นอนรวมมีกันหลายชีวิต! ฮึ มารดาเซียวหวังเหล่ยเถิด ตาลุงหน้าเข้มกำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ หญิงสาวนอนกุมท้องตนเอง ยามนี้หิวจัดเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะเธอมาถึงที่นี่ เห็นคนงานกินของที่ชวนให้คลื่นไส้ มีแต่ผักพัดน้ำมันเยิ้ม ไข่ไก่ที่ผัดใส่มะเขือเทศ บางส่วนก็ไหม้ กินไปได้คำเดียวก็เวียนหัว สุดท้ายพอถึงเวลาต้องนอน เสียงท้องร้องดัง และหิวจนนอนกระสับกระส่าย เป็นเหตุให้คนที่ดูแลเรือนนอน ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานหญิงเดินมาถาม “อาซี... เธอไหวหรือไม่” เฮยหมิงก้าวมาที่ฟูกปูบนตั่งไม้ยกพื้น ยามนั้นโจวหยางซียังรู้สึกว่าตนเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ โดยแท้ “หิว... และไม่สบายตัว ไม่รู้ว่าฉันเป็นไข้หรือเปล่า” “มีหมั่นโถวเหลืออยู่สองลูก เธอไปเอามากินเถิด พรุ่งนี้ต้องลุกตั้งแต่ตีสี่ เตรียมเก็บไข่ไก่ ไข่เป็ดแล้วก็รดน้ำที่แปลงผัก” ได้ยินอย่างนั้น หญิงสาวจึงนิ่งค้าง นี่คืองานที่ต้องทำหรือ มิน่
ด้ายแดงร้อยใจ “เหล่ยต้าเกอ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไงเสี่ยวหลุนอยู่ตรงนี้” “เฮอะ บ้าแน่นอน ถ้ายังได้ยินเสียงเธอหัวเราะเยาะเรื่องของอั๊ว” ยามนั้น เซียวตี้หลุนทำตัวสั่นน้อยๆ ไม่ได้กลัว หรือตกใจ เขาแค่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น อีกอย่างเด็กชายรู้ว่า บิดามาที่นี่เพราะจะพาหญิงสาวกลับเรือนหลักด้วยกัน และนั่นคือสิ่งที่เขาร้องขอมาหลายวัน “น้องแค่อยากให้พี่ซีซี ไปนอนเล่นด้วย ปะ ป๊า อย่าโกรธเลยนะ เกี่ยวก้อยกันเถอะ ครอบครัวเดียวกัน ต้องรักกันไว้ฮะ” ชายหนุ่มลดความฉุนเฉียวลง ก่อนกวักมือเรียกพี่เลี้ยงของลูกชายให้มารับตัวเขาไป “เสี่ยวหลุนเด็กดี กลับบ้านไปกินขนมกับคุณย่าใหญ่ก่อนนะครับ เดี๋ยวป่าป๊า จะพามามี้ เอ๊ย พี่ซีซี ไปหาช่วงบ่าย ตอนนี้ต้องทำธุระของผู้ใหญ่ให้เสร็จเสียก่อน” “ได้ฮะ แต่ห้ามตีก้นเพียะๆ แต่นอนบนเตียงเล่นกันได้ น้องอนุญาตแล้ว จะไม่งองแง และร้องไห้สักแอะ ให้ป่าป๊าปวดหัว” ความไร้เดียงสาทำให้ทั้งชายหนุ่ม และหญิงสาวเงียบไปเกือบหนึ่งอึดใจใหญ่ๆ ก่อนที่เขาจะพูดเจื้อยแจ้วต่อ “ถ้าไม่ชอบ จะนอนกันสามคนก็ได้ น้องหลุนจะเป็นลูกให้ป่าป๊า
บทรักแสนเฮงซวย โจวหยางซีถูกพาตัวไปโรงเก็บอุปกรณ์การเกษตร และด้านหน้ามีออฟฟิศ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเรือนหลัก เซียวหวังเหล่ยมากับเธอ ตั้งใจสอบถามหลายสิ่ง พร้อมกันนั้นคือเขาไม่อยากให้คนอื่นวุ่นวายกับหญิงสาว จึงไล่คนงาน และคนติดตามออกไปให้หมด เมื่อไม่มีใครอยู่ขวางหูขวางตา โจวหยางซีก็เพิ่งตระหนักได้ว่า ผู้ชายคนนี้แอบน่ากลัว และดูโรคจิตนิดๆ “ซีซี เมื่อเธออยากมาที่นี่ ต้องรับมือทุกเรื่องให้ได้ ฝ่ายอั๊วรู้ว่า เธอไม่ค่อยได้เรื่อง ในหัวมีแต่เรื่องเดียว คืออยากเป็นเมียอั๊ว” เขาหยาบคายมาก แรกๆ เธอก็ชื่นชมอยู่หรอก ตอนนี้ไม่อยากจะยกหางเขาแล้ว หากมีมีดคมๆ เธอก็จะตัดหางอีกฝ่ายทิ้งเสีย “หลงตัวเอง ซีซีก็แค่อยากเอาตัวรอด ไม่ได้พิศวาสคุณ อีกอย่างไม่มีรสนิยมกินเนื้อโคแก่” ทั้งหมดนั้น เธอพูดในใจ แต่สายตาที่สื่อถึงเขา มันเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น “อืม และอั๊วเชื่อว่า เธอคงไม่เก่งกล้า หรือมีความรู้มากพอที่จะทำเรื่องอัปมงคลพวกนั้น” “แน่นอน ซีซี...จะทำไปเพื่อเหตุผลอะไร ในเมื่อสุดท้ายเหล่ยต้าเกอก็เรียกหา และอยากให้ขึ้นเตียงอยู่ดี” โจวหยางซีพยายาม
นางร้ายที่ผู้ชายล้วนหมายปอง เขากวาดลิ้นรุกไล้ ไล่ต้อนเธอไม่หยุด ลิ้นเรียวเล็กก็หาทางหลบหนี ทว่ากลับจนแต้ม เลยต้องยอมให้เขานำพาไปสู่ความซาบซ่าน ซึ่งชวนให้หวามไหวอย่างที่สุด โจวหยางซีไม่เคยสัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน หัวสมองเธอว่างเปล่า และร่างกายเหมือนจะตอบสนองเขา กระทั่งดึงสติตนกลับคืนได้ จึงส่งเสียงขึ้น “อี้... อะ อ๋าส์... คะ คน ละ เลว” เธอร้องอื้ออ้าประท้วง และมันยิ่งทำให้เขารุกหนัก อึดใจต่อมา มือใหญ่จึงล้วงเข้าไปในเสื้อของหญิงสาว แล้วสัมผัสหน้าอกภายในชั้นในที่ปกปิดสองเต้าอวบอัดที่สะท้านไหว เพราะเธอกำลังพยายามดิ้นรนขัดขืนเขา ปลายนิ้วสากๆ แตะเนื้อนิ่ม แล้วเกี่ยวสายชั้นในดึงรั้ง คล้ายกับพยายามจะทำให้มันขาดจนไม่อาจโอบอุ้มสองเต้าอวบๆ ของเธอไว้ได้ ยอดหน้าอกหญิงสาวชูชัน ความหวานฉ่ำในร่มผ้าก็ค่อยๆ หลั่งออกมา อาการของเธอมันฟ้องว่าต้องการเรื่องอย่างว่าไม่ต่างจากเขา ยามนี้เขายิ่งได้ใจ นิ้วมือนั้นก็ชำนาญในเรื่องอย่างว่ายิ่งนัก เสื้อตัวนอกถูกเลิกขึ้น แล้วอึดใจต่อมา ริมฝีปากบางของเขาก็จูบและเม้มที่เนินหน้าอกเธอ
รับบทนางร้าย ยากยิ่งนัก ประตูห้องเปิดเข้ามาในอีกห้านาทีต่อมา เฮยหมิงได้รับคำสั่งให้คอยจับตาหญิงสาวไว้ และยังมีน้ำดื่ม ของกินเล่น และผลไม้ด้วย “เอา ยังไม่รีบกินอีก หิวอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่ตั้งแต่มาถึง ฉันก็รีบเข้าครัว หาของกินมาให้เลย ได้มันฝรั่งผัดมาด้วยนะ ยังมีถัวทอดอีก” โจวหยางซีบุ้ยใบ้ไปข้างหลัง บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอถูกคนเผด็จการใช้เข็มขัดรัดข้อมือไว้ด้วยกัน “อาซี... เถ้าแก่เซียวเข้มงวดมาก ดุอยู่สักหน่อย แต่ทั้งหมดเขาก็แค่หลอกให้กลัว เพื่อจะไม่หาทางออกไปข้างนอกเท่านั้น และเข็มขัดนั้นก็หมัดไว้รวมๆ สลัดมือสองสามหนก็หลุดแล้ว” เฮยหมิงบอก พอหญิงสาวลองทำตามก็ปรากฏว่ามันเป็นปมหลอกๆ ที่ชายหนุ่มทำไว้ คราวนี้โจวหยางซีเลยรู้สึกเสียหน้ามาก “อยู่ที่นี่แล้ว อย่ากลัวสิ่งใดไป อีกอย่างจำเอาไว้เถ้าแก่เซียว อยากให้เธอรับใช่จริงๆ แต่ตอนนี้ คุณเหรินก็พยายามเหลือเกินที่จะหาเรื่องเอาตัวเธอไปอยู่ด้วย...ทั้งข่มขู่คุณนายโจว และน้องของเธอยังหายตัวไปอีก เรื่องมันวุ่นวายชวนปวดหัวเช่นนี้ ถ้าเถ้าแก่เซียวไม่หัวเสีย ก็แปลกแล้วล่ะ” พอเฮยหมิงว่าอย่างนี้ สิ่งที่ไ
ขอเป็นนางเอกสักครั้ง ให้ชื่นใจ เป็นเวลาเกือบสามวันที่โจวหยางซีพักใกล้ๆ เรือนหลัก กลางวันเธอก็สอนหนังสือเซียวตี้หลุน ฝ่ายเด็กชายติดเธอแจ เขาชอบเล่าเรื่องตลกให้ฟัง อีกทั้งพวกเขามีเวลารถน้ำดอกกุหลาบ พรวนดินแปลงผักเล็กๆ ที่ปลูกไว้กินที่เรือนหลัก ความรู้สึกที่ได้อยู่กับคนเจ้าเนื้อทำให้เธอสบายใจ ไม่คิดฟุ้งซ่าน ถึงอย่างนั้นก็มีหวาดระแวงเรื่องของนายหญิงเล็กบ้านนี้ ทว่าเธอคิดมากไป ด้วยหม่าลั่วเซียงไม่ได้มาวุ่นวายกับเธอเลย ถึงอย่างนั้นโจวหยางซีอดระแวงไม่ได้ ฝ่ายเซียวหวังเหล่ยไม่ได้กลับบ้านเซียว เขาไปที่ไหนเธอก็ไม่อาจทราบได้ เธอถามเฮยหนิง ได้คำตอบว่าตอนนี้นอกจากเรื่องหลี่ฉู่ โจวเยี่ยนฟาง ชายหนุ่มยังต้องเจรจากับทางการด้วย มีภัยแล้งเกิดขึ้นหลายพื้นที่ ทั้งยังมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายก่อความไม่สงบ นั่นจึงทำให้เขาหายหน้าไป ซึ่งตั้งแต่ต้นเรื่องเหตุการณ์ของบ้านเมืองนั้น กำลังมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ สิ่งนี้จึงน่าหวาดหวั่นมิน้อย และบ่ายวันนี้ที่เถาจื่อ มาพบหญิงสาว ซึ่งแน่นอนว่าเซียวหวังเหล่ยอนุญาติเรื่องนี้ไว้ก่อนหน้า “ป้าเถา...” ด้วยตัวละครเดิมสน
พ่อกับลูก ก็เหมือนกัน โจวหยางซีตกใจ แต่นับว่าเธอมีสติที่ไม่ร้องโวยวาย คนที่รวบเอวเธอไว้ และยกนิ้วทำท่าจุ๊ปากห้ามไม่ให้ส่งเสียงคือเซียวก้งเยว่ ลูกสาวคนโตของเซียวหวังเหล่ยนั่นเอง “พี่ซีซี... ถอยออกมาตรงนี้เร็วๆ” เด็กสาวทำเสียงกระซิบกระซาบ พลางบุ้ยใบ้ให้เธอเห็นว่าสถานการณ์ในเรือนใหญ่ไม่ปกติ ยามนี้ฝนซาเม็ดแล้วก็จริง แต่ยังมีตกเปาะแปะอยู่บ้าง ดังนั้นเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นจึงชัดเจน “ใครก็ไม่รู้ เดินวนไปวนมา หน้าห้องนอนหนู ดีที่หนูปีนหน้าต่างออกมาเสียก่อน และพี่หนิงไปเปิดประตูด้านข้าง พาเสี่ยวหลุนหลบข้างนอกแล้ว” เซียวก้งเยว่ว่า ในมือเด็กหญิงมีไม้กวาดถือไว้มั่น ดูเหมือนคงใช้เป็นอาวุธไม่ได้ ทว่ายามนี้สิ่งใดใกล้ตัวก็ควรถือไว้ก่อนเป็นดีที่สุด “เอ่อ มีที่ไหนหลบได้บ้าง” “ตามหนูมา และระวังอย่าให้มันเห็น” เด็กหญิงรีบพาเธอไปอีกทาง ในตอนนั้นเฮยหนิงโผล่มาร่วมอีกแรง “เสี่ยวหลุนล่ะพี่หนิง” “หลับปุ๋ยเลย ฉันให้คนพาไปซ่อนแล้ว” เฮยหนิงว่าเสียงเรียบ เธอผ่านหลากหลายเหตุการณ์มาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น และได้รับความไว้วาง
เดี๋ยวอาบน้ำ เดี๋ยวเล่นจ้ำจี้ ดวงตากลมโตหลับลง ใครจะไปอยากดูงูดำๆ ของคนตัวโตกันเล่า โจวหยางซีบ้าผู้ชายอยู่บ้าง แต่เธอย่อมรู้ดี ตอนนี้อีกฝ่ายเมา ทั้งยังทำตัวเผด็จการ ความสาว ความสวย และความบริสุทธิ์ของเธอ จะรักษาไว้ได้อย่างไรหากอยู่กับเขาตามลำพัง อีกทั้งกลัวเขาจะลงมือรุนแรงเกินไป แต่เธอคงมัวแต่คิดอยู่อย่างนั้นนานไปหน่อย อึดใจต่อมา มือเขาก็จับจูงมือเธอแล้วลากตัวไปเข้าห้องน้ำด้านใน “อย่าดิ้น ดิ้นแรงกว่านี้ อั๊วจะจับแก้ผ้าแล้วให้อาบน้ำด้วยกันไปเสียเลย ชอบแบบนั้นไหม ลองดูกันสักรอบสองรอบได้นะ” ได้ยินอย่างสิ่งที่เขาพูด ขนหลังต้นคอก็ลุกซู่ เธอจึงเลือกที่จะไม่ขัดขืน ปล่อยตัวตามสบาย ทว่ายังไม่ยอมลืมตา ศีรษะเลยชนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย ก่อนที่คนเมาที่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวจะพาเซเสียหลัก จากนั้นทั้งคู่ก็ลงไปนั่งบนพื้นห้องน้ำ “อร๊าย เหล่ยต้าเกอ” เธอร้องเสียงหลงได้เท่านั้น มือใหญ่ๆ ก็เอื้อมไปหมุนฝักบัว น้ำที่นี่ไหลแรง ไม่ได้มีเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งยุคสมัยนั้นเรียกว่าหาได้ยากอยู่สักหน่อย อีกทั้งชายหนุ่มนิยมอาบน้ำอุณหภูมิปกติ ยกเว้นหน้าหนาวที่เขาจะต
หัวสมองหญิงสาวโล่งไปหมด เมื่อเขาถอนจูบแล้ว ก็ถามด้วยเสียงแหบพร่าชวนให้หวั่นไหวว่า “เอาล่ะ...อั๊วอยากเป็นผู้ชายของซีซี... คืนนี้พร้อมไหม” ในหัวของหญิงสาวต้องใช้ความคิดอย่างเร็วจี๋ หากปฏิเสธเขาจะมีสิ่งใดร้ายแรงตามมาหรือไม่ และไม่ทันได้ตอบอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า “อั๊วชอบซีซี จริงๆ นะ ก่อนหน้านั้นเกเรไปบ้าง แต่งูยักษ์ยังใช้การได้ดี พอมันพบเจ้าของใหม่ ก็รับรองว่าจะไม่วอแวกับใครอีก ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น” บอกเธอจบ มือใหญ่ๆ ก็จับมือเรียวให้ไปสัมผัสแก่นกายของตน โจวหยางซีตัวสั่น ร่างกายอ่อนระทวย “ซีซีไม่ชอบคนเอาเปรียบ และถ้าเหล่ยต้าเกอ อยากมีความสุข เราก็จะมีไปด้วยกัน” พอเธอพูดจบ มีหรือที่คืนนี้ชายหนุ่มปล่อยให้หญิงสาวนอนหลับง่ายๆ และนี่คงเป็นครั้งแรก ที่เธอรู้สึกว่าตนช่างกล้าหาญเหลือเกิน หลายครั้งถูกเขาคำรามดุ แต่โจวหยางซียังฝืนเดินหน้าต่อ แก่นกายเขาอยู่ในโพรงปากเธอ ฝ่ายเธอก็พยายามปรนเปรอความสุขให้เขา พอช้าเงอะงะ บางครั้งฟันกระทบเนื้อ ชายหนุ่มก็แก้เผ็ดทันที มือเขานั้นแทรกเข้าไปในกลีบอุ่นจัดของหญิงสาว ปากก็ดูดรุนแรงอย่างเอาเ
เดี๋ยวอาบน้ำ เดี๋ยวเล่นจ้ำจี้ ดวงตากลมโตหลับลง ใครจะไปอยากดูงูดำๆ ของคนตัวโตกันเล่า โจวหยางซีบ้าผู้ชายอยู่บ้าง แต่เธอย่อมรู้ดี ตอนนี้อีกฝ่ายเมา ทั้งยังทำตัวเผด็จการ ความสาว ความสวย และความบริสุทธิ์ของเธอ จะรักษาไว้ได้อย่างไรหากอยู่กับเขาตามลำพัง อีกทั้งกลัวเขาจะลงมือรุนแรงเกินไป แต่เธอคงมัวแต่คิดอยู่อย่างนั้นนานไปหน่อย อึดใจต่อมา มือเขาก็จับจูงมือเธอแล้วลากตัวไปเข้าห้องน้ำด้านใน “อย่าดิ้น ดิ้นแรงกว่านี้ อั๊วจะจับแก้ผ้าแล้วให้อาบน้ำด้วยกันไปเสียเลย ชอบแบบนั้นไหม ลองดูกันสักรอบสองรอบได้นะ” ได้ยินอย่างสิ่งที่เขาพูด ขนหลังต้นคอก็ลุกซู่ เธอจึงเลือกที่จะไม่ขัดขืน ปล่อยตัวตามสบาย ทว่ายังไม่ยอมลืมตา ศีรษะเลยชนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย ก่อนที่คนเมาที่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวจะพาเซเสียหลัก จากนั้นทั้งคู่ก็ลงไปนั่งบนพื้นห้องน้ำ “อร๊าย เหล่ยต้าเกอ” เธอร้องเสียงหลงได้เท่านั้น มือใหญ่ๆ ก็เอื้อมไปหมุนฝักบัว น้ำที่นี่ไหลแรง ไม่ได้มีเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งยุคสมัยนั้นเรียกว่าหาได้ยากอยู่สักหน่อย อีกทั้งชายหนุ่มนิยมอาบน้ำอุณหภูมิปกติ ยกเว้นหน้าหนาวที่เขาจะต
พ่อกับลูก ก็เหมือนกัน โจวหยางซีตกใจ แต่นับว่าเธอมีสติที่ไม่ร้องโวยวาย คนที่รวบเอวเธอไว้ และยกนิ้วทำท่าจุ๊ปากห้ามไม่ให้ส่งเสียงคือเซียวก้งเยว่ ลูกสาวคนโตของเซียวหวังเหล่ยนั่นเอง “พี่ซีซี... ถอยออกมาตรงนี้เร็วๆ” เด็กสาวทำเสียงกระซิบกระซาบ พลางบุ้ยใบ้ให้เธอเห็นว่าสถานการณ์ในเรือนใหญ่ไม่ปกติ ยามนี้ฝนซาเม็ดแล้วก็จริง แต่ยังมีตกเปาะแปะอยู่บ้าง ดังนั้นเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นจึงชัดเจน “ใครก็ไม่รู้ เดินวนไปวนมา หน้าห้องนอนหนู ดีที่หนูปีนหน้าต่างออกมาเสียก่อน และพี่หนิงไปเปิดประตูด้านข้าง พาเสี่ยวหลุนหลบข้างนอกแล้ว” เซียวก้งเยว่ว่า ในมือเด็กหญิงมีไม้กวาดถือไว้มั่น ดูเหมือนคงใช้เป็นอาวุธไม่ได้ ทว่ายามนี้สิ่งใดใกล้ตัวก็ควรถือไว้ก่อนเป็นดีที่สุด “เอ่อ มีที่ไหนหลบได้บ้าง” “ตามหนูมา และระวังอย่าให้มันเห็น” เด็กหญิงรีบพาเธอไปอีกทาง ในตอนนั้นเฮยหนิงโผล่มาร่วมอีกแรง “เสี่ยวหลุนล่ะพี่หนิง” “หลับปุ๋ยเลย ฉันให้คนพาไปซ่อนแล้ว” เฮยหนิงว่าเสียงเรียบ เธอผ่านหลากหลายเหตุการณ์มาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น และได้รับความไว้วาง
ขอเป็นนางเอกสักครั้ง ให้ชื่นใจ เป็นเวลาเกือบสามวันที่โจวหยางซีพักใกล้ๆ เรือนหลัก กลางวันเธอก็สอนหนังสือเซียวตี้หลุน ฝ่ายเด็กชายติดเธอแจ เขาชอบเล่าเรื่องตลกให้ฟัง อีกทั้งพวกเขามีเวลารถน้ำดอกกุหลาบ พรวนดินแปลงผักเล็กๆ ที่ปลูกไว้กินที่เรือนหลัก ความรู้สึกที่ได้อยู่กับคนเจ้าเนื้อทำให้เธอสบายใจ ไม่คิดฟุ้งซ่าน ถึงอย่างนั้นก็มีหวาดระแวงเรื่องของนายหญิงเล็กบ้านนี้ ทว่าเธอคิดมากไป ด้วยหม่าลั่วเซียงไม่ได้มาวุ่นวายกับเธอเลย ถึงอย่างนั้นโจวหยางซีอดระแวงไม่ได้ ฝ่ายเซียวหวังเหล่ยไม่ได้กลับบ้านเซียว เขาไปที่ไหนเธอก็ไม่อาจทราบได้ เธอถามเฮยหนิง ได้คำตอบว่าตอนนี้นอกจากเรื่องหลี่ฉู่ โจวเยี่ยนฟาง ชายหนุ่มยังต้องเจรจากับทางการด้วย มีภัยแล้งเกิดขึ้นหลายพื้นที่ ทั้งยังมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายก่อความไม่สงบ นั่นจึงทำให้เขาหายหน้าไป ซึ่งตั้งแต่ต้นเรื่องเหตุการณ์ของบ้านเมืองนั้น กำลังมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ สิ่งนี้จึงน่าหวาดหวั่นมิน้อย และบ่ายวันนี้ที่เถาจื่อ มาพบหญิงสาว ซึ่งแน่นอนว่าเซียวหวังเหล่ยอนุญาติเรื่องนี้ไว้ก่อนหน้า “ป้าเถา...” ด้วยตัวละครเดิมสน
รับบทนางร้าย ยากยิ่งนัก ประตูห้องเปิดเข้ามาในอีกห้านาทีต่อมา เฮยหมิงได้รับคำสั่งให้คอยจับตาหญิงสาวไว้ และยังมีน้ำดื่ม ของกินเล่น และผลไม้ด้วย “เอา ยังไม่รีบกินอีก หิวอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่ตั้งแต่มาถึง ฉันก็รีบเข้าครัว หาของกินมาให้เลย ได้มันฝรั่งผัดมาด้วยนะ ยังมีถัวทอดอีก” โจวหยางซีบุ้ยใบ้ไปข้างหลัง บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอถูกคนเผด็จการใช้เข็มขัดรัดข้อมือไว้ด้วยกัน “อาซี... เถ้าแก่เซียวเข้มงวดมาก ดุอยู่สักหน่อย แต่ทั้งหมดเขาก็แค่หลอกให้กลัว เพื่อจะไม่หาทางออกไปข้างนอกเท่านั้น และเข็มขัดนั้นก็หมัดไว้รวมๆ สลัดมือสองสามหนก็หลุดแล้ว” เฮยหมิงบอก พอหญิงสาวลองทำตามก็ปรากฏว่ามันเป็นปมหลอกๆ ที่ชายหนุ่มทำไว้ คราวนี้โจวหยางซีเลยรู้สึกเสียหน้ามาก “อยู่ที่นี่แล้ว อย่ากลัวสิ่งใดไป อีกอย่างจำเอาไว้เถ้าแก่เซียว อยากให้เธอรับใช่จริงๆ แต่ตอนนี้ คุณเหรินก็พยายามเหลือเกินที่จะหาเรื่องเอาตัวเธอไปอยู่ด้วย...ทั้งข่มขู่คุณนายโจว และน้องของเธอยังหายตัวไปอีก เรื่องมันวุ่นวายชวนปวดหัวเช่นนี้ ถ้าเถ้าแก่เซียวไม่หัวเสีย ก็แปลกแล้วล่ะ” พอเฮยหมิงว่าอย่างนี้ สิ่งที่ไ
นางร้ายที่ผู้ชายล้วนหมายปอง เขากวาดลิ้นรุกไล้ ไล่ต้อนเธอไม่หยุด ลิ้นเรียวเล็กก็หาทางหลบหนี ทว่ากลับจนแต้ม เลยต้องยอมให้เขานำพาไปสู่ความซาบซ่าน ซึ่งชวนให้หวามไหวอย่างที่สุด โจวหยางซีไม่เคยสัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน หัวสมองเธอว่างเปล่า และร่างกายเหมือนจะตอบสนองเขา กระทั่งดึงสติตนกลับคืนได้ จึงส่งเสียงขึ้น “อี้... อะ อ๋าส์... คะ คน ละ เลว” เธอร้องอื้ออ้าประท้วง และมันยิ่งทำให้เขารุกหนัก อึดใจต่อมา มือใหญ่จึงล้วงเข้าไปในเสื้อของหญิงสาว แล้วสัมผัสหน้าอกภายในชั้นในที่ปกปิดสองเต้าอวบอัดที่สะท้านไหว เพราะเธอกำลังพยายามดิ้นรนขัดขืนเขา ปลายนิ้วสากๆ แตะเนื้อนิ่ม แล้วเกี่ยวสายชั้นในดึงรั้ง คล้ายกับพยายามจะทำให้มันขาดจนไม่อาจโอบอุ้มสองเต้าอวบๆ ของเธอไว้ได้ ยอดหน้าอกหญิงสาวชูชัน ความหวานฉ่ำในร่มผ้าก็ค่อยๆ หลั่งออกมา อาการของเธอมันฟ้องว่าต้องการเรื่องอย่างว่าไม่ต่างจากเขา ยามนี้เขายิ่งได้ใจ นิ้วมือนั้นก็ชำนาญในเรื่องอย่างว่ายิ่งนัก เสื้อตัวนอกถูกเลิกขึ้น แล้วอึดใจต่อมา ริมฝีปากบางของเขาก็จูบและเม้มที่เนินหน้าอกเธอ
บทรักแสนเฮงซวย โจวหยางซีถูกพาตัวไปโรงเก็บอุปกรณ์การเกษตร และด้านหน้ามีออฟฟิศ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเรือนหลัก เซียวหวังเหล่ยมากับเธอ ตั้งใจสอบถามหลายสิ่ง พร้อมกันนั้นคือเขาไม่อยากให้คนอื่นวุ่นวายกับหญิงสาว จึงไล่คนงาน และคนติดตามออกไปให้หมด เมื่อไม่มีใครอยู่ขวางหูขวางตา โจวหยางซีก็เพิ่งตระหนักได้ว่า ผู้ชายคนนี้แอบน่ากลัว และดูโรคจิตนิดๆ “ซีซี เมื่อเธออยากมาที่นี่ ต้องรับมือทุกเรื่องให้ได้ ฝ่ายอั๊วรู้ว่า เธอไม่ค่อยได้เรื่อง ในหัวมีแต่เรื่องเดียว คืออยากเป็นเมียอั๊ว” เขาหยาบคายมาก แรกๆ เธอก็ชื่นชมอยู่หรอก ตอนนี้ไม่อยากจะยกหางเขาแล้ว หากมีมีดคมๆ เธอก็จะตัดหางอีกฝ่ายทิ้งเสีย “หลงตัวเอง ซีซีก็แค่อยากเอาตัวรอด ไม่ได้พิศวาสคุณ อีกอย่างไม่มีรสนิยมกินเนื้อโคแก่” ทั้งหมดนั้น เธอพูดในใจ แต่สายตาที่สื่อถึงเขา มันเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น “อืม และอั๊วเชื่อว่า เธอคงไม่เก่งกล้า หรือมีความรู้มากพอที่จะทำเรื่องอัปมงคลพวกนั้น” “แน่นอน ซีซี...จะทำไปเพื่อเหตุผลอะไร ในเมื่อสุดท้ายเหล่ยต้าเกอก็เรียกหา และอยากให้ขึ้นเตียงอยู่ดี” โจวหยางซีพยายาม
ด้ายแดงร้อยใจ “เหล่ยต้าเกอ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไงเสี่ยวหลุนอยู่ตรงนี้” “เฮอะ บ้าแน่นอน ถ้ายังได้ยินเสียงเธอหัวเราะเยาะเรื่องของอั๊ว” ยามนั้น เซียวตี้หลุนทำตัวสั่นน้อยๆ ไม่ได้กลัว หรือตกใจ เขาแค่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น อีกอย่างเด็กชายรู้ว่า บิดามาที่นี่เพราะจะพาหญิงสาวกลับเรือนหลักด้วยกัน และนั่นคือสิ่งที่เขาร้องขอมาหลายวัน “น้องแค่อยากให้พี่ซีซี ไปนอนเล่นด้วย ปะ ป๊า อย่าโกรธเลยนะ เกี่ยวก้อยกันเถอะ ครอบครัวเดียวกัน ต้องรักกันไว้ฮะ” ชายหนุ่มลดความฉุนเฉียวลง ก่อนกวักมือเรียกพี่เลี้ยงของลูกชายให้มารับตัวเขาไป “เสี่ยวหลุนเด็กดี กลับบ้านไปกินขนมกับคุณย่าใหญ่ก่อนนะครับ เดี๋ยวป่าป๊า จะพามามี้ เอ๊ย พี่ซีซี ไปหาช่วงบ่าย ตอนนี้ต้องทำธุระของผู้ใหญ่ให้เสร็จเสียก่อน” “ได้ฮะ แต่ห้ามตีก้นเพียะๆ แต่นอนบนเตียงเล่นกันได้ น้องอนุญาตแล้ว จะไม่งองแง และร้องไห้สักแอะ ให้ป่าป๊าปวดหัว” ความไร้เดียงสาทำให้ทั้งชายหนุ่ม และหญิงสาวเงียบไปเกือบหนึ่งอึดใจใหญ่ๆ ก่อนที่เขาจะพูดเจื้อยแจ้วต่อ “ถ้าไม่ชอบ จะนอนกันสามคนก็ได้ น้องหลุนจะเป็นลูกให้ป่าป๊า
ในเวลาเกือบสามทุ่ม โจวหยางซียังปรับตัวไม่ได้เลย เธอได้ยินแต่เสียงแมลง กับสุนัขเห่าสลับกันไปมา ท้องร้องหิวมาก อีกอย่าง...เธอพักที่เรือนคนงานหญิง เป็นที่นอนรวมมีกันหลายชีวิต! ฮึ มารดาเซียวหวังเหล่ยเถิด ตาลุงหน้าเข้มกำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ หญิงสาวนอนกุมท้องตนเอง ยามนี้หิวจัดเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะเธอมาถึงที่นี่ เห็นคนงานกินของที่ชวนให้คลื่นไส้ มีแต่ผักพัดน้ำมันเยิ้ม ไข่ไก่ที่ผัดใส่มะเขือเทศ บางส่วนก็ไหม้ กินไปได้คำเดียวก็เวียนหัว สุดท้ายพอถึงเวลาต้องนอน เสียงท้องร้องดัง และหิวจนนอนกระสับกระส่าย เป็นเหตุให้คนที่ดูแลเรือนนอน ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานหญิงเดินมาถาม “อาซี... เธอไหวหรือไม่” เฮยหมิงก้าวมาที่ฟูกปูบนตั่งไม้ยกพื้น ยามนั้นโจวหยางซียังรู้สึกว่าตนเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ โดยแท้ “หิว... และไม่สบายตัว ไม่รู้ว่าฉันเป็นไข้หรือเปล่า” “มีหมั่นโถวเหลืออยู่สองลูก เธอไปเอามากินเถิด พรุ่งนี้ต้องลุกตั้งแต่ตีสี่ เตรียมเก็บไข่ไก่ ไข่เป็ดแล้วก็รดน้ำที่แปลงผัก” ได้ยินอย่างนั้น หญิงสาวจึงนิ่งค้าง นี่คืองานที่ต้องทำหรือ มิน่