เมื่อถึงเวลาทำการแสดง เหม่ยอิงที่แต่งกายด้วยชุดนางรำเรียบร้อยแล้ว แต่ครั้งนี้นางใส่เป็นกางเกงขายาวที่รัดข้อเท้าทำให้เป็นกางเกงทรงขาโป่งพองน่ารัก เอวกางเกงนั้นต่ำกว่าเอวคอดของนาง จึงโชว์หน้าท้องขาวผ่อง และตัวเสื้อนั้นมิได้สั้นอย่างเช่นอาภรณ์สีเหลืองเหลือบทองที่นางเคยสวมใส่ แต่มันเป็นตัวยาวเกือบถึงสะดือและเป็นสีชมพูเข้มผ้าบางพริ้วแต่มิได้เนื้อบางเบาจนเห็นเรือนร่างข้างใน เพียงบางพริ้วมีน้ำหนักแต่เนื้อเป็นผ้าเนื้อหนา ตัวชุดตกแต่งด้วยอัญมณีหลากสีสันสลับกับสีทอง เวลาเต้นเครื่องประดับนั้นก็สั่นไหวเป็นประกายงดงามไม่น้อย คอนางสวมสร้อยสีทองระย้า ตุ้มหูระย้าเข้าชุดกัน ที่ข้อมือบางมีกำไลสีทองหลายๆอันสวมเข้าด้วยกัน “ เจ้าแต่งกายด้วยอาภรณ์สีนี้ขึ้นมากเลยนะเหม่ยอิง วันนี้แขกต้องฮือฮาอย่างแน่นอน แสดงให้สุดฝีมือนะ เผื่อมีแขกพึงใจเจ้าคงจะได้รางวัลไม่น้อยเลย จะได้มีโอกาสไถ่ถอนตัวเองได้เร็วๆ” ชุ่ยหลินให้กำลังใจเมื่อถึงเวลาทำการแสดง เหม่ยอิงก็เดินไปที่ด้านหลังเวทีเมื่อเสียงเพลงบรรเลงดังขึ้นนางก็ค่อยเดินเยื้องย่างขึ้นเวทีไป แล้วก็ทำการร่ายรำตามที่ได้ร่ำเรียนมาจากชุ่ยหลินอย่างคล่องแคล่ว บรรดาแขกเหรื่อที่ตอ
“ คุณชายเผยช่างมีจิตใจที่กว้างขวางนัก ถึงกับจะไถ่ถอนตัวทาสของข้า แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าค่าตัวของนางนั้นมันสูงลิบเพียงใดเพราะข้าซื้อตัวนางมาจากการเป็นนักโทษที่ต้องถูกเนรเทศ และข้าเองยังใช้งานนางยังไม่คุ้มกับที่ข้าต้องเสียเงินและเหน็ดเหนื่อยในการซื้อตัวของนางมาเพื่อมิให้ต้องถูกเนรเทศเช่นครอบครัวของนาง ” คุณชายเผยและเหม่ยอิงต่างหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น นายท่านตงเหวินเดินเข้ามาร่วมวงสนทนากับทั้งสองด้วยใบหน้าบึ้งตึงยิ่งนัก “ แล้วค่าตัวนางมันเท่าไหร่กันเล่า หากข้าพอมีก็จะขอไถ่ถอนตัวของนางในตอนนี้เลย ท่านคงจะมิขัดข้องกระมัง ” นายท่านหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ “ ข้ามิขัดข้องหรอก หากว่าท่านจะมีเงินที่มีค่าเท่ากับจวนของท่านทั้งจวนและทรัพย์สินของท่านเกินครึ่งที่ท่านมี เพราะค่าตัวของนางที่ข้าต้องจ่ายไปนั้นมันมีค่าสูงเท่านี้ ท่านคงพอจะรู้นะว่านางมิใช่ทาสธรรมดา แต่เป็นนักโทษที่เพิ่งจะต้องคดีพร้อมกับครอบครัวของนาง จะต้องใช้เงินและอำนาจมากเพียงใดถึงจะซื้อตัวของนางมาได้ ข้าคงมิต้องบอกท่านกระมัง ” ใบหน้าของคุณชายเผยถอดสีไปทันที เขาก็พอจะรู้ว่าค่าตัวของนางคงจะแพงลิบแต่ไม่คิดว่าคุณชายหยางตงเหวินผู้นี้จะยอมลงท
มือหนาเลื่อนไปดึงเชือกไส้ไก่ที่ผูกเป็นปมเอาไว้ด้านหลังจนมันเลื่อนหลุดออกจากกัน แล้วดึงเสื้อตัวบนของนางขึ้นจนพ้นแขนเรียวทั้งสองข้าง ลำตัวช่วงบนเหลือเพียงเอี๊ยมตัวบางๆสีชมพูอ่อน นายท่านหนุ่มอ้าปากครอบผลอิงเถานั้นแล้วดูดดื่มผลอิงเถาที่มันดุนดันเอี๊ยมตัวบางออกมาอย่างเห็นได้ชัดเขาดูดดื่มมันดังเช่นทารกดูดนมของมารดากระนั้น เขาดูดสลับไปมาทั้งสองข้าง “ อ๊าย อ๊ะ อ๊ายย นายท่านไม่นะ ไม่นะ อย่านะ อย่า อ๊ายย อ๊าย ” เหม่ยอิงร้องครวญครางเสียงกระเส่า นางเริ่มเสียวซ่านจนทนแทบไม่ไหว ทันทีที่ผลอิงเถาของนางสัมผัสกับลิ้นสากที่รุ่มร้อนของเขา “ เรียกพี่ตงเหวิน เรียกข้าว่าพี่ตงเหวิน เข้าใจหรือไม่ ” เขายกใบหน้าหล่อคมขึ้นมาบอกนางด้วยเสียงกระเส่าปานกัน แล้วก้มลงไล้เลียสลับกับดูดดึงผลอิงเถาที่เริ่มแข็งเป็นไตนั้นต่อ “ อ๊าย อ๊าย พี่ตงเหวิน อ๊าย อ๊ายย อ๊ายย” เหม่ยอิงร้องครวญครางอย่างทนต่อไปไม่ไหว ร่องอวบของนางตอดลมเบาๆ ไฟราคะของนางจุดติดขึ้นมาแล้ว เพราะนางเคยได้ลิ้มรสของมันมาหลายครั้ง เมื่อถูกเขาปลุกปั่นมันอย่างเร่าร้อน จึงได้จุดติดขึ้นมาอย่างง่ายดาย นายท่านหนุ่มดูดผลอิงเถาจนพอใจจึงได้ยกมือหนาดึงเชือกผ้าเส้นเล็กๆท
นายท่านตงเหวินแม้จะเหนื่อยกับการเริงรักกับนาง แต่ก็อิ่มเอมไม่น้อย เมื่อได้อาบน้ำตาก็สว่างแม้จะดึงร่างอวบของนางมาซุกอกเขาแล้ว ตนเองกลับนอนตาค้างแข็งอยู่ แม้ใจหนึ่งจะยังรักนาง หวงแหนนางยิ่งนัก เมื่อเห็นบุรุษอื่นมาวอแวนาง แต่อีกใจก็เกลียดนาง แค้นนาง อยากจะเห็นนางได้รับความอับอายเจ็บปวดเช่นเขาและมารดาเคยเป็นมาก่อน แม้ตอนแรกจะให้นางมาทำงานรับใช้ภายในหอคณิกาแห่งนี้เยี่ยงสาวใช้ผู้หนึ่งแต่แล้วอีกใจก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นนางทำงานใช้แรง งานงกๆ ทั้งวันทั้งคืน ใจนี้มันไม่รักดี มันทั้งรักทั้งแค้นจนบางครั้งไม่รู้จะหาทางออกให้กับตนเองอย่างไร จะให้นางไปทำงานเป็นหญิงคณิกาก็ทนไม่ได้อีก ทนให้บุรุษอื่นมาเริงรักกับนาง ใจเขาคงจะขาดแน่ ๆ จึงได้แต่รอให้ความรักความหลงที่เขามีต่อนางมันลดน้อยลงจนจางหายไป เขาคิดเพียงว่าหากเขาได้เชยชมนางไปนานๆเข้า คงจะเบื่อหน่ายนางไปเอง ถึงเวลานั้นเขาจะให้นางไปเป็นหญิงคณิกาชั้นสูงของที่หอคณิกาแห่งนี้ หรือไม่ก็ขายนางออกไปให้กับบุรุษอื่นที่ยอมสู้ราคาที่มากพอที่เขาจะขายนางออกไปเพราะถึงเวลานั้นเขาคงมิอยากจะเห็นหน้าของนางอีกแล้ว (แต่หวงเขาขนาดนี้ คุยกับบุรุษใดก็ยังไม่ได้ แล้วจะปล่อยเขาไป
เมื่อเดินไปถึงเรือนพักสาวใช้ก็รีบเปิดประตูห้องของตนเอง แล้วนำถาดไม้ไปวางที่โต๊ะเล็กแล้วหันมาปิดประตู แล้วเดินไปนั่งทรุดตัวลงที่เก้าอี้ใบเล็ก นางหยิบกระดาษมาห่อเสี่ยวหลงเปาทิ้งไว้สองลูก เผื่อตอนกลางวันหิวจะได้มีอะไรกิน วันนี้ไม่แน่ใจว่านางจะไปทำการแสดงได้หรือไม่ เพราะนางเจ็บที่กลางกาย มิรู้ว่าเวลาร่ายรำจะเกิดเจ็บขึ้นมาแขกจะสังเกตุเห็นหรือไม่ จึงได้คิดว่าจะบอกชุ่ยหลินให้แสดงแทนสักสองวันให้นางหายดีเสียก่อนจากนั้นจึงได้ลงมือกินข้าวเพราะท้องก็เริ่มประท้วงขี้นมาอีกแล้ว เมื่อจัดการอาหารในจานจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กินเสี่ยวหลงเปาอีกหนึ่งลูก แล้วก็เทน้ำใส่ในถ้วยยกขึ้นจิบทีละน้อยขณะนั้นก็ครุ่นคิดถึงคำพูดของเขาเมื่อคืนนี้ เขาคืออดีตคู่หมั้นของนาง มิน่าเล่าเขาจึงถึงได้ยอมซื้อตัวของนางมาด้วยราคาแพงลิบเพราะต้องการแก้แค้น ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทั้งเขาและมารดาคงจะแค้นเคืองบิดาและนางยิ่งนัก ที่ใจดำเหลือเกิน ทำเหมือนทอดทิ้งสหายยามตกยาก แม้บิดาจะให้เงินฮูหยินหยางไปยี่สิบตำลึงแต่มันก็เป็นการช่วยเหลือที่เล็กน้อยเหลือเกิน สำหรับสหายที่สนิทสนมกันมานานอย่างบิดาของเขากับบิดาของนาง เมื่อคิดได้ดังนี้นางจึงมิได้โกรธ
เหม่ยอิงเมื่อคิดทำใจได้แล้ว ก็พยายามสลัดความคิดเรื่องนายท่านผู้นั้นออกไปจากใจตนเอง นางไม่ควรจะรักเขา เพราะเขาก็มิได้รักนาง เขาแค่แค้นนางเท่านั้น นางจึงคิดว่านางจะชดเชยให้เขาและมารดาได้แก้แค้นนางจะได้ถือโอกาสชดใช้ให้กับเขาแทนบิดาและตนเองที่ทอดทิ้งเวลาที่เขาและมารดาลำบาก จึงพยายามตัดใจมิคิดจะรักและพยายามไม่สนใจเขาไม่ว่าเขาจะมีหญิงงามข้างกายกี่คน เพราะนางไม่มีสิทธิ์หึงหวงเขาและมิได้เป็นอะไรกับเขา สองวันต่อมาเหม่ยอิงก็แต่งกายด้วยชุดนางรำและไปทำการแสดงตามปกติ แต่ก่อนที่จะขึ้นไปทำการแสดงก็มีบุรุษสองสามคนเดินมามอบของกำนัลให้กับนาง มันคือเครื่องประทินผิวชั้นดีและเครื่องประดับ แม้นางจะปฏิเสธแต่เขาก็ยังยัดเยียดให้นางจนได้บอกว่าอุตส่าห์หอบหิ้วมันมาให้นางสองคืนแล้ว แต่ไม่พบนาง สอบถามเสี่ยวเอ้อพวกเขาบอกว่าอีกสองวันเหม่ยอิงถึงจะทำการแสดง วันนี้พวกเขาจึงมารอพบนางตั้งแต่หัวค่ำก่อนนางจะขึ้นเวที เหม่ยอิงจึงปฏิเสธพวกเขาไม่ลง ได้แต่ยอมรับของกำนัลเหล่านั้น แล้วฝากกับชุ่ยหลิงเอาไว้แล้วเดินขึ้นไปทำการแสดงตามปกติ วันนี้นางร่ายรำด้วยลีลาที่อ่อนช้อยงดงามยิ่งนัก วันนี้แขกที่มานั่งชมต่างเป็นบุรุษเป็นส่วนมากแล
เหม่ยอิงถูกนายท่านหนุ่มลากนางมาจนถึงเรือนเล็กของเขาแล้วผลักประตูลากนางเข้าไปจนถึงในห้องนอนด้านหลัง “ ต่อไปนี้เจ้าย้ายมาอยู่ที่เรือนนี้มิต้องกลับไปพักที่เรือนของสาวใช้อีกแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเลือกอาภรณ์ใหม่ เครื่องประดับและเครื่องประทินโฉมใหม่ทั้งหมด เจ้าอยากจะได้สิ่งใดข้าจะซื้อหาให้เจ้าเอง มิต้องไปรับของๆบุรุษอื่นเช่นนี้ ” เหม่ยอิงที่ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะกลมกลางห้องนอนของเขา“ ท่านกับพวกเขาก็เป็นผู้อื่นสำหรับข้าเช่นกัน ใครจะมอบของกำนัลให้ก็มีค่าเท่ากัน ทำไมจะข้าจะรับของพวกเขามิได้ ท่านอย่าลืมสิ ท่านเกลียดชังข้ายิ่งนัก มิอาจจะรับข้าเป็นแม้กระทั่งอนุของท่าน เช่นนั้นแล้วระหว่างเรามิได้มีสถานะเป็นอะไรกัน ข้าจะชอบพอใครหรือจะพึงใจบุรุษคนไหนหัวใจของข้าคงจะเป็นอิสระแก่ตนเองอยู่กระมัง ” นายท่านหนุ่มหันขวับมาจ้องนางทันที “ เริงรักกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เจ้าคือเมียของข้าและข้าเป็นผัวของเจ้า แม้เราไม่ได้แต่งงานกัน แต่เจ้าก็คือเมียของข้า ข้ามิมีทางปล่อยให้เจ้าสวมหมวกเขียวให้ข้าเด็ดขาด ต่อไปไม่ต้องไปทำการแสดงแล้ว อยู่แต่ในเรือนเล็กนี้ ข้าจะให้คนมารับใช้เจ้า มิต้องทำสิ่งใด อาหาร
เหม่ยอิงจึงได้จับลูกชายของเขาที่มันพรักพร้อมเหลือเกิน ขยายตัวยิ่งกว่าที่นางเคยเห็น สอดเข้าไปในร่องอวบของนางที่มีน้ำรักหล่อเลี้ยงเอาไว้ไม่น้อยแล้ว จากนั้นก็ค่อยยกสะโพกอวบขย่มเขาทันที จากช้าๆแล้วค่อยๆเร่งจังหวะอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นกระแทกเขาอย่างรุ่นแรง นางโยกบั้นเอวควงเป็นวงกลมเพื่อหยอกเย้าเขา“ เมียจ๋า ได้โปรดรักข้า อย่าทำเช่นนี้ อ๊าาก อ๊ากก อ๊า อ๊ากก ” สามีหมาดๆของนางร้องครวญครางปานจะขาดใจ พลางวิงวอนเมียรักให้รักเขาอย่างเร่าร้อน อย่าให้เขารอเช่นนี้อีกเลย แต่มีหรือเมียหมาดๆของเขาที่เพิ่งรู้สึกว่านางเพิ่งได้อำนาจควบคุมเขา“ อ้อนวอนข้าสิท่านพี่ อ้อนวอนให้ข้าพอใจแล้วข้าจะให้สิ่งที่ท่านต้องการ นางโน้มตัวไปกระซิบเขาด้วยเสียงกระเส่า ส่งสายตายั่วยวนเขาอย่างเป็นต่อยิ่งนัก “เมียจ๋า เมียรักของพี่ ได้โปรดเจ้าอย่าทรมานพี่เช่นนี้เลย ข้ารักเจ้า รักมากที่สุด อ๊าก อ๊ากกก อ๊ากก ” เมื่อเห็นสามีทรมานเช่นนี้ นางจึงได้เร่งขย่มร่างอวบบนร่างแกร่งของเขาอย่างรุนแรง นางโยกขย่มเขาอย่างเร่าร้อน นางหลับตาจินตนาการว่าตนเองควบขี่ม้าตัวผู้ที่กำลังคึกคะนองและแสนจะพยศนี้“ อ๊าย อ๊ะ อ๊าย อ๊ายย อ๊ากก อ๊ากก อ๊ากก” ทั้
คืนนั้นทั้งคืนเหม่ยอิงก็ร้องครวญครางใต้ร่างสามี เขาร้อนแรงยิ่งนัก มิได้ปล่อยให้นางได้พักร่างเลย แม้นางจะประท้วงว่านางกำลังตั้งครรภ์ แต่เขาก็ยังเคี่ยวกรำนางทั้งคืน แต่แล้วเหม่ยอิงก็เอาแต่ส่งเสียงร้องครวญครางและเคลิบเคลิ้มไปกับรสรักของสามีที่หลอกล่อจนนางหลงลืืมไปหมดจนได้ ทั้งสองเริงรักกันที่จวนนอกเมืองแห่งนี้จนหลายวันผ่านไป นายท่านถึงจะออกไปตรวจงานนอกจวนสักครั้ง กิจการใดที่เขาไว้วางใจคนดูแลเขาก็มักจะให้ส่งเพียงรายงานและบัญชีมาให้เขาตรวจสอบ เหม่ยอิงก็ช่วยงานสามีบ้างเท่าที่นางจะช่วยได้แต่เขามิอยากให้นางเคร่งเครียดเพราะนางกำลังตั้งครรภ์จึงให้ทำแต่งานเบาๆ ชีวิตของเหม่ยอิงตอนนี้ดียิ่งกว่าอดีตคุณหนูจ้าวเสียอีก นางอยากจะได้สิ่งใดปรารถนาสิ่งใด สามีของนางก็บันดาลให้ทุกอย่างเขาขอเพียงนางคลอดลูกให้เขาหลายๆคนเพียงเท่านั้น นางได้ข่าวคราวของบิดามารดาเพราะสามีให้คนไปสืบมาและได้ทำการช่วยเหลือไปแล้วจนครอบครัวของนางมีจวนขนาดกลางอยู่อาศัยและมีเงินทุนจำนวนมากเพื่อทำกิจการค้าต่อไป ทุกคนสบายดี และฝากความคิดถึงมาให้นางและอวยพรขอให้นางและสามีครองรักกันอย่างมีความสุข หากมีโอกาสขอให้พาหลานๆไปเที่ยวที่แคว้นสู่
ด้านเหม่ยอิงเมื่อรถม้าที่นางโดยสารมาหยุดนิ่งหลังจากที่วิ่งห้อตะบึงมานานนับชั่วยาม มันเกิดอะไรขึ้นกัน แต่นางก็นั่งฟังเสียงด้านนอกที่เงียบอยู่จากนั้นประตูรถม้าก็เปิดผางออก“ นายหญิงขอรับ นายท่านให้มารับกลับจวนขอรับ นายท่านไม่อนุญาติให้นายหญิงเดินทางไปไหนหากไม่มีนายท่านไปด้วย โปรดกลับไปกับข้าเถิดขอรับ ” แล้วชายในชุดดำนั้นก็ได้รอคำตอบ เขาเดินเข้ามาในรถม้าคล้ายจะกดดันนางให้ลุกขึ้น แต่มิได้แตะต้องตัวของนาง เหม่ยอิงจึงได้ลุกขึ้นช้าๆหอห่อผ้าที่มีเงินซุกซ่อนไว้ในนั้นโดยทิ้งของกินเอาไว้เพราะนางหอบหิ้วไปไม่ไหว แล้วยอมเดินออกไปจากรถม้านั้นแต่โดยดีเมื่อเดินลงมาจากรถม้าคันเดิม ก็มีอีกคันหนึ่งจอดรอรับนาง ชายชุดดำผายมือให้นางเดินไปขึ้นรถม้าคันนั้น เหม่ยอิงยอมเดินขึ้นไปอย่างว่าง่ายเพราะนางมิอาจขัดขืนชายชุดดำสามสี่คนที่ยืนขนาบข้างรถม้า และนางคิดว่าคนเหล่านี้คงจะเป็นคนของสามีของนางนั่นเอง เขาหูตาไวมากสมกับที่สร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวยเป็นคหบดีใหญ่ด้วยตนเองโดยใช้เวลาไม่กี่ปีเท่านั้น นางจึงยอมขึ้นรถม้าคันใหม่นั้นแต่โดยดี ในรถม้าก็มีห่อของกินและน้ำดื่มเช่นกัน สองคนนี้สมกับเป็นแม่ลูกกันจริงๆ แม้สิ่งของที่จ
หลายวันต่อมามีคนของฮูหยินหยางมาส่งข่าวโดยฝากจดหมายน้อยมาให้เหม่ยอิง นางเปิดออกอ่านแล้วพบว่ารถม้าจะมารอรับนางที่หน้าหอคณิกาในอีกสองวัน แต่วันนั้นจะมาคนช่วยนางเบี่ยงเบนความสนใจของคนดูแลหอคณิกาและยามรักษาการณ์ของที่นี่ให้นาง และมิต้องขนข้าวของสิ่งใดติดตัวไป ฮูหยินหยางจะให้คนเตรียมของจำเป็นใส่ไว้ให้นางในรถม้า และเงินจะมีผู้นำมาให้นางระหว่างเดินทางเองมิต้องเป็นห่วงอะไรเพียงเตรียมตัวเดินทางเพียงเท่านั้นเมื่อรู้เวลาที่แน่นอนที่จะต้องจากสามีของนางแล้ว นางคอยปรนนิบัติเขาและเริงรักกันอย่างเร่าร้อน นางอยากจะดูแลเขาไปจนถึงวันสุดท้าย เขาไปที่ไหนนางมักจะอ้อนขอติดตามเขาไปในทุกที่ แม้เขาไปตรวจงานที่นอกเมือง นางก็จะติดตามไปด้วย เพราะเวลาของนางเหลืออีกไม่มากแล้ว วันที่จะต้องออกเดินทางไปจากแคว้นหนิงโจวมาถึงแล้ว นางขึ้นไปบนหอคณิกาและตรงไปพบชุ่ยหลินที่ห้องแต่งตัวของนางรำและมอบปิ่นเล็กๆที่มีพลอยหลากสีประดับไว้พร้อมกับเครื่องประทินโฉมหนึ่งตลับให้นาง “ นายหญิง ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะที่มอบของมีค่าเช่นนี้ให้กับข้า ตั้งแต่ท่านไม่ได้ทำการแสดงอีกแล้ว ข้าเหงามากเลยเจ้าค่ะ ไม่มีคนคุยด้วยเลย เพราะนางรำผู้อื่นรับงานก
เหม่ยอิงอึ้งงันไปทันที แม้ในใจของนางนั้นรักสามีเหลือเกิน แต่ในเมื่อแม่สามียื่นคำขาดต่อนางว่ามิอาจจะรับนางเป็นลูกสะใภ้มิว่าตำแหน่งใดๆและมิอยากจะให้หลานของนางกำเนิดมาจากสะใภ้เช่นเหม่ยอิง เมื่อแม่สามีพูดถึงขนาดนี้แสดงว่ามิให้อภัยอย่างเด็ดขาด เหม่ยอิงจึงคิดว่าแม้นางจะรักพี่ตงเหวินมาก แต่นางและครอบครัวก็ทำผิดต่อครอบครัวของพี่ตงเหวินไว้มากจนท่านป้าหยางมิอาจจะให้อภัยและยอมรับนางได้ จึงได้เอ่ยว่า“ หากท่านป้าต้องการเช่นนั้นข้าก็พร้อมจะทำตามเพื่อให้ท่านป้ากับพี่ตงเหวินมีความสุขและยอมให้อภัยข้าและท่านพ่อ หากท่านป้าจะให้รถม้าไปส่งข้าวันไหนก็ขอได้โปรดส่งคนไปบอกข้า ข้าจะรีบออกไปจากชีวิตของพี่ตงเหวินทันทีเจ้าค่ะ ” นางตัดสินใจเอ่ยด้วยมองไม่เห็นทางที่นางกับสามีจะครองรักกันได้ สามีของนางเป็นบุรุษที่หล่อเหลา เขาย่อมจะมีหญิงมาพึงใจมากมาย และยิ่งเขามีฐานะร่ำรวยแล้ว หากนางหนีไป เพียงไม่นานเขาคงจะลืมนางได้ ยิ่งมีสตรีที่งดงามน่ารักที่ท่านป้าเต็มใจอยากจะได้เป็นสะใภ้อยู่ใกล้ชิดเขา อีกไม่นานเขาก็คงจะลืมนางไปเอง เส้นทางชีวิตของนางกับพี่ตงเหวินเป็นเส้นขนานที่มิอาจจะมาบรรจบกันได้ แม้จะเพียงผ่านพบกันแค่ช่วงระยะเว
วันต่อมาคุณชายหยางตงเหวินพาอนุเหม่ยอิงไปที่จวนหยางเพื่อยกน้ำชาให้มารดาของเขา เพราะเขาคิดว่าหากจะปิดบังมารดาไปก็คงได้ไม่นานเพราะข่าวของเขาต้องมีคนนำไปบอกมารดาอย่างแน่นอน จึงได้ตัดสินใจพาเหม่ยอิงไปพบมารดาของเขาเสียในวันนี้ เมื่อไปถึงจวนหยางก็พานางเข้าไปหามารดาที่เรือนหลักเมื่อเดินเข้าไปก็พบมารดากำลังนั่งขัดถูเครื่องประดับของนางอยู่ที่โต๊ะกลมกลางห้องนั้น โดยมีหญิงงามผู้หนึ่งที่ดูงดงามน่ารักนั่งอยู่ข้างๆมารดา “ ท่านแม่ขอรับ วันนี้ข้าพาลูกสะใภ้มายกน้ำชาขอรับ ” มารดาของเขาเงยหน้าขึ้นจากกองเครื่องประดับตรงหน้านาง แล้วหันมามองบุตรชายและสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายเขาใบหน้าของนางเปลี่ยนสีไปทันทีเมื่อเพ่งพิศมองใบหน้าของเหม่ยอิง “ จ้าวเหม่ยอิง นั่นนางใช่หรือไม่ ตงเหวินเจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ถึงได้คิดแต่งหญิงใจดำเช่นนี้มาเป็นภรรยา ข้ามิอาจยอมรับได้หรอกนะ หากเจ้าอยากจะได้นางนัก ก็รับนางเป็นนางบำเรอก็พอแล้ว หญิงเช่นนางที่มาจากบิดามารดาที่ใจดำและไม่มีความจริงใจ หากเรายังมีประโยชน์ให้พวกเขาก็จะมองเราเป็นสหายหากเราตกต่ำพวกเขาก็พร้อมจะสลัดเราทิ้งอย่างไม่ไยดี ไม่ได้มีความจริงใจให้ใคร ที่นางยอมเป็นเมียของเจ้าก็
เมื่อรถม้าแล่นมาจนถึงที่หน้าหอคณิกา คุณชายตงเหวินก้าวลงจากรถม้า แล้วรอรับภรรยาของเขา จากนั้นก็พากันเดินเข้าไปทางด้านข้างของหอคณิกาเพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ จึงได้พากันเดินเข้าไปทางด้านข้างเพื่อกลับไปยังเรือนเล็ก ขณะนั้นพบมาม่าฟางเซียนยืนรอนายท่านหนุ่มอยู่จึงได้หยุดทักทาย“ นายท่านเจ้าคะ มีแต่คนมาขอพบเพื่อจะขอไถ่ถอนตัวของนายหญิง พวกเขายังไม่ทราบว่านางเป็นภรรยาของนายท่านและมิได้ทำการแสดงอีกแล้ว ” นายท่านฟังมาม่าฟางเซียนพูดจบก็เอ่ยบอกนางว่า “ บอกพวกเขาไปว่านางทำการแสดงแทนนางรำที่ไม่มาทำงาน แต่นางเป็นภรรยาของข้าที่ตอนนี้ไม่ให้นางทำการแสดงอีกแล้ว และข้ากำลังจะแต่งงานกับนางในอีกสองสามวันนี้ ” มาม่าฟางเซียนพยักหน้าอย่างยินดีและยิ้มกว้างให้กับทั้งสอง“ ยินดีกับนายท่านและนายหญิงจริงๆเจ้าค่ะ ข้าดูแลรับใช้นายท่านมาหลายปีแล้ว ต่อไปก็ขอฝากนายหญิงดูแลนายท่านให้ดีด้วยเจ้าคะ ข้ายินดีกับนายท่านจริงๆที่จะได้มีคนดูแลแล้วเช่นนี้ ” มาม่าฟางเซียนยิ้มกว้างอย่างยินดี นางติดหนี้บุญคุณนายท่านที่ช่วยชีวิตนางไว้และทำให้นางได้มีชีวิตที่ดีขึ้น พ้นความทุกข์ทรมานเมื่อครั้งอดีต และได้ช่วยเหลือครอบครัวของนางให
ยามซื่อ (เก้าโมงกว่าๆ) วันต่อมา ทั้งสองอาบน้ำชำระกายด้วยกัน เหม่ยอิงช่วยเปลี่ยนอาภรณ์ให้กับสามีหมาดๆของนาง “ พี่จะพาเจ้าไปหาซื้ออาภรณ์ที่ถูกใจเจ้า แล้วขอเวลาอีกสองสามวันค่อยแต่งเจ้าเป็นอนุนะ เราแค่ไหว้ทั้งสี่ตามประเพณีที่เรือนของเรานี้พอเป็นพิธีเจ้าจะขัดข้องหรือไม่ เพราะพี่ยังไม่ได้บอกท่านแม่เรื่องของเรา อาจจะต้องใช้เวลาสักพักให้ท่านแม่เข้าใจเรื่องของเราตอนนี้แต่งงานรับเจ้าเป็นอนุประตามประเพณีก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ เจ้าจะยินดีอยู่กับพี่หรือไม่ ” เขาเอ่ยกับนางขณะที่ช่วยเขาแต่งตัว “ ข้าแล้วแต่ท่านพี่เจ้าค่ะ เพราะข้าเองก็ไม่เหลือใครแล้ว มีแต่ท่านที่เป็นที่พึ่งพา หากท่านพี่รับข้าเป็นอนุข้าก็พอใจแล้ว อนาคตหากมีโอกาสข้าเพียงอยากจะพบครอบครัวของข้าสักครั้ง อยากจะรู้ว่าท่านพ่อท่านแม่สบายดีหรือไม่เพียงเท่านั้น ” คุณชายตงเหวินเชยคางเมียรักขึ้นมาสบตากับเขา“ โอกาสที่บิดามารดาของเจ้าจะกลับแคว้นนี้คงจะยากยิ่ง แม้ก่อนหน้าที่พี่วิ่งเต้นใช้เส้นสายเพื่อจะซื้อตัวเจ้ามาก็แทบเลือดตากระเด็น ใช้เงินไปมากมายยิ่งนัก แต่พี่จะส่งคนไปสืบดูและช่วยเหลือท่านอาทั้งสองเท่าที่จะทำได้ พี่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าสบาย
เหม่ยอิงจึงได้จับลูกชายของเขาที่มันพรักพร้อมเหลือเกิน ขยายตัวยิ่งกว่าที่นางเคยเห็น สอดเข้าไปในร่องอวบของนางที่มีน้ำรักหล่อเลี้ยงเอาไว้ไม่น้อยแล้ว จากนั้นก็ค่อยยกสะโพกอวบขย่มเขาทันที จากช้าๆแล้วค่อยๆเร่งจังหวะอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นกระแทกเขาอย่างรุ่นแรง นางโยกบั้นเอวควงเป็นวงกลมเพื่อหยอกเย้าเขา“ เมียจ๋า ได้โปรดรักข้า อย่าทำเช่นนี้ อ๊าาก อ๊ากก อ๊า อ๊ากก ” สามีหมาดๆของนางร้องครวญครางปานจะขาดใจ พลางวิงวอนเมียรักให้รักเขาอย่างเร่าร้อน อย่าให้เขารอเช่นนี้อีกเลย แต่มีหรือเมียหมาดๆของเขาที่เพิ่งรู้สึกว่านางเพิ่งได้อำนาจควบคุมเขา“ อ้อนวอนข้าสิท่านพี่ อ้อนวอนให้ข้าพอใจแล้วข้าจะให้สิ่งที่ท่านต้องการ นางโน้มตัวไปกระซิบเขาด้วยเสียงกระเส่า ส่งสายตายั่วยวนเขาอย่างเป็นต่อยิ่งนัก “เมียจ๋า เมียรักของพี่ ได้โปรดเจ้าอย่าทรมานพี่เช่นนี้เลย ข้ารักเจ้า รักมากที่สุด อ๊าก อ๊ากกก อ๊ากก ” เมื่อเห็นสามีทรมานเช่นนี้ นางจึงได้เร่งขย่มร่างอวบบนร่างแกร่งของเขาอย่างรุนแรง นางโยกขย่มเขาอย่างเร่าร้อน นางหลับตาจินตนาการว่าตนเองควบขี่ม้าตัวผู้ที่กำลังคึกคะนองและแสนจะพยศนี้“ อ๊าย อ๊ะ อ๊าย อ๊ายย อ๊ากก อ๊ากก อ๊ากก” ทั้
เหม่ยอิงถูกนายท่านหนุ่มลากนางมาจนถึงเรือนเล็กของเขาแล้วผลักประตูลากนางเข้าไปจนถึงในห้องนอนด้านหลัง “ ต่อไปนี้เจ้าย้ายมาอยู่ที่เรือนนี้มิต้องกลับไปพักที่เรือนของสาวใช้อีกแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเลือกอาภรณ์ใหม่ เครื่องประดับและเครื่องประทินโฉมใหม่ทั้งหมด เจ้าอยากจะได้สิ่งใดข้าจะซื้อหาให้เจ้าเอง มิต้องไปรับของๆบุรุษอื่นเช่นนี้ ” เหม่ยอิงที่ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะกลมกลางห้องนอนของเขา“ ท่านกับพวกเขาก็เป็นผู้อื่นสำหรับข้าเช่นกัน ใครจะมอบของกำนัลให้ก็มีค่าเท่ากัน ทำไมจะข้าจะรับของพวกเขามิได้ ท่านอย่าลืมสิ ท่านเกลียดชังข้ายิ่งนัก มิอาจจะรับข้าเป็นแม้กระทั่งอนุของท่าน เช่นนั้นแล้วระหว่างเรามิได้มีสถานะเป็นอะไรกัน ข้าจะชอบพอใครหรือจะพึงใจบุรุษคนไหนหัวใจของข้าคงจะเป็นอิสระแก่ตนเองอยู่กระมัง ” นายท่านหนุ่มหันขวับมาจ้องนางทันที “ เริงรักกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เจ้าคือเมียของข้าและข้าเป็นผัวของเจ้า แม้เราไม่ได้แต่งงานกัน แต่เจ้าก็คือเมียของข้า ข้ามิมีทางปล่อยให้เจ้าสวมหมวกเขียวให้ข้าเด็ดขาด ต่อไปไม่ต้องไปทำการแสดงแล้ว อยู่แต่ในเรือนเล็กนี้ ข้าจะให้คนมารับใช้เจ้า มิต้องทำสิ่งใด อาหาร