เดียร์ Talk
แกร้ก~ ฉันใช้คีย์การ์ดแตะเข้าคอนโดตามปกติที่เคยทำ แต่หางตาเหลือบไปมองเห็นใครบางคนกำลังยืนหันหลังสูบบุหรี่อยู่ตรงบันไดหนีไฟ ท่าทางของผู้ชายคนนั้นดูมีพิรุธมากเลย และชั้นบนนี้มีแค่ไม่กี่ห้องและเท่าที่จำได้ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อนเลย หลายวันมานี้ฉันรู้สึกแปลกๆ กับตัวเองมาก เหมือนมีใครคอยมองฉันอยู่ตลอดเวลาเลย แต่พอมองไปรอบๆ ตัวมันก็ปกติดีไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลย แต่ความรู้สึกของฉันมันไม่ได้บอกแบบนั้น ขวับ! ผู้ชายคนนั้นเหลียงหลังมามองฉันแปลกๆ ฉันเลยรีบเข้าไปในห้องแล้วล็อคกลอนไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็ยังไม่ได้เดินเข้าไปฉันมองอยู่ที่ตาแมวจะดูว่าผู้ชายคนนั้นเดินออกไปหรือยัง ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านห้องฉันไปช้าๆ เขาใส่หมวกแก๊ปเดินก้มหน้าต่ำฉันเลยมองไม่ออกว่าเป็นใคร แต่คนท่าทางแบบนี้ฉันไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อนเลยนะ ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ฉันหยิบโทรศัพท์โทรลงไปที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง อย่างน้อยๆ แจ้งพนักงานให้รู้ให้เขาส่งรปภ.ขึ้นมาตรวจดูอีกครั้ง จะได้อุ่นใจกันทั้งชั้นด้วย เจอแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ฉันเองก็ตัวคนเดียวอยู่คอนโดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย ( ได้เลยค่ะคุณเดียร์ เดี๋ยวทางเราจะให้รปภ.ขึ้นไปตรวจให้นะคะ ถ้าเจอผู้ชายตามที่คุณเดียร์บอกเราจะรีบจัดการให้เขาออกไปจากตึกเลยค่ะ ) “ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ” ( ยินดีค่ะ ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะที่ปล่อยให้คนนอกเข้าไปด้านในได้ ) คอนโดนี้เป็นคอนโดปิด ใครที่จะเข้าออกต้องเป็นเจ้าของห้องหรือมีการซื้อห้องคอนโดอยู่ที่นี่ แต่ถ้าจะมาหาเพื่อนต้องมีเพื่อนที่คอนโดลงมารับก่อนถึงจะอนุญาตให้ขึ้นไปได้ และการที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาในคอนโดแบบนี้มันก็น่าสงสัยเหมือนกันแหละ ว่าผู้ชายคนนั้นจะมาทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ อย่างน้อยฉันก็แจ้งพนักงานไปเรียบร้อยแล้ว ห้องก็ล็อคกลอนด้านในอย่างแน่นหนาแล้วด้วย ซ่า~ น้ำจากฝักบัวไหลรินรดตั้งแต่หัวฉันลงมาทันทีที่ฉันเปิดน้ำ มือเล็กยื่นไปกดสบู่เหลวมาถูไถตามร่างกายของตัวเอง กลิ่นหอมของมันทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นทุกครั้ง ฉันชอบกลิ่นหอมจากพวกดอกไม้มาก ในห้องของฉันมักจะมีดอกไม้ใส่แจกันวางไว้ตลอดโดยเฉพาะดอกกุหลาบ สีแดง สีขาว สีชมพู ฉันชอบมาก ปึก! ฉันหยุดชะงักก่อนจะเลื่อนมือไปปิดน้ำฝักบัว ฉันได้ยินเสียงเหมือนมีของอะไรหล่นจากด้านนอก ก่อนจะเข้ามาอาบน้ำฉันก็ไม่ได้วางอะไรไว้ตรงที่มันจะหล่นลงมาได้เลยนี่นา อีกอย่างที่นี่ไม่มีลมแน่นอนเพราะฉันไม่ได้เปิดระเบียง มีคนข้ามาเหรอ? หรือของมันหล่นเอง แต่ห้องนี้ฉันอยู่คนเดียวนะไม่ได้เลี้ยงสัตว์เลยสักตัว “เอาวะ” ฉันหันไปหยิบผ้าขนหนูก่อนจะคว้าไม้เบสบอลที่ตั้งวางอยู่ข้างประตูห้องน้ำ พลางก้าวเดินไปอย่างช้าๆ ด้วยความกลัว ห้องนี้ก็เป็นห้องของฉันเองนะแต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกกลัวได้ขนาดนี้ ตั้งแต่เห็นผู้ชายคนนั้นที่ตรงบันไดหนีไฟก่อนเข้าห้องมาแล้ว พอออกมาฉันก็ไม่เจอใครเหมือนเดิม มีแต่นาฬิกาข้อมือของฉันที่หล่นอยู่บนพื้น แต่ฉันจำได้ว่าฉันเอาวางไว้บนโต๊ะอย่างดีนี่นาแล้วมันตกมาอยู่ที่พื้นได้ยังไง “บ้าจริง สงสัยจะต้องติดกล้องวงจรปิดซะแล้วล่ะ” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเอง หรือจะขายห้องนี้ทิ้งแล้วไปอยู่ห้องอื่นแทน แต่ห้องนี้ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีเลยนะ ถ้ามีคนเข้ามาโดยที่ไม่ได้ใช้คีย์การ์ดมันจะมีเสียงกริ่งเตือนเป็นสัญญาณว่ามีผู้บุกรุกเข้ามา แต่ฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ คงไม่มีอะไรหรอกหรือฉันวางไว้ไม่ดีเองก็ไม่รู้ “เฮ้อ…” ฉันถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน จากนั้นก็ไปนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง คลิ๊ก~ ( เสียงข้อความจากแชท ) คุณก้อง : นอนหรือยังครับคุณเดียร์ ฉัน : กำลังจะนอนแล้วค่ะ คุณก้องมีอะไรหรือเปล่าคะ คุณก้อง : พรุ่งนี้ผมว่าจะชวนคุณเดียร์ไปทานอาหารกลางวันด้วยกันน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณเดียร์พอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า ฉัน : ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าเดียร์มีประชุมงานพรุ่งนี้ยาวเลย คงไปไม่ได้ คุรก้อง : ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน ฉัน : ( ฉันส่งสติกเกอร์รูปยิ้มไป ) คุณก้อง : ฝันดีนะครับ ฉัน : ค่ะ ฉันพิมพ์ข้อความสุดท้ายตอบกลับไปก่อนจะวางโทรศัพท์ลงที่หัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอน ขนาดนี้แล้วเขายังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายแบบนี้ ไม่ว่าจะชวนไปไหนฉันก็จะปฏิเสธทุกครั้ง ไม่ใช่เพราะว่าฉันติดงานหรือไม่ว่างแต่ฉันไม่อยากไปเลย เขามันเป็นเพลย์บอยผู้ชายเจ้าชู้ฉันไม่ชอบผู้ชายแบบนี้ และตอนนี้ฉันก็ยังไม่คิดที่จะมีใครด้วยถึงฉันจะมีอายุแล้วก็ตาม แต่การอยู่คนเดียวมันก็ไม่ได้ทำให้ตายนี่นา ฉันอยู่คนเดียวได้โดยที่ไม่มีใครเลย ฉันมีงานทำฉันมีเงิน ไม่เห็นจะต้องดึงใครเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเลยนี่นา ผู้ชายแต่ละคนที่เข้าหาฉันก็มีแต่พวกหิวเงิน บางคนมองว่าฉันเป็นผู้หญิงที่เลี้ยงต้อยเด็กนักศึกษาหนุ่มๆ หล่อๆ เพราะบริษัทของฉันเปิดรับนักศึกษาฝึกงานใหม่เยอะ แต่ฉันก็มีวุฒิภาวะมากพอที่จะแยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ และอีกอย่างสเปคของฉันก็ไม่ใช่คนที่เด็กกว่าด้วย ฉันชอบคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวมีความคิดมีความรับผิดชอบเป็นที่หนึ่ง ชอบคนที่มีการวางแผนชีวิตล่วงหน้าว่าอายุเท่านั้นเท่านี้เราจะทำอะไรกันดี เอาเป็นว่าฉันยังไม่เจอใครที่ถูกตาถูกใจเลย จะแก่จะแต่งงานอายุ30-40ก็ไม่แปลกเลย ฉันใช้เวลาช่วงวัยรุ่นเหลวไหลมาเยอะมากพอแล้ว ฉันเที่ยวเก่ง งานไม่ยอมทำกว่าจะมาเริ่มสร้างหลักปักฐานเป็นชิ้นเป็นอันได้ ก็อายุ20ปลายแล้ว สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันเป็นคนที่ติดเที่ยวติดดื่มมาก ต้องได้ไปเที่ยวผับเที่ยวคลับทุกวัน ผิดกับพิงค์ที่วางแผนชีวิตตัวเองไว้ว่างหน้า แต่ตอนนี้มันก็อยู่ดีมีสุขแล้วล่ะไม่ต้องหนีไปไหนอีกแล้ว สมใจพ่อกับแม่มันแล้วล่ะอยากให้แต่งงานกับคนมีเงิน แต่ฉันก็ดีใจนะที่มีคนรักและเข้าใจพิงค์มันได้ นอกจากฉันที่เป็นเพื่อนสนิทก็ไม่รู้ว่ามีใครอีกหรือเปล่า ที่เข้าใจความรู้สึกของพิงค์กับการถูกบังคับมาตลอด พิงค์คือเพื่อนสนิทของฉัน และมันก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไปเดียร์ Talk บริษัทออกแบบดีไซเนอร์ “สวัสดีค่ะท่านประธาน” “สวัสดีค่ะ” ฉันหันไปยิ้มตอบรับกับพนักงาน ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง “คุณเดียร์ครับ”“อ่าว่าไงเจมส์?” ฉันหยุดชะงักเมื่อนักศึกษาฝึกงานที่ฉันเพิ่งจะรับเข้ามาทำงานในบริษัทยืนรอฉันอยู่หน้าห้องทำงาน โดยมีแฟ้มเอกสารปึกหนาอยู่ในมือ “มาส่งงานเหรอ?” “ครับ แล้วก็จะมาขอคำปรึกษาจากคุณเดียร์ด้วยครับ” “เข้ามาก่อนสิ” ฉันเปิดประตูพาเจมส์เข้าห้องทำงานไป ความจริงฉันก็ไม่เคยคิดอะไรกับเด็กนักศึกษาที่มาฝึกงานหรอก จะคุยงานมันก็ต้องเข้าไปคุยในห้องทำงานอยู่แล้วไหม แต่บางคนกลับมองว่าฉันพาเด็กนักศึกษาเข้าไปกินในห้องทำงาน นี่มันสถานที่ทำงานและอีกอย่างฉันก็เป็นเจ้าของบริษัทฉันไม่ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงทำอะไรต่ำๆ เหมือนปากคนที่พูดหรอก “ผมยังไม่ค่อยเข้าใจส่วนนี้น่ะครับคุณเดียร์” “ไหน” ฉันโน้มตัวไปมองงานในแฟ้มของเจมส์ก่อนจะใช้ปากกาวงแยกบรรทัดพร้อมกับอธิบายให้เจมส์เข้าใจ งานแบบนี้ถ้าไม่ทำความเข้าใจตั้งแต่แรกก็จะไม่มีทางเข้าใจเลยนะ สำหรับคนที่รักงานแบบนี้จริงๆ ถึงจะเข้าใจ “อ๋อ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับคุณเดียร์ ขอบคุณมากๆ นะครับ” “ไม่เป็นไร
“คุณเดียร์ครับ” “….” ฉันหันหลังไปยังต้นเสียงที่เรียกฉัน แต่แล้วก็ต้องยืนมองจนตาค้างเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าเจมส์เด็กนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทของฉันใส่ชุดสูทดูเรียบร้อยสะอาดตามาก “หล่อมากเลยเจมส์ ฉันว่าสาวๆ ต้องแอบเหล่มองเธอแน่เลย” “แหม คุณเดียร์ก็พูดเกินไปครับ” “เรารีบไปกันเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะไปสายเอา” “ครับ”“นายขับนะ” ฉันยื่นกุญแจรถให้กับเจมส์ก่อนจะเดินไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ จากนั้นเราสองคนก็พากันมายังงานเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งงานใหญ่เหมือนกันนะ นักธุรกิจรายใหญ่ของประเทศอยู่กันเยอะเลย ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักใครหรอกเพราะฉันไม่ค่อยได้เข้าสังคมเท่าไหร่ น้อยครั้งมากที่ฉันจะเข้าสังคม “งานใหญ่มากเลยครับคุณเดียร์” “อือใหญ่มาก นี่แหละงานเลี้ยงของพวกนักธุรกิจ” ฉันบอกเจมส์ “ผมชักไม่อยากจะเข้าไปซะแล้วสิ รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้ครับ นักข่าวเต็มไปหมดเลยแล้วอย่างนี้คุณเดียร์ไม่เป็นข่าวเหรอครับมางานเลี้ยงกับผมแบบนี้”“ช่างเหอะ ฉันไม่ค่อยได้สนใจข่าวอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก็ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นี่นา อีกอย่างฉันก็แค่ให้นายมาเป็นเพื่อนเฉยๆ อย่าคิดมากน่า” จริงไม่จริงตัวฉันก็รู้ดีอยู่แล้ว ส่วนใครที่ทำข่าว
คิงส์ Talk ผมยืนมองผู้หญิงคนที่ชื่อเดียร์ขึ้นรถไปกับนักศึกษาฝึกงานในบริษัทของเธอ จะว่าไปเธอนี่ก็ใช่ย่อยเหมือนกันนะกลางวันเห็นผู้ชายอีกคนเข้าไปที่บริษัทส่วนกลางคืนก็พาอีกคนมางานเลี้ยง สมคำร่ำลือจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ ผมชักอยากจะลองซะแล้วสิว่าเธอมันจะเด็ดแค่ไหนกันเชียวถึงได้มีผู้ชายเข้าหารุมล้อมกันซะขนาดนี้ ผมคอยเฝ้าตามดูเธอตลอดดูพฤติกรรมของเธอว่ามันเป็นแบบไหน ผมไม่เคยเห็นเธอออกเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย เธอทำงานทุกวันเลิกงานก็กลับมาที่คอนโดตามเดิม ไม่ออกไปไหนบางครั้งผมก็ยังสงสัยว่าเธอจะไปเอากับคนอื่นอย่างที่ข่าวลือออกมาได้ยังไง แต่เท่าที่สังเกตดูมีผู้ชายคนหนึ่งชอบมาหาเธอที่บริษัทเป็นประจำ และในบริษัทของเธอก็มีเด็กนักศึกษาฝึกงานที่เป็นผู้ชายเยอะอยู่ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะนักศึกษาคนนี้ที่เธอพามางานเลี้ยงด้วยรู้สึกว่าจะสนิทกันมากเป็นพิเศษเลย แต่ก็ช่างผมไม่ได้สนใจเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ผมไม่ได้คาดหวังว่าผมจะต้องเจอผู้หญิงที่บริสุทธิ์ เพราะผมไม่ชอบแบบนั้นมันดูไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียงเอาซะเลย ผมชอบคนที่ทำอะไรได้โดยที่ไม่ต้องบอกสักคำ มันเสียเวลาและมันทำให้ผมหมดอารมณ์กับการที่จะต้องมานั
หลายวันต่อมาเดียร์ Talk คลับใหญ่พรุ่งนี้ฉันหยุดงานซักวันนึงพักผ่อนร่างกายของตัวเอง วันนี้ก็เลยออกมาดื่มอยู่ที่คลับเดิมที่เคยมากับอีพิงค์สมัยยังสาวๆ ก็เป็นคลับของผัวมันนั่นแหละ ก็มันอยู่ใกล้คอนโดของฉันที่สุดแล้วนี่นา อีกอย่างก็มาเที่ยวบ่อยจนการ์ดจำหน้าได้แล้ว คือเห็นหน้าแล้วไม่ต้องตรวจบัตรก็ได้เพราะจำกันได้เพราะเมื่อก่อนฉันกับพิงค์ก็มาที่นี่บ่อยมาก เป็นเพื่อนสนิทของเมียเจ้าของที่นี่อีกด้วยฉันนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์มาคนเดียวก็เลยไม่อยากหาโต๊ะนั่งให้มันเหนื่อยแรง อีกอย่างจะได้นั่งดูหน้าบาร์เทนเดอร์หล่อๆ ด้วย เด็กในคลับมันงานดีทั้งนั้น ใบหน้าหล่อเหลารูปร่างบึกบึนแข็งแรง มันน่าจับทำผัวซะจริงๆแหะๆ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ฉันไม่เอาจริงหรอกก็แค่เต๊าะเด็กเล่นไปเรื่อย ตามประสาสาวโสดอย่างฉัน“ดื่มขนาดนี้ ไม่เมาเหรอครับคุณเดียร์”“แหม…เห็นฉันเคยเมาบ้างไหมล่ะ แค่นี้ไม่ระคายคอฉันหรอก ฉันคอแข็งน่ะ” เมื่อก่อนฉันก็เมาง่ายมากเลยนะ แต่พอเริ่มกินหนักขึ้นร่างกายมันก็ปรับสภาพตามจนตอนนี้ฉันเมายากมากๆ เลยแต่ฉันก็ไม่ได้มาดื่มบ่อยขนาดนั้น นานๆ ทีจะมีเวลาว่างมาเที่ยวแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่ก็ทำงานอย่างเดียว
24:00 น.ฉันเดินออกมาจากคลับด้วยสภาพที่โซซัดโซเซเพราะความเมา แต่ก็ยังพอครองสติพาตัวเองกลับมาที่คอนโดได้“อืม…โลกหมุนจังเลยนะเนี่ย บ้าจริง” ฉันพยายามเดินให้ปกติมากที่สุด ตลอดทางมันไม่ได้น่ากลัวอะไรเพราะมันมีร้านค้าร้านสะดวกซื้อเปิดอยู่กันเต็มไปหมดในช่วงกลางคืน เรียกว่าไม่ได้เปลี่ยวอะไรเลย“อ่าวแม่หนู ไปไหนมาล่ะนั่นทำไมถึงได้เดินเซขนาดนั้น” ขณะที่ฉันกำลังเดินกลับคอนโด แม่ค้าที่เปิดร้านขายของอยู่ข้างทางก็เอ่ยทักฉันขึ้นมา ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักแล้วหันไปพูดกับแกด้วยน้ำเสียงที่ยานหยดย้อย“อ๋อ พอดีว่าหนูออกไปเที่ยวมาค่ะ กำลังจะกลับแล้ว”“ผู้หญิงตัวคนเดียวทำไมถึงได้ออกมาเที่ยวแบบนี้ล่ะแม่หนู ไม่กลัวบ้างหรือไงสมัยนี้โจรชุกชุมจะตาย”“แหะๆ กลัวค่ะป้า ว่าแต่ป้าเถอะค่ะทำไมถึงยังเปิดร้านขายของอยู่คะ ทำไมถึงยังไม่ปิดซักทีไม่เห็นมีคนมาเดินแล้ว”“ป้ากำลังจะปิดนี่แหละแม่หนู วันนี้ขายของไม่ค่อยดีเลยก็เลยอยู่ดึก ปกติก็ปิดร้านตั้งแต่สองทุ่มแล้ว” ถึงว่าไม่เคยเห็นหน้าป้าคนนี้มาก่อนเลย ทำงานกันคนละเวลานี่เอง ป้าแกเลิกงานฉันก็หลับไปแล้ว“อ๋อ ว่าแต่คุณป้าขายอะไรคะ”“นี่ไงลูก มีหลายอย่างเลยผลไม้สดผลไม้อบแห้ง”“…
ร่างหนาเคลื่อนตัวคุกคามคนตรงหน้าอีกเรื่อยๆ จนเธอต้องถอยกรูดหนีด้วยความกลัวอย่างหนัก เขาจะฆ่าเธอหรือเปล่าเพราะข่าวข่มขืนแล้วฆ่าสมัยนี้มีถมเถไป“ถะ ถอยออกไปนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกให้คนช่วยจริงๆ ด้วย” หญิงสาวรวบรวมความกล้าพูดใส่คนตรงหน้าไปอย่างไม่เกรงกลัว พลางใช้มือล้วงไปที่กระเป๋าสะพายเพื่อควานหาโทรศัพท์ของตนเอง“ร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยินเธอหรอก คอนโดหรูราคาแพงแบบนี้เก็บเสียงได้อย่างดีเลย” ร่างหนามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์หมับ!มือหยาบกระชากกระเป๋าสะพายในมือของเธอแล้วดึงโทรศัพท์ของเธอโยนทิ้งไปบนโซฟา เขาเห็นพี่พิรุธของเธอตั้งแต่แรกแล้ว“คิดจะโทรหาใครเหรอ?”“ก็โทรหาตำรวจให้มาจับนายยังไงล่ะ”“หึ หึ เธอนี่หัวสูงใช้ได้เลยนะ เอาเป็นว่าเรามาตกลงกันดีกว่า”“ไม่!! ฉันจะไม่ตกลง ไม่พูดอะไรกับคนอย่างนายเด็ดขาด” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิมอย่างชัดถ้อยชัดคำคิงส์ดูไม่กลัวหรือสะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของคนตรงหน้าเลย เขาเดินไปนั่งลงบนเตียงของเธออย่างสบายใจ“นายออกมาเดี๋ยวนี้นะ จะทำเกินไปแล้วนะ”“….” ร่างหนายังคงนิ่งเฉย ทำให้เดียร์ที่เห็นทุกการกระทำของเขาเริ่มไม่พอใจ เมื่อเห็นว่า
กายแกร่งที่สวมเกาะป้องกันอยู่กำลังถูไถปากร่องสีแดงไปมาก่อนจะกดหัวบานใหญ่นั้นเข้าไปอย่างช้าๆทว่า..“อ่าส์ เหี้ยอะไรวะ!” เขามองสิ่งตรงหน้าด้วยความงุนงง เลือดสีแดงสดไหลเคลือบปลายหัวบานเมื่อใส่เข้าไปได้เพียงหัว “นี่เธอ…ยังไม่เคยเหรอ”“….” เดียร์เม้มปากแน่นแล้วพยักหน้ารัวๆ เป็นคำตอบ“บ้าชิบ!!” ร่างหนาสบถอย่างหัวเสีย เพราะไม่คิดว่าจะเจอผู้หญิงบริสุทธิ์อายุสามสิบแบบเธอ แต่ในใจลึกๆ ก็รู้สึกดีที่ได้เป็นคนแรกของใครสักคนเขาดึงท่อนเอ็นใหญ่ออกมารูดถุงยางทิ้งไปก่อนจะเอาไปจ่อที่ปากร่องแคบอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ กดหัวบานเข้าไปอีกรอบ ในเมื่อเธอยังบริสุทธิ์เขาก็ไม่จำเป็นต้องป้องกัน แค่ป้องกันไม่ให้เธอท้องก็พอแล้ว“อื้ม…แน่นจังวะ” เขาพยายามดันแก่นกายเข้าร่องแคบ แต่เหมือนยิ่งดันร่องแคบของเธอจะยิ่งรัดลำท่อนใหญ่ของเขาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นจนรู้สึกอึดอัด โยกขยับยากมากๆ เลย “ซี๊ดด อึดอัดเป็นบ้า!”เขาได้แต่สบถออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่คนใต้ร่างของเขานอนร้องไห้หลับตาข่มความเจ็บปวด ถึงแม้จะมีฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอหายเจ็บปวดจากการกระทำครั้งนี้ได้เลยนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีอะไรกับผู้ชาย
เช้าวันต่อมา “อืม…” ร่างบางพึมพำในลำคอพลางขยับตัวไปมาเบาๆ แต่ความเจ็บปวดตรงส่วนล่างทำให้เธอต้องเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองดูรอบๆ ห้องของตัวเองภายในห้องไม่เจอใครแล้วมีเพียงเธอคนเดียวที่ยังนอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เมื่อคืนกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้อง รวมถึงถุงยางอนามัยที่บ่งบอกว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เป็นแค่ฝัน ทุกอย่างมันเป็นความจริงพอเปิดผ้าห่มที่คลุมตัวออกก็พบรอยเลือดเล็กๆ แต่มีหลายจุดบนเตียงเธอ สิ่งนั้นทำให้หัวใจของเธอกระตุกวูบก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอาบใบหน้าซีด“มะ ไม่จริงใช่มั้ย มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย” เดียร์พยายามตั้งสติและนึกถึงเรื่องเมื่อคืน อยากจะให้กำลังใจตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นแค่ความฝัน แต่หลักฐานที่หลงเหลืออยู่มันทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเรื่องนี้เป็นแค่ความฝัน “ฮะ ฮึกก ฮื้ออ ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำแบบนี้ทำไม”ร่างบางร้องไห้จนสะอึกสะอื้นไม่ยอมลุกออกไปไหน จนกระทั่งมีเสียงแตะคีย์การ์ดเข้ามาในห้องของเธอ“อ่าวตื่นละเหรอ?” ร่างหนาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ“นายเข้ามาทำไมอีก ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเกลียดนาย!” ประโยคสุดท้ายเธอพูดเน้นพร้อมกับ
3 ปีต่อมา“คุณลุงขา…” เสียงเด็กน้อยดังมาแต่ไกลทันทีที่ลงมาจากรถ ก่อนที่ร่างอ้วนกลมจะวิ่งเข้าใส่ลุงครามจนเกือบหงายหลังไป “คิดถึงคุณลุงจังเลยค่ะ”“เหรอครับ ลุงก็คิดถึงเด็กอ้วนของลุงเหมือนกันครับ” มือหนาบีบแก้มยุ้ยเบาๆ อย่างมันเขี้ยว“น้องดารินครับ เข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ เล่นมาทั้งวันมีแต่เหงื่อทั้งนั้นเลย” คิงส์พูดขึ้นจากทางด้านหลังลูกสาว“ค่ะคุณพ่อ”แกตอบรับคำพูดของผู้เป็นพ่อแต่โดยดี ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าไปด้านใน“แล้วมึงล่ะ มีอะไรหรือเปล่าถึงได้แวะมา” ถึงแม้จะเป็นครอบครัวที่สนิทและรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยนัก เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง จะมาเจอกันสักครั้งก็ต่อเมื่อมีงานหรือปาร์ตี้เล็กๆ ระหว่างครอบครัว“กูเพิ่งกลับมาจากออสเตรเลียน่ะ ก็เลยซื้อของมาฝากหลานสาวกับหลานชาย ไม่ได้แวะเอามาให้สักทีวันนี้ผ่านมาพอดีก็เลยแวะเอามาให้” ครามบอก“อ๋อ ขอบใจมากนะ”“อือ..กูกลับละ”“อืม…ขับรถกลับดีๆ นะมึง อย่าไปไถลเล่นกับฟุตบาทล่ะ”“เออ!”เป็นคำพูดที่ห่วงใยแต่ก็ยังไม่วายสอดแทรกเรื่องกวนบาทาใส่กัน ไม่รู้เลยว่าใครจอมยั่วใครจอมโมโหกันแน่ เพราะทั้งสอง
บ้านพักริมทะเล“อ่า…สดชื่นจัง…” คิงส์กางแขนออกกว้างแอ่นอกรับลมบริสุทธิ์จากผืนทะเล แต่จู่ๆ ก็มีมือปริศนามาผลักเขาออกไป“ยืนกีดขวางฉิบหายมึงเนี่ย!” ครามพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิด แต่ดูเหมือนจะแกล้งคนข้างๆ มากกว่า“ก็ทางเดินมีตั้งมากมายมึงไม่เดิน มาเดินเอาตรงที่กูยืนอยู่เนี่ยนะ!?” คิงส์หันไปต่อว่า ตรงที่เขายืนเป็นหน้าบ้านก็จริงแต่บ้านก็กว้างพอที่จะไปเดินทางอื่นได้“นี่มันบ้านกู กูจะเดินไปตรงไหนก็ได้ไม่ผิด” ครามทำหน้าเฉยชาใส่คิงส์ ราวกับว่าไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำของตัวเองเลย“มันไม่ผิดหรอก มันอยู่ที่มารยาทต่างหากไอ้เวร! กูรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของมึง แต่กูมายืนอยู่ตรงนี้ก่อนมึง” คิงส์หันไปเท้าเอวด่าอยู่ด้วยกันสองคนไม่ได้เลยจริงๆ สองคนนี้ มีอันเป็นต้องหาเรื่องทะเลาะกันอยู่ตลอด ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องบ้าๆ บอๆ ที่ด่ากัน“แล้วไง? กูไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักหน่อย”“มึงนี่มันกวนตีนไม่เปลี่ยนเลยนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูกับมึงก็คงจะวางมวยกันไปแล้ว”“มาดิ ตอนนี้ยังวางได้นะ”“เดี๋ยวกูจะฟ้องเมียมึง” คิงส์พูดขู่“ฟ้องเรื่องอะไร๊ กูไม่ได้มีเรื่องปิดบังอย่างเช่นเรื่องแต่งรถเหมือนมึงสักหน่อย”“ให้กูพูดจริงๆ เ
“กูขออุ้มหลานหน่อย” ครามยื้อแขนที่รอรับเด็กสาวตัวน้อย แต่กลับถูกคิงส์พาเดินหนีออกไป “ไอ้คิงส์! กูบอกขออุ้มหลานหน่อย”“กูไม่ให้อุ้ม” คิงส์หันมาตอบกลับเสียงแข็งกร้าว“แต่นี่หลานกู”“หลานมึง แต่ลูกกู”ทั้งสองยืนเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะไม่มีใครยอมใครเลย อีกคนก็อยากอุ้มหลาน อีกคนก็หวงลูกราวกับจงอางหวงไข่ ไม่ยอมให้ใครได้แตะต้องลูกสาวเลยโดยเฉพาะคราม“เฮ้ย! มึงจะหวงทำไมวะ กูแค่ขออุ้มหลานหน่อยแค่นี้เอง ไม่ได้พาไปไหนสักหน่อย” ครามพูดแย้งออกไป“กูไม่ให้อุ้ม เดี๋ยวมึงเอาลูกกูไป” คิงส์หวงลูกสาวมาก เพราะแกทั้งน่ารักขี้อ้อน ตัวอ้วนกลมแถมแก้มซาลาเปาหน้าหยิกเล่น ใครเห็นก็ต้องเป็นหลง โดยเฉพาะครามที่ชอบเด็กผู้หญิงตัวอ้วนๆ กลมๆ มาก“กูขออุ้มนิดเดียว มึงก็ยืนโด่อยู่ตรงนี้ กูจะเอาลูกมึงไปไหนได้”“มึงอยากได้ลูกผู้หญิงอีก ทำไมมึงถึงไม่ทำเอาเองล่ะ เหอะ! หรือว่าหมดน้ำยาแล้ว?” คิงส์หัวเราะเย้ยหยันคนตรงหน้า“น้ำยากูยังไม่หมดหรอก แต่เมียกูไม่ยอมมีลูกให้อีกนี่หว่า บอกว่ามีแค่สองคนก็พอแล้ว” ครามถอนหายใจเฮือกใหญ่“มึงมันไม่มีน้ำยาเองนี่หว่า”“แล้วมึงล่ะ ทำไมไม่มีอีก”“กูทำหมันแล้วจะมีได้ไงวะ คนอย่างกูอะมันน้
6 เดือนต่อมาบ้านแสนอบอุ่น“แอ้ แอ้” เสียงของน้องดารินดังอ้าวออกมาถึงข้างนอก ฉันชะโงกหน้าเข้าไปมองก็เห็นว่าแกกำลังนั่งเล่นอยู่กับพี่ชายอยู่ ส่วนคิงส์ก็คอยนั่งดูแลอยู่ข้างๆ ตอนนี้พากันหลงเด็กน้อยคนนี้ทั้งพี่ชายทั้งพ่อเลย“ดูท่าคุณหนูไทเกอร์กับคุณคิงส์จะพากันหลงคุณหนูดารินจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะคะเนี่ย” ป้าอิ่มพูดขึ้น“ใช่ค่ะป้าอิ่ม” สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือกลัวว่าพี่น้องจะไม่รักกัน กลัวว่าจะมีคนมาพูดทำพี่น้องทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วน้องไทเกอร์มีวุฒิภาวะของความเป็นพี่มาก คอยดูแลน้องอยู่ตลอด ทุกวันหลังเลิกเรียนก็จะมาเล่นอยู่กับน้อง อายุห่างกันมากไม่ใช่ปัญหาเลย ดีซะอีกที่จะมีพี่ชายคนโตคอยดูแลน้องสาวคนเล็กคนนี้น้องไทเกอร์แกเข้าใจดีว่าทำไมฉันถึงต้องดูแลเอาใจใส่น้องมากเป็นพิเศษ แต่ฉันก็ไม่เคยละเลยแกเลยสักครั้ง ฉันทำให้แกได้เห็นว่าต่อให้จะมีน้องอีกซักกี่คนความรักที่ฉันมีให้แกก็ยังเหมือนเดิม“แล้วคุณเดียร์ ไม่คิดจะมีคุณหนูอีกซักคนเหรอคะ”“ไม่ล่ะค่ะป้า เดียร์ผ่าคลอดน่ะค่ะคุณหมอบอกว่าถ้าท้องอีกอาจจะเสี่ยงแท้งต้องยุติการตั้งครรภ์ค่ะ เดียร์แพ้ยามากค่ะ โดยเฉพาะยาชากับยาสลบ”“ตายจร
โรงพยาบาล“ทำไมต้องวางยาสลบเธอด้วยล่ะครับหมอ ปกติแค่ผ่าคลอดให้แค่ยาชาก็ได้นี่นา” คนตัวสูงเอ่ยถามคุณหมอขณะที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ภายในห้อง“คนไข้แจ้งมาล่วงหน้าแล้วนะครับว่าแพ้ยาชา และการวางยาสลบแบบนี้มันจะปลอดภัยดีกว่านะครับ ถ้าคนไข้มีอาการแทรกซ้อนขณะที่กำลังผ่าคลอด อาจจะทำให้เป็นอันตรายทั้งแม่และเด็กได้ครับ”“เธอกับลูกจะปลอดภัยใช่ไหมครับหมอ มีกับลูกของผมจะปลอดภัยใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงสั่นคลอน กลัวว่าลูกและภรรยาจะเป็นอะไรไป ถึงจะรู้มาบ้างว่าเธอแพ้ยา แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะแพ้หนักขนาดนี้ และคำพูดของเดียร์พี่เคยพูดเอาไว้ก็ลอยเข้ามาในหัวของเขาทันที ( ตอนที่ฉันผ่าคลอดน้องไทเกอร์ ฉันแพ้ยาชาหนักมากจนหัวใจของฉันหยุดเต้นไปหลายครั้ง แต่ฉันก็กลับมาได้ในที่สุด )“ครับผม หมอรับรองครับว่าภรรยาและลูกของคุณจะต้องปลอดภัย”“…” ถึงคุณหมอจะยืนยันและรับรองแบบนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจอยู่ดีคิงส์ยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ รอคุณหมอออกมาบอกข่าวดีกับเขาเวลาต่อมาแกร่ก~ประตูสีขาวบานใหญ่ถูกเปิดออกตามด้วยร่างสูงที่ใส่ชุดกาวน์ปิดหน้าปิดตาเดินออกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคิงส์“เมียกับลูกของผมเป็น
หลายวันต่อมา“อืม…”“เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมแบบนี้” คิงส์เอ่ยถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พลางไล่บีบนวดตามขาให้เธอบรรเทาอาการปวด“ดีขึ้นเยอะเลยล่ะ เฮ้อ..”“เมื่อไหร่จะคลอดครับลูกสาวพ่อหืม…พ่อตั้งหน้าตั้งตารอแล้วนะ รีบๆ ออกมานะครับ” ว่าแล้วก็พลางลูบที่ท้องใหญ่ไปมา“โอ๊ะ!?” เดียร์ร้องอุทานเพราะตกใจที่ลูกในท้องถีบอย่างแรงเมื่อคิงส์พูดจบ ราวกับว่ารับรู้ได้และอยากออกมาเต็มทนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ครบกำหนดที่จะออกมาเท่านั้น“เป็นไร! จะคลอดเหรอ?” คิงส์เอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงร้องของภรรยา“เปล่า ลูกดิ้นอะ ดิ้นแรงเลย” เดียร์บอก“เหรอ ขอจับหน่อยนะ” คิงส์เลื่อนมือไปสัมผัสกับหน้าท้องของเธออีกครั้ง เพราะอยากจะรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวภายในนั้น “ดิ้นจริงด้วย ดูสิถีบมือฉันใหญ่เลยอะ”เขาเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตในท้องใหญ่ของเธอ ดวงตาคมแดงก่ำราวกับคนกำลังจะร้องไห้ มือหนาก็ยังเลื่อนสัมผัสไปมาอยู่แบบนั้น“สงสัยแกจะได้ยินสิ่งที่คุณพูดนะ ดิ้นใหญ่เลย”“เหรอ…รีบๆ ออกมานะครับ พ่ออยากอุ้มอยากหอมแก้มหนูจะแย่แล้ว”ก๊อก ๆ ๆ ๆ“คุณพ่อคุณแม่ครับ นอนหรือยังครับ” เสียงเล็กๆ ด้านนอกตะโก
หกเดือนต่อมาเดียร์ Talkตอนนี้ท้องของฉันมันใหญ่ขึ้นมากเลยแหละ ไม่ได้ลูกแฝดหรอกแต่ได้ลูกผู้หญิงสมใจอยากคุณพ่อเขาเลย พี่ชายก็อยากได้น้องผู้หญิงเหมือนกัน เห็นบอกว่าอยากเป็นพี่ชายคนโตอยากคอยดูแลน้องสาว แต่อายุห่างกันพอสมควรเลยล่ะ กว่าคนในท้องจะคลอดน้องไทเกอร์ก็ปาไปหกขวบแล้ว พี่ชายกับน้องสาวอายุห่างกันหกปีเลยทำไงได้ล่ะ ก็มันมีแต่เรื่องวุ่นวายนี่นา กว่าจะสงบลงได้ก็สาหัสเหมือนกันนะ“อื้ม…ปวดขาจัง” ฉันบ่นพึมพำพลางทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะเอนตัวในท่าที่สบายที่สุด ท้องของฉันมันใหญ่มากทำอะไรก็ลำบากไปหมด ใหญ่กว่าน้องไทเกอร์อีก แต่อาจจะเป็นเพราะน้องไทเกอร์เป็นท้องแรกก็เลยไม่ใหญ่เท่าไหร่“รับของว่างมั้ยคะคุณเดียร์ เดี๋ยวป้าให้เด็กจัดมาให้”“ขอบคุณค่ะป้า” ฉันไม่ได้แค่ท้องใหญ่อย่างเดียวนะ ยังหิวตลอดเวลาอีกด้วยกินเยอะมาก“สักครู่นะคะ”“ค่ะป้า”วันๆ ฉันทำได้แค่นั่งเล่นอยู่ภายในห้อง ออกไปเดินเล่นตามในสวนบ้างเป็นบางครั้ง คิงส์ไม่ยอมให้ฉันเดินออกไปไหนโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย เพราะกลัวว่าฉันจะไปลื่นล้มเกิดอุบัติเหตุแล้วเป็นอันตรายแต่ความจริงฉันก็ไม่อยากเดินออกไปไหนหรอก เพราะมันลำบากไหนจะปวดขาอีก เดินก้าวไป
อ้วกก อ้วกก อ้วกกนี่คือเสียงของคิงส์ที่กำลังมีอาการแพ้ท้องแทนเมียอย่างหนัก ชนิดที่ว่าไม่เป็นอันกินอันนอนกันเลยทีเดียว เขาอยากมีลูกอีกคนมากตอนนี้ก็สมใจอยากผู้เป็นพ่อแล้ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการแพ้ท้องแทนเมียอย่างหนักหน่วง กินอะไรก็แทบจะไม่ได้ แค่ได้กลิ่นอาหารก็อ้วกพุ่งแล้ว กินได้แค่ของเปรี้ยวๆ เท่านั้นที่จะบรรเทาจากอาการพวกนี้“เป็นยังไงบ้างเนี่ยคุณ” เดียร์เข้ามาถามผู้เป็นสามีที่กำลังนั่งหมดแรงอยู่ข้างโถส้วมด้วยความเป็นห่วง ถ้าเทียบกับอาการแพ้ท้องของเธอตอนที่ท้องลูกคนแรกยังถือว่าเบามากกับลูกคนนี้“อืม…ไหวฉันไหว..” คิงส์ทำมือเป็นรูปโอเคส่งให้ภรรยาดู เพราะตอนนี้แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงโต้ตอบกลับแล้ว “ไอ้สังกะสีมัน…เอามะม่วงขึ้นมาให้หรือยัง”“ใกล้แล้วๆ ออกมานั่งข้างนอกก่อนสิ”“อืม…”“ค่อยๆ นะ” เดียร์เข้าไปพยุงร่างใหญ่ให้ออกมานั่งข้างนอกหลังจากที่รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังท้องเธอก็แข็งแรงดีทุกอย่างไม่มีความผิดปกติอะไร มีเพียงคิงส์เท่านั้นที่แพ้ท้องเป็นแทนเธอทุกอย่าง“ไอ้สังกะสีมันไปเอามะม่วงถึงไหน ทำไมไปนานจังเลย” คิงส์เริ่มบ่นและก็เริ่มมีอาการหัวเสีย เพราะลูกน้องไม่ได้ดั่งใจ“ใจเย็นก่อนสิ เดี๋ยววาป
หลายวันถัดมาคิงส์ Talkจะว่าผมเร่งมีลูกก็ได้นะครับ แต่ผมก็อายุปานนี้แล้วนี่นาความจริงน่าจะมีลูกอายุเป็นสิบขวบเหมือนกับไอ้ครามได้แล้ว นี่ลูกชายคนโตของผมอายุแค่ห้าขวบเองแต่อายุผมปาไปสามสิบกว่าแล้ว ทำไมผมไม่คิดได้ตั้งแต่แรกนะว่าการมีลูกมันดีขนาดไหน มาคิดได้ก็จนตัวเองจะแก่แล้ว ผมอยากมีลูกสาวอีกสักคนนึงหรือจะเป็นลูกชายก็ได้ หรือจะเป็นแฝดก็ดี ผมได้หมดอะครับตอนนี้ ขอแค่มีผมอยากอุ้มเด็กตัวเล็กๆ เพราะตอนน้องไทเกอร์ผมก็ไม่มีโอกาสได้เจอหรือได้เห็นเลยมารู้อีกทีก็โตแล้ว ผมอยากดูแลตอนที่เดียร์เธอกำลังท้อง ผมรู้ว่ามันทดแทนกันไม่ได้ แต่ผมก็อยากจะทำให้เธอได้รู้ว่าผมใส่ใจเธอมากแค่ไหน ผมพร้อมจะดูแลเธอมากแค่ไหน ผมจะไม่ทำให้เธอต้องรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวอีกแล้ว ผมจะคอยอยู่ข้างๆ เธอ ไม่ทิ้งเธอไปไหนผมรู้ว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องอุ้มท้องจนกว่าจะคลอดและเลี้ยงลูกคนเดียวมันรู้สึกยังไง ผมยอมรับเลยว่าเธอเก่งมากที่ผ่านจุดนั้นมาได้เธอเก่งมากครับ ไม่แปลกเลยที่น้องไทเกอร์จะรักเธอมากขนาดนี้“คุณพ่อคร้าบ โดดมาเร็ว”“ครับผม” ผมตะโกนตอบลูกชายไป ตอนนี้ผมพาเดียร์กับลูกมาเที่ยวอยู่ที่ทะเล ก่อนที่โรงเรียนของแกจะเปิด