“คุณเดียร์ครับ”
“….” ฉันหันหลังไปยังต้นเสียงที่เรียกฉัน แต่แล้วก็ต้องยืนมองจนตาค้างเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าเจมส์เด็กนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทของฉันใส่ชุดสูทดูเรียบร้อยสะอาดตามาก “หล่อมากเลยเจมส์ ฉันว่าสาวๆ ต้องแอบเหล่มองเธอแน่เลย” “แหม คุณเดียร์ก็พูดเกินไปครับ” “เรารีบไปกันเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะไปสายเอา” “ครับ” “นายขับนะ” ฉันยื่นกุญแจรถให้กับเจมส์ก่อนจะเดินไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ จากนั้นเราสองคนก็พากันมายังงานเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งงานใหญ่เหมือนกันนะ นักธุรกิจรายใหญ่ของประเทศอยู่กันเยอะเลย ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักใครหรอกเพราะฉันไม่ค่อยได้เข้าสังคมเท่าไหร่ น้อยครั้งมากที่ฉันจะเข้าสังคม “งานใหญ่มากเลยครับคุณเดียร์” “อือใหญ่มาก นี่แหละงานเลี้ยงของพวกนักธุรกิจ” ฉันบอกเจมส์ “ผมชักไม่อยากจะเข้าไปซะแล้วสิ รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้ครับ นักข่าวเต็มไปหมดเลยแล้วอย่างนี้คุณเดียร์ไม่เป็นข่าวเหรอครับมางานเลี้ยงกับผมแบบนี้” “ช่างเหอะ ฉันไม่ค่อยได้สนใจข่าวอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก็ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นี่นา อีกอย่างฉันก็แค่ให้นายมาเป็นเพื่อนเฉยๆ อย่าคิดมากน่า” จริงไม่จริงตัวฉันก็รู้ดีอยู่แล้ว ส่วนใครที่ทำข่าวมั่วทำข่าวให้ฉันเสียหายฉันก็แค่ให้ทนายจัดการให้แค่นั้นเอง สืบหาต้นตอได้ไม่ยากหรอก คนอย่างฉันไม่เคยทำอะไรใครก่อนแต่ถ้ามายุ่งกับฉันฉันรับคำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้น “เข้างานกัน” “ครับ” ฉันกับเจมส์เดินคู่กันไปในงานเลี้ยง ซึ่งจังหวะนั้นคุณก้องภพก็หันมาเห็นฉันพอดีแล้วเขาก็รีบเดินมาหาฉันเลย “ผมนึกว่าคุณเดียร์จะไม่มาซะแล้ว” “ฉันก็แค่อยากจะมาดูน่ะค่ะ ว่างานเลี้ยงของนักธุรกิจใหญ่มันเป็นยังไง” “เข้าไปด้านในกับผมนะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะแนะนำให้กับเพื่อนๆ ผมรู้จัก” คุณก้องภพยื่นแขนมาหาฉัน เชิงบอกให้ฉันเกาะเดินเข้าไป “ค่ะ” แต่ฉันกลับหันไปกอดแขนของเจมส์แทน ก็ฉันมีคนควงแล้วนี่นา “เอ่อ…” คุณก้องภพมองหน้าฉันสลับกับเจมส์ เมื่อเห็นฉันหันไปกอดแขนของเจมส์แทนที่จะเป็นเขา “ต้องขอโทษคุณก้องภพด้วยนะคะ พอดีว่าดิฉันพาเด็กมาด้วยคุณก้องภพไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะที่ฉันไม่ได้บอกก่อน” “มะ ไม่ครับ เชิญด้านในเลยครับ” “ขอบคุณค่ะ” คุณก้องภพพาฉันเดินเข้าไปด้านในแนะนำฉันให้กับพวกคุณเพื่อนๆ ของเขารู้จัก นี่ถ้าเดาไม่ผิดถ้าฉันไม่ได้พาเจมส์มาด้วย เขาคงจะชุบมือเปิบบอกกับทุกคนว่าฉันกับเขากำลังคบหาดูใจกัน เพราะดูจากทรงแล้วเขาต้องการหาอะไรผูกมัดฉันเอาไว้ โลกแบบนี้ฉันผ่านมาเยอะแล้วการกระทำแบบนี้ฉันมองออกฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นที่จะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร “น่าเสียดายนะครับที่คุณเดียร์ไม่ชอบออกงานเลี้ยงสังสรรค์เท่าไหร่ พวกผมก็เลยไม่รู้จักคุณเดียร์เลย แต่ก็พอจะได้ยินชื่อเสียงมาบ้างว่าเพิ่งจะเปิดบริษัทใหญ่ไปนี่ผมก็เพิ่งได้เห็นตัวจริงนี่แหละครับ สวยมากเลย” “ขอบคุณค่ะ” เหมือนกันหมดเลยนะพวกเพื่อนๆ เขาเนี่ย เล่นหูเล่นตากันเก่งหยอดคำหวานกันเก่ง คิดว่าฉันจะคล้อยตามเหรอ ผู้ชายปากหวานก้นเปรี้ยวแบบนี้ฉันเจอมาหมดแล้ว เพราะแท้จริงแล้วมันก็หวานแค่ปากส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้จริงใจอะไรเลย “ไม่ทราบว่าคุณเดียร์มีคนรู้ใจหรือยังครับ ถ้ายังไม่มีก้องภพเพื่อนของผมยังโสดนะครับ” หยอดคำหวานใส่ฉันไม่พอยังจะมาแนะนำเพื่อนของตัวเองอีก นี่ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเพื่อนของตัวเองไปตามตื๊อฉันจนน่ารำคาญ “พอดีว่าฉันยังไม่สนใจใครน่ะค่ะ อยากทำงานเก็บเงินอยากให้เวลากับตัวเองมากกว่านี้” ฉันคิดมาได้อีกระดับหนึ่งว่าการที่ฉันจะมีใครสักคนมันไม่ใช่ความรักแบบวัยรุ่นเด็กๆ ที่คบๆ พอเบื่อแล้วก็เลิกกันแบบไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้ฉันอายุมากแล้วมันก็สมควรที่จะมีครอบครัวได้แล้ว “ใครได้คุณเดียร์ไปเป็นภรรยา ผมว่าต้องโชคดีไปตลอดชีวิตแน่เลย เพราะคุณเดียร์ทั้งเก่งทั้งขยันทำงานแบบนี้” “ค่ะ เพราะฉันบอกกับตัวเองมาเสมอว่าผู้ชายบางคนมันพึ่งไม่ได้เลย และการที่เราจะไปรอหวังพึ่งให้ผู้ชายมาเลี้ยงแล้วตัวเองนอนอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจมันไม่ใช่ฉัน เราเองก็มีมือมีเท้าเหมือนกันทำอะไรได้ก็ทำไป ไม่ต้องไปรอกินหรอกค่ะไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ทำงานได้เหมือนกันถ้าร่างกายยังครบสามสิบสอง” “อ๋อ…แหะๆ ครับ” “….” คำพูดของฉันทำเอาผู้ชายหลายคนถึงกับหน้าเหวอไปเลย โดยเฉพาะคุณก้องภพ ส่วนเจมส์นั้นยืนตัวแข็งทื่อเหมือนไม่เคยเข้างานแบบนี้เลย แต่ก็คงจะจริงๆ แหละถ้าจะยืนเกร็งซะขนาดนี้ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอไปเดินเล่นดูรอบๆ งานนะคะ” “ตามสบายเลยครับ” ฉันพาเจมส์เดินออกมาจากตรงนั้นเพราะเห็นว่าเขากำลังอึดอัด ส่วนฉันก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกันแต่ฉันก็พอจะปรับสภาพเข้ากับสถานการณ์ได้ ฉันรู้ว่าถ้าเจอผู้ชายแบบนี้ฉันจะต้องแสดงตัวเองแบบไหนต้องพูดแบบไหน “หายอึดอัดหรือยังล่ะ อยากกลับหรือเปล่า” ฉันหันไปถามเจมส์ “ไม่เป็นอะไรครับ ผมแค่รู้สึกไม่ดีเพราะคำพูดของพวกเค้ามัน…” “รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากให้นายมาเป็นเพื่อน ตอนแรกฉันก็จะมาคนเดียวนั่นแหละ แต่มาเจอกับนายพอดีก็เลยให้นายมาเป็นเพื่อน” “ครับ” “ผู้ชายพวกนั้นเพลย์บอยจะตาย ชอบมาพูดจาปากหวานก้นเปรี้ยวใส่ผู้หญิง” “คุณเดียร์ไม่ชอบเหรอครับแบบนั้น” “แล้วนายเห็นฉันเป็นคนแบบไหนล่ะ ฉันอายุมากแล้วนะไม่ใช่เด็กที่จะหลงคารมของผู้ชายไปเรื่อย” “ผมขอโทษนะครับคือผมไม่ได้จะหมายความว่าอย่างนั้น ผมแค่หมายถึงว่าผู้หญิงหลายๆ คนชอบให้ผู้ชายพูดจาออดอ้อนหยอดคำหวานใส่” “ถ้าหมายถึงแบบนั้นฉันก็ชอบเหมือนกัน แต่ฉันโตพอที่จะแยกแยะออกว่าสิ่งที่เขาพูดมันจริงใจจริงๆ หรือแค่หยอดคำหวานเพราะหวังในตัวของฉัน” “ผมต้องขอโทษอีกทีนะครับ ที่พูดให้คุณเดียร์เข้าใจผิด” “อือช่างเถอะ กลับกันดีกว่าฉันไม่อยากอยู่แล้วมันน่าเบื่อ” “เป็นเพราะผมหรือเปล่าครับ” “เปล่าหรอก แต่ฉันไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวายน่ะ กลับกันเถอะ” “ครับ” ตัดมาอีกฝั่งนึง “ฮึ! กลางวันอยู่กับอีกคน ส่วนกลางคืนก็ควงอีกคนมางานเลี้ยง เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ” ใบหน้าคมกระตุกยิ้มพร้อมกับจ้องมองมาที่ร่างบางในชุดเดรส กำลังขึ้นรถไปกับเด็กหนุ่มหน้าหล่อรูปร่างบึกบึน ก่อนที่เขาจะหายไปในมุมมืดคิงส์ Talk ผมยืนมองผู้หญิงคนที่ชื่อเดียร์ขึ้นรถไปกับนักศึกษาฝึกงานในบริษัทของเธอ จะว่าไปเธอนี่ก็ใช่ย่อยเหมือนกันนะกลางวันเห็นผู้ชายอีกคนเข้าไปที่บริษัทส่วนกลางคืนก็พาอีกคนมางานเลี้ยง สมคำร่ำลือจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ ผมชักอยากจะลองซะแล้วสิว่าเธอมันจะเด็ดแค่ไหนกันเชียวถึงได้มีผู้ชายเข้าหารุมล้อมกันซะขนาดนี้ ผมคอยเฝ้าตามดูเธอตลอดดูพฤติกรรมของเธอว่ามันเป็นแบบไหน ผมไม่เคยเห็นเธอออกเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย เธอทำงานทุกวันเลิกงานก็กลับมาที่คอนโดตามเดิม ไม่ออกไปไหนบางครั้งผมก็ยังสงสัยว่าเธอจะไปเอากับคนอื่นอย่างที่ข่าวลือออกมาได้ยังไง แต่เท่าที่สังเกตดูมีผู้ชายคนหนึ่งชอบมาหาเธอที่บริษัทเป็นประจำ และในบริษัทของเธอก็มีเด็กนักศึกษาฝึกงานที่เป็นผู้ชายเยอะอยู่ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะนักศึกษาคนนี้ที่เธอพามางานเลี้ยงด้วยรู้สึกว่าจะสนิทกันมากเป็นพิเศษเลย แต่ก็ช่างผมไม่ได้สนใจเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ผมไม่ได้คาดหวังว่าผมจะต้องเจอผู้หญิงที่บริสุทธิ์ เพราะผมไม่ชอบแบบนั้นมันดูไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียงเอาซะเลย ผมชอบคนที่ทำอะไรได้โดยที่ไม่ต้องบอกสักคำ มันเสียเวลาและมันทำให้ผมหมดอารมณ์กับการที่จะต้องมานั
“อยากให้ฉันเลิกยุ่งกับเพื่อนของเธอ ก็มาเป็นนางบำเรอของฉันสิ” คิงส์เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกไร้ความรู้สึกใด ๆ “แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย ฉันไม่ดึงตัวเองลงไปต่ำแบบนั้นหรอก” เดียร์พูดเหยียดคนตรงหน้า “อย่าลืมสิว่าเธอกับฉันเราก็เคย….เอากันมาแล้วนะ” คิงส์เหยียดยิ้มมุมปากเมื่อพูดจบ พลางไล่สายตามองร่างบางราวกับเสือที่กำลังจะขย้ำเหยื่อตรงหน้า“ไอ้….” “ได้ข่าวว่าเปิดบริษัทใหญ่โตโอ่อ่า ถ้ามีข่าวเรื่องที่เธอนอนกับไอ้ขี้คุกอย่างฉัน มันจะมีผลกระทบต่อบริษัทของเธอยังไงกันนะ” แววตาอันคมกริบจ้องมองกระต่ายน้อยตรงหน้าอย่างผู้ชนะ “….” “ตอนนี้ถ้าฉันจะเป็นข่าวมันก็ไม่เสียหายอะไร เพราะฉันก็แค่ไอ้ขี้คุกคนนึง ต่างกับเธอที่เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่แถมกำลังไปได้สวย ถ้ามีข่าวเสียหายขึ้นมาจะเป็นยังไง” “นายอย่าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นนะ” “ถ้าอย่างนั้นก็ยอมรับข้อเสนอของฉันสิ และเรื่องของเราสองคนก็จะเป็นความลับ….” นิ้วเรียวยาวกรีดกรายไปตามใบหน้าสวยคม ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาก้มลงสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากปลายผมม้วน “ตลอดไป” ************6 ปีต่อมา คิงส์ก้าวข้ามผ่านประตูเหล็กหนาสูงเท่าหลังคาบ้านโดยที่ไม่หั
เดียร์ Talk แกร้ก~ ฉันใช้คีย์การ์ดแตะเข้าคอนโดตามปกติที่เคยทำ แต่หางตาเหลือบไปมองเห็นใครบางคนกำลังยืนหันหลังสูบบุหรี่อยู่ตรงบันไดหนีไฟ ท่าทางของผู้ชายคนนั้นดูมีพิรุธมากเลย และชั้นบนนี้มีแค่ไม่กี่ห้องและเท่าที่จำได้ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อนเลย หลายวันมานี้ฉันรู้สึกแปลกๆ กับตัวเองมาก เหมือนมีใครคอยมองฉันอยู่ตลอดเวลาเลย แต่พอมองไปรอบๆ ตัวมันก็ปกติดีไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลย แต่ความรู้สึกของฉันมันไม่ได้บอกแบบนั้น ขวับ! ผู้ชายคนนั้นเหลียงหลังมามองฉันแปลกๆ ฉันเลยรีบเข้าไปในห้องแล้วล็อคกลอนไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็ยังไม่ได้เดินเข้าไปฉันมองอยู่ที่ตาแมวจะดูว่าผู้ชายคนนั้นเดินออกไปหรือยัง ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านห้องฉันไปช้าๆ เขาใส่หมวกแก๊ปเดินก้มหน้าต่ำฉันเลยมองไม่ออกว่าเป็นใคร แต่คนท่าทางแบบนี้ฉันไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อนเลยนะ ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดฉันหยิบโทรศัพท์โทรลงไปที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง อย่างน้อยๆ แจ้งพนักงานให้รู้ให้เขาส่งรปภ.ขึ้นมาตรวจดูอีกครั้ง จะได้อุ่นใจกันทั้งชั้นด้วย เจอแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ฉันเองก็ตัวคนเดียวอยู่คอนโดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย (
เดียร์ Talk บริษัทออกแบบดีไซเนอร์ “สวัสดีค่ะท่านประธาน” “สวัสดีค่ะ” ฉันหันไปยิ้มตอบรับกับพนักงาน ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง “คุณเดียร์ครับ”“อ่าว่าไงเจมส์?” ฉันหยุดชะงักเมื่อนักศึกษาฝึกงานที่ฉันเพิ่งจะรับเข้ามาทำงานในบริษัทยืนรอฉันอยู่หน้าห้องทำงาน โดยมีแฟ้มเอกสารปึกหนาอยู่ในมือ “มาส่งงานเหรอ?” “ครับ แล้วก็จะมาขอคำปรึกษาจากคุณเดียร์ด้วยครับ” “เข้ามาก่อนสิ” ฉันเปิดประตูพาเจมส์เข้าห้องทำงานไป ความจริงฉันก็ไม่เคยคิดอะไรกับเด็กนักศึกษาที่มาฝึกงานหรอก จะคุยงานมันก็ต้องเข้าไปคุยในห้องทำงานอยู่แล้วไหม แต่บางคนกลับมองว่าฉันพาเด็กนักศึกษาเข้าไปกินในห้องทำงาน นี่มันสถานที่ทำงานและอีกอย่างฉันก็เป็นเจ้าของบริษัทฉันไม่ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงทำอะไรต่ำๆ เหมือนปากคนที่พูดหรอก “ผมยังไม่ค่อยเข้าใจส่วนนี้น่ะครับคุณเดียร์” “ไหน” ฉันโน้มตัวไปมองงานในแฟ้มของเจมส์ก่อนจะใช้ปากกาวงแยกบรรทัดพร้อมกับอธิบายให้เจมส์เข้าใจ งานแบบนี้ถ้าไม่ทำความเข้าใจตั้งแต่แรกก็จะไม่มีทางเข้าใจเลยนะ สำหรับคนที่รักงานแบบนี้จริงๆ ถึงจะเข้าใจ “อ๋อ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับคุณเดียร์ ขอบคุณมากๆ นะครับ” “ไม่เป็นไร
คิงส์ Talk ผมยืนมองผู้หญิงคนที่ชื่อเดียร์ขึ้นรถไปกับนักศึกษาฝึกงานในบริษัทของเธอ จะว่าไปเธอนี่ก็ใช่ย่อยเหมือนกันนะกลางวันเห็นผู้ชายอีกคนเข้าไปที่บริษัทส่วนกลางคืนก็พาอีกคนมางานเลี้ยง สมคำร่ำลือจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ ผมชักอยากจะลองซะแล้วสิว่าเธอมันจะเด็ดแค่ไหนกันเชียวถึงได้มีผู้ชายเข้าหารุมล้อมกันซะขนาดนี้ ผมคอยเฝ้าตามดูเธอตลอดดูพฤติกรรมของเธอว่ามันเป็นแบบไหน ผมไม่เคยเห็นเธอออกเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย เธอทำงานทุกวันเลิกงานก็กลับมาที่คอนโดตามเดิม ไม่ออกไปไหนบางครั้งผมก็ยังสงสัยว่าเธอจะไปเอากับคนอื่นอย่างที่ข่าวลือออกมาได้ยังไง แต่เท่าที่สังเกตดูมีผู้ชายคนหนึ่งชอบมาหาเธอที่บริษัทเป็นประจำ และในบริษัทของเธอก็มีเด็กนักศึกษาฝึกงานที่เป็นผู้ชายเยอะอยู่ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะนักศึกษาคนนี้ที่เธอพามางานเลี้ยงด้วยรู้สึกว่าจะสนิทกันมากเป็นพิเศษเลย แต่ก็ช่างผมไม่ได้สนใจเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ผมไม่ได้คาดหวังว่าผมจะต้องเจอผู้หญิงที่บริสุทธิ์ เพราะผมไม่ชอบแบบนั้นมันดูไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียงเอาซะเลย ผมชอบคนที่ทำอะไรได้โดยที่ไม่ต้องบอกสักคำ มันเสียเวลาและมันทำให้ผมหมดอารมณ์กับการที่จะต้องมานั
“คุณเดียร์ครับ” “….” ฉันหันหลังไปยังต้นเสียงที่เรียกฉัน แต่แล้วก็ต้องยืนมองจนตาค้างเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าเจมส์เด็กนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทของฉันใส่ชุดสูทดูเรียบร้อยสะอาดตามาก “หล่อมากเลยเจมส์ ฉันว่าสาวๆ ต้องแอบเหล่มองเธอแน่เลย” “แหม คุณเดียร์ก็พูดเกินไปครับ” “เรารีบไปกันเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะไปสายเอา” “ครับ”“นายขับนะ” ฉันยื่นกุญแจรถให้กับเจมส์ก่อนจะเดินไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ จากนั้นเราสองคนก็พากันมายังงานเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งงานใหญ่เหมือนกันนะ นักธุรกิจรายใหญ่ของประเทศอยู่กันเยอะเลย ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักใครหรอกเพราะฉันไม่ค่อยได้เข้าสังคมเท่าไหร่ น้อยครั้งมากที่ฉันจะเข้าสังคม “งานใหญ่มากเลยครับคุณเดียร์” “อือใหญ่มาก นี่แหละงานเลี้ยงของพวกนักธุรกิจ” ฉันบอกเจมส์ “ผมชักไม่อยากจะเข้าไปซะแล้วสิ รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้ครับ นักข่าวเต็มไปหมดเลยแล้วอย่างนี้คุณเดียร์ไม่เป็นข่าวเหรอครับมางานเลี้ยงกับผมแบบนี้”“ช่างเหอะ ฉันไม่ค่อยได้สนใจข่าวอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก็ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นี่นา อีกอย่างฉันก็แค่ให้นายมาเป็นเพื่อนเฉยๆ อย่าคิดมากน่า” จริงไม่จริงตัวฉันก็รู้ดีอยู่แล้ว ส่วนใครที่ทำข่าว
เดียร์ Talk บริษัทออกแบบดีไซเนอร์ “สวัสดีค่ะท่านประธาน” “สวัสดีค่ะ” ฉันหันไปยิ้มตอบรับกับพนักงาน ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง “คุณเดียร์ครับ”“อ่าว่าไงเจมส์?” ฉันหยุดชะงักเมื่อนักศึกษาฝึกงานที่ฉันเพิ่งจะรับเข้ามาทำงานในบริษัทยืนรอฉันอยู่หน้าห้องทำงาน โดยมีแฟ้มเอกสารปึกหนาอยู่ในมือ “มาส่งงานเหรอ?” “ครับ แล้วก็จะมาขอคำปรึกษาจากคุณเดียร์ด้วยครับ” “เข้ามาก่อนสิ” ฉันเปิดประตูพาเจมส์เข้าห้องทำงานไป ความจริงฉันก็ไม่เคยคิดอะไรกับเด็กนักศึกษาที่มาฝึกงานหรอก จะคุยงานมันก็ต้องเข้าไปคุยในห้องทำงานอยู่แล้วไหม แต่บางคนกลับมองว่าฉันพาเด็กนักศึกษาเข้าไปกินในห้องทำงาน นี่มันสถานที่ทำงานและอีกอย่างฉันก็เป็นเจ้าของบริษัทฉันไม่ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงทำอะไรต่ำๆ เหมือนปากคนที่พูดหรอก “ผมยังไม่ค่อยเข้าใจส่วนนี้น่ะครับคุณเดียร์” “ไหน” ฉันโน้มตัวไปมองงานในแฟ้มของเจมส์ก่อนจะใช้ปากกาวงแยกบรรทัดพร้อมกับอธิบายให้เจมส์เข้าใจ งานแบบนี้ถ้าไม่ทำความเข้าใจตั้งแต่แรกก็จะไม่มีทางเข้าใจเลยนะ สำหรับคนที่รักงานแบบนี้จริงๆ ถึงจะเข้าใจ “อ๋อ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับคุณเดียร์ ขอบคุณมากๆ นะครับ” “ไม่เป็นไร
เดียร์ Talk แกร้ก~ ฉันใช้คีย์การ์ดแตะเข้าคอนโดตามปกติที่เคยทำ แต่หางตาเหลือบไปมองเห็นใครบางคนกำลังยืนหันหลังสูบบุหรี่อยู่ตรงบันไดหนีไฟ ท่าทางของผู้ชายคนนั้นดูมีพิรุธมากเลย และชั้นบนนี้มีแค่ไม่กี่ห้องและเท่าที่จำได้ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อนเลย หลายวันมานี้ฉันรู้สึกแปลกๆ กับตัวเองมาก เหมือนมีใครคอยมองฉันอยู่ตลอดเวลาเลย แต่พอมองไปรอบๆ ตัวมันก็ปกติดีไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลย แต่ความรู้สึกของฉันมันไม่ได้บอกแบบนั้น ขวับ! ผู้ชายคนนั้นเหลียงหลังมามองฉันแปลกๆ ฉันเลยรีบเข้าไปในห้องแล้วล็อคกลอนไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็ยังไม่ได้เดินเข้าไปฉันมองอยู่ที่ตาแมวจะดูว่าผู้ชายคนนั้นเดินออกไปหรือยัง ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านห้องฉันไปช้าๆ เขาใส่หมวกแก๊ปเดินก้มหน้าต่ำฉันเลยมองไม่ออกว่าเป็นใคร แต่คนท่าทางแบบนี้ฉันไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อนเลยนะ ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดฉันหยิบโทรศัพท์โทรลงไปที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง อย่างน้อยๆ แจ้งพนักงานให้รู้ให้เขาส่งรปภ.ขึ้นมาตรวจดูอีกครั้ง จะได้อุ่นใจกันทั้งชั้นด้วย เจอแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ฉันเองก็ตัวคนเดียวอยู่คอนโดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย (
“อยากให้ฉันเลิกยุ่งกับเพื่อนของเธอ ก็มาเป็นนางบำเรอของฉันสิ” คิงส์เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกไร้ความรู้สึกใด ๆ “แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย ฉันไม่ดึงตัวเองลงไปต่ำแบบนั้นหรอก” เดียร์พูดเหยียดคนตรงหน้า “อย่าลืมสิว่าเธอกับฉันเราก็เคย….เอากันมาแล้วนะ” คิงส์เหยียดยิ้มมุมปากเมื่อพูดจบ พลางไล่สายตามองร่างบางราวกับเสือที่กำลังจะขย้ำเหยื่อตรงหน้า“ไอ้….” “ได้ข่าวว่าเปิดบริษัทใหญ่โตโอ่อ่า ถ้ามีข่าวเรื่องที่เธอนอนกับไอ้ขี้คุกอย่างฉัน มันจะมีผลกระทบต่อบริษัทของเธอยังไงกันนะ” แววตาอันคมกริบจ้องมองกระต่ายน้อยตรงหน้าอย่างผู้ชนะ “….” “ตอนนี้ถ้าฉันจะเป็นข่าวมันก็ไม่เสียหายอะไร เพราะฉันก็แค่ไอ้ขี้คุกคนนึง ต่างกับเธอที่เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่แถมกำลังไปได้สวย ถ้ามีข่าวเสียหายขึ้นมาจะเป็นยังไง” “นายอย่าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นนะ” “ถ้าอย่างนั้นก็ยอมรับข้อเสนอของฉันสิ และเรื่องของเราสองคนก็จะเป็นความลับ….” นิ้วเรียวยาวกรีดกรายไปตามใบหน้าสวยคม ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาก้มลงสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากปลายผมม้วน “ตลอดไป” ************6 ปีต่อมา คิงส์ก้าวข้ามผ่านประตูเหล็กหนาสูงเท่าหลังคาบ้านโดยที่ไม่หั