เดียร์ Talk
บริษัทออกแบบดีไซเนอร์ “สวัสดีค่ะท่านประธาน” “สวัสดีค่ะ” ฉันหันไปยิ้มตอบรับกับพนักงาน ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง “คุณเดียร์ครับ” “อ่าว่าไงเจมส์?” ฉันหยุดชะงักเมื่อนักศึกษาฝึกงานที่ฉันเพิ่งจะรับเข้ามาทำงานในบริษัทยืนรอฉันอยู่หน้าห้องทำงาน โดยมีแฟ้มเอกสารปึกหนาอยู่ในมือ “มาส่งงานเหรอ?” “ครับ แล้วก็จะมาขอคำปรึกษาจากคุณเดียร์ด้วยครับ” “เข้ามาก่อนสิ” ฉันเปิดประตูพาเจมส์เข้าห้องทำงานไป ความจริงฉันก็ไม่เคยคิดอะไรกับเด็กนักศึกษาที่มาฝึกงานหรอก จะคุยงานมันก็ต้องเข้าไปคุยในห้องทำงานอยู่แล้วไหม แต่บางคนกลับมองว่าฉันพาเด็กนักศึกษาเข้าไปกินในห้องทำงาน นี่มันสถานที่ทำงานและอีกอย่างฉันก็เป็นเจ้าของบริษัทฉันไม่ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงทำอะไรต่ำๆ เหมือนปากคนที่พูดหรอก “ผมยังไม่ค่อยเข้าใจส่วนนี้น่ะครับคุณเดียร์” “ไหน” ฉันโน้มตัวไปมองงานในแฟ้มของเจมส์ก่อนจะใช้ปากกาวงแยกบรรทัดพร้อมกับอธิบายให้เจมส์เข้าใจ งานแบบนี้ถ้าไม่ทำความเข้าใจตั้งแต่แรกก็จะไม่มีทางเข้าใจเลยนะ สำหรับคนที่รักงานแบบนี้จริงๆ ถึงจะเข้าใจ “อ๋อ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับคุณเดียร์ ขอบคุณมากๆ นะครับ” “ไม่เป็นไร ไม่เข้าใจอะไรตรงไหนก็มาถามได้ตลอดเลย” “ครับคุณเดียร์ ถ้าอย่างนั้นผมขอออกไปทำงานต่อก่อนนะครับ” “จ้ะ” ฉันพยักหน้าแล้วยิ้มเป็นคำตอบให้กับเจมส์ จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป กริ๊งง ( คุณเดียร์คะคุณก้องภพมาขอพบค่ะ ) “อีกแล้วเหรอเนี่ย ไหนว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วไง” ฉันบ่นพึมพำพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง เมื่อวานก็ปฏิเสธไปแล้วไงยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอเนี่ย “บอกไปทีนะว่าฉันไม่ว่าง ต้องรีบทำงาน” ( คุณก้องภพบอกว่าขอคุยกับท่านประธานแค่แป๊บเดียวค่ะ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ) “อือให้เข้ามา” สิ้นสุดเสียงของฉันไปได้ไม่ถึงสองนาทีประตูห้องทำงานของฉันก็ถูกเปิดออก พร้อมกับมีร่างใหญ่เดินเข้ามา “คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ พอดีว่าฉันต้องรีบทำงาน” “ตอนเย็นหลังเลิกงานคนเดียร์ว่างหรือเปล่าครับ” “ไม่ค่ะ ต้องขอโทษนะคะที่ต้องพูดตรงๆ” “เอ่อ สักนิดก็ไม่มีเลยเหรอครับ พอดีว่าวันนี้เพื่อนๆ ของผมจัดงานกินเลี้ยงกัน เลยอยากจะพาคุณเดียร์ไปแนะนำให้เพื่อนๆ ของผมรู้จัก จะได้ถือโอกาสแนะนำบริษัทของคุณเดียร์ด้วยเลย” “เท่าที่รู้เพื่อนของคุณก้องไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับดีไซเนอร์เลยนี่คะ แล้วทำไมต้องพาฉันไปแนะนำให้เพื่อนของคุณรู้จักด้วย?” ฉันยอมรับนะว่าฉันเป็นคนตรงและออกจะปากหมาด้วย แต่ฉันไม่ชอบพูดอ้อมค้อมให้ความหวังใคร “ก็แหม เผื่อว่าเพื่อนของผมจะสนใจร่วมหุ้นบริษัทกับคุณเดียร์ยังไงล่ะครับ” “ไม่หรอกค่ะ บริษัทของฉันไม่ได้ขายหุ้น บริษัทของฉันไม่ได้มีหุ้นร่วมกับใคร ฉันเปิดด้วยเงินที่ฉันเก็บสะสมมาเองค่ะ” “อ๋อ…ก็…” “เอาเป็นว่าฉันขอดูตอนเย็นอีกทีนะคะ ว่าฉันจะว่างหรือเปล่า ถ้าฉันว่างฉันก็จะไปค่ะ” “จริงเหรอครับ งั้นให้ผม…” “คุณบอกสถานที่มาก็พอค่ะ เดี๋ยวฉันขับรถไปเองตอนกลับจะได้กลับเองไม่ต้องรบกวนคุณ” “ไม่เป็นอะไรเลยครับ ไม่ได้รบกวนเลยผมยินดีที่จะ…” “แต่ฉันสะดวกแบบนี้ค่ะ” ฉันพูดแทรกคุณก้องไป ก่อนจะก้มหน้าลงทำงานต่อไม่อยากจะสนใจอะไรแล้ว “เอ่อ….ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ แล้วเจอกันที่งานเลี้ยง อย่าลืมไปให้ได้นะครับรับรองว่าสนุกแน่นอน” “ค่ะ” ฉันไม่ได้หยิ่งหรอกนะ แต่ฉันไม่ชอบผู้ชายที่มาตามตื๊อวอแวกับผู้หญิงแบบนี้ อีกอย่างถ้ายังหยุดเจ้าชู้ไม่ได้ก็ไม่ควรมายุ่งกับฉัน ผู้หญิงทุกคนล้วนแต่ต้องการความแน่นอนความมั่นคงในชีวิต ถ้าคู่ชีวิตที่ฉันเลือกแต่งงานด้วยยังเลิกเจ้าชู้ไม่ได้วันๆ เอาแต่เที่ยวไม่ได้สนใจอะไรเลย อยู่กันไปแบบนี้มันก็ไม่มีความสุขหรอก เสียความรู้สึกซะเปล่าๆ เวลาต่อมา “คุณเดียร์จะไปไหนเหรอครับ” เสียงใหญ่ดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมองเพราะน้ำเสียงนั้นมันคุ้นหูมาก “อ่าวเจมส์ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ” “ผมแวะเอางานมาส่งให้เพื่อนน่ะครับ กำลังจะกลับแล้ว ว่าแต่คุณเดียร์จะไปไหนหรอครับแต่งตัวสวยเชียว” “พอดีว่ามีคนมาชวนฉันไปงานเลี้ยงน่ะ ก็เลยว่าจะไปซักหน่อย” ฉันตอบเจมส์ไป “อ๋อครับ” “ไปด้วยกันป้ะ” ไม่รู้ว่าฉันนึกคึกอะไรถึงได้เอ่ยปากชวนเจมส์ไปด้วย แต่ฉันไม่อยากไปอยู่กับอีตาก้องภพนั่นสองต่อสอง รู้อยู่แล้วแหละว่าเขาจะต้องมาวุ่นวายกับฉัน แต่ฉันก็อยากจะลองไปดูอยากลองไปเปิดโลกรู้จักนักธุรกิจหลายๆ คนบ้าง ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าสังคมเท่าไหร่หรอกไม่ชอบความวุ่นวาย “ไม่ล่ะครับ ผมยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย คุณเดียร์ไปเถอะครับผมไม่รบกวนดีกว่า งานเลี้ยงน่าจะมีแต่นักธุรกิจรวยๆ ทั้งนั้นผมคงไม่เหมาะกับงานพวกนี้หรอกครับ” “เฮ้ย! ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ? อย่าไปตัดสินคุณค่าของตัวเองแค่เงินสิ มันก็แค่กระดาษมันตัดสินคุณค่าของคนเราไม่ได้หรอกนะ สิ่งเดียวที่จะตัดสินเราได้คือความดีของเราต่างหากล่ะ ที่ฉันชวนเจมส์ไปก็เพราะว่าฉันไม่มีเพื่อนไปต่างหาก อีกอย่่าง…” “เพราะคุณก้องภพเหรอครับ?” “อือ…ฉันไม่อยากเจออีตานั่นเท่าไหร่อ่ะ ชอบมาตามวุ่นวายกับฉันไม่เลิก มันน่าเบื่อมากเลยรู้มะเจมส์ รู้ว่าฉันไม่ชอบแต่ก็ยังมาตามวอแวกับฉันไม่เลิก” “แหะๆ คุณเดียร์จะเอาผมไปเป็นไม้กันหมาหรือเปล่าครับ” “….” ฉันหันขวับไปมองเจมส์ เด็กคนนี้หัวไวจริงๆ เลยนะ “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย” “เหรอครับ แต่ทำไมผมรู้สึกแบบนั้นก็ไม่รู้” “จิ๊! โอเคไม่อยากไปก็แล้วแต่ฉันไปคนเดียวก็ได้” ฉันรีบเดินไปที่รถเพราะกลัวว่าจะเข้างานเลี้ยงสาย “คุณเดียร์ครับคุณเดียร์” เสียงเจมส์ดังตามหลังฉันมา “มีอะไรอีกล่ะ ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปฉันไม่ได้บังคับสักหน่อย” “ผมแค่จะมาบอกว่าผมไปด้วยก็ได้ครับ แต่ผมขอเวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึงแล้วจะรีบมาเลย ห้องพักของผมอยู่ตรงนี้เองครับ” “ไปเป็นไม้กันหมาให้ฉันน่ะหรอ?” ฉันเลิกคิ้วถาม “แหะๆ ผมล้อเล่นน่ะครับ อย่าคิดมากเลยนะ ผมขอโทษ” “จะไปก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำสิ เดี๋ยวฉันรออยู่ที่รถนี่แหละ” “ครับๆ”“คุณเดียร์ครับ” “….” ฉันหันหลังไปยังต้นเสียงที่เรียกฉัน แต่แล้วก็ต้องยืนมองจนตาค้างเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าเจมส์เด็กนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทของฉันใส่ชุดสูทดูเรียบร้อยสะอาดตามาก “หล่อมากเลยเจมส์ ฉันว่าสาวๆ ต้องแอบเหล่มองเธอแน่เลย” “แหม คุณเดียร์ก็พูดเกินไปครับ” “เรารีบไปกันเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะไปสายเอา” “ครับ”“นายขับนะ” ฉันยื่นกุญแจรถให้กับเจมส์ก่อนจะเดินไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ จากนั้นเราสองคนก็พากันมายังงานเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งงานใหญ่เหมือนกันนะ นักธุรกิจรายใหญ่ของประเทศอยู่กันเยอะเลย ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักใครหรอกเพราะฉันไม่ค่อยได้เข้าสังคมเท่าไหร่ น้อยครั้งมากที่ฉันจะเข้าสังคม “งานใหญ่มากเลยครับคุณเดียร์” “อือใหญ่มาก นี่แหละงานเลี้ยงของพวกนักธุรกิจ” ฉันบอกเจมส์ “ผมชักไม่อยากจะเข้าไปซะแล้วสิ รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้ครับ นักข่าวเต็มไปหมดเลยแล้วอย่างนี้คุณเดียร์ไม่เป็นข่าวเหรอครับมางานเลี้ยงกับผมแบบนี้”“ช่างเหอะ ฉันไม่ค่อยได้สนใจข่าวอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก็ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นี่นา อีกอย่างฉันก็แค่ให้นายมาเป็นเพื่อนเฉยๆ อย่าคิดมากน่า” จริงไม่จริงตัวฉันก็รู้ดีอยู่แล้ว ส่วนใครที่ทำข่าว
คิงส์ Talk ผมยืนมองผู้หญิงคนที่ชื่อเดียร์ขึ้นรถไปกับนักศึกษาฝึกงานในบริษัทของเธอ จะว่าไปเธอนี่ก็ใช่ย่อยเหมือนกันนะกลางวันเห็นผู้ชายอีกคนเข้าไปที่บริษัทส่วนกลางคืนก็พาอีกคนมางานเลี้ยง สมคำร่ำลือจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ ผมชักอยากจะลองซะแล้วสิว่าเธอมันจะเด็ดแค่ไหนกันเชียวถึงได้มีผู้ชายเข้าหารุมล้อมกันซะขนาดนี้ ผมคอยเฝ้าตามดูเธอตลอดดูพฤติกรรมของเธอว่ามันเป็นแบบไหน ผมไม่เคยเห็นเธอออกเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย เธอทำงานทุกวันเลิกงานก็กลับมาที่คอนโดตามเดิม ไม่ออกไปไหนบางครั้งผมก็ยังสงสัยว่าเธอจะไปเอากับคนอื่นอย่างที่ข่าวลือออกมาได้ยังไง แต่เท่าที่สังเกตดูมีผู้ชายคนหนึ่งชอบมาหาเธอที่บริษัทเป็นประจำ และในบริษัทของเธอก็มีเด็กนักศึกษาฝึกงานที่เป็นผู้ชายเยอะอยู่ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะนักศึกษาคนนี้ที่เธอพามางานเลี้ยงด้วยรู้สึกว่าจะสนิทกันมากเป็นพิเศษเลย แต่ก็ช่างผมไม่ได้สนใจเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ผมไม่ได้คาดหวังว่าผมจะต้องเจอผู้หญิงที่บริสุทธิ์ เพราะผมไม่ชอบแบบนั้นมันดูไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียงเอาซะเลย ผมชอบคนที่ทำอะไรได้โดยที่ไม่ต้องบอกสักคำ มันเสียเวลาและมันทำให้ผมหมดอารมณ์กับการที่จะต้องมานั
หลายวันต่อมาเดียร์ Talk คลับใหญ่พรุ่งนี้ฉันหยุดงานซักวันนึงพักผ่อนร่างกายของตัวเอง วันนี้ก็เลยออกมาดื่มอยู่ที่คลับเดิมที่เคยมากับอีพิงค์สมัยยังสาวๆ ก็เป็นคลับของผัวมันนั่นแหละ ก็มันอยู่ใกล้คอนโดของฉันที่สุดแล้วนี่นา อีกอย่างก็มาเที่ยวบ่อยจนการ์ดจำหน้าได้แล้ว คือเห็นหน้าแล้วไม่ต้องตรวจบัตรก็ได้เพราะจำกันได้เพราะเมื่อก่อนฉันกับพิงค์ก็มาที่นี่บ่อยมาก เป็นเพื่อนสนิทของเมียเจ้าของที่นี่อีกด้วยฉันนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์มาคนเดียวก็เลยไม่อยากหาโต๊ะนั่งให้มันเหนื่อยแรง อีกอย่างจะได้นั่งดูหน้าบาร์เทนเดอร์หล่อๆ ด้วย เด็กในคลับมันงานดีทั้งนั้น ใบหน้าหล่อเหลารูปร่างบึกบึนแข็งแรง มันน่าจับทำผัวซะจริงๆแหะๆ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ฉันไม่เอาจริงหรอกก็แค่เต๊าะเด็กเล่นไปเรื่อย ตามประสาสาวโสดอย่างฉัน“ดื่มขนาดนี้ ไม่เมาเหรอครับคุณเดียร์”“แหม…เห็นฉันเคยเมาบ้างไหมล่ะ แค่นี้ไม่ระคายคอฉันหรอก ฉันคอแข็งน่ะ” เมื่อก่อนฉันก็เมาง่ายมากเลยนะ แต่พอเริ่มกินหนักขึ้นร่างกายมันก็ปรับสภาพตามจนตอนนี้ฉันเมายากมากๆ เลยแต่ฉันก็ไม่ได้มาดื่มบ่อยขนาดนั้น นานๆ ทีจะมีเวลาว่างมาเที่ยวแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่ก็ทำงานอย่างเดียว
24:00 น.ฉันเดินออกมาจากคลับด้วยสภาพที่โซซัดโซเซเพราะความเมา แต่ก็ยังพอครองสติพาตัวเองกลับมาที่คอนโดได้“อืม…โลกหมุนจังเลยนะเนี่ย บ้าจริง” ฉันพยายามเดินให้ปกติมากที่สุด ตลอดทางมันไม่ได้น่ากลัวอะไรเพราะมันมีร้านค้าร้านสะดวกซื้อเปิดอยู่กันเต็มไปหมดในช่วงกลางคืน เรียกว่าไม่ได้เปลี่ยวอะไรเลย“อ่าวแม่หนู ไปไหนมาล่ะนั่นทำไมถึงได้เดินเซขนาดนั้น” ขณะที่ฉันกำลังเดินกลับคอนโด แม่ค้าที่เปิดร้านขายของอยู่ข้างทางก็เอ่ยทักฉันขึ้นมา ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักแล้วหันไปพูดกับแกด้วยน้ำเสียงที่ยานหยดย้อย“อ๋อ พอดีว่าหนูออกไปเที่ยวมาค่ะ กำลังจะกลับแล้ว”“ผู้หญิงตัวคนเดียวทำไมถึงได้ออกมาเที่ยวแบบนี้ล่ะแม่หนู ไม่กลัวบ้างหรือไงสมัยนี้โจรชุกชุมจะตาย”“แหะๆ กลัวค่ะป้า ว่าแต่ป้าเถอะค่ะทำไมถึงยังเปิดร้านขายของอยู่คะ ทำไมถึงยังไม่ปิดซักทีไม่เห็นมีคนมาเดินแล้ว”“ป้ากำลังจะปิดนี่แหละแม่หนู วันนี้ขายของไม่ค่อยดีเลยก็เลยอยู่ดึก ปกติก็ปิดร้านตั้งแต่สองทุ่มแล้ว” ถึงว่าไม่เคยเห็นหน้าป้าคนนี้มาก่อนเลย ทำงานกันคนละเวลานี่เอง ป้าแกเลิกงานฉันก็หลับไปแล้ว“อ๋อ ว่าแต่คุณป้าขายอะไรคะ”“นี่ไงลูก มีหลายอย่างเลยผลไม้สดผลไม้อบแห้ง”“…
ร่างหนาเคลื่อนตัวคุกคามคนตรงหน้าอีกเรื่อยๆ จนเธอต้องถอยกรูดหนีด้วยความกลัวอย่างหนัก เขาจะฆ่าเธอหรือเปล่าเพราะข่าวข่มขืนแล้วฆ่าสมัยนี้มีถมเถไป“ถะ ถอยออกไปนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกให้คนช่วยจริงๆ ด้วย” หญิงสาวรวบรวมความกล้าพูดใส่คนตรงหน้าไปอย่างไม่เกรงกลัว พลางใช้มือล้วงไปที่กระเป๋าสะพายเพื่อควานหาโทรศัพท์ของตนเอง“ร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยินเธอหรอก คอนโดหรูราคาแพงแบบนี้เก็บเสียงได้อย่างดีเลย” ร่างหนามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์หมับ!มือหยาบกระชากกระเป๋าสะพายในมือของเธอแล้วดึงโทรศัพท์ของเธอโยนทิ้งไปบนโซฟา เขาเห็นพี่พิรุธของเธอตั้งแต่แรกแล้ว“คิดจะโทรหาใครเหรอ?”“ก็โทรหาตำรวจให้มาจับนายยังไงล่ะ”“หึ หึ เธอนี่หัวสูงใช้ได้เลยนะ เอาเป็นว่าเรามาตกลงกันดีกว่า”“ไม่!! ฉันจะไม่ตกลง ไม่พูดอะไรกับคนอย่างนายเด็ดขาด” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิมอย่างชัดถ้อยชัดคำคิงส์ดูไม่กลัวหรือสะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของคนตรงหน้าเลย เขาเดินไปนั่งลงบนเตียงของเธออย่างสบายใจ“นายออกมาเดี๋ยวนี้นะ จะทำเกินไปแล้วนะ”“….” ร่างหนายังคงนิ่งเฉย ทำให้เดียร์ที่เห็นทุกการกระทำของเขาเริ่มไม่พอใจ เมื่อเห็นว่า
กายแกร่งที่สวมเกาะป้องกันอยู่กำลังถูไถปากร่องสีแดงไปมาก่อนจะกดหัวบานใหญ่นั้นเข้าไปอย่างช้าๆทว่า..“อ่าส์ เหี้ยอะไรวะ!” เขามองสิ่งตรงหน้าด้วยความงุนงง เลือดสีแดงสดไหลเคลือบปลายหัวบานเมื่อใส่เข้าไปได้เพียงหัว “นี่เธอ…ยังไม่เคยเหรอ”“….” เดียร์เม้มปากแน่นแล้วพยักหน้ารัวๆ เป็นคำตอบ“บ้าชิบ!!” ร่างหนาสบถอย่างหัวเสีย เพราะไม่คิดว่าจะเจอผู้หญิงบริสุทธิ์อายุสามสิบแบบเธอ แต่ในใจลึกๆ ก็รู้สึกดีที่ได้เป็นคนแรกของใครสักคนเขาดึงท่อนเอ็นใหญ่ออกมารูดถุงยางทิ้งไปก่อนจะเอาไปจ่อที่ปากร่องแคบอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ กดหัวบานเข้าไปอีกรอบ ในเมื่อเธอยังบริสุทธิ์เขาก็ไม่จำเป็นต้องป้องกัน แค่ป้องกันไม่ให้เธอท้องก็พอแล้ว“อื้ม…แน่นจังวะ” เขาพยายามดันแก่นกายเข้าร่องแคบ แต่เหมือนยิ่งดันร่องแคบของเธอจะยิ่งรัดลำท่อนใหญ่ของเขาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นจนรู้สึกอึดอัด โยกขยับยากมากๆ เลย “ซี๊ดด อึดอัดเป็นบ้า!”เขาได้แต่สบถออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่คนใต้ร่างของเขานอนร้องไห้หลับตาข่มความเจ็บปวด ถึงแม้จะมีฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอหายเจ็บปวดจากการกระทำครั้งนี้ได้เลยนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีอะไรกับผู้ชาย
เช้าวันต่อมา “อืม…” ร่างบางพึมพำในลำคอพลางขยับตัวไปมาเบาๆ แต่ความเจ็บปวดตรงส่วนล่างทำให้เธอต้องเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองดูรอบๆ ห้องของตัวเองภายในห้องไม่เจอใครแล้วมีเพียงเธอคนเดียวที่ยังนอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เมื่อคืนกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้อง รวมถึงถุงยางอนามัยที่บ่งบอกว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เป็นแค่ฝัน ทุกอย่างมันเป็นความจริงพอเปิดผ้าห่มที่คลุมตัวออกก็พบรอยเลือดเล็กๆ แต่มีหลายจุดบนเตียงเธอ สิ่งนั้นทำให้หัวใจของเธอกระตุกวูบก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอาบใบหน้าซีด“มะ ไม่จริงใช่มั้ย มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย” เดียร์พยายามตั้งสติและนึกถึงเรื่องเมื่อคืน อยากจะให้กำลังใจตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นแค่ความฝัน แต่หลักฐานที่หลงเหลืออยู่มันทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเรื่องนี้เป็นแค่ความฝัน “ฮะ ฮึกก ฮื้ออ ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำแบบนี้ทำไม”ร่างบางร้องไห้จนสะอึกสะอื้นไม่ยอมลุกออกไปไหน จนกระทั่งมีเสียงแตะคีย์การ์ดเข้ามาในห้องของเธอ“อ่าวตื่นละเหรอ?” ร่างหนาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ“นายเข้ามาทำไมอีก ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเกลียดนาย!” ประโยคสุดท้ายเธอพูดเน้นพร้อมกับ
วันต่อมาบริษัทเดียร์ดีไซเนอร์“หน้ายังดูซีดอยู่เลยนะครับ ยังไม่หายดีเหรอครับคุณเดียร์” เมื่อก้าวขาเข้ามาในบริษัท เจมส์นักศึกษาฝึกงานที่รู้จักมักคุ้นกับเธอเป็นอย่างดีก็เข้ามาทักทายตามปกติที่เคยทำ“อืม…ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะฉันสบายดีแล้ว” เดียร์หันไปตอบแล้วยิ้มให้ แต่ความจริงร่างกายของเธอแทบจะทรุดลงตรงนี้ เพราะเมื่อคืนคิงส์ก็เข้ามามีอะไรกับเธออีกในห้อง โดยไม่สนใจเลยว่าเธอเจ็บปวดมากแค่ไหน หรือว่าเธอจะหายดีหรือยังกับการกระทำก่อนหน้านี้“ให้ผมไปซื้อยามาให้มั้ยครับ กินกันเอาไว้ก่อนก็ดี”“ฉันกินมาจากที่คอนโดแล้วล่ะ ขอบใจนายมากนะที่เป็นห่วง ว่าแต่เอาของที่ฉันฝากไว้แจกให้กับพนักงานหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วครับคุณเดียร์”“โอเค ขอบใจมาก เดี๋ยวนายไปเอางานจากผู้จัดการมาทำต่อเลยนะ เสร็จแล้วเดี๋ยวเอามาให้ฉันดูฉันจะตรวจให้เอง”“ได้เลยครับคุณเดียร์” เจมส์หันหลังเดินกลับออกไปร่างเล็กก้าวเดินไปอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็รู้สึกวูบวาบเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะเป็นลม แต่ก็พอจะครองสติตัวเองเดินเข้าไปนั่งพักอยู่ในห้องทำงานได้“อืม…” เธอไม่เคยรู้สึกว่าร่างกายแย่ขนาดนี้มาก่อนเลย เธอเป็นเด็กที่มีภูมิคุ้มกันดีมากตั้งแต่เล็ก
3 ปีต่อมา“คุณลุงขา…” เสียงเด็กน้อยดังมาแต่ไกลทันทีที่ลงมาจากรถ ก่อนที่ร่างอ้วนกลมจะวิ่งเข้าใส่ลุงครามจนเกือบหงายหลังไป “คิดถึงคุณลุงจังเลยค่ะ”“เหรอครับ ลุงก็คิดถึงเด็กอ้วนของลุงเหมือนกันครับ” มือหนาบีบแก้มยุ้ยเบาๆ อย่างมันเขี้ยว“น้องดารินครับ เข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ เล่นมาทั้งวันมีแต่เหงื่อทั้งนั้นเลย” คิงส์พูดขึ้นจากทางด้านหลังลูกสาว“ค่ะคุณพ่อ”แกตอบรับคำพูดของผู้เป็นพ่อแต่โดยดี ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าไปด้านใน“แล้วมึงล่ะ มีอะไรหรือเปล่าถึงได้แวะมา” ถึงแม้จะเป็นครอบครัวที่สนิทและรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยนัก เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง จะมาเจอกันสักครั้งก็ต่อเมื่อมีงานหรือปาร์ตี้เล็กๆ ระหว่างครอบครัว“กูเพิ่งกลับมาจากออสเตรเลียน่ะ ก็เลยซื้อของมาฝากหลานสาวกับหลานชาย ไม่ได้แวะเอามาให้สักทีวันนี้ผ่านมาพอดีก็เลยแวะเอามาให้” ครามบอก“อ๋อ ขอบใจมากนะ”“อือ..กูกลับละ”“อืม…ขับรถกลับดีๆ นะมึง อย่าไปไถลเล่นกับฟุตบาทล่ะ”“เออ!”เป็นคำพูดที่ห่วงใยแต่ก็ยังไม่วายสอดแทรกเรื่องกวนบาทาใส่กัน ไม่รู้เลยว่าใครจอมยั่วใครจอมโมโหกันแน่ เพราะทั้งสอง
บ้านพักริมทะเล“อ่า…สดชื่นจัง…” คิงส์กางแขนออกกว้างแอ่นอกรับลมบริสุทธิ์จากผืนทะเล แต่จู่ๆ ก็มีมือปริศนามาผลักเขาออกไป“ยืนกีดขวางฉิบหายมึงเนี่ย!” ครามพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิด แต่ดูเหมือนจะแกล้งคนข้างๆ มากกว่า“ก็ทางเดินมีตั้งมากมายมึงไม่เดิน มาเดินเอาตรงที่กูยืนอยู่เนี่ยนะ!?” คิงส์หันไปต่อว่า ตรงที่เขายืนเป็นหน้าบ้านก็จริงแต่บ้านก็กว้างพอที่จะไปเดินทางอื่นได้“นี่มันบ้านกู กูจะเดินไปตรงไหนก็ได้ไม่ผิด” ครามทำหน้าเฉยชาใส่คิงส์ ราวกับว่าไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำของตัวเองเลย“มันไม่ผิดหรอก มันอยู่ที่มารยาทต่างหากไอ้เวร! กูรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของมึง แต่กูมายืนอยู่ตรงนี้ก่อนมึง” คิงส์หันไปเท้าเอวด่าอยู่ด้วยกันสองคนไม่ได้เลยจริงๆ สองคนนี้ มีอันเป็นต้องหาเรื่องทะเลาะกันอยู่ตลอด ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องบ้าๆ บอๆ ที่ด่ากัน“แล้วไง? กูไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักหน่อย”“มึงนี่มันกวนตีนไม่เปลี่ยนเลยนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูกับมึงก็คงจะวางมวยกันไปแล้ว”“มาดิ ตอนนี้ยังวางได้นะ”“เดี๋ยวกูจะฟ้องเมียมึง” คิงส์พูดขู่“ฟ้องเรื่องอะไร๊ กูไม่ได้มีเรื่องปิดบังอย่างเช่นเรื่องแต่งรถเหมือนมึงสักหน่อย”“ให้กูพูดจริงๆ เ
“กูขออุ้มหลานหน่อย” ครามยื้อแขนที่รอรับเด็กสาวตัวน้อย แต่กลับถูกคิงส์พาเดินหนีออกไป “ไอ้คิงส์! กูบอกขออุ้มหลานหน่อย”“กูไม่ให้อุ้ม” คิงส์หันมาตอบกลับเสียงแข็งกร้าว“แต่นี่หลานกู”“หลานมึง แต่ลูกกู”ทั้งสองยืนเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะไม่มีใครยอมใครเลย อีกคนก็อยากอุ้มหลาน อีกคนก็หวงลูกราวกับจงอางหวงไข่ ไม่ยอมให้ใครได้แตะต้องลูกสาวเลยโดยเฉพาะคราม“เฮ้ย! มึงจะหวงทำไมวะ กูแค่ขออุ้มหลานหน่อยแค่นี้เอง ไม่ได้พาไปไหนสักหน่อย” ครามพูดแย้งออกไป“กูไม่ให้อุ้ม เดี๋ยวมึงเอาลูกกูไป” คิงส์หวงลูกสาวมาก เพราะแกทั้งน่ารักขี้อ้อน ตัวอ้วนกลมแถมแก้มซาลาเปาหน้าหยิกเล่น ใครเห็นก็ต้องเป็นหลง โดยเฉพาะครามที่ชอบเด็กผู้หญิงตัวอ้วนๆ กลมๆ มาก“กูขออุ้มนิดเดียว มึงก็ยืนโด่อยู่ตรงนี้ กูจะเอาลูกมึงไปไหนได้”“มึงอยากได้ลูกผู้หญิงอีก ทำไมมึงถึงไม่ทำเอาเองล่ะ เหอะ! หรือว่าหมดน้ำยาแล้ว?” คิงส์หัวเราะเย้ยหยันคนตรงหน้า“น้ำยากูยังไม่หมดหรอก แต่เมียกูไม่ยอมมีลูกให้อีกนี่หว่า บอกว่ามีแค่สองคนก็พอแล้ว” ครามถอนหายใจเฮือกใหญ่“มึงมันไม่มีน้ำยาเองนี่หว่า”“แล้วมึงล่ะ ทำไมไม่มีอีก”“กูทำหมันแล้วจะมีได้ไงวะ คนอย่างกูอะมันน้
6 เดือนต่อมาบ้านแสนอบอุ่น“แอ้ แอ้” เสียงของน้องดารินดังอ้าวออกมาถึงข้างนอก ฉันชะโงกหน้าเข้าไปมองก็เห็นว่าแกกำลังนั่งเล่นอยู่กับพี่ชายอยู่ ส่วนคิงส์ก็คอยนั่งดูแลอยู่ข้างๆ ตอนนี้พากันหลงเด็กน้อยคนนี้ทั้งพี่ชายทั้งพ่อเลย“ดูท่าคุณหนูไทเกอร์กับคุณคิงส์จะพากันหลงคุณหนูดารินจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะคะเนี่ย” ป้าอิ่มพูดขึ้น“ใช่ค่ะป้าอิ่ม” สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือกลัวว่าพี่น้องจะไม่รักกัน กลัวว่าจะมีคนมาพูดทำพี่น้องทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วน้องไทเกอร์มีวุฒิภาวะของความเป็นพี่มาก คอยดูแลน้องอยู่ตลอด ทุกวันหลังเลิกเรียนก็จะมาเล่นอยู่กับน้อง อายุห่างกันมากไม่ใช่ปัญหาเลย ดีซะอีกที่จะมีพี่ชายคนโตคอยดูแลน้องสาวคนเล็กคนนี้น้องไทเกอร์แกเข้าใจดีว่าทำไมฉันถึงต้องดูแลเอาใจใส่น้องมากเป็นพิเศษ แต่ฉันก็ไม่เคยละเลยแกเลยสักครั้ง ฉันทำให้แกได้เห็นว่าต่อให้จะมีน้องอีกซักกี่คนความรักที่ฉันมีให้แกก็ยังเหมือนเดิม“แล้วคุณเดียร์ ไม่คิดจะมีคุณหนูอีกซักคนเหรอคะ”“ไม่ล่ะค่ะป้า เดียร์ผ่าคลอดน่ะค่ะคุณหมอบอกว่าถ้าท้องอีกอาจจะเสี่ยงแท้งต้องยุติการตั้งครรภ์ค่ะ เดียร์แพ้ยามากค่ะ โดยเฉพาะยาชากับยาสลบ”“ตายจร
โรงพยาบาล“ทำไมต้องวางยาสลบเธอด้วยล่ะครับหมอ ปกติแค่ผ่าคลอดให้แค่ยาชาก็ได้นี่นา” คนตัวสูงเอ่ยถามคุณหมอขณะที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ภายในห้อง“คนไข้แจ้งมาล่วงหน้าแล้วนะครับว่าแพ้ยาชา และการวางยาสลบแบบนี้มันจะปลอดภัยดีกว่านะครับ ถ้าคนไข้มีอาการแทรกซ้อนขณะที่กำลังผ่าคลอด อาจจะทำให้เป็นอันตรายทั้งแม่และเด็กได้ครับ”“เธอกับลูกจะปลอดภัยใช่ไหมครับหมอ มีกับลูกของผมจะปลอดภัยใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงสั่นคลอน กลัวว่าลูกและภรรยาจะเป็นอะไรไป ถึงจะรู้มาบ้างว่าเธอแพ้ยา แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะแพ้หนักขนาดนี้ และคำพูดของเดียร์พี่เคยพูดเอาไว้ก็ลอยเข้ามาในหัวของเขาทันที ( ตอนที่ฉันผ่าคลอดน้องไทเกอร์ ฉันแพ้ยาชาหนักมากจนหัวใจของฉันหยุดเต้นไปหลายครั้ง แต่ฉันก็กลับมาได้ในที่สุด )“ครับผม หมอรับรองครับว่าภรรยาและลูกของคุณจะต้องปลอดภัย”“…” ถึงคุณหมอจะยืนยันและรับรองแบบนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจอยู่ดีคิงส์ยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ รอคุณหมอออกมาบอกข่าวดีกับเขาเวลาต่อมาแกร่ก~ประตูสีขาวบานใหญ่ถูกเปิดออกตามด้วยร่างสูงที่ใส่ชุดกาวน์ปิดหน้าปิดตาเดินออกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคิงส์“เมียกับลูกของผมเป็น
หลายวันต่อมา“อืม…”“เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมแบบนี้” คิงส์เอ่ยถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พลางไล่บีบนวดตามขาให้เธอบรรเทาอาการปวด“ดีขึ้นเยอะเลยล่ะ เฮ้อ..”“เมื่อไหร่จะคลอดครับลูกสาวพ่อหืม…พ่อตั้งหน้าตั้งตารอแล้วนะ รีบๆ ออกมานะครับ” ว่าแล้วก็พลางลูบที่ท้องใหญ่ไปมา“โอ๊ะ!?” เดียร์ร้องอุทานเพราะตกใจที่ลูกในท้องถีบอย่างแรงเมื่อคิงส์พูดจบ ราวกับว่ารับรู้ได้และอยากออกมาเต็มทนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ครบกำหนดที่จะออกมาเท่านั้น“เป็นไร! จะคลอดเหรอ?” คิงส์เอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงร้องของภรรยา“เปล่า ลูกดิ้นอะ ดิ้นแรงเลย” เดียร์บอก“เหรอ ขอจับหน่อยนะ” คิงส์เลื่อนมือไปสัมผัสกับหน้าท้องของเธออีกครั้ง เพราะอยากจะรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวภายในนั้น “ดิ้นจริงด้วย ดูสิถีบมือฉันใหญ่เลยอะ”เขาเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตในท้องใหญ่ของเธอ ดวงตาคมแดงก่ำราวกับคนกำลังจะร้องไห้ มือหนาก็ยังเลื่อนสัมผัสไปมาอยู่แบบนั้น“สงสัยแกจะได้ยินสิ่งที่คุณพูดนะ ดิ้นใหญ่เลย”“เหรอ…รีบๆ ออกมานะครับ พ่ออยากอุ้มอยากหอมแก้มหนูจะแย่แล้ว”ก๊อก ๆ ๆ ๆ“คุณพ่อคุณแม่ครับ นอนหรือยังครับ” เสียงเล็กๆ ด้านนอกตะโก
หกเดือนต่อมาเดียร์ Talkตอนนี้ท้องของฉันมันใหญ่ขึ้นมากเลยแหละ ไม่ได้ลูกแฝดหรอกแต่ได้ลูกผู้หญิงสมใจอยากคุณพ่อเขาเลย พี่ชายก็อยากได้น้องผู้หญิงเหมือนกัน เห็นบอกว่าอยากเป็นพี่ชายคนโตอยากคอยดูแลน้องสาว แต่อายุห่างกันพอสมควรเลยล่ะ กว่าคนในท้องจะคลอดน้องไทเกอร์ก็ปาไปหกขวบแล้ว พี่ชายกับน้องสาวอายุห่างกันหกปีเลยทำไงได้ล่ะ ก็มันมีแต่เรื่องวุ่นวายนี่นา กว่าจะสงบลงได้ก็สาหัสเหมือนกันนะ“อื้ม…ปวดขาจัง” ฉันบ่นพึมพำพลางทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะเอนตัวในท่าที่สบายที่สุด ท้องของฉันมันใหญ่มากทำอะไรก็ลำบากไปหมด ใหญ่กว่าน้องไทเกอร์อีก แต่อาจจะเป็นเพราะน้องไทเกอร์เป็นท้องแรกก็เลยไม่ใหญ่เท่าไหร่“รับของว่างมั้ยคะคุณเดียร์ เดี๋ยวป้าให้เด็กจัดมาให้”“ขอบคุณค่ะป้า” ฉันไม่ได้แค่ท้องใหญ่อย่างเดียวนะ ยังหิวตลอดเวลาอีกด้วยกินเยอะมาก“สักครู่นะคะ”“ค่ะป้า”วันๆ ฉันทำได้แค่นั่งเล่นอยู่ภายในห้อง ออกไปเดินเล่นตามในสวนบ้างเป็นบางครั้ง คิงส์ไม่ยอมให้ฉันเดินออกไปไหนโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย เพราะกลัวว่าฉันจะไปลื่นล้มเกิดอุบัติเหตุแล้วเป็นอันตรายแต่ความจริงฉันก็ไม่อยากเดินออกไปไหนหรอก เพราะมันลำบากไหนจะปวดขาอีก เดินก้าวไป
อ้วกก อ้วกก อ้วกกนี่คือเสียงของคิงส์ที่กำลังมีอาการแพ้ท้องแทนเมียอย่างหนัก ชนิดที่ว่าไม่เป็นอันกินอันนอนกันเลยทีเดียว เขาอยากมีลูกอีกคนมากตอนนี้ก็สมใจอยากผู้เป็นพ่อแล้ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการแพ้ท้องแทนเมียอย่างหนักหน่วง กินอะไรก็แทบจะไม่ได้ แค่ได้กลิ่นอาหารก็อ้วกพุ่งแล้ว กินได้แค่ของเปรี้ยวๆ เท่านั้นที่จะบรรเทาจากอาการพวกนี้“เป็นยังไงบ้างเนี่ยคุณ” เดียร์เข้ามาถามผู้เป็นสามีที่กำลังนั่งหมดแรงอยู่ข้างโถส้วมด้วยความเป็นห่วง ถ้าเทียบกับอาการแพ้ท้องของเธอตอนที่ท้องลูกคนแรกยังถือว่าเบามากกับลูกคนนี้“อืม…ไหวฉันไหว..” คิงส์ทำมือเป็นรูปโอเคส่งให้ภรรยาดู เพราะตอนนี้แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงโต้ตอบกลับแล้ว “ไอ้สังกะสีมัน…เอามะม่วงขึ้นมาให้หรือยัง”“ใกล้แล้วๆ ออกมานั่งข้างนอกก่อนสิ”“อืม…”“ค่อยๆ นะ” เดียร์เข้าไปพยุงร่างใหญ่ให้ออกมานั่งข้างนอกหลังจากที่รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังท้องเธอก็แข็งแรงดีทุกอย่างไม่มีความผิดปกติอะไร มีเพียงคิงส์เท่านั้นที่แพ้ท้องเป็นแทนเธอทุกอย่าง“ไอ้สังกะสีมันไปเอามะม่วงถึงไหน ทำไมไปนานจังเลย” คิงส์เริ่มบ่นและก็เริ่มมีอาการหัวเสีย เพราะลูกน้องไม่ได้ดั่งใจ“ใจเย็นก่อนสิ เดี๋ยววาป
หลายวันถัดมาคิงส์ Talkจะว่าผมเร่งมีลูกก็ได้นะครับ แต่ผมก็อายุปานนี้แล้วนี่นาความจริงน่าจะมีลูกอายุเป็นสิบขวบเหมือนกับไอ้ครามได้แล้ว นี่ลูกชายคนโตของผมอายุแค่ห้าขวบเองแต่อายุผมปาไปสามสิบกว่าแล้ว ทำไมผมไม่คิดได้ตั้งแต่แรกนะว่าการมีลูกมันดีขนาดไหน มาคิดได้ก็จนตัวเองจะแก่แล้ว ผมอยากมีลูกสาวอีกสักคนนึงหรือจะเป็นลูกชายก็ได้ หรือจะเป็นแฝดก็ดี ผมได้หมดอะครับตอนนี้ ขอแค่มีผมอยากอุ้มเด็กตัวเล็กๆ เพราะตอนน้องไทเกอร์ผมก็ไม่มีโอกาสได้เจอหรือได้เห็นเลยมารู้อีกทีก็โตแล้ว ผมอยากดูแลตอนที่เดียร์เธอกำลังท้อง ผมรู้ว่ามันทดแทนกันไม่ได้ แต่ผมก็อยากจะทำให้เธอได้รู้ว่าผมใส่ใจเธอมากแค่ไหน ผมพร้อมจะดูแลเธอมากแค่ไหน ผมจะไม่ทำให้เธอต้องรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวอีกแล้ว ผมจะคอยอยู่ข้างๆ เธอ ไม่ทิ้งเธอไปไหนผมรู้ว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องอุ้มท้องจนกว่าจะคลอดและเลี้ยงลูกคนเดียวมันรู้สึกยังไง ผมยอมรับเลยว่าเธอเก่งมากที่ผ่านจุดนั้นมาได้เธอเก่งมากครับ ไม่แปลกเลยที่น้องไทเกอร์จะรักเธอมากขนาดนี้“คุณพ่อคร้าบ โดดมาเร็ว”“ครับผม” ผมตะโกนตอบลูกชายไป ตอนนี้ผมพาเดียร์กับลูกมาเที่ยวอยู่ที่ทะเล ก่อนที่โรงเรียนของแกจะเปิด