เดียร์ Talk
บริษัทออกแบบดีไซเนอร์ “สวัสดีค่ะท่านประธาน” “สวัสดีค่ะ” ฉันหันไปยิ้มตอบรับกับพนักงาน ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง “คุณเดียร์ครับ” “อ่าว่าไงเจมส์?” ฉันหยุดชะงักเมื่อนักศึกษาฝึกงานที่ฉันเพิ่งจะรับเข้ามาทำงานในบริษัทยืนรอฉันอยู่หน้าห้องทำงาน โดยมีแฟ้มเอกสารปึกหนาอยู่ในมือ “มาส่งงานเหรอ?” “ครับ แล้วก็จะมาขอคำปรึกษาจากคุณเดียร์ด้วยครับ” “เข้ามาก่อนสิ” ฉันเปิดประตูพาเจมส์เข้าห้องทำงานไป ความจริงฉันก็ไม่เคยคิดอะไรกับเด็กนักศึกษาที่มาฝึกงานหรอก จะคุยงานมันก็ต้องเข้าไปคุยในห้องทำงานอยู่แล้วไหม แต่บางคนกลับมองว่าฉันพาเด็กนักศึกษาเข้าไปกินในห้องทำงาน นี่มันสถานที่ทำงานและอีกอย่างฉันก็เป็นเจ้าของบริษัทฉันไม่ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงทำอะไรต่ำๆ เหมือนปากคนที่พูดหรอก “ผมยังไม่ค่อยเข้าใจส่วนนี้น่ะครับคุณเดียร์” “ไหน” ฉันโน้มตัวไปมองงานในแฟ้มของเจมส์ก่อนจะใช้ปากกาวงแยกบรรทัดพร้อมกับอธิบายให้เจมส์เข้าใจ งานแบบนี้ถ้าไม่ทำความเข้าใจตั้งแต่แรกก็จะไม่มีทางเข้าใจเลยนะ สำหรับคนที่รักงานแบบนี้จริงๆ ถึงจะเข้าใจ “อ๋อ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับคุณเดียร์ ขอบคุณมากๆ นะครับ” “ไม่เป็นไร ไม่เข้าใจอะไรตรงไหนก็มาถามได้ตลอดเลย” “ครับคุณเดียร์ ถ้าอย่างนั้นผมขอออกไปทำงานต่อก่อนนะครับ” “จ้ะ” ฉันพยักหน้าแล้วยิ้มเป็นคำตอบให้กับเจมส์ จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป กริ๊งง ( คุณเดียร์คะคุณก้องภพมาขอพบค่ะ ) “อีกแล้วเหรอเนี่ย ไหนว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วไง” ฉันบ่นพึมพำพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง เมื่อวานก็ปฏิเสธไปแล้วไงยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอเนี่ย “บอกไปทีนะว่าฉันไม่ว่าง ต้องรีบทำงาน” ( คุณก้องภพบอกว่าขอคุยกับท่านประธานแค่แป๊บเดียวค่ะ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ) “อือให้เข้ามา” สิ้นสุดเสียงของฉันไปได้ไม่ถึงสองนาทีประตูห้องทำงานของฉันก็ถูกเปิดออก พร้อมกับมีร่างใหญ่เดินเข้ามา “คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ พอดีว่าฉันต้องรีบทำงาน” “ตอนเย็นหลังเลิกงานคนเดียร์ว่างหรือเปล่าครับ” “ไม่ค่ะ ต้องขอโทษนะคะที่ต้องพูดตรงๆ” “เอ่อ สักนิดก็ไม่มีเลยเหรอครับ พอดีว่าวันนี้เพื่อนๆ ของผมจัดงานกินเลี้ยงกัน เลยอยากจะพาคุณเดียร์ไปแนะนำให้เพื่อนๆ ของผมรู้จัก จะได้ถือโอกาสแนะนำบริษัทของคุณเดียร์ด้วยเลย” “เท่าที่รู้เพื่อนของคุณก้องไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับดีไซเนอร์เลยนี่คะ แล้วทำไมต้องพาฉันไปแนะนำให้เพื่อนของคุณรู้จักด้วย?” ฉันยอมรับนะว่าฉันเป็นคนตรงและออกจะปากหมาด้วย แต่ฉันไม่ชอบพูดอ้อมค้อมให้ความหวังใคร “ก็แหม เผื่อว่าเพื่อนของผมจะสนใจร่วมหุ้นบริษัทกับคุณเดียร์ยังไงล่ะครับ” “ไม่หรอกค่ะ บริษัทของฉันไม่ได้ขายหุ้น บริษัทของฉันไม่ได้มีหุ้นร่วมกับใคร ฉันเปิดด้วยเงินที่ฉันเก็บสะสมมาเองค่ะ” “อ๋อ…ก็…” “เอาเป็นว่าฉันขอดูตอนเย็นอีกทีนะคะ ว่าฉันจะว่างหรือเปล่า ถ้าฉันว่างฉันก็จะไปค่ะ” “จริงเหรอครับ งั้นให้ผม…” “คุณบอกสถานที่มาก็พอค่ะ เดี๋ยวฉันขับรถไปเองตอนกลับจะได้กลับเองไม่ต้องรบกวนคุณ” “ไม่เป็นอะไรเลยครับ ไม่ได้รบกวนเลยผมยินดีที่จะ…” “แต่ฉันสะดวกแบบนี้ค่ะ” ฉันพูดแทรกคุณก้องไป ก่อนจะก้มหน้าลงทำงานต่อไม่อยากจะสนใจอะไรแล้ว “เอ่อ….ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ แล้วเจอกันที่งานเลี้ยง อย่าลืมไปให้ได้นะครับรับรองว่าสนุกแน่นอน” “ค่ะ” ฉันไม่ได้หยิ่งหรอกนะ แต่ฉันไม่ชอบผู้ชายที่มาตามตื๊อวอแวกับผู้หญิงแบบนี้ อีกอย่างถ้ายังหยุดเจ้าชู้ไม่ได้ก็ไม่ควรมายุ่งกับฉัน ผู้หญิงทุกคนล้วนแต่ต้องการความแน่นอนความมั่นคงในชีวิต ถ้าคู่ชีวิตที่ฉันเลือกแต่งงานด้วยยังเลิกเจ้าชู้ไม่ได้วันๆ เอาแต่เที่ยวไม่ได้สนใจอะไรเลย อยู่กันไปแบบนี้มันก็ไม่มีความสุขหรอก เสียความรู้สึกซะเปล่าๆ เวลาต่อมา “คุณเดียร์จะไปไหนเหรอครับ” เสียงใหญ่ดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมองเพราะน้ำเสียงนั้นมันคุ้นหูมาก “อ่าวเจมส์ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ” “ผมแวะเอางานมาส่งให้เพื่อนน่ะครับ กำลังจะกลับแล้ว ว่าแต่คุณเดียร์จะไปไหนหรอครับแต่งตัวสวยเชียว” “พอดีว่ามีคนมาชวนฉันไปงานเลี้ยงน่ะ ก็เลยว่าจะไปซักหน่อย” ฉันตอบเจมส์ไป “อ๋อครับ” “ไปด้วยกันป้ะ” ไม่รู้ว่าฉันนึกคึกอะไรถึงได้เอ่ยปากชวนเจมส์ไปด้วย แต่ฉันไม่อยากไปอยู่กับอีตาก้องภพนั่นสองต่อสอง รู้อยู่แล้วแหละว่าเขาจะต้องมาวุ่นวายกับฉัน แต่ฉันก็อยากจะลองไปดูอยากลองไปเปิดโลกรู้จักนักธุรกิจหลายๆ คนบ้าง ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าสังคมเท่าไหร่หรอกไม่ชอบความวุ่นวาย “ไม่ล่ะครับ ผมยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย คุณเดียร์ไปเถอะครับผมไม่รบกวนดีกว่า งานเลี้ยงน่าจะมีแต่นักธุรกิจรวยๆ ทั้งนั้นผมคงไม่เหมาะกับงานพวกนี้หรอกครับ” “เฮ้ย! ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ? อย่าไปตัดสินคุณค่าของตัวเองแค่เงินสิ มันก็แค่กระดาษมันตัดสินคุณค่าของคนเราไม่ได้หรอกนะ สิ่งเดียวที่จะตัดสินเราได้คือความดีของเราต่างหากล่ะ ที่ฉันชวนเจมส์ไปก็เพราะว่าฉันไม่มีเพื่อนไปต่างหาก อีกอย่่าง…” “เพราะคุณก้องภพเหรอครับ?” “อือ…ฉันไม่อยากเจออีตานั่นเท่าไหร่อ่ะ ชอบมาตามวุ่นวายกับฉันไม่เลิก มันน่าเบื่อมากเลยรู้มะเจมส์ รู้ว่าฉันไม่ชอบแต่ก็ยังมาตามวอแวกับฉันไม่เลิก” “แหะๆ คุณเดียร์จะเอาผมไปเป็นไม้กันหมาหรือเปล่าครับ” “….” ฉันหันขวับไปมองเจมส์ เด็กคนนี้หัวไวจริงๆ เลยนะ “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย” “เหรอครับ แต่ทำไมผมรู้สึกแบบนั้นก็ไม่รู้” “จิ๊! โอเคไม่อยากไปก็แล้วแต่ฉันไปคนเดียวก็ได้” ฉันรีบเดินไปที่รถเพราะกลัวว่าจะเข้างานเลี้ยงสาย “คุณเดียร์ครับคุณเดียร์” เสียงเจมส์ดังตามหลังฉันมา “มีอะไรอีกล่ะ ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปฉันไม่ได้บังคับสักหน่อย” “ผมแค่จะมาบอกว่าผมไปด้วยก็ได้ครับ แต่ผมขอเวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึงแล้วจะรีบมาเลย ห้องพักของผมอยู่ตรงนี้เองครับ” “ไปเป็นไม้กันหมาให้ฉันน่ะหรอ?” ฉันเลิกคิ้วถาม “แหะๆ ผมล้อเล่นน่ะครับ อย่าคิดมากเลยนะ ผมขอโทษ” “จะไปก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำสิ เดี๋ยวฉันรออยู่ที่รถนี่แหละ” “ครับๆ”“คุณเดียร์ครับ” “….” ฉันหันหลังไปยังต้นเสียงที่เรียกฉัน แต่แล้วก็ต้องยืนมองจนตาค้างเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าเจมส์เด็กนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทของฉันใส่ชุดสูทดูเรียบร้อยสะอาดตามาก “หล่อมากเลยเจมส์ ฉันว่าสาวๆ ต้องแอบเหล่มองเธอแน่เลย” “แหม คุณเดียร์ก็พูดเกินไปครับ” “เรารีบไปกันเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะไปสายเอา” “ครับ”“นายขับนะ” ฉันยื่นกุญแจรถให้กับเจมส์ก่อนจะเดินไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ จากนั้นเราสองคนก็พากันมายังงานเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งงานใหญ่เหมือนกันนะ นักธุรกิจรายใหญ่ของประเทศอยู่กันเยอะเลย ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักใครหรอกเพราะฉันไม่ค่อยได้เข้าสังคมเท่าไหร่ น้อยครั้งมากที่ฉันจะเข้าสังคม “งานใหญ่มากเลยครับคุณเดียร์” “อือใหญ่มาก นี่แหละงานเลี้ยงของพวกนักธุรกิจ” ฉันบอกเจมส์ “ผมชักไม่อยากจะเข้าไปซะแล้วสิ รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้ครับ นักข่าวเต็มไปหมดเลยแล้วอย่างนี้คุณเดียร์ไม่เป็นข่าวเหรอครับมางานเลี้ยงกับผมแบบนี้”“ช่างเหอะ ฉันไม่ค่อยได้สนใจข่าวอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก็ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นี่นา อีกอย่างฉันก็แค่ให้นายมาเป็นเพื่อนเฉยๆ อย่าคิดมากน่า” จริงไม่จริงตัวฉันก็รู้ดีอยู่แล้ว ส่วนใครที่ทำข่าว
คิงส์ Talk ผมยืนมองผู้หญิงคนที่ชื่อเดียร์ขึ้นรถไปกับนักศึกษาฝึกงานในบริษัทของเธอ จะว่าไปเธอนี่ก็ใช่ย่อยเหมือนกันนะกลางวันเห็นผู้ชายอีกคนเข้าไปที่บริษัทส่วนกลางคืนก็พาอีกคนมางานเลี้ยง สมคำร่ำลือจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ ผมชักอยากจะลองซะแล้วสิว่าเธอมันจะเด็ดแค่ไหนกันเชียวถึงได้มีผู้ชายเข้าหารุมล้อมกันซะขนาดนี้ ผมคอยเฝ้าตามดูเธอตลอดดูพฤติกรรมของเธอว่ามันเป็นแบบไหน ผมไม่เคยเห็นเธอออกเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย เธอทำงานทุกวันเลิกงานก็กลับมาที่คอนโดตามเดิม ไม่ออกไปไหนบางครั้งผมก็ยังสงสัยว่าเธอจะไปเอากับคนอื่นอย่างที่ข่าวลือออกมาได้ยังไง แต่เท่าที่สังเกตดูมีผู้ชายคนหนึ่งชอบมาหาเธอที่บริษัทเป็นประจำ และในบริษัทของเธอก็มีเด็กนักศึกษาฝึกงานที่เป็นผู้ชายเยอะอยู่ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะนักศึกษาคนนี้ที่เธอพามางานเลี้ยงด้วยรู้สึกว่าจะสนิทกันมากเป็นพิเศษเลย แต่ก็ช่างผมไม่ได้สนใจเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ผมไม่ได้คาดหวังว่าผมจะต้องเจอผู้หญิงที่บริสุทธิ์ เพราะผมไม่ชอบแบบนั้นมันดูไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียงเอาซะเลย ผมชอบคนที่ทำอะไรได้โดยที่ไม่ต้องบอกสักคำ มันเสียเวลาและมันทำให้ผมหมดอารมณ์กับการที่จะต้องมานั
“อยากให้ฉันเลิกยุ่งกับเพื่อนของเธอ ก็มาเป็นนางบำเรอของฉันสิ” คิงส์เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกไร้ความรู้สึกใด ๆ “แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย ฉันไม่ดึงตัวเองลงไปต่ำแบบนั้นหรอก” เดียร์พูดเหยียดคนตรงหน้า “อย่าลืมสิว่าเธอกับฉันเราก็เคย….เอากันมาแล้วนะ” คิงส์เหยียดยิ้มมุมปากเมื่อพูดจบ พลางไล่สายตามองร่างบางราวกับเสือที่กำลังจะขย้ำเหยื่อตรงหน้า“ไอ้….” “ได้ข่าวว่าเปิดบริษัทใหญ่โตโอ่อ่า ถ้ามีข่าวเรื่องที่เธอนอนกับไอ้ขี้คุกอย่างฉัน มันจะมีผลกระทบต่อบริษัทของเธอยังไงกันนะ” แววตาอันคมกริบจ้องมองกระต่ายน้อยตรงหน้าอย่างผู้ชนะ “….” “ตอนนี้ถ้าฉันจะเป็นข่าวมันก็ไม่เสียหายอะไร เพราะฉันก็แค่ไอ้ขี้คุกคนนึง ต่างกับเธอที่เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่แถมกำลังไปได้สวย ถ้ามีข่าวเสียหายขึ้นมาจะเป็นยังไง” “นายอย่าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นนะ” “ถ้าอย่างนั้นก็ยอมรับข้อเสนอของฉันสิ และเรื่องของเราสองคนก็จะเป็นความลับ….” นิ้วเรียวยาวกรีดกรายไปตามใบหน้าสวยคม ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาก้มลงสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากปลายผมม้วน “ตลอดไป” ************6 ปีต่อมา คิงส์ก้าวข้ามผ่านประตูเหล็กหนาสูงเท่าหลังคาบ้านโดยที่ไม่หั
เดียร์ Talk แกร้ก~ ฉันใช้คีย์การ์ดแตะเข้าคอนโดตามปกติที่เคยทำ แต่หางตาเหลือบไปมองเห็นใครบางคนกำลังยืนหันหลังสูบบุหรี่อยู่ตรงบันไดหนีไฟ ท่าทางของผู้ชายคนนั้นดูมีพิรุธมากเลย และชั้นบนนี้มีแค่ไม่กี่ห้องและเท่าที่จำได้ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อนเลย หลายวันมานี้ฉันรู้สึกแปลกๆ กับตัวเองมาก เหมือนมีใครคอยมองฉันอยู่ตลอดเวลาเลย แต่พอมองไปรอบๆ ตัวมันก็ปกติดีไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลย แต่ความรู้สึกของฉันมันไม่ได้บอกแบบนั้น ขวับ! ผู้ชายคนนั้นเหลียงหลังมามองฉันแปลกๆ ฉันเลยรีบเข้าไปในห้องแล้วล็อคกลอนไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็ยังไม่ได้เดินเข้าไปฉันมองอยู่ที่ตาแมวจะดูว่าผู้ชายคนนั้นเดินออกไปหรือยัง ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านห้องฉันไปช้าๆ เขาใส่หมวกแก๊ปเดินก้มหน้าต่ำฉันเลยมองไม่ออกว่าเป็นใคร แต่คนท่าทางแบบนี้ฉันไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อนเลยนะ ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดฉันหยิบโทรศัพท์โทรลงไปที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง อย่างน้อยๆ แจ้งพนักงานให้รู้ให้เขาส่งรปภ.ขึ้นมาตรวจดูอีกครั้ง จะได้อุ่นใจกันทั้งชั้นด้วย เจอแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ฉันเองก็ตัวคนเดียวอยู่คอนโดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย (
คิงส์ Talk ผมยืนมองผู้หญิงคนที่ชื่อเดียร์ขึ้นรถไปกับนักศึกษาฝึกงานในบริษัทของเธอ จะว่าไปเธอนี่ก็ใช่ย่อยเหมือนกันนะกลางวันเห็นผู้ชายอีกคนเข้าไปที่บริษัทส่วนกลางคืนก็พาอีกคนมางานเลี้ยง สมคำร่ำลือจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ ผมชักอยากจะลองซะแล้วสิว่าเธอมันจะเด็ดแค่ไหนกันเชียวถึงได้มีผู้ชายเข้าหารุมล้อมกันซะขนาดนี้ ผมคอยเฝ้าตามดูเธอตลอดดูพฤติกรรมของเธอว่ามันเป็นแบบไหน ผมไม่เคยเห็นเธอออกเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย เธอทำงานทุกวันเลิกงานก็กลับมาที่คอนโดตามเดิม ไม่ออกไปไหนบางครั้งผมก็ยังสงสัยว่าเธอจะไปเอากับคนอื่นอย่างที่ข่าวลือออกมาได้ยังไง แต่เท่าที่สังเกตดูมีผู้ชายคนหนึ่งชอบมาหาเธอที่บริษัทเป็นประจำ และในบริษัทของเธอก็มีเด็กนักศึกษาฝึกงานที่เป็นผู้ชายเยอะอยู่ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะนักศึกษาคนนี้ที่เธอพามางานเลี้ยงด้วยรู้สึกว่าจะสนิทกันมากเป็นพิเศษเลย แต่ก็ช่างผมไม่ได้สนใจเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ผมไม่ได้คาดหวังว่าผมจะต้องเจอผู้หญิงที่บริสุทธิ์ เพราะผมไม่ชอบแบบนั้นมันดูไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียงเอาซะเลย ผมชอบคนที่ทำอะไรได้โดยที่ไม่ต้องบอกสักคำ มันเสียเวลาและมันทำให้ผมหมดอารมณ์กับการที่จะต้องมานั
“คุณเดียร์ครับ” “….” ฉันหันหลังไปยังต้นเสียงที่เรียกฉัน แต่แล้วก็ต้องยืนมองจนตาค้างเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าเจมส์เด็กนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทของฉันใส่ชุดสูทดูเรียบร้อยสะอาดตามาก “หล่อมากเลยเจมส์ ฉันว่าสาวๆ ต้องแอบเหล่มองเธอแน่เลย” “แหม คุณเดียร์ก็พูดเกินไปครับ” “เรารีบไปกันเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะไปสายเอา” “ครับ”“นายขับนะ” ฉันยื่นกุญแจรถให้กับเจมส์ก่อนจะเดินไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ จากนั้นเราสองคนก็พากันมายังงานเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งงานใหญ่เหมือนกันนะ นักธุรกิจรายใหญ่ของประเทศอยู่กันเยอะเลย ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักใครหรอกเพราะฉันไม่ค่อยได้เข้าสังคมเท่าไหร่ น้อยครั้งมากที่ฉันจะเข้าสังคม “งานใหญ่มากเลยครับคุณเดียร์” “อือใหญ่มาก นี่แหละงานเลี้ยงของพวกนักธุรกิจ” ฉันบอกเจมส์ “ผมชักไม่อยากจะเข้าไปซะแล้วสิ รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้ครับ นักข่าวเต็มไปหมดเลยแล้วอย่างนี้คุณเดียร์ไม่เป็นข่าวเหรอครับมางานเลี้ยงกับผมแบบนี้”“ช่างเหอะ ฉันไม่ค่อยได้สนใจข่าวอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก็ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นี่นา อีกอย่างฉันก็แค่ให้นายมาเป็นเพื่อนเฉยๆ อย่าคิดมากน่า” จริงไม่จริงตัวฉันก็รู้ดีอยู่แล้ว ส่วนใครที่ทำข่าว
เดียร์ Talk บริษัทออกแบบดีไซเนอร์ “สวัสดีค่ะท่านประธาน” “สวัสดีค่ะ” ฉันหันไปยิ้มตอบรับกับพนักงาน ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง “คุณเดียร์ครับ”“อ่าว่าไงเจมส์?” ฉันหยุดชะงักเมื่อนักศึกษาฝึกงานที่ฉันเพิ่งจะรับเข้ามาทำงานในบริษัทยืนรอฉันอยู่หน้าห้องทำงาน โดยมีแฟ้มเอกสารปึกหนาอยู่ในมือ “มาส่งงานเหรอ?” “ครับ แล้วก็จะมาขอคำปรึกษาจากคุณเดียร์ด้วยครับ” “เข้ามาก่อนสิ” ฉันเปิดประตูพาเจมส์เข้าห้องทำงานไป ความจริงฉันก็ไม่เคยคิดอะไรกับเด็กนักศึกษาที่มาฝึกงานหรอก จะคุยงานมันก็ต้องเข้าไปคุยในห้องทำงานอยู่แล้วไหม แต่บางคนกลับมองว่าฉันพาเด็กนักศึกษาเข้าไปกินในห้องทำงาน นี่มันสถานที่ทำงานและอีกอย่างฉันก็เป็นเจ้าของบริษัทฉันไม่ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงทำอะไรต่ำๆ เหมือนปากคนที่พูดหรอก “ผมยังไม่ค่อยเข้าใจส่วนนี้น่ะครับคุณเดียร์” “ไหน” ฉันโน้มตัวไปมองงานในแฟ้มของเจมส์ก่อนจะใช้ปากกาวงแยกบรรทัดพร้อมกับอธิบายให้เจมส์เข้าใจ งานแบบนี้ถ้าไม่ทำความเข้าใจตั้งแต่แรกก็จะไม่มีทางเข้าใจเลยนะ สำหรับคนที่รักงานแบบนี้จริงๆ ถึงจะเข้าใจ “อ๋อ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับคุณเดียร์ ขอบคุณมากๆ นะครับ” “ไม่เป็นไร
เดียร์ Talk แกร้ก~ ฉันใช้คีย์การ์ดแตะเข้าคอนโดตามปกติที่เคยทำ แต่หางตาเหลือบไปมองเห็นใครบางคนกำลังยืนหันหลังสูบบุหรี่อยู่ตรงบันไดหนีไฟ ท่าทางของผู้ชายคนนั้นดูมีพิรุธมากเลย และชั้นบนนี้มีแค่ไม่กี่ห้องและเท่าที่จำได้ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อนเลย หลายวันมานี้ฉันรู้สึกแปลกๆ กับตัวเองมาก เหมือนมีใครคอยมองฉันอยู่ตลอดเวลาเลย แต่พอมองไปรอบๆ ตัวมันก็ปกติดีไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลย แต่ความรู้สึกของฉันมันไม่ได้บอกแบบนั้น ขวับ! ผู้ชายคนนั้นเหลียงหลังมามองฉันแปลกๆ ฉันเลยรีบเข้าไปในห้องแล้วล็อคกลอนไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็ยังไม่ได้เดินเข้าไปฉันมองอยู่ที่ตาแมวจะดูว่าผู้ชายคนนั้นเดินออกไปหรือยัง ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านห้องฉันไปช้าๆ เขาใส่หมวกแก๊ปเดินก้มหน้าต่ำฉันเลยมองไม่ออกว่าเป็นใคร แต่คนท่าทางแบบนี้ฉันไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อนเลยนะ ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดฉันหยิบโทรศัพท์โทรลงไปที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง อย่างน้อยๆ แจ้งพนักงานให้รู้ให้เขาส่งรปภ.ขึ้นมาตรวจดูอีกครั้ง จะได้อุ่นใจกันทั้งชั้นด้วย เจอแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ฉันเองก็ตัวคนเดียวอยู่คอนโดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย (
“อยากให้ฉันเลิกยุ่งกับเพื่อนของเธอ ก็มาเป็นนางบำเรอของฉันสิ” คิงส์เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกไร้ความรู้สึกใด ๆ “แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย ฉันไม่ดึงตัวเองลงไปต่ำแบบนั้นหรอก” เดียร์พูดเหยียดคนตรงหน้า “อย่าลืมสิว่าเธอกับฉันเราก็เคย….เอากันมาแล้วนะ” คิงส์เหยียดยิ้มมุมปากเมื่อพูดจบ พลางไล่สายตามองร่างบางราวกับเสือที่กำลังจะขย้ำเหยื่อตรงหน้า“ไอ้….” “ได้ข่าวว่าเปิดบริษัทใหญ่โตโอ่อ่า ถ้ามีข่าวเรื่องที่เธอนอนกับไอ้ขี้คุกอย่างฉัน มันจะมีผลกระทบต่อบริษัทของเธอยังไงกันนะ” แววตาอันคมกริบจ้องมองกระต่ายน้อยตรงหน้าอย่างผู้ชนะ “….” “ตอนนี้ถ้าฉันจะเป็นข่าวมันก็ไม่เสียหายอะไร เพราะฉันก็แค่ไอ้ขี้คุกคนนึง ต่างกับเธอที่เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่แถมกำลังไปได้สวย ถ้ามีข่าวเสียหายขึ้นมาจะเป็นยังไง” “นายอย่าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นนะ” “ถ้าอย่างนั้นก็ยอมรับข้อเสนอของฉันสิ และเรื่องของเราสองคนก็จะเป็นความลับ….” นิ้วเรียวยาวกรีดกรายไปตามใบหน้าสวยคม ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาก้มลงสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากปลายผมม้วน “ตลอดไป” ************6 ปีต่อมา คิงส์ก้าวข้ามผ่านประตูเหล็กหนาสูงเท่าหลังคาบ้านโดยที่ไม่หั