หลายวันต่อมา
เดียร์ Talk
คลับใหญ่
พรุ่งนี้ฉันหยุดงานซักวันนึงพักผ่อนร่างกายของตัวเอง วันนี้ก็เลยออกมาดื่มอยู่ที่คลับเดิมที่เคยมากับอีพิงค์สมัยยังสาวๆ ก็เป็นคลับของผัวมันนั่นแหละ ก็มันอยู่ใกล้คอนโดของฉันที่สุดแล้วนี่นา อีกอย่างก็มาเที่ยวบ่อยจนการ์ดจำหน้าได้แล้ว คือเห็นหน้าแล้วไม่ต้องตรวจบัตรก็ได้เพราะจำกันได้เพราะเมื่อก่อนฉันกับพิงค์ก็มาที่นี่บ่อยมาก เป็นเพื่อนสนิทของเมียเจ้าของที่นี่อีกด้วย
ฉันนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์มาคนเดียวก็เลยไม่อยากหาโต๊ะนั่งให้มันเหนื่อยแรง อีกอย่างจะได้นั่งดูหน้าบาร์เทนเดอร์หล่อๆ ด้วย เด็กในคลับมันงานดีทั้งนั้น ใบหน้าหล่อเหลารูปร่างบึกบึนแข็งแรง มันน่าจับทำผัวซะจริงๆ
แหะๆ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ฉันไม่เอาจริงหรอกก็แค่เต๊าะเด็กเล่นไปเรื่อย ตามประสาสาวโสดอย่างฉัน
“ดื่มขนาดนี้ ไม่เมาเหรอครับคุณเดียร์”
“แหม…เห็นฉันเคยเมาบ้างไหมล่ะ แค่นี้ไม่ระคายคอฉันหรอก ฉันคอแข็งน่ะ” เมื่อก่อนฉันก็เมาง่ายมากเลยนะ แต่พอเริ่มกินหนักขึ้นร่างกายมันก็ปรับสภาพตามจนตอนนี้ฉันเมายากมากๆ เลย
แต่ฉันก็ไม่ได้มาดื่มบ่อยขนาดนั้น นานๆ ทีจะมีเวลาว่างมาเที่ยวแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่ก็ทำงานอย่างเดียว บางครั้งออกไปพบลูกค้าหรือออกไปคุยงานกับลูกค้าก็มีดื่มกันบ้างนิดหน่อย
“ไม่เคยครับ ว่าแต่คุณเดียร์ยังไม่เปิดใจรับใครอีกเหรอครับ”
“ถามแต่ฉันนะ ว่าแต่นายเถอะไม่เห็นสนใจใครซักคนเลย สาวๆ แอบมองเพียบเลยนา ไม่สนใจบ้างหรอ” ฉันหันมองไปรอบๆ ตัว ก็เห็นผู้หญิงบางคนกำลังมองตาเล็กตาน้อยมาที่บาร์เทนเดอร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉัน
เอาตามความจริงฉันก็รู้จักบาร์เทนเดอร์คนนี้มานานแล้วล่ะ แต่ฉันยังไม่เคยรู้จักชื่อเขาเลย เข้ารู้จักชื่อของฉันเพราะพิงค์มันเรียกบ่อย
“ผมมีคนที่ถูกใจอยู่แล้วครับ แอบชอบมานานแล้วด้วยแต่ไม่รู้ว่าเธอคนนั้นจะสนใจผมหรือเปล่า”
“เฮ้ย! เราเป็นลูกผู้ชายนะต้องรุกสิ เปิดอกบอกเขาไปตามตรงเลยว่าแอบชอบ ผู้หญิงชอบคนที่ชัดเจนมากกว่านะ ชักช้าระวังมีคนเอาไปก่อนนา อย่าหาว่าไม่เตือน”
“ผม…ไม่กล้า เขาอยู่สูงกว่าผมเยอะ ในขณะที่เขามีทุกอย่างหมดแล้วแต่ผมยังย่ำอยู่กับที่อยู่เลย ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้เธอภูมิใจเลย ผมไม่กล้าดึงเธอมาลำบากกับผมหรอก”
“โถ่เอ้ย อย่าคิดแบบนั้นสิ นายก็ลองไปคุยกับเค้าดูก่อนก็ได้ ฉันเชื่อนะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการความจริงใจมากกว่าเงินทอง เพราะความจริงใจมันยั่งยืนที่สุด” ฉันก็เป็นคนนึงแหละที่ชอบความจริงใจมากกว่าเงินทอง สำหรับฉันแล้วเงินทองมันก็แค่กระดาษใบหนึ่งที่เอาไว้วัดใจคนไม่ว่าจะเพื่อนหรือคนที่เรารัก
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณเดียร์บ้าง ว่าทำไมคุณเดียร์ถึงไม่สนใจผู้ชายคนไหนเลย”
“ฉันเองก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ จะให้คบเล่นๆ แล้วทิ้งไปเรื่อยเมื่อไหร่ฉันจะมีครอบครัวที่ดีล่ะ”
“ผู้ชายบางคนก็ดีนี่ครับ”
“ก็ถูกของนาย แต่ผู้ชายที่ฉันเจอมายังหาความจริงใจไม่ได้เลย” ฉันเจอแต่อะไรก็ไม่รู้ เจอแต่พวกปากหวานก้นเปรี้ยว
“….”
ฉันนั่งดื่มไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่เมาเท่าไหร่พอเดินกลับคอนโดได้ ฉันก็แปลกใจเหมือนกันนะเวลาไปไหนก็ชอบมีคนมาถามฉันว่าเมื่อไหร่จะมีแฟนเมื่อไหร่จะแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่มันมีบางคนชอบเอาไปพูดนี่สิว่าสาเหตุที่ฉันไม่ยอมแต่งงานก็เพราะว่าฉันเลี้ยงเด็กเอาไปเยอะจนเลือกไม่ถูกว่าจะเอาคนไหนดี
แต่ฉันก็ไม่อยากจะอธิบายอะไรหรอกพูดไปก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง มันก็ฟังไปอย่างนั้นแหละมันไม่รู้เรื่องห่าเห่วอะไรหรอก อยากด่าอะไรก็ด่าไปแต่อย่าให้มันเกินขอบเขต เพราะถ้าฉันจะเรียกค่าเสียหายขึ้นมาฉันเอาหนักแน่นอน จะเรียกค่าเสียหายจนรวยไปเลย
“เมาหรือยังครับคุณเดียร์”
“ไม่อะแค่มึนๆ” ฉันประคองสติของตัวเองแล้วตอบคนตรงหน้าไป
“ยังไม่กลับเหรอครับ ให้ผมไปส่งไหม นี่ก็ใกล้เวลาจะเลิกงานผมแล้ว”
“ไม่เป็นไร คอนโดฉันอยู่ตรงนี้เองเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว”
“แล้วจะเดินไหวเหรอครับ หน้าแดงไปหมดแล้วนั่น”
“อือพอไหวอยู่ ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ได้สิครับ ถ้าคุณเดียร์เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาพนักงานทั้งคลับนี้เจอคุณพิงค์เล่นงานแน่”
“จะบ้าเหรอ ฉันเป็นคนมาเที่ยวเองนี่นา ไม่ต้องคิดมากหรอกถ้ามันจะว่าเดี๋ยวฉันจัดการเอง พวกนายไม่ต้องกลัว” ฉันให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนจะยกวิสกี้แก้วสุดท้ายลงคอทีเดียวจนหมดแก้ว จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเล่นไปเพลินๆ
ยังไม่อยากกลับคอนโดตอนนี้ ฉันเหงาหงอยมาก จะแปลกไหมถ้าฉันอยากมีลูกแต่ฉันไม่อยากมีผัว อยากมีลูกเป็นของตัวเองลูกแท้ๆ เลยไม่ใช่ลูกบุญธรรม แต่ฉันไม่อยากมีผัว
แต่ความจริงก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้ามีลูกแล้วก็ต้องมีผัวอยู่ดีไหม
“นี่นาย ถามจริงนะตั้งแต่รู้จักกันมาฉันยังไม่เคยรู้จักชื่อของนายเลย ชื่ออะไรอะ?”
“ผมชื่อพีทครับ”
“อือ ได้รู้จักชื่อซะทีนะ ว่าจะถามตั้งนานแล้วไม่มีเวลาถามสักทีเลย”
“แหะๆ ผมขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้แนะนำตัวเองให้คุณเดียร์รู้จัก ผมไม่คิดว่าคุณเดียร์จะอยากรู้จักชื่อของผม”
“คนรู้จักกันก็ต้องอยากรู้ชื่อคนรู้จักกันธรรมดาสิ นายรู้ชื่อฉันแต่ฉันไม่รู้ชื่อนาย มันแฟร์ซะที่ไหน” แต่ความจริงฉันก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ด้วยหรอก
ฉันไม่ถามเขาก็ไม่บอก มันก็ถูกแล้วนี่นา
“แล้วนายอายุเท่าไหร่อะ?”
“ยี่สิบสามครับ”
“โห…เด็กกว่าฉันตั้งเยอะเลยนี่นา” ฉันไม่อยากจะพูดเลยว่าตัวเองอายุเท่าไหร่แล้ว ไม่คิดว่าวันเวลามันจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ฉันจำได้ว่าฉันจัดงานวันเกิดตัวเองตอนอายุ 25 ปี ผ่านมาไม่กี่ปีฉันก็ 30 ซะแล้ว
“เด็กแต่เด็ดนะครับ”
“ห๊ะ!? นายว่าอะไรนะพีท ฉันได้ยินไม่ชัด” ฉันเอียงหูไปใกล้พีทมากกว่าเดิม เพราะเสียงเพลงมันดังจนฉันได้ยินอะไรไม่ชัดเลย หรือว่าฉันเมาจนหูอื้อไปเอง
“อ๋อ…ผมหมายถึงว่าผมเด็กแต่ผมเก่งนะครับ”
“โอเคฉันเชื่อ กลางวันไปเรียนส่วนกลางคืนไปทำงาน นายขยันมากเลยพีท”
“ครับ…”
ไม่อยากจะพูดตอนที่ฉันอายุเท่าพีทฉันยังไม่มีงานทำเลย เรียนอยู่แต่ก็เที่ยวเตร็ดเตร่ทุกวัน จนญาติพี่น้องของพ่อแม่ฉันบอกว่าฉันจะเรียนไม่จบเพราะติดเที่ยวติดเพื่อน แต่คนเรามันก็แยกแยะกันเป็นป่ะ ฉันแยกแยะเวลางานเวลาเที่ยวเวลาเรียนได้ ฉันรู้ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น
เบื่อจริงๆ เลยนะ กับพวกป้าที่ด่าว่าแต่ลูกคนอื่นแต่ไม่เคยหันมองย้อนดูลูกหลานของตัวเองเลย ถ้าฉันเล่าพฤติกรรมของลูกสุดที่รักของแกให้ฟัง มีหวังหัวใจวายตายพอดี ทั้งบ้าผู้ชายโดดเรียนไปเอากับผัว ขาดเรียนสารพัด แต่รอดมาได้เพราะพ่อจ่ายเงินใต้โต๊ะ
24:00 น.ฉันเดินออกมาจากคลับด้วยสภาพที่โซซัดโซเซเพราะความเมา แต่ก็ยังพอครองสติพาตัวเองกลับมาที่คอนโดได้“อืม…โลกหมุนจังเลยนะเนี่ย บ้าจริง” ฉันพยายามเดินให้ปกติมากที่สุด ตลอดทางมันไม่ได้น่ากลัวอะไรเพราะมันมีร้านค้าร้านสะดวกซื้อเปิดอยู่กันเต็มไปหมดในช่วงกลางคืน เรียกว่าไม่ได้เปลี่ยวอะไรเลย“อ่าวแม่หนู ไปไหนมาล่ะนั่นทำไมถึงได้เดินเซขนาดนั้น” ขณะที่ฉันกำลังเดินกลับคอนโด แม่ค้าที่เปิดร้านขายของอยู่ข้างทางก็เอ่ยทักฉันขึ้นมา ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักแล้วหันไปพูดกับแกด้วยน้ำเสียงที่ยานหยดย้อย“อ๋อ พอดีว่าหนูออกไปเที่ยวมาค่ะ กำลังจะกลับแล้ว”“ผู้หญิงตัวคนเดียวทำไมถึงได้ออกมาเที่ยวแบบนี้ล่ะแม่หนู ไม่กลัวบ้างหรือไงสมัยนี้โจรชุกชุมจะตาย”“แหะๆ กลัวค่ะป้า ว่าแต่ป้าเถอะค่ะทำไมถึงยังเปิดร้านขายของอยู่คะ ทำไมถึงยังไม่ปิดซักทีไม่เห็นมีคนมาเดินแล้ว”“ป้ากำลังจะปิดนี่แหละแม่หนู วันนี้ขายของไม่ค่อยดีเลยก็เลยอยู่ดึก ปกติก็ปิดร้านตั้งแต่สองทุ่มแล้ว” ถึงว่าไม่เคยเห็นหน้าป้าคนนี้มาก่อนเลย ทำงานกันคนละเวลานี่เอง ป้าแกเลิกงานฉันก็หลับไปแล้ว“อ๋อ ว่าแต่คุณป้าขายอะไรคะ”“นี่ไงลูก มีหลายอย่างเลยผลไม้สดผลไม้อบแห้ง”“…
ร่างหนาเคลื่อนตัวคุกคามคนตรงหน้าอีกเรื่อยๆ จนเธอต้องถอยกรูดหนีด้วยความกลัวอย่างหนัก เขาจะฆ่าเธอหรือเปล่าเพราะข่าวข่มขืนแล้วฆ่าสมัยนี้มีถมเถไป“ถะ ถอยออกไปนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกให้คนช่วยจริงๆ ด้วย” หญิงสาวรวบรวมความกล้าพูดใส่คนตรงหน้าไปอย่างไม่เกรงกลัว พลางใช้มือล้วงไปที่กระเป๋าสะพายเพื่อควานหาโทรศัพท์ของตนเอง“ร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยินเธอหรอก คอนโดหรูราคาแพงแบบนี้เก็บเสียงได้อย่างดีเลย” ร่างหนามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์หมับ!มือหยาบกระชากกระเป๋าสะพายในมือของเธอแล้วดึงโทรศัพท์ของเธอโยนทิ้งไปบนโซฟา เขาเห็นพี่พิรุธของเธอตั้งแต่แรกแล้ว“คิดจะโทรหาใครเหรอ?”“ก็โทรหาตำรวจให้มาจับนายยังไงล่ะ”“หึ หึ เธอนี่หัวสูงใช้ได้เลยนะ เอาเป็นว่าเรามาตกลงกันดีกว่า”“ไม่!! ฉันจะไม่ตกลง ไม่พูดอะไรกับคนอย่างนายเด็ดขาด” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิมอย่างชัดถ้อยชัดคำคิงส์ดูไม่กลัวหรือสะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของคนตรงหน้าเลย เขาเดินไปนั่งลงบนเตียงของเธออย่างสบายใจ“นายออกมาเดี๋ยวนี้นะ จะทำเกินไปแล้วนะ”“….” ร่างหนายังคงนิ่งเฉย ทำให้เดียร์ที่เห็นทุกการกระทำของเขาเริ่มไม่พอใจ เมื่อเห็นว่า
กายแกร่งที่สวมเกาะป้องกันอยู่กำลังถูไถปากร่องสีแดงไปมาก่อนจะกดหัวบานใหญ่นั้นเข้าไปอย่างช้าๆทว่า..“อ่าส์ เหี้ยอะไรวะ!” เขามองสิ่งตรงหน้าด้วยความงุนงง เลือดสีแดงสดไหลเคลือบปลายหัวบานเมื่อใส่เข้าไปได้เพียงหัว “นี่เธอ…ยังไม่เคยเหรอ”“….” เดียร์เม้มปากแน่นแล้วพยักหน้ารัวๆ เป็นคำตอบ“บ้าชิบ!!” ร่างหนาสบถอย่างหัวเสีย เพราะไม่คิดว่าจะเจอผู้หญิงบริสุทธิ์อายุสามสิบแบบเธอ แต่ในใจลึกๆ ก็รู้สึกดีที่ได้เป็นคนแรกของใครสักคนเขาดึงท่อนเอ็นใหญ่ออกมารูดถุงยางทิ้งไปก่อนจะเอาไปจ่อที่ปากร่องแคบอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ กดหัวบานเข้าไปอีกรอบ ในเมื่อเธอยังบริสุทธิ์เขาก็ไม่จำเป็นต้องป้องกัน แค่ป้องกันไม่ให้เธอท้องก็พอแล้ว“อื้ม…แน่นจังวะ” เขาพยายามดันแก่นกายเข้าร่องแคบ แต่เหมือนยิ่งดันร่องแคบของเธอจะยิ่งรัดลำท่อนใหญ่ของเขาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นจนรู้สึกอึดอัด โยกขยับยากมากๆ เลย “ซี๊ดด อึดอัดเป็นบ้า!”เขาได้แต่สบถออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่คนใต้ร่างของเขานอนร้องไห้หลับตาข่มความเจ็บปวด ถึงแม้จะมีฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอหายเจ็บปวดจากการกระทำครั้งนี้ได้เลยนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีอะไรกับผู้ชาย
เช้าวันต่อมา “อืม…” ร่างบางพึมพำในลำคอพลางขยับตัวไปมาเบาๆ แต่ความเจ็บปวดตรงส่วนล่างทำให้เธอต้องเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองดูรอบๆ ห้องของตัวเองภายในห้องไม่เจอใครแล้วมีเพียงเธอคนเดียวที่ยังนอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เมื่อคืนกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้อง รวมถึงถุงยางอนามัยที่บ่งบอกว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เป็นแค่ฝัน ทุกอย่างมันเป็นความจริงพอเปิดผ้าห่มที่คลุมตัวออกก็พบรอยเลือดเล็กๆ แต่มีหลายจุดบนเตียงเธอ สิ่งนั้นทำให้หัวใจของเธอกระตุกวูบก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอาบใบหน้าซีด“มะ ไม่จริงใช่มั้ย มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย” เดียร์พยายามตั้งสติและนึกถึงเรื่องเมื่อคืน อยากจะให้กำลังใจตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นแค่ความฝัน แต่หลักฐานที่หลงเหลืออยู่มันทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเรื่องนี้เป็นแค่ความฝัน “ฮะ ฮึกก ฮื้ออ ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำแบบนี้ทำไม”ร่างบางร้องไห้จนสะอึกสะอื้นไม่ยอมลุกออกไปไหน จนกระทั่งมีเสียงแตะคีย์การ์ดเข้ามาในห้องของเธอ“อ่าวตื่นละเหรอ?” ร่างหนาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ“นายเข้ามาทำไมอีก ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเกลียดนาย!” ประโยคสุดท้ายเธอพูดเน้นพร้อมกับ
วันต่อมาบริษัทเดียร์ดีไซเนอร์“หน้ายังดูซีดอยู่เลยนะครับ ยังไม่หายดีเหรอครับคุณเดียร์” เมื่อก้าวขาเข้ามาในบริษัท เจมส์นักศึกษาฝึกงานที่รู้จักมักคุ้นกับเธอเป็นอย่างดีก็เข้ามาทักทายตามปกติที่เคยทำ“อืม…ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะฉันสบายดีแล้ว” เดียร์หันไปตอบแล้วยิ้มให้ แต่ความจริงร่างกายของเธอแทบจะทรุดลงตรงนี้ เพราะเมื่อคืนคิงส์ก็เข้ามามีอะไรกับเธออีกในห้อง โดยไม่สนใจเลยว่าเธอเจ็บปวดมากแค่ไหน หรือว่าเธอจะหายดีหรือยังกับการกระทำก่อนหน้านี้“ให้ผมไปซื้อยามาให้มั้ยครับ กินกันเอาไว้ก่อนก็ดี”“ฉันกินมาจากที่คอนโดแล้วล่ะ ขอบใจนายมากนะที่เป็นห่วง ว่าแต่เอาของที่ฉันฝากไว้แจกให้กับพนักงานหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วครับคุณเดียร์”“โอเค ขอบใจมาก เดี๋ยวนายไปเอางานจากผู้จัดการมาทำต่อเลยนะ เสร็จแล้วเดี๋ยวเอามาให้ฉันดูฉันจะตรวจให้เอง”“ได้เลยครับคุณเดียร์” เจมส์หันหลังเดินกลับออกไปร่างเล็กก้าวเดินไปอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็รู้สึกวูบวาบเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะเป็นลม แต่ก็พอจะครองสติตัวเองเดินเข้าไปนั่งพักอยู่ในห้องทำงานได้“อืม…” เธอไม่เคยรู้สึกว่าร่างกายแย่ขนาดนี้มาก่อนเลย เธอเป็นเด็กที่มีภูมิคุ้มกันดีมากตั้งแต่เล็ก
เดียร์ Talk ฉันให้เจมส์ขับรถพามาส่งที่คอนโดของตัวเอง ก่อนจะหิ้วถุงยาที่หมอให้มาขึ้นไปด้านบนห้องติ๊ด~หมับ!“อ๊ะ!” ฉันสะดุ้งอย่างแรงเมื่อมีมือของใครบางคนคว้าตัวฉันแล้วผลักให้ติดกับกำแพงห้อง “นาย! นายเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง?”คนตรงหน้าของฉันคือคิงส์ ผู้ชายที่ทำให้ฉันเป็นหนักได้ขนาดนี้ นี่เขาเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง“เธอหายไปไหนกับไอ้หมอนั่นมา” เขาถามฉันด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด น้ำเสียงที่พูดออกมาฟังดูแล้วไม่พอใจเอามากๆ เลย“ใคร? ใครคือไอ้หมอนั่น?” ฉันเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนเพลียของฉันทำให้เอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง“นี่เธอเป็นอะไร?”“ปล่อย!” ฉันผลักตัวของเขาออกไปก่อนจะพยุงตัวเองให้เดินเข้าไปด้านใน “นายจะมาบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของฉันมากเกินไปแล้วนะ คิดว่าฉันไม่กล้าแจ้งตำรวจหรือไง”“ไปทำอะไรมาทำไมถึงตัวร้อนได้ขนาดนี้” เขาเดินตามมาจับตัวฉัน“เหอะ! นายก็ไม่น่าถามนะว่าเพราะอะไร” ฉันสะบัดแขนของเขาออกอย่างแรง“นี่ถามดีๆ นะ” เขาคว้าที่ต้นแขนของฉันอีกครั้งแล้วออกแรงบีบ ชีวิตนี้มันจะเก่งแต่กับผู้หญิงหรือยังไง“ฉันเจ็บนะ!”“ฉันถามอะไรก็ตอบให้มันตรงคำถาม และฉันก็ไม่ชอบใ
หลังจากที่คิงส์เดินออกจากห้องไปก็สร้างความงุนงงให้กับเดียร์ไม่น้อย เพราะผู้ชายคนนี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเหมือนกับว่าเป็นคนที่อารมณ์ไม่คงที่ไม่แน่นอน อยากจะดีก็ดีแบบใจหาย พอบทจะร้ายก็ร้ายแบบไม่ไว้หน้าใคร“อะไรของเค้า แค่ฉันไม่กินโจ๊กแค่นี้ถึงกับต้องโมโหขนาดนี้เลยเหรอ” ร่างบางนั่งบ่นพึมพำ ในใจก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ที่ถูกปลุกขึ้นมาขณะที่กำลังนอนเช้าวันต่อมา เดียร์กลับมานอนต่อโดยที่ไม่ได้กินอะไรเลย เธอผล็อยหลับไปอีกครั้งด้วยความเพลียจากพิษไข้ ตื่นขึ้นมาอีกทีตะวันก็สาดส่องเข้ามาจากทางหน้าระเบียงห้องของเธอ“อือ….” เธอพลิกตัวบิดขี้เกียจเบาๆ เพราะส่วนล่างยังไม่หายรู้สึกเจ็บ แต่พิษไข้ก็ทุเลาลงจากเมื่อวานแล้วครืด ครืด ครืด“อือ…ใครโทรมา” เดียร์พูดอึมอำก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดรับเลยโดยที่ไม่ได้ดูว่าปลายสายเป็นใคร “ฮัลโหลใครโทรมาแต่เช้าเนี่ย!”( ฉันเองพิงค์ )“อ่าว มีอะไรหรือเปล่าโทรมาแต่เช้าเลย” น้ำเสียงแผ่วเบาลงเมื่อรู้ว่าปลายสายคือเพื่อนสนิท( นี่มันไม่เช้าแล้วนะเดียร์ นี่แกเป็นอะไรของแกหรือเปล่าเนี่ย ทำไมถึงได้ตื่นสายตะวันโด่งขนาดนี้ )“อือ ฉันเป็นไข้ไม่สบายนิดหน่อยน่ะ ว่าแต่แกเถอะมีอะไร”( ฉั
เดียร์ Talk “นายคิงส์!!” ฉันร้องอุทานเสียงดัง เมื่อเจ้าของเสียงที่ฉันกลัวแทบตายคือผู้ชายคนนี้ นี่ฉันอุตส่าห์ปิดล็อกทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วนะเขายังเข้ามาได้อีก “นายเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง!?”“ก็ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ปีนเข้ามาตรงระเบียงห้องของเธอแล้วก็ใช้ความสามารถพิเศษปลดล็อคประตูแค่นั้น ไม่เห็นจะยากอะไรเลย” เขาพูดออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน นี่ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ เหรอ เข้ามาในห้องคนอื่นอย่างกับเป็นห้องของตัวเองแบบนี้“ปล่อยฉันนะ!” ฉันรีบผลักเขาออกไป เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวฉันมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวห่อหุ้มร่างกายอยู่“จะอายทำไม? มากกว่านี้ฉันก็เห็นมาแล้ว” เขามองหน้าฉันแล้วกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“ไอ้ทุเรศ!” ฉันสบถด่าอย่างหยาบคาย ก่อนจะรีบเดินไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเดินกลับออกมาอีกครั้ง “เมื่อไหร่นายจะเลิกเข้าออกห้องของฉันอย่างนี้สักที นี่มันไม่ใช่ห้องของนายนะ หัดมีมารยาทซะบ้าง”“แล้วยังไง?” เขาทำหน้าลอยไปลอยมา เหมือนกับว่าคำพูดของฉันมันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยแต่ก็เอาเถอะต่อให้ฉันพูดอะไรไปก็คงไม่มีความหมาย เหมือนกับสีซอให้ควายฟังนั่นแหละ“เอ้อ ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายเรื่องนึง”“
3 ปีต่อมา“คุณลุงขา…” เสียงเด็กน้อยดังมาแต่ไกลทันทีที่ลงมาจากรถ ก่อนที่ร่างอ้วนกลมจะวิ่งเข้าใส่ลุงครามจนเกือบหงายหลังไป “คิดถึงคุณลุงจังเลยค่ะ”“เหรอครับ ลุงก็คิดถึงเด็กอ้วนของลุงเหมือนกันครับ” มือหนาบีบแก้มยุ้ยเบาๆ อย่างมันเขี้ยว“น้องดารินครับ เข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ เล่นมาทั้งวันมีแต่เหงื่อทั้งนั้นเลย” คิงส์พูดขึ้นจากทางด้านหลังลูกสาว“ค่ะคุณพ่อ”แกตอบรับคำพูดของผู้เป็นพ่อแต่โดยดี ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าไปด้านใน“แล้วมึงล่ะ มีอะไรหรือเปล่าถึงได้แวะมา” ถึงแม้จะเป็นครอบครัวที่สนิทและรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยนัก เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง จะมาเจอกันสักครั้งก็ต่อเมื่อมีงานหรือปาร์ตี้เล็กๆ ระหว่างครอบครัว“กูเพิ่งกลับมาจากออสเตรเลียน่ะ ก็เลยซื้อของมาฝากหลานสาวกับหลานชาย ไม่ได้แวะเอามาให้สักทีวันนี้ผ่านมาพอดีก็เลยแวะเอามาให้” ครามบอก“อ๋อ ขอบใจมากนะ”“อือ..กูกลับละ”“อืม…ขับรถกลับดีๆ นะมึง อย่าไปไถลเล่นกับฟุตบาทล่ะ”“เออ!”เป็นคำพูดที่ห่วงใยแต่ก็ยังไม่วายสอดแทรกเรื่องกวนบาทาใส่กัน ไม่รู้เลยว่าใครจอมยั่วใครจอมโมโหกันแน่ เพราะทั้งสอง
บ้านพักริมทะเล“อ่า…สดชื่นจัง…” คิงส์กางแขนออกกว้างแอ่นอกรับลมบริสุทธิ์จากผืนทะเล แต่จู่ๆ ก็มีมือปริศนามาผลักเขาออกไป“ยืนกีดขวางฉิบหายมึงเนี่ย!” ครามพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิด แต่ดูเหมือนจะแกล้งคนข้างๆ มากกว่า“ก็ทางเดินมีตั้งมากมายมึงไม่เดิน มาเดินเอาตรงที่กูยืนอยู่เนี่ยนะ!?” คิงส์หันไปต่อว่า ตรงที่เขายืนเป็นหน้าบ้านก็จริงแต่บ้านก็กว้างพอที่จะไปเดินทางอื่นได้“นี่มันบ้านกู กูจะเดินไปตรงไหนก็ได้ไม่ผิด” ครามทำหน้าเฉยชาใส่คิงส์ ราวกับว่าไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำของตัวเองเลย“มันไม่ผิดหรอก มันอยู่ที่มารยาทต่างหากไอ้เวร! กูรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของมึง แต่กูมายืนอยู่ตรงนี้ก่อนมึง” คิงส์หันไปเท้าเอวด่าอยู่ด้วยกันสองคนไม่ได้เลยจริงๆ สองคนนี้ มีอันเป็นต้องหาเรื่องทะเลาะกันอยู่ตลอด ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องบ้าๆ บอๆ ที่ด่ากัน“แล้วไง? กูไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักหน่อย”“มึงนี่มันกวนตีนไม่เปลี่ยนเลยนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูกับมึงก็คงจะวางมวยกันไปแล้ว”“มาดิ ตอนนี้ยังวางได้นะ”“เดี๋ยวกูจะฟ้องเมียมึง” คิงส์พูดขู่“ฟ้องเรื่องอะไร๊ กูไม่ได้มีเรื่องปิดบังอย่างเช่นเรื่องแต่งรถเหมือนมึงสักหน่อย”“ให้กูพูดจริงๆ เ
“กูขออุ้มหลานหน่อย” ครามยื้อแขนที่รอรับเด็กสาวตัวน้อย แต่กลับถูกคิงส์พาเดินหนีออกไป “ไอ้คิงส์! กูบอกขออุ้มหลานหน่อย”“กูไม่ให้อุ้ม” คิงส์หันมาตอบกลับเสียงแข็งกร้าว“แต่นี่หลานกู”“หลานมึง แต่ลูกกู”ทั้งสองยืนเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะไม่มีใครยอมใครเลย อีกคนก็อยากอุ้มหลาน อีกคนก็หวงลูกราวกับจงอางหวงไข่ ไม่ยอมให้ใครได้แตะต้องลูกสาวเลยโดยเฉพาะคราม“เฮ้ย! มึงจะหวงทำไมวะ กูแค่ขออุ้มหลานหน่อยแค่นี้เอง ไม่ได้พาไปไหนสักหน่อย” ครามพูดแย้งออกไป“กูไม่ให้อุ้ม เดี๋ยวมึงเอาลูกกูไป” คิงส์หวงลูกสาวมาก เพราะแกทั้งน่ารักขี้อ้อน ตัวอ้วนกลมแถมแก้มซาลาเปาหน้าหยิกเล่น ใครเห็นก็ต้องเป็นหลง โดยเฉพาะครามที่ชอบเด็กผู้หญิงตัวอ้วนๆ กลมๆ มาก“กูขออุ้มนิดเดียว มึงก็ยืนโด่อยู่ตรงนี้ กูจะเอาลูกมึงไปไหนได้”“มึงอยากได้ลูกผู้หญิงอีก ทำไมมึงถึงไม่ทำเอาเองล่ะ เหอะ! หรือว่าหมดน้ำยาแล้ว?” คิงส์หัวเราะเย้ยหยันคนตรงหน้า“น้ำยากูยังไม่หมดหรอก แต่เมียกูไม่ยอมมีลูกให้อีกนี่หว่า บอกว่ามีแค่สองคนก็พอแล้ว” ครามถอนหายใจเฮือกใหญ่“มึงมันไม่มีน้ำยาเองนี่หว่า”“แล้วมึงล่ะ ทำไมไม่มีอีก”“กูทำหมันแล้วจะมีได้ไงวะ คนอย่างกูอะมันน้
6 เดือนต่อมาบ้านแสนอบอุ่น“แอ้ แอ้” เสียงของน้องดารินดังอ้าวออกมาถึงข้างนอก ฉันชะโงกหน้าเข้าไปมองก็เห็นว่าแกกำลังนั่งเล่นอยู่กับพี่ชายอยู่ ส่วนคิงส์ก็คอยนั่งดูแลอยู่ข้างๆ ตอนนี้พากันหลงเด็กน้อยคนนี้ทั้งพี่ชายทั้งพ่อเลย“ดูท่าคุณหนูไทเกอร์กับคุณคิงส์จะพากันหลงคุณหนูดารินจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะคะเนี่ย” ป้าอิ่มพูดขึ้น“ใช่ค่ะป้าอิ่ม” สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือกลัวว่าพี่น้องจะไม่รักกัน กลัวว่าจะมีคนมาพูดทำพี่น้องทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วน้องไทเกอร์มีวุฒิภาวะของความเป็นพี่มาก คอยดูแลน้องอยู่ตลอด ทุกวันหลังเลิกเรียนก็จะมาเล่นอยู่กับน้อง อายุห่างกันมากไม่ใช่ปัญหาเลย ดีซะอีกที่จะมีพี่ชายคนโตคอยดูแลน้องสาวคนเล็กคนนี้น้องไทเกอร์แกเข้าใจดีว่าทำไมฉันถึงต้องดูแลเอาใจใส่น้องมากเป็นพิเศษ แต่ฉันก็ไม่เคยละเลยแกเลยสักครั้ง ฉันทำให้แกได้เห็นว่าต่อให้จะมีน้องอีกซักกี่คนความรักที่ฉันมีให้แกก็ยังเหมือนเดิม“แล้วคุณเดียร์ ไม่คิดจะมีคุณหนูอีกซักคนเหรอคะ”“ไม่ล่ะค่ะป้า เดียร์ผ่าคลอดน่ะค่ะคุณหมอบอกว่าถ้าท้องอีกอาจจะเสี่ยงแท้งต้องยุติการตั้งครรภ์ค่ะ เดียร์แพ้ยามากค่ะ โดยเฉพาะยาชากับยาสลบ”“ตายจร
โรงพยาบาล“ทำไมต้องวางยาสลบเธอด้วยล่ะครับหมอ ปกติแค่ผ่าคลอดให้แค่ยาชาก็ได้นี่นา” คนตัวสูงเอ่ยถามคุณหมอขณะที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ภายในห้อง“คนไข้แจ้งมาล่วงหน้าแล้วนะครับว่าแพ้ยาชา และการวางยาสลบแบบนี้มันจะปลอดภัยดีกว่านะครับ ถ้าคนไข้มีอาการแทรกซ้อนขณะที่กำลังผ่าคลอด อาจจะทำให้เป็นอันตรายทั้งแม่และเด็กได้ครับ”“เธอกับลูกจะปลอดภัยใช่ไหมครับหมอ มีกับลูกของผมจะปลอดภัยใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงสั่นคลอน กลัวว่าลูกและภรรยาจะเป็นอะไรไป ถึงจะรู้มาบ้างว่าเธอแพ้ยา แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะแพ้หนักขนาดนี้ และคำพูดของเดียร์พี่เคยพูดเอาไว้ก็ลอยเข้ามาในหัวของเขาทันที ( ตอนที่ฉันผ่าคลอดน้องไทเกอร์ ฉันแพ้ยาชาหนักมากจนหัวใจของฉันหยุดเต้นไปหลายครั้ง แต่ฉันก็กลับมาได้ในที่สุด )“ครับผม หมอรับรองครับว่าภรรยาและลูกของคุณจะต้องปลอดภัย”“…” ถึงคุณหมอจะยืนยันและรับรองแบบนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจอยู่ดีคิงส์ยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ รอคุณหมอออกมาบอกข่าวดีกับเขาเวลาต่อมาแกร่ก~ประตูสีขาวบานใหญ่ถูกเปิดออกตามด้วยร่างสูงที่ใส่ชุดกาวน์ปิดหน้าปิดตาเดินออกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคิงส์“เมียกับลูกของผมเป็น
หลายวันต่อมา“อืม…”“เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมแบบนี้” คิงส์เอ่ยถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พลางไล่บีบนวดตามขาให้เธอบรรเทาอาการปวด“ดีขึ้นเยอะเลยล่ะ เฮ้อ..”“เมื่อไหร่จะคลอดครับลูกสาวพ่อหืม…พ่อตั้งหน้าตั้งตารอแล้วนะ รีบๆ ออกมานะครับ” ว่าแล้วก็พลางลูบที่ท้องใหญ่ไปมา“โอ๊ะ!?” เดียร์ร้องอุทานเพราะตกใจที่ลูกในท้องถีบอย่างแรงเมื่อคิงส์พูดจบ ราวกับว่ารับรู้ได้และอยากออกมาเต็มทนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ครบกำหนดที่จะออกมาเท่านั้น“เป็นไร! จะคลอดเหรอ?” คิงส์เอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงร้องของภรรยา“เปล่า ลูกดิ้นอะ ดิ้นแรงเลย” เดียร์บอก“เหรอ ขอจับหน่อยนะ” คิงส์เลื่อนมือไปสัมผัสกับหน้าท้องของเธออีกครั้ง เพราะอยากจะรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวภายในนั้น “ดิ้นจริงด้วย ดูสิถีบมือฉันใหญ่เลยอะ”เขาเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตในท้องใหญ่ของเธอ ดวงตาคมแดงก่ำราวกับคนกำลังจะร้องไห้ มือหนาก็ยังเลื่อนสัมผัสไปมาอยู่แบบนั้น“สงสัยแกจะได้ยินสิ่งที่คุณพูดนะ ดิ้นใหญ่เลย”“เหรอ…รีบๆ ออกมานะครับ พ่ออยากอุ้มอยากหอมแก้มหนูจะแย่แล้ว”ก๊อก ๆ ๆ ๆ“คุณพ่อคุณแม่ครับ นอนหรือยังครับ” เสียงเล็กๆ ด้านนอกตะโก
หกเดือนต่อมาเดียร์ Talkตอนนี้ท้องของฉันมันใหญ่ขึ้นมากเลยแหละ ไม่ได้ลูกแฝดหรอกแต่ได้ลูกผู้หญิงสมใจอยากคุณพ่อเขาเลย พี่ชายก็อยากได้น้องผู้หญิงเหมือนกัน เห็นบอกว่าอยากเป็นพี่ชายคนโตอยากคอยดูแลน้องสาว แต่อายุห่างกันพอสมควรเลยล่ะ กว่าคนในท้องจะคลอดน้องไทเกอร์ก็ปาไปหกขวบแล้ว พี่ชายกับน้องสาวอายุห่างกันหกปีเลยทำไงได้ล่ะ ก็มันมีแต่เรื่องวุ่นวายนี่นา กว่าจะสงบลงได้ก็สาหัสเหมือนกันนะ“อื้ม…ปวดขาจัง” ฉันบ่นพึมพำพลางทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะเอนตัวในท่าที่สบายที่สุด ท้องของฉันมันใหญ่มากทำอะไรก็ลำบากไปหมด ใหญ่กว่าน้องไทเกอร์อีก แต่อาจจะเป็นเพราะน้องไทเกอร์เป็นท้องแรกก็เลยไม่ใหญ่เท่าไหร่“รับของว่างมั้ยคะคุณเดียร์ เดี๋ยวป้าให้เด็กจัดมาให้”“ขอบคุณค่ะป้า” ฉันไม่ได้แค่ท้องใหญ่อย่างเดียวนะ ยังหิวตลอดเวลาอีกด้วยกินเยอะมาก“สักครู่นะคะ”“ค่ะป้า”วันๆ ฉันทำได้แค่นั่งเล่นอยู่ภายในห้อง ออกไปเดินเล่นตามในสวนบ้างเป็นบางครั้ง คิงส์ไม่ยอมให้ฉันเดินออกไปไหนโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย เพราะกลัวว่าฉันจะไปลื่นล้มเกิดอุบัติเหตุแล้วเป็นอันตรายแต่ความจริงฉันก็ไม่อยากเดินออกไปไหนหรอก เพราะมันลำบากไหนจะปวดขาอีก เดินก้าวไป
อ้วกก อ้วกก อ้วกกนี่คือเสียงของคิงส์ที่กำลังมีอาการแพ้ท้องแทนเมียอย่างหนัก ชนิดที่ว่าไม่เป็นอันกินอันนอนกันเลยทีเดียว เขาอยากมีลูกอีกคนมากตอนนี้ก็สมใจอยากผู้เป็นพ่อแล้ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการแพ้ท้องแทนเมียอย่างหนักหน่วง กินอะไรก็แทบจะไม่ได้ แค่ได้กลิ่นอาหารก็อ้วกพุ่งแล้ว กินได้แค่ของเปรี้ยวๆ เท่านั้นที่จะบรรเทาจากอาการพวกนี้“เป็นยังไงบ้างเนี่ยคุณ” เดียร์เข้ามาถามผู้เป็นสามีที่กำลังนั่งหมดแรงอยู่ข้างโถส้วมด้วยความเป็นห่วง ถ้าเทียบกับอาการแพ้ท้องของเธอตอนที่ท้องลูกคนแรกยังถือว่าเบามากกับลูกคนนี้“อืม…ไหวฉันไหว..” คิงส์ทำมือเป็นรูปโอเคส่งให้ภรรยาดู เพราะตอนนี้แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงโต้ตอบกลับแล้ว “ไอ้สังกะสีมัน…เอามะม่วงขึ้นมาให้หรือยัง”“ใกล้แล้วๆ ออกมานั่งข้างนอกก่อนสิ”“อืม…”“ค่อยๆ นะ” เดียร์เข้าไปพยุงร่างใหญ่ให้ออกมานั่งข้างนอกหลังจากที่รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังท้องเธอก็แข็งแรงดีทุกอย่างไม่มีความผิดปกติอะไร มีเพียงคิงส์เท่านั้นที่แพ้ท้องเป็นแทนเธอทุกอย่าง“ไอ้สังกะสีมันไปเอามะม่วงถึงไหน ทำไมไปนานจังเลย” คิงส์เริ่มบ่นและก็เริ่มมีอาการหัวเสีย เพราะลูกน้องไม่ได้ดั่งใจ“ใจเย็นก่อนสิ เดี๋ยววาป
หลายวันถัดมาคิงส์ Talkจะว่าผมเร่งมีลูกก็ได้นะครับ แต่ผมก็อายุปานนี้แล้วนี่นาความจริงน่าจะมีลูกอายุเป็นสิบขวบเหมือนกับไอ้ครามได้แล้ว นี่ลูกชายคนโตของผมอายุแค่ห้าขวบเองแต่อายุผมปาไปสามสิบกว่าแล้ว ทำไมผมไม่คิดได้ตั้งแต่แรกนะว่าการมีลูกมันดีขนาดไหน มาคิดได้ก็จนตัวเองจะแก่แล้ว ผมอยากมีลูกสาวอีกสักคนนึงหรือจะเป็นลูกชายก็ได้ หรือจะเป็นแฝดก็ดี ผมได้หมดอะครับตอนนี้ ขอแค่มีผมอยากอุ้มเด็กตัวเล็กๆ เพราะตอนน้องไทเกอร์ผมก็ไม่มีโอกาสได้เจอหรือได้เห็นเลยมารู้อีกทีก็โตแล้ว ผมอยากดูแลตอนที่เดียร์เธอกำลังท้อง ผมรู้ว่ามันทดแทนกันไม่ได้ แต่ผมก็อยากจะทำให้เธอได้รู้ว่าผมใส่ใจเธอมากแค่ไหน ผมพร้อมจะดูแลเธอมากแค่ไหน ผมจะไม่ทำให้เธอต้องรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวอีกแล้ว ผมจะคอยอยู่ข้างๆ เธอ ไม่ทิ้งเธอไปไหนผมรู้ว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องอุ้มท้องจนกว่าจะคลอดและเลี้ยงลูกคนเดียวมันรู้สึกยังไง ผมยอมรับเลยว่าเธอเก่งมากที่ผ่านจุดนั้นมาได้เธอเก่งมากครับ ไม่แปลกเลยที่น้องไทเกอร์จะรักเธอมากขนาดนี้“คุณพ่อคร้าบ โดดมาเร็ว”“ครับผม” ผมตะโกนตอบลูกชายไป ตอนนี้ผมพาเดียร์กับลูกมาเที่ยวอยู่ที่ทะเล ก่อนที่โรงเรียนของแกจะเปิด