Talk วาริน
“รินเป็นอะไรทำไมถึงหน้าซีดขนาดนั้น” พี่เอมท้วงขึ้น ทำให้ฉันมีสติ “ปะ เปล่าๆ ค่ะ” พี่เอมคือรุ่นพี่ในบริษัทที่สอนงานให้กับฉัน ซึ่งตอนนี้ฉันอยู่ในฐานะนักศึกษาฝึกงาน “แล้วเอกสารล่ะ ให้คุณเหนือเซ็นหรือยัง” “หะ ให้แล้วค่ะ” “เป็นอะไรหรือเปล่า คุณเหนือพูดอะไรให้ตกใจหรือเปล่า” พี่เอมยังคงย้ำถามด้วยสีหน้าที่เปป็นห่วง “ไม่ค่ะ คุณเหนือไม่ได้พูดอะไร” ฉันปฏิเสธไปอีกครั้งแล้วพยายามทำหน้าให้ดูปกติที่สุด “โอเคๆ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปทำงานแล้วนะ ^_^” “ค่ะ” ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อพี่เอมเดินไปไกลแล้ว จริงๆ ก่อนจะมาฝึกงานที่นี่ฉันก็พอจะได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อนมาบ้างแล้วว่า เจ้าของบริษัทนี้ชอบกินกับนักศึกษาฝึกงาน แล้วก็เป็นเสือผู้หญิง แถมยังเป็นผู้ชายที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง มาฝึกงานที่นี่ร่วมเดือน นี่คือครั้งแรกที่ฉันได้ประจันหน้ากับเจ้าของบริษัทอย่างคุณทิศเหนือ ทำเอาหัวใจแทบจะหยุดเต้น ยิ่งได้ยินคำที่เขาพูดมันยิ่งทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจสวัสดีดีฉันชื่อ วาริน หรือ ริน
ฉันพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อส่งตัวเองเรียนให้จบ และรักษาน้องที่ป่วย ส่วนพ่อกับแม่เสียไปเมื่อห้าปีที่แล้ว ชีวิตของฉันไม่มีใครนอกจากน้องสาวที่ฉันรักและหวงแหนมากที่สุดเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ฉันก็ต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมน้องสาว
“ทำไมวันนี้ถึงมาเร็วจังละคะ” นาลิน น้องสาวของฉันทักขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ใบหน้าของเธอซีดเผือดเหมือนคนไม่มีแรง เวลาที่ฉันมาเยี่ยมน้องฉันก็ต้องใจแข็งปั้นหน้ายิ้ม แต่พอกลับไปบ้านฉันก็มักจะร้องไห้ออกมา ฉันสงสารน้อง อยากให้คนที่ป่วยคือตัวฉันเองมากกว่า “วันนี้รถไม่ค่อยติดน่ะ ^_^” ฉันยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาว “เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างมั้ย” นาลินส่ายหน้าไปมาช้าๆ “เจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมดเลยพี่ริน” “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็หาย คนเก่งของพี่” “หนูอยากไปโรงเรียนจังเลยค่ะ นอนอยู่แบบนี้มันน่าเบื่อ” “เอาไว้หายดีก่อนนะ ^_^” ฉันนั่งคุยเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวจนกระทั่งนาลินนอนหลับไป ตอนนี้นาลินเรียนอยู่ ม.6 ปีหน้าก็จะขึ้นมหาวิทยาลัย แต่ด้วยความที่เธอป่วยออดๆ แอดๆ มาตั้งแต่เด็ก ทำให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง และครั้งนี้หนักที่สุด เพราะตอนนี้ก็สองอาทิตย์กว่าแล้วที่นาลินนอนอยู่โรงพยาบาล“ฉันสามารถให้เงินเธอใช้ได้ไม่ขาดมือ สนใจมั้ยหื้ม…”
บ้าที่สุด ทำไมฉันถึงเอาแต่คิดถึงคำพูดของคุณเหนือแบบนี้กัน มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องเก็บมาใส่ใจไม่ใช่หรือไง เขามันคนหัวงู เลิกฟุ้งซ่านสักทีวาริน!เช้าวันใหม่…สิ่งที่ฉันต้องทำเป็นประจำในทุกๆ เช้าคือการตื่นนอนอาบน้ำเพื่อไปฝึกงาน โชคดีหน่อยฝึกงานที่บริษัทนี้เขาให้เงินเดือน ไม่อย่างนั้นคงต้องหางานเสริมทำให้วุ่น กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ของฉันดึงขึ้นมาในขณะที่กำลังนั่งรถเมล์ประจำทางไปที่บริษัท เป็นพราวที่โทรมา พราวคือเพื่ินสนิทของฉันเอง แต่เราฝึกงานกันคนละบริษัท ( ว่าไงพราว ) ( ก็เหงาน่ะสิ แกเล่นเงียบหายไปเลย ) พราวตอบมาเสียงอู้อี้ในลำคอ ( ช่วงนี้ฉันยุ่งๆ นาลินก็อยู่โรงพยาบาล )( ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลยหรอ )( อื้อ รอบนี้เป็นหนักเลยแก ) ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ พูดถึงเรื่องน้องสาวทีไรก็รู้สึกหนักใจทุกครั้ง( เดี๋ยวนาลินก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แกไม่ต้องคิดมากนะริน ) ( แกเป็นไงบ้าง ) ( เหนื่อยนะสิ รุ่นพี่ที่บริษัทชอบใช้ให้ทำนู่นทำนี่แทบไม่ได้พักเลย ) ฉันคุยกับพราวมาจนถึงบริษัท เธอเป็นคนน่ารักนิสัยดีเรียบร้อย แต่ติดที่ว่าชอบบ่นจุกจิกไปหน่อย #บริษัท ฉันยิ้มและยกมือไหว้รุ่นพี่ที่บริษัทแทบจะทุกคน ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก ที่ฉันทำคือมารยาทและเป็นการผูกมิตรที่ดี เมื่อเดินมาถึงหน้าลิฟต์ฉันก็กดแล้วยืนรอสักพักประตูลิฟต์ก็เปิดออก จ
เฮือก!! รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้ยินคำพูดของคุณเหนือ ไม่คิดว่าเขาจะพูดมาแบบนั้น ทั้งที่ฉันปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ “อยากเป็นเลขาของฉันมั้ย ถ้าสนใจทำตำแหน่งนี้ฉันจะเพิ่มเงินเดินให้สองเท่า”“…..” เขาจะกดดันฉันไปถึงไหนกัน ทำยังไงดีไม่อยากยืนอยู่ในห้องนี้แล้ว ฉันอยากออกไปข้างนอกแล้ว มันอึดอันมากจริงๆ “ว่าไงหื้ม…”ฉันเงยหน้าขึ้นมองคุณทิศเหนือพร้อมกับส่งยิ้มจางๆ ให้เขาแล้วเอ่ยตอบคำถามด้วยคำสุภาพ “ตำแหน่งเลขาคงไม่เหมาะกับรินหรอกค่ะ รินเป็นแต่นักศึกษาฝึกงาน อีกอย่างก็มีคนทำตำแหน่งนี้ได้ดีอยู่แล้ว”เมื่อสิ้นสุดคำตอบฉันก็ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ของคุณทิศเหนือ ท่าทางของเขาดูไม่พอใจกับคำตอบของฉันสักเท่าไหร่ “ฉันต้องการให้เธอทำ และถ้าฉันต้องการมันจะไม่มีคำว่าเหมาะหรือไม่เหมาะสม!!”“……” พอถูกตวาดแบบนั้นฉันจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ “ย้ายโต๊ะทำงานของเธอเข้ามาในห้องทำงานของฉันเลยดีมั้ย หื้ม?” “คะ คุณเหนือคะ คือ คือว่าริน…”“ฉันไม่ชอบการถูกปฏิเสธสักเท่าไหร่เลยนะวาริน” “……” ฉันค่อยๆ เม้มปากเข้าหากันแน่น เพราะว่าไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ หากมันคือคำสั่งฉันก็ต้องทำตาม ไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นอะไรทั้
หลายวันผ่านไป ฉันพยายามหลบหน้าคุณทิศเหนือตลอดเวลา ปกติเขาไม่เคยเดินมาสั่งงานพี่เอมด้วยตัวเอง แต่หลายวันมานี้ฉันมักจะเห็นเขามาสั่งวานพี่เอมบ่อยๆ ซึ่งโต๊ะทำงานของฉันก็ยังอยู่ใกล้ๆ กับพี่เองด้วย ทุกครั้งที่คุณเหนือมาฉันก็จะเอาแต่ก้มหน้าก้มตา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกได้ว่าถูกจ้องมองเวลาเห็นหน้าเขามันก็ทำให้ฉันแทบจะกลั้นใจทุกครั้ง ถึงเวลาเลิกงาน…ช่วงนี้ฉันเริ่มรู้สึกไม่อยากมาที่บริษัทบ่อยขึ้น อยากให้เลิกงานเร็วๆ อยากให้ฝึกงานจบเร็วๆ เฮ้อ! “ฝนตกหนักเลยวันนี้” ฉันยืนอยู่ในบริษัทยังไม่ได้ออกไปไหน เพราะตอนนี้ฝนด้านนอกตกหนัก มีพี่ๆ พนักงานหลายคนที่ติดอยู่ในนี้ด้วย ค่อยสบายใจหน่อย ฉันนั่งรอฝนหยุดด้วยการเล่นมือถือไปพลางๆ ตอบแชตนาลินที่ถามว่าฉันจะไปหาเธอเมื่อไหร่ “น้องวารินจ้ะ พี่ไปก่อนนะ” พี่แก้วตาเป็นนุ่นพี่ที่บริษัทเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วยกมือไหว้ แต่!! ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้มีแค่ฉันกับพี่แก้วตาที่เหลืออยู่กันสองคน คะ คนอื่นๆ เขากลับไปตั้วแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งตอนนี้พี่แก้วตาก็กำลังจะกลับแล้วหลังจากที่พี่แก้วตาเดินออกไป ฉันก็หันมองที่กระจกหน้าต่างบานใหญ่ข
ฉันจำใจต้องชงกาแฟไปให้คุณเหนือตามคำสั่ง ไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่ที่บริษัท แถมตอนนี้ก็ไม่มีใคร ฝนก็ยังตกหนัก ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ หลังจากชงกาแฟเสร็จฉันก็ถือแก้วอย่างระมัดระวังไปยังห้องทำงานของคุณเหนือ เมื่อถึงที่หน้าประตูห้องทำงานของผู้บริหารก็ไม่ลืมที่จะเคาะประตูตามมารยาท แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากคนด้านใน ฉันจึงเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องมีควรจางๆ ของบุหรี่ลอยคลุ้งพร้อมกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของบุหรี่ลอยมาเตะจมูก ทำไมถึงมาสูบบุหรี่ในห้องทำงานแบบนี้กันนะฉันเอาแก้วกาแฟวางลงบนโต๊ะทำงานตรงหน้าของคุณเหนือ ก่อนจะบอกเขา “ขะ ขอตัวก่อนนะคะ” “อยู่กับฉันสองต่อสองทีไร ทำไมเธอถึงดูรีบร้อนอยากจะหนีหน้าจังหื้ม ?” น้ำเสียงของเขา สายตาของเขา มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่เลย “กะ ก็หมดธุระแล้วนี่คะ จะให้รินอยู่ต่อทำไม…”“นั่นสิ! อยู่ต่อทำไม ?”“คุณเหนือคะ อย่าทำให้รินลำบากใจไปมากกว่านี้เลยค่ะ” ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ รู้ดีว่าการขัดความต้องการของผู้ชายตรงหน้าคงทำให้เขาไม่พอใจ แถมเขายังเป็นเจ้าของบริษัทที่จ่ายเงินให้ฉันทุกเดือนอีกต่างหาก แต่ฉันไม่อยากให้เขามองฉันเป็นอื่น อยากให้เขามองฉัน
หลังจากคุยกับหมอ ฉันก็แอบมาร้องไห้ในห้องน้ำเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ ฉันไม่มีปัญญาหาเงินมากมายขนาดนั้นมาได้เพียงเวลาแค่ไม่กี่วันหรอก มันมากเกินไป มากเกินกว่าความสามารถของฉัน ฉันไม่อยากต้องมาเห็นน้องสาวของตัวเองจากไปแบบนี้ เธอเพิ่งอายุสิบเก้าปี ยังต้องมีอนาคตที่สดใส ทำไมกัน ทำไมต้องเป็นน้องสาวของฉัน ทำไมความโชคร้ายถึงมาเกิดขึ้นกับเรา 30 นาทีผ่านไป… ฉันพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำเพื่อไปหานาลิน ตอนนี้นาลินหลับอยู่ นอกจากใบหน้าที่ซีดเผือดแล้ว ตัวของเธอเองก็เริ่มซีด พอเห็นน้องสาวที่อยู่ในสภาพนี้น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้มันก็เริ่มจะไหลออกมาอีกครั้ง “พี่ริน…” เสียงแหบแห้งของนาลินเอ่ยขึ้น มันเบามากซะจนฉันแทบจะไม่ได้ยิน ฉันก้มหน้าลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้น้ำตาไม่ไหลออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองน้องสาว “หนูคงไม่รอดแล้วใช่มั้ยพี่ริน…” คำถามของน้องสาวทำให้ฉันถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ ในที่สุดหยดน้ำใสๆ มันก็ไหลลงมาอาบพวงแก้มทั้งสองข้าง“อย่าพูดแบบนี้สินาลิน เธอต้องรอด อย่าทิ้งพี่ไปไหนนะ” “หนูรู้ว่าพี่รินทำงานหนักเพื่อหาเงินมารักษาหนู แต่คง
หลังจากที่ฉันพูดคำนั้นออกไปบรรยากาศภายในห้องก็เงียบสนิท คุณเหนือไม่ได้เอ่ยคำใดออกมานอกจากมองหน้าฉันนิ่งๆ หัวใจดวงน้อยของฉันมันกำลังเต้นรัว ถ้าชีวิตของฉันมันมีทางเลือกมากกว่านี้ ก็คงไม่ต้องแบกหน้ามาเสนอตัวให้เขา คงไม่ต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง “หึ!! ทำไมจู่ๆ เธอถึงได้เปลี่ยนใจ” คุณเหนือถามขึ้นทำลายความเงียบ “น้องสาวของรินกำลังแย่ คุณเหนือช่วยน้องรินด้วยนะคะ ถ้าคุณเหนืออยากให้รินทำอะไร รินยอมหมดทุกอย่าง ขะ ขอแค่น้องสาวของรินหาย…”คุณเหนือลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วก้าวขาเดินมาหยุดตรงหน้าของฉัน มือหนาช้อนปลายคางของฉันขึ้นไปสบตากับตัวเอง สายตาเย็นชาคู่นั้นมันทำให้ฉันวูบไหวไปชั่วขณะ“ถ้าฉันอยากทำอะไรเธอจะยอมทุกอย่างจริงๆ ใช่มั้ยหื้ม…” ใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ๆ จนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขา “….ค่ะ ทุกอย่าง” คุณเหนือดันร่างของฉันให้เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนมาชนกับโต๊ะทำงาน มือหนาทั้งสองข้างจับสะโพกของฉันแล้วออกแรงยกตัวฉันขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง “คะ คุณเหนือ…” ฉันรีบดันอกแกร่งเอาไว้เมื่อคุณเหนือโน้มใบหน้าลงมาหวังจะจูบ จากนั้นฉันก็เบือนหน้าหนี“เธอบอกฉันเองว่ายอมทุกอย่าง”“…ไม่ใช่ตอ
วันต่อมา….“วารินไปกินข้าวกันเถอะ” พี่เอมเอ่ยปากชวนเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ในตอนนี้พนักงานต่างพากันพักเบรกเพื่อไปกินข้าว“ค่ะ ^_^” ฉันเก็บของเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินตามพี่เอมไป แต่จู่ๆ คุณทิศเหนือก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉัน ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่“ฉันมีงานจะให้เธอช่วยตรวจสักหน่อย”“งานอะไรคะคุณเหนือ เดี๋ยวฉันทำให้ก็ได้วารินยังเป็นเด็กฝึกอยู่….”“ฉันต้องการให้วารินเป็นคนทำ” พูดจบคุณเหนือก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง“ถ้าอย่างนั้นพี่เอมลงไปกินข้าวก่อนเลยนะคะ ไม่ต้องรอริน”“ระวังตัวด้วยนะริน”“ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้ามีอะไรรินจะรีบโทรหาพี่เอมทันที” ฉันยิ้มแห้งๆ ให้พี่เอม ก่อนจะรีบเดินตามคุณเหนือมาที่ห้องทำงาน#ภายในห้องทำงาน“ไหนบอกว่าจะให้มาคุยหลังเลิกงานไงคะ”“พอดีว่าฉันใจร้อน มานั่งนี่สิ” พูดจบคุณเหนือก็ตบลงตรงที่ว่างข้างๆ ตัวเองเพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้ฉันไปนั่งแน่นอนว่าฉันไม่อาจจะขัดใจเขาได้ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรเมื่อฉันนั่งลงข้างๆ กับตัวเขาแล้ว คุณเหนือก็เอากระดาษตรงหน้ายื่นมาให้ฉัน“อ่านซะ”ฉันขมวดคิ้วเป็นปมอย่างแปลกใจก่อนที่จะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ
นิ้วใหญ่แตะลงมาบนกลีบกุหลาบของฉันโดยไม่มีอะไรปิดกั้น ทำเอาฉันถึงกับสะดุ้งและรู้สึกอับอายเพราะนี่มันคือครั้งแรกที่ฉันอ้าขาแบบนี้ให้ผู้ชายทั้งที่ไม่อยากจะรู้สึก แต่กลับห้ามตัวเองไม่ได้ เมื่อนิ้วใหญ่ค่อยๆ ขยี้ลงบนติ่งเกสรของฉันเบาๆ“เธอกำลังคบหาอยู่กับผู้ชายคนไหนหรือเปล่า ?”“ไม่ค่ะ อ๊ะ ฉะ ฉันไม่มีแฟน” พอได้ยินคำตอบของฉัน คุณเหนือก็กระตุกยิ้มมุมปากออกมาอย่างพอใจ“เรื่องส่งตัวน้องสาวเธอไปรักษาที่ต่างประเทศ ฉันจะเป็นคนจัดการเอง”“คะ คุณเหนือรู้ได้ยังไง ว่าน้องสาวของรินต้องถูกส่งตัว อื้อ~”เสียงของฉันถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อคุณเหนือก้มหน้าลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน โดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งรับ ด้วยความที่ไม่เคยจูบกับชายใดมาก่อน ทำให้ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ได้แต่อยู่นิ่งๆ ให้คุณเหนือเป็นคนทำนิ้วใหญ่ยังคงขยี้ติ่งเกสรของฉันเบาๆ สลับกับลากไล้มันขึ้นลง แปลกที่ฉันเริ่มรู้สึกดีกริ๊ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ทำให้คุณเหนือถอนริมฝีปากออกไปจากริมฝีปากของฉัน รวมทั้งนิ้วที่กำลังแตะตรงนั้นของฉันอยู่ก็ถูกดึงออกไปด้วยเมื่อคุณเหนือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับมันก็ทำให้ฉันรู้สึกหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น ก่อนที่จะค่