ฉันตั้งใจว่าจะไปหาพราวที่บ้านแต่จู่ๆ มันก็หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม และก็ไม่รู้ว่าคุณเหนือมายังไง เขารีบวิ่งมาประคองตัวฉันไว้ ทั้งที่บอกว่าจะออกไปบริษัทแท้ๆ“ไปหาหมอ”“ไม่เอาค่ะ รินไม่ได้เป็นอะไรมาก”“ทำไมถึงไม่ยอมไปหาหมอ เธอเป็นแบบนี้บ่อยเกินไปแล้วนะวาริน”“เดี๋ยวรินกับคุณเหนือก็ต่างคนต่างนอนคนละห้องตั้งหนึ่งเดือน อาการคงจะดีขึ้นค่ะเพราะรินได้พักผ่อนเต็มที่” ฉันพูดในเชิงประชดประชัน“ฝันไปเถอะ! แค่คืนเดียวฉันก็นอนไม่หลับ”“ไม่โกรธรินแล้วเหรอคะ ?” ฉันยิงคำถามใส่คุณเหนือก็ทำหน้างอนๆ นั่นแหละ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “คิดว่าฉันทำได้หรือไง คิดว่าฉันไม่สนใจเธอได้หรือไง”“เมื่อกี้คุณเหนือก็เมินริน”“ฉันน้อยใจเธอต่างหาก แต่เธอแม่งไม่ง้อ” คุณเหนือบอกจากนั้นก็อุ้มตัวฉันขึ้นพาเดินมาที่ห้องรับแขก แล้ววางฉันลงบนโซฟาแปลกเนอะ เมื่อกี้เรายังทำเมินใส่กันแต่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถโกรธกันได้นานกว่านี้จริงๆ“ไปหาหมอได้ไหม รู้บ้างไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน” คุณเหนือแสดงความเป็นห่วงออกมาผ่านแววตาของเขา“งั้นหลังจากรับปริญญารินจะไปหาหมอนะคะ”“สัญญา ?”“ค่ะ ^_^” บางทีฉันก็คืดว่าตัวเองอารมณ์แปรปรวนแปลกๆ
Talk ทิศเหนือก๊อกๆ เสียงเคาะห้องทำงานดังขึ้น ในขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ “เข้ามา” สิ้นสุดเสียงของผมประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา เผยให้เห็นร่างอรชรของผู้หญิงในชุดนักศึกษา เดินถือแฟ้มเอกสารตรงมายังโต๊ะทำงานของผม “เอกสารที่คุณทิศเหนือต้องเซ็นวันนี้ค่ะ พอดีพี่เอมติดธุระเลยฝากให้ฉันเอามาให้” “เป็นนักศึกษาฝึกงานคนใหม่สินะ” ผมถามผู้หญิงตรงหน้า สายตาโฟกัสหน้าอกสองเต้าของเธอที่มันแน่นซะจนเม็ดกระดุมจะกระเด็นออกจากกัน ท่าทางซื้อบื้อของเธอมันช่างขัดกับเสื้อที่ใส่อยู่ซะจริงๆ “…ค่ะ” “ชื่ออะไร ?”“วารินค่ะ” เธอตอบแต่กลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม “อยากมีเงินใช้มั้ย ?” ถ้าผมถูกใจใคร ผมก็จะไม่ลังเลที่จะชักจูงผู้หญิงพวกนั้นด้วยเงิน อย่างที่ผมกำลังยื่นข้อเสนอให้กับผู้หญิงตรงหน้า “…คะ ?” ท่าทางซื้อบื้อของเธอดูจะไม่เข้าใจที่ผมพูดสักเท่าไหร่ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ กับผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะใช้มือโอบเอวเธอเอาไว้แบบหลวมๆ “คะ คุณทิสเหนือคะ” เธอดูจะตกใจมากพอสมควร รีบผลักผมให้ออกห่าง แต่ผมยังคงโอบเอวเธอไว้อยู่ “เรียกฉันว่า คุณเหนือ” “ฉันสามารถให้เงินเธอใช้ได้ไม่ขาดมือ สนใจมั้ยหื้ม…”
เช้าวันใหม่…สิ่งที่ฉันต้องทำเป็นประจำในทุกๆ เช้าคือการตื่นนอนอาบน้ำเพื่อไปฝึกงาน โชคดีหน่อยฝึกงานที่บริษัทนี้เขาให้เงินเดือน ไม่อย่างนั้นคงต้องหางานเสริมทำให้วุ่น กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ของฉันดึงขึ้นมาในขณะที่กำลังนั่งรถเมล์ประจำทางไปที่บริษัท เป็นพราวที่โทรมา พราวคือเพื่ินสนิทของฉันเอง แต่เราฝึกงานกันคนละบริษัท ( ว่าไงพราว ) ( ก็เหงาน่ะสิ แกเล่นเงียบหายไปเลย ) พราวตอบมาเสียงอู้อี้ในลำคอ ( ช่วงนี้ฉันยุ่งๆ นาลินก็อยู่โรงพยาบาล )( ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลยหรอ )( อื้อ รอบนี้เป็นหนักเลยแก ) ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ พูดถึงเรื่องน้องสาวทีไรก็รู้สึกหนักใจทุกครั้ง( เดี๋ยวนาลินก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แกไม่ต้องคิดมากนะริน ) ( แกเป็นไงบ้าง ) ( เหนื่อยนะสิ รุ่นพี่ที่บริษัทชอบใช้ให้ทำนู่นทำนี่แทบไม่ได้พักเลย ) ฉันคุยกับพราวมาจนถึงบริษัท เธอเป็นคนน่ารักนิสัยดีเรียบร้อย แต่ติดที่ว่าชอบบ่นจุกจิกไปหน่อย #บริษัท ฉันยิ้มและยกมือไหว้รุ่นพี่ที่บริษัทแทบจะทุกคน ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก ที่ฉันทำคือมารยาทและเป็นการผูกมิตรที่ดี เมื่อเดินมาถึงหน้าลิฟต์ฉันก็กดแล้วยืนรอสักพักประตูลิฟต์ก็เปิดออก จ
เฮือก!! รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้ยินคำพูดของคุณเหนือ ไม่คิดว่าเขาจะพูดมาแบบนั้น ทั้งที่ฉันปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ “อยากเป็นเลขาของฉันมั้ย ถ้าสนใจทำตำแหน่งนี้ฉันจะเพิ่มเงินเดินให้สองเท่า”“…..” เขาจะกดดันฉันไปถึงไหนกัน ทำยังไงดีไม่อยากยืนอยู่ในห้องนี้แล้ว ฉันอยากออกไปข้างนอกแล้ว มันอึดอันมากจริงๆ “ว่าไงหื้ม…”ฉันเงยหน้าขึ้นมองคุณทิศเหนือพร้อมกับส่งยิ้มจางๆ ให้เขาแล้วเอ่ยตอบคำถามด้วยคำสุภาพ “ตำแหน่งเลขาคงไม่เหมาะกับรินหรอกค่ะ รินเป็นแต่นักศึกษาฝึกงาน อีกอย่างก็มีคนทำตำแหน่งนี้ได้ดีอยู่แล้ว”เมื่อสิ้นสุดคำตอบฉันก็ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ของคุณทิศเหนือ ท่าทางของเขาดูไม่พอใจกับคำตอบของฉันสักเท่าไหร่ “ฉันต้องการให้เธอทำ และถ้าฉันต้องการมันจะไม่มีคำว่าเหมาะหรือไม่เหมาะสม!!”“……” พอถูกตวาดแบบนั้นฉันจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ “ย้ายโต๊ะทำงานของเธอเข้ามาในห้องทำงานของฉันเลยดีมั้ย หื้ม?” “คะ คุณเหนือคะ คือ คือว่าริน…”“ฉันไม่ชอบการถูกปฏิเสธสักเท่าไหร่เลยนะวาริน” “……” ฉันค่อยๆ เม้มปากเข้าหากันแน่น เพราะว่าไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ หากมันคือคำสั่งฉันก็ต้องทำตาม ไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นอะไรทั้
หลายวันผ่านไป ฉันพยายามหลบหน้าคุณทิศเหนือตลอดเวลา ปกติเขาไม่เคยเดินมาสั่งงานพี่เอมด้วยตัวเอง แต่หลายวันมานี้ฉันมักจะเห็นเขามาสั่งวานพี่เอมบ่อยๆ ซึ่งโต๊ะทำงานของฉันก็ยังอยู่ใกล้ๆ กับพี่เองด้วย ทุกครั้งที่คุณเหนือมาฉันก็จะเอาแต่ก้มหน้าก้มตา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกได้ว่าถูกจ้องมองเวลาเห็นหน้าเขามันก็ทำให้ฉันแทบจะกลั้นใจทุกครั้ง ถึงเวลาเลิกงาน…ช่วงนี้ฉันเริ่มรู้สึกไม่อยากมาที่บริษัทบ่อยขึ้น อยากให้เลิกงานเร็วๆ อยากให้ฝึกงานจบเร็วๆ เฮ้อ! “ฝนตกหนักเลยวันนี้” ฉันยืนอยู่ในบริษัทยังไม่ได้ออกไปไหน เพราะตอนนี้ฝนด้านนอกตกหนัก มีพี่ๆ พนักงานหลายคนที่ติดอยู่ในนี้ด้วย ค่อยสบายใจหน่อย ฉันนั่งรอฝนหยุดด้วยการเล่นมือถือไปพลางๆ ตอบแชตนาลินที่ถามว่าฉันจะไปหาเธอเมื่อไหร่ “น้องวารินจ้ะ พี่ไปก่อนนะ” พี่แก้วตาเป็นนุ่นพี่ที่บริษัทเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วยกมือไหว้ แต่!! ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้มีแค่ฉันกับพี่แก้วตาที่เหลืออยู่กันสองคน คะ คนอื่นๆ เขากลับไปตั้วแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งตอนนี้พี่แก้วตาก็กำลังจะกลับแล้วหลังจากที่พี่แก้วตาเดินออกไป ฉันก็หันมองที่กระจกหน้าต่างบานใหญ่ข
ฉันจำใจต้องชงกาแฟไปให้คุณเหนือตามคำสั่ง ไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่ที่บริษัท แถมตอนนี้ก็ไม่มีใคร ฝนก็ยังตกหนัก ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ หลังจากชงกาแฟเสร็จฉันก็ถือแก้วอย่างระมัดระวังไปยังห้องทำงานของคุณเหนือ เมื่อถึงที่หน้าประตูห้องทำงานของผู้บริหารก็ไม่ลืมที่จะเคาะประตูตามมารยาท แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากคนด้านใน ฉันจึงเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องมีควรจางๆ ของบุหรี่ลอยคลุ้งพร้อมกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของบุหรี่ลอยมาเตะจมูก ทำไมถึงมาสูบบุหรี่ในห้องทำงานแบบนี้กันนะฉันเอาแก้วกาแฟวางลงบนโต๊ะทำงานตรงหน้าของคุณเหนือ ก่อนจะบอกเขา “ขะ ขอตัวก่อนนะคะ” “อยู่กับฉันสองต่อสองทีไร ทำไมเธอถึงดูรีบร้อนอยากจะหนีหน้าจังหื้ม ?” น้ำเสียงของเขา สายตาของเขา มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่เลย “กะ ก็หมดธุระแล้วนี่คะ จะให้รินอยู่ต่อทำไม…”“นั่นสิ! อยู่ต่อทำไม ?”“คุณเหนือคะ อย่าทำให้รินลำบากใจไปมากกว่านี้เลยค่ะ” ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ รู้ดีว่าการขัดความต้องการของผู้ชายตรงหน้าคงทำให้เขาไม่พอใจ แถมเขายังเป็นเจ้าของบริษัทที่จ่ายเงินให้ฉันทุกเดือนอีกต่างหาก แต่ฉันไม่อยากให้เขามองฉันเป็นอื่น อยากให้เขามองฉัน
หลังจากคุยกับหมอ ฉันก็แอบมาร้องไห้ในห้องน้ำเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ ฉันไม่มีปัญญาหาเงินมากมายขนาดนั้นมาได้เพียงเวลาแค่ไม่กี่วันหรอก มันมากเกินไป มากเกินกว่าความสามารถของฉัน ฉันไม่อยากต้องมาเห็นน้องสาวของตัวเองจากไปแบบนี้ เธอเพิ่งอายุสิบเก้าปี ยังต้องมีอนาคตที่สดใส ทำไมกัน ทำไมต้องเป็นน้องสาวของฉัน ทำไมความโชคร้ายถึงมาเกิดขึ้นกับเรา 30 นาทีผ่านไป… ฉันพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำเพื่อไปหานาลิน ตอนนี้นาลินหลับอยู่ นอกจากใบหน้าที่ซีดเผือดแล้ว ตัวของเธอเองก็เริ่มซีด พอเห็นน้องสาวที่อยู่ในสภาพนี้น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้มันก็เริ่มจะไหลออกมาอีกครั้ง “พี่ริน…” เสียงแหบแห้งของนาลินเอ่ยขึ้น มันเบามากซะจนฉันแทบจะไม่ได้ยิน ฉันก้มหน้าลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้น้ำตาไม่ไหลออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองน้องสาว “หนูคงไม่รอดแล้วใช่มั้ยพี่ริน…” คำถามของน้องสาวทำให้ฉันถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ ในที่สุดหยดน้ำใสๆ มันก็ไหลลงมาอาบพวงแก้มทั้งสองข้าง“อย่าพูดแบบนี้สินาลิน เธอต้องรอด อย่าทิ้งพี่ไปไหนนะ” “หนูรู้ว่าพี่รินทำงานหนักเพื่อหาเงินมารักษาหนู แต่คง
หลังจากที่ฉันพูดคำนั้นออกไปบรรยากาศภายในห้องก็เงียบสนิท คุณเหนือไม่ได้เอ่ยคำใดออกมานอกจากมองหน้าฉันนิ่งๆ หัวใจดวงน้อยของฉันมันกำลังเต้นรัว ถ้าชีวิตของฉันมันมีทางเลือกมากกว่านี้ ก็คงไม่ต้องแบกหน้ามาเสนอตัวให้เขา คงไม่ต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง “หึ!! ทำไมจู่ๆ เธอถึงได้เปลี่ยนใจ” คุณเหนือถามขึ้นทำลายความเงียบ “น้องสาวของรินกำลังแย่ คุณเหนือช่วยน้องรินด้วยนะคะ ถ้าคุณเหนืออยากให้รินทำอะไร รินยอมหมดทุกอย่าง ขะ ขอแค่น้องสาวของรินหาย…”คุณเหนือลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วก้าวขาเดินมาหยุดตรงหน้าของฉัน มือหนาช้อนปลายคางของฉันขึ้นไปสบตากับตัวเอง สายตาเย็นชาคู่นั้นมันทำให้ฉันวูบไหวไปชั่วขณะ“ถ้าฉันอยากทำอะไรเธอจะยอมทุกอย่างจริงๆ ใช่มั้ยหื้ม…” ใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ๆ จนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขา “….ค่ะ ทุกอย่าง” คุณเหนือดันร่างของฉันให้เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนมาชนกับโต๊ะทำงาน มือหนาทั้งสองข้างจับสะโพกของฉันแล้วออกแรงยกตัวฉันขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง “คะ คุณเหนือ…” ฉันรีบดันอกแกร่งเอาไว้เมื่อคุณเหนือโน้มใบหน้าลงมาหวังจะจูบ จากนั้นฉันก็เบือนหน้าหนี“เธอบอกฉันเองว่ายอมทุกอย่าง”“…ไม่ใช่ตอ
ฉันตั้งใจว่าจะไปหาพราวที่บ้านแต่จู่ๆ มันก็หน้ามืด เหมือนจะเป็นลม และก็ไม่รู้ว่าคุณเหนือมายังไง เขารีบวิ่งมาประคองตัวฉันไว้ ทั้งที่บอกว่าจะออกไปบริษัทแท้ๆ“ไปหาหมอ”“ไม่เอาค่ะ รินไม่ได้เป็นอะไรมาก”“ทำไมถึงไม่ยอมไปหาหมอ เธอเป็นแบบนี้บ่อยเกินไปแล้วนะวาริน”“เดี๋ยวรินกับคุณเหนือก็ต่างคนต่างนอนคนละห้องตั้งหนึ่งเดือน อาการคงจะดีขึ้นค่ะเพราะรินได้พักผ่อนเต็มที่” ฉันพูดในเชิงประชดประชัน“ฝันไปเถอะ! แค่คืนเดียวฉันก็นอนไม่หลับ”“ไม่โกรธรินแล้วเหรอคะ ?” ฉันยิงคำถามใส่คุณเหนือก็ทำหน้างอนๆ นั่นแหละ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “คิดว่าฉันทำได้หรือไง คิดว่าฉันไม่สนใจเธอได้หรือไง”“เมื่อกี้คุณเหนือก็เมินริน”“ฉันน้อยใจเธอต่างหาก แต่เธอแม่งไม่ง้อ” คุณเหนือบอกจากนั้นก็อุ้มตัวฉันขึ้นพาเดินมาที่ห้องรับแขก แล้ววางฉันลงบนโซฟาแปลกเนอะ เมื่อกี้เรายังทำเมินใส่กันแต่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถโกรธกันได้นานกว่านี้จริงๆ“ไปหาหมอได้ไหม รู้บ้างไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน” คุณเหนือแสดงความเป็นห่วงออกมาผ่านแววตาของเขา“งั้นหลังจากรับปริญญารินจะไปหาหมอนะคะ”“สัญญา ?”“ค่ะ ^_^” บางทีฉันก็คืดว่าตัวเองอารมณ์แปรปรวนแปลกๆ
#คฤหาสน์หลังใหญ่ตอนนี้ฉันกับคุณเหนือกำลังนั่งกินข้าวที่บ้านคุณพ่อของคุณเหนือ ที่ผ่านมาฉันได้เจอกับท่านบ่อยๆ จึงทำให้ไม่รู้สึกเกร็งแล้ว“ฉันได้ฤกษ์แต่งงานมาแล้ว ฤกษ์ดีที่สุดก็อีกสองเดือน”หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวเมื่อได้ยินแบบนั้น นี่ฉันใกล้จะได้แต่งงานแล้วหรอเนี่ย“แกก็พาหนูรินไปลองชุดเดี๋ยวต้องสั่งตัดชุดอีกคงใช้เวลานาน ส่วนเรื่องสถานที่ฉันจะจัดการให้เอง”“ครับพ่อ” คุณเหนือตอบก่อนจะหันมายิ้มกริ่มให้ฉัน“แล้วนี่พร้อมจะมีลูกเมื่อไหร่ ฉันว่าทำลูกมันซะตอนนี้เลยก็ดีเหมือนกันนะ ยังไงก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ฉันเองก็อยากเห็นหน้าหลานเร็วๆ”“อะ เอ่อคือเรื่องนั้นริน….”“ยังไม่พร้อมสินะ อืมๆ ฉันเข้าใจว่าการมีลูกมันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็อย่าให้มันนานจนเกินไปแล้วกัน”ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพ่อของคุณเหนือนั้นเข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไร แต่พอหันมองคุณเหนือก็ได้เห็นว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้ายักษ์ใส่ฉันอยู่“กินข้าวสิคะ” ฉันยิ้มแบบกวนๆ ให้คุณเหนือไปหนึ่งกรุบก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อหลังจากกินข้าวเสร็จแล้วฉันกับคุณเหนือก็อยู่คุยเรื่องงานแต่งต่อสักพัก ด้วยความที่ฉันไม่มีญาติที่ไหนแล้วจึงไม่ต้องไปคุยกับผู
วันเวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งในวันที่ฉันฝึกงานจบ จริงๆ ก็ไม่ได้ฝึกงานหรอก นั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านซะมากกว่า พอฝึกงานจบแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่รับปริญญา วันนี้ฉันต้องเข้าไปทำธุระที่มหาวิทยาลัยด้วยไม่รู้ว่าคุณเหนือเป็นอะไรพอรู้ว่าฉันจะเข้าไปที่มหาวิทยาลัยก็ออกอาการงอแงบอกว่าจะไปด้วย จะรอที่รถ ซึ่งฉันเองก็นัดกับพราวไว้ว่าจะไปกับพราว“วันนี้รินเช็กตารางงานคุณเหนือกับพี่รุ้งแล้ว มีประชุมตอนเก้าโมงเช้านี่คะ จะไปกับรินได้ยังไง”“ไม่อยากให้ฉันไปด้วยถึงขนาดต้องโทรเช็กตารางงานเลยหรือไง” คุณเหนือชักสีหน้าใส่ฉัน มันใช่เรื่องหรือเปล่าเนี่ย นั่นงานของเขานะ“บอกเหตุผลมาได้ไหมคะว่าทำไมถึงอยากไปกับรินขนาดนั้น”“ก็หวง! อยากไปด้วยกลัวผู้ชายจะมายุ่งกับเมีย” คุณเหนือบอก เขาก้มหน้าลงแล้วทำแก้มป่อง น่าเอ็นดูจริงๆ พ่อคุณ“ให้รินใส่กระโปรงยาวจนถึงตาตุ่มแบบนี้ยังหวงอีกเหรอคะ” ฉันบอกพร้อมกับก้มมองกระโปรงที่ตัวเองใส่ มันยาวจนคลุมตาตุ่มเลยนะ ก็เพราะคุณเหนือนั่นแหละสั่งให้ใส่แบบนี้“เดี๋ยวฉันจะโทรไปเลื่อนประชุม” คุณเหนือทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ฉันจึงรีบค้านไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะคะ แยกแยะหน่อยสิ”“แยกแยะแล้ว จะไป
#ภายในห้องตอนนี้เสื้อผ้าของฉันกับคุณเหนือถูกถอดและโยนทิ้งไว้บนพื้นจนมันกระจัดกระจายไปทั่วทั้งห้อง“ให้รินทำให้นะคะ รินอยากทำให้คุณเหนือบ้าง” ฉันพูดอย่างยั่วยวนก่อนจะผลักร่างกำยำลงไปนอนราบกับเตียงฉันคลานเข่ามาขึ้นคร่อมคุณเหนือเอาไว้ พร้อมกับใช้มือกุมแก่นกายใหญ่ที่ค่อยๆ ขยายตัวจนล้นอุ้งมือของฉัน“ทำไมวันนี้เธอถึงอยากทำ ?” คุณเหนือเงยศีรษะขึ้นมาขมวดคิ้วถาม“รินอยากทำให้คุณเหนือติดใจรินไงคะ ^_^”“แค่เธอนอนเฉยๆ ฉันก็แทบจะคลั่งตาย อ๊า~”ฉันใช้มือชักรูดแก่นกายในขณะที่คุณเหนือกำลังพูดอย่างกลั่นแกล้ง นั่นจึงทำให้เขาเผลอร้องครางออกมา“รินยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”“มือเธอกำลังทำให้ฉันหมดแรง ซี๊ด~”“แล้วถ้ารินใช้ปากละคะ”ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวนก่อนจะก้มหน้าลงใช้ริมฝีปากสัมผัสกับแก่นกายใหญ่ รู้สึกได้ถึงร่างกายที่เริ่มเกร็งของคุณเหนือในตอนที่ฉันตวัดปลายลิ้นเลียหยอกเย้าหัวเห็ดแดงก่ำ“ริน อ๊า~ เธอคิดจะฆ่าฉันหรือไง”“ชอบไหมคะ รินทำเก่งไหม”ฉันเงยหน้าขึ้นถามจากนั้นก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่แค่ลิ้น แต่ฉันใช้ริมฝีปากอุ่นร้อนครอบงำท่อนเนื้อดุ้นใหญ่แล้วอมให้ลึกจนขอบปากแนบชิดกับปลายโคนจากน
ถึงฉันจะเคยพูดว่ายังไม่พร้อม แต่พอมาถูกขอแต่งงานแบบนี้จะปฏิเสธลงได้ยังไงล่ะ คุณเหนือมัดมือชกกันชัดๆ เลย“อยากให้รินตอบตกลงใช่ไหมคะ” ฉันถามคุณเหนือเพราะคิดอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้ มันนึกอยากจะแกล้งเขาเล่นๆ“ทำขนาดนี้แล้วยังจะถามอีก”“ถ้าอย่างนั้นคุณเหนือก็ต้องลงไปแช่ในน้ำทะเลห้านาที แล้วรินจะตอบตกลง ^_^”คุณเหนือมองไปที่น้ำในทะเล “ตอนนี้?”“ก็ใช่ไงคะ ตอนนี้ ^_^”“ได้”คุณเหนือเก็บแหวนไว้ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อแล้วเดินดุ่มๆ ไปอย่างไม่ลังเลตอนนี้บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ทะเลตอนกลางคืนนั้นน่ากลัว แต่คุณเหนือกลับทำตามคำสั่งของฉันอย่างไม่คิดลังเลอะไรเลย เป็นแบบนี้ใครจะไม่ใจอ่อนยอมแต่งงานด้วยกันล่ะ“อ่า! น้ำเย็นชะมัด” คุณเหนือพูดขึ้น เขานั่งแช่อยู่ในน้ำอย่างเด็ดเดี่ยว ถึงปากจะบ่นว่าน้ำเย็นก็ตาม“จริงๆ ถ้าคุณเหนือไม่ลงไปแช่ในน้ำทะเลแบบนั้นรินก็คงตอบตกลงอยู่แล้วนะคะ ^_^” ฉันบอก ทำให้ถูกคุณเหนือจ้องเขม็ง“เธอแกล้งฉัน?”“หลอกง่ายเหมือนกันนะเนี่ย”จบคำพูดของฉันคุณเหนือก็ลุกขึ้นมาจากน้ำ เขาเดินตรงมาที่ฉัน“คะ คุณเหนือจะทำอะไรคะ” ฉันถามพร้อมกับถอยหนี รู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้“ไม
หมับ! คุณเหนือรีบเดินตามมาคว้าแขนฉันเอาไว้ จากนั้นก็ก้าวขามาหยุดตรงหน้าของฉัน“ปล่อย! รินจะไปซื้อบิกินี่”“ก็บอกว่าไม่ให้ใส่”“รินจะใส่”“ก็ลองดูว่าซื้อมาแล้วจะได้ใส่หรือเปล่า”ฉันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหงุดหงิด จากนั้นก็เมินหน้าหนีคุณเหนือ คิดว่าจะได้มาพักผ่อนแบบสบายใจ แต่กลับต้องมาหงุดหงิดแบบนี้ทำให้เสียบรรยากาศจริงๆ ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว อยากจะกลับไปกรุงเทพมันตอนนี้เลย“มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉันจะมองผู้ชายหรือผู้หญิงที่เดินผ่านไปมาไม่ใช่หรือไง”“ค่ะมันไม่แปลก แต่การที่มองแล้วจ้องค้างแบบนั้นจะไม่ให้รินคิดอะไรคงไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าเกิดว่ามีผู้ชายเดินผ่านแล้วรินมองแบบที่คุณเหนือมองผู้หญิงสองคนนั้นล่ะคะ คุณเหนือก็คงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ”“ฉัน….”“ไม่ต้องมาเถียงหรอกค่ะ อีกอย่างผู้หญิงสองคนนั้นก็ส่งตาหวานเชื่อมให้ด้วยนิ หึ!”“โอเคต่อไปนี้ฉันจะไม่มองผู้หญิงคนไหน กลับไปกินข้าวก่อน ฉันหิวจนจะกินเธอได้ทั้งตัวอยู่แล้วนะ” คุณเหนือจับมือฉันหวังจะให้เดินตามตัวเอง แต่ฉันยังทำตัวแข็งทื่ออยู่ไม่ยอมขยับ“ไม่ค่ะ รินไม่กิน!!”“รินเธอจะงอนเอาเป็นเอาตายเลยหรือไง ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่ามองเลยนะ”
เช้าวันต่อมา….ฉันแทบจะลุกจากเตียงไม่ขึ้นเนื่องจากเมื่อคืนถูกทำโทษ กล่องถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วมันถูกทิ้งไว้เกลื่อนห้องไปหมดเลยตอนนี้โชคดีที่คุณเหนือไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยหมดทั้งแพ็กเพราะเขาเห็นใจฉัน แต่ก็หมดไปหลายกล่องเลย“ลุกขึ้นแต่งตัวสิ” คุณเหนือเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วบอกฉัน คิดว่าไปทำงานแล้วซะอีก“ไปไหนคะ รินลุกไม่ไหวหรอก”“ไปพัทยา”“หื้อ ไปทำไมคะ คุณเหนือมีงานที่นั่นเหรอคะ”“เปล่า ฉันจะพาเธอไปพักผ่อน”“ว่างเหรอคะ”“ฉันมีเวลาว่างให้เธอทั้งชีวิต” คุณเหนือบอกเสียงหวานจากนั้นก็เดินมาที่เตียงแล้วอุ้มฉันขึ้น“อื้อ อุ้มรินทำไมคะ”“จะพาไปอาบน้ำ เดินไม่ไหวไม่ใช่หรือไง”ฉันถามคุณเหนือเพราะมันรู้สึกเขิน ส่วนคุณเหนือเขาก็อุ้มฉันมาในห้องน้ำ แถมยังทำตัวน่ารักหวังจะถอดเสื้อออกให้ด้วย ฉันจึงรีบเบรกไว้ เพราะการให้คุณเหนือเห็นเรือนร่างมันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้“เดี๋ยวรินถอดเองค่ะ คุณเหนือไปรอข้างนอกนะคะ”“แต่ฉันอยากถอดให้เธอ” คุณเหนือบอกจากนั้นเขาก็โน้มใบหน้าลงมาจูบที่ต้นคอของฉันนี่อย่าบอกนะว่ากำลังจะเริ่มอีกแล้วน่ะ“หยุดนะคะ รินหมดแรงแล้ว”คุณเหนือหยุดชะงักพร้อมกับค่อยๆ ผละใบหน้าออก “
คุณเหนือแบกตัวของฉันมาที่ห้องนอน เขาไม่ยอมวางฉันลงไม่ว่าจะดิ้นแรงแค่ไหนตุบ! ร่างของฉันถูกโยนลงบนเตียง ย้ำนะคะว่าโยน ถึงเตียงมันจะนิ่มแต่ก็รู้สึกเจ็บอยู่ดี“ทำไมต้องรุนแรงด้วยล่ะคะ” บอกตามตรงว่ามันเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง คุณเหนือจะวางฉันลงดีๆ ก็ได้นิ ไม่เห็นจำเป็นต้องโยนกันรุนแรงแบบนี้เลย“เธอพูดไม่ฟังเอง”“ก็คุณเหนือนั่นแหละงี่เง่า”“ฉันงี่เง่า ? งี่เง่าตรงไหน”“ก็ตรงที่ขี้น้อยใจเหมือนผู้หญิงไงล่ะคะ”โอเคฉันรู้แหละว่าการทะเลาะกันมันคือปัญหาปกติของชีวิตคู่ แต่ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้สักนิด แต่มันเหลืออดจริงๆคุณเหนือพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เขายกมือขึ้นมาเท้าเอวแล้วจ้องหน้าฉันพร้อมกับใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เหอะ! เขาคิดว่าตัวเองหงุดหงิดเป็นคนเดียวหรือไง“เธอก็เลยประชดฉันด้วยวิธีนี้ว่างั้น ?”“ทำไมไม่ปล่อยให้รินเดินออกไปนอกบ้านล่ะคะ จะได้รู้ว่าประชดหรือเปล่า”“เสื้อชั้นในก็ไม่ใส่ ใส่แค่กางเกงในแบบนี้มั่นใจว่าเธอจะเดินออกไปที่สนามหญ้า”“ค่ะ รินจะไป”“วาริน!!”“ไม่ต้องมาทำเสียงเข้มขู่รินหรอกค่ะ คุณเหนือจะไปไหนก็ไม่บอกรินสักคำ แถมโทรไปไม่รับด้วย”“แต่เธอก็ไม่ควรทำแบบน
ฉันรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องเพื่อมาเอาโทรศัพท์กดโทรออกไปหาคุณเหนือ ไม่ได้จะโทรไปขอบคุณแต่จะโทรไปต่อว่าที่เขาใช้เงินมากมายซื้อของพวกนี้มา( ชอบของที่ฉันซื้อให้หรือเปล่า )พอฉันกดรับสายคุณเหนือก็ถามคำนี้ออกมา เขาดูจะมีความสุขไม่ได้เดือดร้อนที่เสียเงินไปมากมายมหาศาลเลยสักนิด เป็นฉันคนเดียวที่นึกเสียดาย( ไม่ชอบค่ะ )( ถ้าอย่างนั้นเธอชอบแบบไหน เดี๋ยวประชุมเสร็จฉันจะพาไปเลือกใหม่ )แทนที่จะหงุดหงิดหรือโกรธที่ฉันไม่ชอบ แต่คุณเหนือกลับอารมณ์ดีแถมจะพาฉันไม่เลือกใหม่อีกต่างหาก( รินไม่ชอบให้คุณเหนือใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบนี้ )( ฟุ่มเฟือยที่ไหนกัน เงินแค่ไม่กี่สิบล้าน )( สะ สิบล้านเลยเหรอคะ )( ห้าสิบกว่าล้าน ) คุณเหนือตอบกลับมาทำให้ฉันแทบจะเป็นลมจนต้องจับขอบเตียงเพื่อพยุงตัวเองเขาพูดออกมาง่ายๆ คำว่าห้าสิบล้าน ไม่รู้สึกเสียดายบ้างหรือไง( ต่อไปนี้ห้ามใช้เงินแบบนี้อีกนะคะ รินอยากให้คุณเหนือเก็บเงินไว้ )( เดือนๆ หนึ่งบริษัทฉันได้กำไรร้อยกว่าล้าน ของพวกนั้นฉันตั้งใจอยากจะซื้อให้ แต่ถ้าเธอไม่ชอบจะเอาไปทิ้งในถังขยะฉันก็ไม่ว่าอะไร )( อย่ามาประชดกันแบบนี้นะคะคุณเหนือ )( ในเมื่อฉันตั้งใจจะให้แต่เธอไม่รับ จ