ฉันก้มหน้าลงพยายามบอกกับตัวเองว่าอย่ามอง ห้ามมองคุณเหนือกับผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด แต่สุดท้ายแล้วก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ฉันเงยหน้าขึ้นและก็ยังเห็นผู้หญิงคนนั้นเธอกอดคุณเหนืออยู่ แต่คุณเหนือก็ยังไม่ยอมกอดตอบ มันก็ดีแล้ว หากว่าฉันเห็นคุณเหนือกอดเธอตอบ ความรู้สึกมันคงจะเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกหลายเท่า ในหัวของฉันมันมีแต่คำถาม เธอคือใคร มีสิทธิ์อะไรมากอดเขาแบบนั้น เธอสำคัญกับคุณเหนือหรือเปล่า สายตาของฉันมองภาพตรงหน้าจนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นเธอผละกอดออก เธอพูดอะไรบางอย่างพร้อมกับหยดน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้ม สายตาของคุณเหนือที่มองเธอไม่ได้ดุร้ายแบบที่มองฉัน เหมือนกับว่าผู้หญิงคนนี้เธอคือคนสำคัญของเขา….คุณเหนือหันมองมาตรงที่ฉันนั่ง แววตาที่แสนเย็นชาไร้ความรู้สึกนั้นกำลังทำให้ฉันเจ็บปวด ไม่รู้ว่าเผลอกำมือแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีมันก็สั่นไปหมดทั้งตัว ฉะ ฉันควรจะออกไปจากรถดีไหม ไม่อยากให้เขาทั้งคู่อยู่ด้วยกันแบบนั้นอีกพอคิดได้แบบนั้นมันก็มีคำถามเกิดขึ้นว่าฉันมีสิทธิ์อะไร ตัวฉันเองไม่มีสิทธิ์ไปห้ามไม่ว่าคุณเหนือจะอยู่กับใคร คำว่าพิเศษที่เขามอบให้มันไม่ได้หมายความว่าฉันจะมีสิทธิ์ ก็แค่พิเศษ แ
ฉันมองคุณเหนืออย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำกับฉันขนาดนี้“จะยืนอยู่ทำซากอะไรอีกฮะ!!”ฉันกลั้นน้ำตาเอาไว้จากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นห้อง หากให้ยืนต่อไปก็คงจะถูกคุณเหนือสาดคำพูดร้ายๆ ใส่ไปมากกว่านี้พอเข้ามาในห้องนอนสิ่งแรกที่ทำคือเข้าห้องน้ำมาล้างแผลที่ถูกเศษแก้วกระเด็นใส่ที่เท้าของตัวเอง เลือดไหลออกมาไม่ยอมหยุดแถมปากแผลยังกว้างอีกด้วย“อึก~” ในขณะที่กำลังล้างแผลอยู่น้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้ม มันทั้งเจ็บที่แผลและเจ็บที่หัวใจฉันทำผิดอะไรนักหนาเขาถึงได้ใจร้ายกับฉันนักแผลของฉันดูแล้วคงต้องเย็บแน่ๆ แต่ฉันคงไม่มีหน้าลงไปขอให้คุณเหนือพาไปโรงพยาบาลหรอก ในตอนนี้พึ่งตัวเองคงดีที่สุดฉันปาดน้ำตาออกจากแก้ม จากนั้นก็หยิบกุญแจรถเพื่อที่จะขับไปที่โรงพยาบาล โดยที่คุณเหนือยังดื่มอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมองฉันที่เดินผ่านแต่ไม่ได้ปริปากถามอะไรสักคำ ทั้งที่ฉันเดินจนแทบจะไม่ไหว มันปวดที่เท้าเอามากๆ#โรงพยาบาลไม่เคยคิดว่าจะต้องได้มาโรงพยาบาลเวลาเกือบจะตีสามแบบนี้ ดีหน่อยที่ไม่ต้องรอคิวมาถึงบอกว่าเป็นอะไรมาพยาบาลก็ให้มารอทำแผลในห้องเลย“พี่ต้องเต” ฉันเรียกชื่อคนที่เดินมาหยุดตรงหน้า พี่ต้องเตเป็นเพื่อนในกลุ่
น้ำมนต์เธอมองฉันแล้วก็จับมือของฉันพร้อมกับบีบเบาๆ ก่อนจะพูด “ฉันรู้นะว่าเธอฝืนยิ้มอยู่น่ะ”“……” เมื่อถูกท้วงแบบนั้นหยดน้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้ม ไม่อาจจะกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ฉันจึงรีบยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาทันที มันรู้สึกอายที่ต้องมาร้องไห้แบบนี้ต่อหน้าคนอื่น“ฉันว่าตอนนี้เฮียคงไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว”“แล้วคุณเหนือก็ไม่ได้คิดอะไรกับฉันด้วย ฉันรู้ตัวเองดีว่าสถานะคืออะไร ฉันไม่ควรรู้สึกอะไรทั้งนั้น”“รินอย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันว่าเฮียออกจะหวงเธอมากๆ เลยนะ”“เขาไม่ได้หวงเพราะรู้สึกดีกับฉัน ที่หวงเพราะฉันคือของเล่นชิ้นโปรดของเขาต่างหาก”“…ริน” น้ำมนต์เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อได้ฟังคำตอบจากฉันฉันรู้ทุกอย่างและฉันก็ไม่ได้อยากจะหลอกตัวเองว่าคุณเหนือรู้สึกดี ตอนนี้ฉันแค่ต้องพยายามหยุดคิด หยุดฟุ้งซ่าน หยุดทุกความรู้สึกเอาไว้“ฉันเห็นใจเธอจังวาริน”“…..”“เอางี้ดีไหมฉันแนะนำเพื่อนของฉันให้ ว่าที่นักบินเชียวนะ”ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ผู้หญิงที่เปื้อนมลทินแบบฉันไม่เหมาะสมกับใครทั้งนั้น”“รินทำไมถึงดูถูกตัวเองแบบนั้นล่ะ เราทุกคนมีคุณค่าของตัวเองนะ”“เธอก็รู้ว่าตอนนี้ฉันเป็นอะไร ถ้าหมดสัญญากับคุณเ
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อหลุดปากพูดบ้าๆ แบบนั้นออกไปคุณเหนือลุกขึ้นมาจากเตียง เขากระชากแขนฉันอย่างแรงเพื่อจะเอาคำตอบ “ฉันถามว่าเธอหมายถึงใคร!!”“ระ รินเจ็บ” ฉันพยายามแกะมือคุณเหนือออก แต่เขากลับจ้องเขม็งแล้วบีบแขนฉันแรงขึ้น “คุณเหนือรินเจ็บ”“เธอรู้อะไรมา ?”“น้ำมนต์เธอบอกรินว่าผู้หญิงที่ชื่อลดาเธอเคยเป็นคนที่คุณเหนือรัก” ฉันพูดตามความจริง ในเมื่อหลุดพูดออกมาแบบนั้นแล้วคุณเหนือค่อยๆ ปล่อยมือออกไปจากแขนของฉัน เขานิ่งไปเลย“รินว่าเธอคงไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณเหนือเคยรักหรอกค่ะ ในตอนนี้คุณเหนือก็ยังรักเธออยู่”“……”“รินอยากให้คุณเหนือทำกับรินแบบผู้หญิงคนอื่นๆ รินไม่อยากได้ความพิเศษอะไรทั้งนั้น”“ทำไม ?”“รินมีความรู้สึก รินรักเป็น เจ็บเป็น”ฉันพูดออกไปน้ำเสียงสั่นเครือ วันนี้ฉันตัดสินใจพูดความรู้สึกของตัวเองให้ผู้ชายตรงหน้าได้รับรู้ และกล้าบอกอย่างไม่อาย ฉันอยากจะขอร้องให้เขาหยุดทำเหมือนว่าฉันสำคัญสักที ในเมื่อหัวใจของเขายังมีผู้หญิงคนนั้นอยู่“รินไม่อยากรักคุณเหนือ อึก~” ฉันก้มหน้าสะอื้นออกมาเบาๆ “เพราะรินรู้ว่ายังไงรินก็เป็นได้แค่นางบำเรอ”“……”“คุณเหนือช่
หลังจากที่พูดคำนั้นออกไป สายตาอำมหิตของคุณเหนือก็จ้องเขม็งมาที่ใบหน้าของฉันทันที ฉันรู้ว่าไม่ควรพูดแบบนั้น แต่ในบางความรู้สึกมันก็อยากจะหลุดพ้นจากเขา“มึงได้ยินหรือยังไอ้เหนือ” ผู้ชายคนนั้นถาม ก่อนที่เขาจะมองหน้าฉัน “ขึ้นรถไปกับฉัน”หมับ! สิ้นสุดคำพูดของผู้ชายคนนั้น คุณเหนือก็กระชากแขนฉันอย่างแรง ทั้งที่ฉันยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินไปหาผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ“มึงไม่มีสิทธิ์เอาผู้หญิงของกูไปไหนทั้งนั้น”“มึงก็ได้ยินว่าเธออยากมาอยู่กับกู”“ถ้ากูไม่อนุญาตมึงก็ไม่มีสิทธิ์เอาผู้หญิงคนนี้ไป!!”คุณเหนือประกาศเสียงกร้าว จากนั้นเขาก็ลากตัวฉันให้เดินตามมาที่รถในขณะที่ฝนกำลังตกหนัก ทำให้ฉันเปียกไปทั้งตัว คุณเหนือเองก็เหมือนกันแถมการที่เขาลากฉันแบบนั้นมันยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บแผลที่เท้าของตัวเองเอามากๆพอมาถึงที่รถคุณเหนือก็ผลักร่างของฉันมากระแทกกับฝากระโปรง เขากดร่างของฉันให้นอนราบ เม็ดฝนมันตกมากระทบผิวทำให้รู้สึกเจ็บแสบไปหมดทั่วทั้งใบหน้า“ออกมาข้างนอกทำไม หรือเธอนัดกับมันไว้จริงๆ” คุณเหนือเค้นถามเสียงดัง เขายังคงกดร่างฉันให้นอนราบไม่ยอมให้ลุกขึ้น“รินจะไปนัดเขาได้ยังไง”“เธอจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอ
ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม ร่างกายของฉันมันบอบช้ำทั้งตัวจากการกระทำดิบเถื่อนของคุณเหนือ ในตอนนี้ฉันกำลังนอนเปลือยกายอยู่บนเตียง ส่วนคุณเหนือกำลังใส่เสื้อผ้า ฉันค่อยๆ ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองเอาไว้พอใส่เสื้อผ้าเสร็จคุณเหนือก็เดินมานั่งลงบนเตียง เขาใช้มือปัดไรผมของฉันมาทัดไว้หลังใบหูให้ ก่อนจะก้มหน้าลงมากระซิบบอก “หวังว่าเธอจะไม่คิดอะไรโง่ๆ แบบวันนี้อีก” “…รินคิดผิดเอง” ฉันมองหน้าคุณเหนือแล้วพูดออกไป“หมายความว่ายังไง ?”“เปล่าค่ะ”“ต่อให้เธออยากจะไปจากฉันแค่ไหน เธอก็ทำไม่ได้ อย่าลืมสิตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของชีวิตเธอ”“….ค่ะ”“ไอ้ติณเป็นศัตรูของฉัน หวังว่าเธอจะไม่ไปให้ท่ามันอีก” คุณเหนือขบกรามแน่น แววตาของเขามันแฝงไปด้วยความอำมหิต“รินขออะไรคุณเหนือสักอย่างได้ไหมคะ”“อะไร ?”“รินอยากให้คุณเหนือแบ่งเวลาไปหาผู้หญิงคนอื่นบ้าง รินไม่ไหวแล้วจริงๆ รินเจ็บไปทั้งตัวแล้ว” ฉันบอกคำนี้ออกไปด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันไม่อยากมีอะไรกับเขาอีกแล้วคุณเหนือเงียบเขาไม่พูดอะไร ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้องให้หลังจากที่คุณเหนือออกไปจากห้องแล้วฉันก็ร้องไห้ออกมา แรงจ
ฉันดันคุณเหนือออกห่าง ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรเขาก็เห็นแก่ตัวเหมือนเดิม“อยากให้ฉันนอนเฝ้าหรือเปล่า ?” คุณเหนือขมวดคิ้วพร้อมกับคำถาม และมันทำให้คนที่ได้ยินอย่างฉันแปลกใจเอามากๆ“มะ ไม่ค่ะ รินอยากพักผ่อน”“คิดว่าฉันอยากทำอะไรตอนที่เธอป่วยอยู่หรือไง”ใช่! ฉันคิดแบบนั้น ขนาดเมื่อกี้เขายังใช้ปากงับหน้าอกของฉันเลย หากนอนด้วยคืนนี้ฉันอาจจะไม่รอด“ไม่ต้องคอยดูแลรินหรอกค่ะ”“ฉันไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น”“……” ฉันเบือนหน้าหนีไม่พูดอะไรต่อ คุณเหนือจึงจัดการใส่เสื้อให้หลังจากที่ใส่เสื้อผ้าให้ฉันเรียบร้อยแล้ว คุณเหนือก็เดินหายออกไปจากห้อง ส่วนฉันก็ยังนอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้ในขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับ เสียงประตูห้องที่ถูกเปิดเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ปรือตามอง แล้วเห็นว่าเป็นคุณเหนือในมือของเขาถือชามอะไรสักอย่างมาวางไว้บนโต๊ะข้างๆ กับหัวเตียง เมื่อได้กลิ่นฉันถึงได้รู้ว่ามันคือข้าวต้ม“ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน” ไม่พูดเปล่าคุณเหนือยังค่อยๆ ประคองฉันขึ้นโดยไม่ได้ถามสักคำว่าฉันหิวหรือเปล่า“คุณเหนือไม่กลับไปที่บริษัทเหรอคะ” ฉันถามเพราะตอนแรกคิดว่าเขากลับไปที่บริษัทแล้วซะอีก“สองทุ่มแล้วจะให้ฉันไปบริษัททำไม”สองทุ่มแล
ในตอนนี้ฉันอยากจะโทรหานาลินมาก แต่ก็ไม่อยากจะโทรไปรบกวนเพราะที่อังกฤษเวลานี้คงจะดึกแล้ว“คุณเหนือจะพารินไปรับนาลินที่อังกฤษใช่ไหมคะ”“อื้ม”“ขอบคุณมากนะคะ ^_^”น้ำตาของฉันมันคลอเบ้า ถึงแม้ว่าผู้ชายตรงหน้าจะทำร้ายหัวใจของฉัน ทำร้ายความรู้สึกของฉันจากคำพูด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่มีเขานาลินอาจจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วก็ได้ “เดี๋ยวฉันจะบอกให้ลูกน้องเอาอาหารมาให้แล้วกัน”ฉันพยักหน้าตอบจากนั้นคุณเหนือก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว ฉันไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของคุณเหนืออย่างก่อนหน้านี้ ในขณะที่กำลังกินข้าวอยู่ก็ถูกสายตาของคุณเหนือจ้องมองตลอดเวลา มันทำให้ฉันรู้สึกเกร็งจนแทบไม่กล้ายกช้อนเข้าปาก “ทำไมถึงเอาแต่มองรินแบบนั้นล่ะคะ”“มองไม่ได้ ?” คุณเหนือถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง“ไม่เข้าบริษัทเหรอคะ”“ไม่ว่าง”ฉันขมวดคิ้วเป็นปมทันทีเมื่อได้ยินที่คุณเหนือบอกว่าไม่ว่าง“ทำไมไม่ว่างล่ะคะ หรือคุณเหนือต้องออกไปเจอหุ้นส่วน” ถึงฉันจะอยู่ในฐานะผู้ช่วยเลขาของคุณเหนือ แต่ก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่องขนาดนั้น ถ้าพี่รุ้งไม่เอาตารางงานให้ฉันก็ไม่รู้อะไรเลย “ต้องดูแลคนป่วย”ตึกตัก! ตึก