เสียงลมหายใจของหลินหลินและซาเอบะสอดประสานไปกับเสียงฝีเท้าบนใบไม้แห้งที่ถูกเหยียบย่ำอย่างเร่งรีบ หลังจากแยกตัวออกมาจากทาเคชิและเมย์ พวกเขาก็พบว่าการหลบหนีในป่าทึบนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด “เราเสียเปรียบอยู่มาก ถ้าศัตรูยังไล่ตามต่อแบบนี้ เราอาจจะไม่มีที่ให้ซ่อน” หลินหลินเอ่ยเสียงเบา พร้อมกวาดตามองรอบๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระวัง “ฉันรู้” ซาเอบะตอบสั้นๆ แต่ในน้ำเสียงนั้นมีความหนักแน่นที่บ่งบอกว่าเขายังไม่หมดหนทาง แผลจากการถูกยิงยังคงสร้างความเจ็บปวดให้ซาเอบะทุกครั้งที่เขาขยับตัว แต่เขาเลือกจะไม่พูดถึงมัน ห่วงเพียงแต่การนำหลินหลินให้รอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ หลังจากเดินต่อไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็หยุดพักในมุมเงียบของป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา “นายไหวหรือเปล่า?” หลินหลินถาม น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ซาเอบะนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ พลางพยักหน้าเบาๆ “ฉันไม่เป็นไร แค่ต้องพักสักครู่” หลินหลินดึงผ้าพันคอออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะฉีกมันออกเป็นผืนเล็กๆ เพื่อใช้พันแผลให้ซาเอบะ “นายไม่จำเป็นต้องฝืนขนาดนี้ก็ได้” เธอพูดขณะพันแผลด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย “ฉันต้องฝืน” เขาตอบ “เพราะถ
แสงจันทร์ที่ลอดผ่านพุ่มไม้ลงมาเป็นประกายระยิบระยับท่ามกลางความมืด ซาเอบะและหลินหลินซ่อนตัวอยู่หลังโขดหินใหญ่ ห่างออกไปไม่กี่เมตร กลุ่มคนร้ายจับตัวทาเคชิและเมย์ไว้อย่างแน่นหนา เสียงตะโกนสั่งการดังแว่วเข้ามา “ตรวจดูให้ทั่ว! อย่าให้พวกมันรอดไปได้!” ซาเอบะยกมือขึ้นแตะเอว แต่กลับพบว่าที่ซ่อนระเบิดควันนั้นว่างเปล่า เขากัดฟันแน่น “ระเบิดควันหมดแล้ว” หลินหลินพยักหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตก “แล้วเราจะทำยังไงต่อ? กระสุนปืนของนายก็มีไม่มากใช่ไหม?” “ใช่” ซาเอบะตอบขณะมองปืนพกในมือ มันเหลือกระสุนเพียงหกนัด ซึ่งไม่พอที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมาก “ถ้าเราพุ่งออกไปโดยไม่มีแผน ทุกคนจะตาย” เขาพูดเสียงหนักแน่น ก่อนจะหยุดคิด หลินหลินเงียบ แต่สายตาของเธอบ่งบอกว่าเธอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือเมย์ ซาเอบะพยักหน้าเบาๆ “ฉันมีแผน แต่ต้องใช้ความเสี่ยงสูง” “ว่ามาเลย ฉันพร้อมช่วย” หลินหลินตอบทันที “เธอต้องเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันไปทางอื่น ฉันจะหาทางเข้าไปช่วยทาเคชิและเมย์” หลินหลินลังเลเล็กน้อย แต่เธอพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว ฉันจะล่อพวกมันออกไปให้ไกลที่สุด” “แต่อย่าพยายามสู้กับพวกมัน แค่ดึงความสนใจใ
กลิ่นดินและควันปืนคละคลุ้งในอากาศ ซาเอบะหอบหายใจหนัก ร่างกายอ่อนล้าจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทาเคชิยืนอยู่ข้างเขา มือยังถือมีดพกเปื้อนเลือดจากการปลดอาวุธคนร้ายก่อนหน้านี้ ทั้งสองมองไปรอบ ๆ เพื่อตรวจสอบว่าศัตรูที่เหลือยังอยู่ใกล้หรือไม่ “ซาเอบะ เราไม่มีทางรอดถ้าไม่มีอาวุธหนักกว่านี้” ทาเคชิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซาเอบะพยักหน้า เขาก้มลงค้นกระเป๋าและเสื้อของคนร้ายที่พวกเขาจัดการไว้ พบปืนพกอีกกระบอก กระสุนจำนวนหนึ่ง และมีดพกอีกเล่ม “ไม่ใช่อะไรมาก แต่ก็ดีกว่าไม่มี” ซาเอบะกล่าวพร้อมส่งมีดพกให้ทาเคชิ “กระสุนพวกนี้พอใช้ได้ แต่เราต้องระวังอย่าใช้เปลือง” เขากล่าวขณะบรรจุกระสุนลงในปืนพกที่เพิ่งเก็บมา “พวกนี้ดูเหมือนจะมีแผนการอะไรสักอย่าง” ทาเคชิกล่าว ขณะดึงเอกสารที่พบในกระเป๋าของคนร้ายขึ้นมา “ดูนี่สิ แผนผังอะไรบางอย่าง…” ซาเอบะรับเอกสารนั้นมาดู สายตาของเขาจับจ้องไปที่เส้นทางและเครื่องหมายที่บอกตำแหน่งต่าง ๆ บนแผนผัง มันดูเหมือนเส้นทางลับในป่าที่เชื่อมไปยังฐานที่มั่นของศัตรู “นี่อาจเป็นที่ที่พวกมันกำลังพยายามพาเราไป” ซาเอบะพูด “เราต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์” “หมายความว่าไง?” “เราจะใช้เส้นทางน
เสียงฝีเท้าของคนร้ายใกล้เข้ามาทุกขณะ ซาเอบะพิงตัวกับโขดหินใหญ่ พยายามปรับลมหายใจให้สงบ แม้จะเหนื่อยล้าจากการต่อสู้อย่างหนัก แต่ในใจของเขากลับไม่เคยคิดถึงคำว่า “ยอมแพ้” เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อ เจอกับซองบุหรี่ที่ถูกบดขยี้จากการต่อสู้ที่ผ่านมา เขาหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง “อย่างน้อยก็ยังมีเจ้านี่…” แต่แทนที่จะหยิบขึ้นมาสูบ เขาโยนมันลงพื้น พร้อมตั้งใจว่าหากนี่จะเป็นจุดจบของเขา ก็จะจบในฐานะคนที่ต่อสู้จนถึงที่สุด อีกด้านหนึ่ง ทาเคชิ หลินหลิน และเมย์เคลื่อนตัวผ่านป่าทึบอย่างระมัดระวัง ทาเคชิถือปืนที่เก็บมาจากศัตรูพร้อมยิง หากมีอะไรผิดปกติ “เราอยู่ห่างจากศัตรูแค่ไหน?” หลินหลินถามเบา ๆ “ยังไม่แน่ใจ” ทาเคชิตอบโดยไม่หันไปมอง เขาจ้องเข็มทิศในมือซึ่งบอกทิศทางที่พวกเขากำลังมุ่งหน้า “แต่เราต้องออกจากป่านี่ก่อนจะถึงรุ่งสาง ถ้าพวกมันตามมา เราจะไม่มีที่หลบซ่อน” เมย์เดินตามหลังสุด เธอไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่เริ่มหนี สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว “หลินหลิน…” เมย์พูดขึ้นในที่สุด เสียงของเธอสั่น “พวกนั้นจะฆ่าเราไหม?” หลินหลินหยุดเดิน เธอหันกลับไปมองเมย์ก่อนจะจับมือเธ
เสียงนกกลางคืนแว่วดังในความมืด ความเหน็บหนาวในยามดึกของหมู่บ้านร้างยิ่งทำให้บรรยากาศดูเงียบเชียบและน่ากลัว ซาเอบะยืนพิงประตูบ้านร้าง มองออกไปในความมืดรอบตัว ความคิดของเขายังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องที่เมย์เล่า “พ่อของเมย์เกี่ยวข้องกับอะไร?” เขาพึมพำเบา ๆ ด้านใน หลินหลินและเมย์นั่งอยู่ใกล้กองไฟเล็ก ๆ ที่พวกเขาก่อขึ้นในเตาผุพังเพื่อความอบอุ่น ทาเคชิกำลังตรวจสอบปืนและอุปกรณ์ที่พวกเขาเก็บมาได้จากคนร้าย “กระสุนเหลือไม่มาก” ทาเคชิพูดเสียงเรียบขณะใส่กระสุนลงในแมกกาซีน “พวกเราต้องระวัง” “นายคิดว่าพวกมันจะตามมาถึงที่นี่ไหม?” หลินหลินถาม “คงไม่เร็วขนาดนั้น แต่เราคงอยู่นานไม่ได้” ทาเคชิหยุดมองหลินหลินก่อนจะพูดต่อ “พวกมันไม่ได้หยุดแค่จับตัวเมย์แน่ ถ้าเรายังอยู่ในพื้นที่นี้ เราจะถูกล้อมอีกครั้ง” “แล้วเราจะไปไหน?” เมย์ถามขึ้นอย่างกังวล “ก่อนอื่น เราต้องรู้ให้ได้ว่าพ่อของเธอเกี่ยวข้องกับอะไร” ซาเอบะพูดพลางเดินเข้ามาในห้อง สายตาของเขาจับจ้องไปที่เมย์ “ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่รู้” เมย์ตอบเสียงสั่น “พ่อไม่เคยพูดถึงอะไรพวกนี้เลย” ซาเอบะหยุดยืนตรงหน้าเธอ “เธอแน่ใจหรือ? ไม่มีอะไรเลยที่เธอจำได้ ไม่ว่ามันจ
สายลมที่พัดผ่านต้นไม้รอบบ้านหลังเก่าเย็นเยียบจนเหมือนกับจะเตือนให้ทุกคนระวังตัว ทาเคชิออกสำรวจพื้นที่รอบบ้านอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ซาเอบะนั่งตรวจสอบแฟ้มเอกสารอย่างละเอียด “นี่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีธรรมดา…” เขาพูดพึมพำกับตัวเอง ดวงตาจับจ้องไปยังหน้ากระดาษที่เต็มไปด้วยข้อมูลทางเทคนิค “ซาเอบะ เจออะไรบ้าง?” หลินหลินเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าของเธอยังคงเคร่งเครียด “เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่แค่ระบบควบคุมเครือข่ายทั่วไป” ซาเอบะตอบ “มันเป็นโปรแกรมที่สามารถรวบรวมข้อมูลจากทุกระบบในเครือข่ายทั่วโลก ทั้งข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน ไปจนถึงระบบความมั่นคงระดับประเทศ” “หมายความว่าถ้าองค์กรนั้นได้มันไป…” หลินหลินหยุดพูดกลางประโยค “พวกมันสามารถควบคุมทุกอย่างได้” ซาเอบะพูดต่อ “นี่คือเหตุผลที่พวกมันไล่ล่าเมย์ พวกมันต้องการข้อมูลนี้จากพ่อของเธอ” เมย์ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความวิตก “แล้วพ่อฉันรู้หรือเปล่าว่าข้อมูลนี้อันตรายแค่ไหน?” “ฉันคิดว่าเขารู้” ซาเอบะตอบ “นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่เขาซ่อนมันไว้และพยายามปกป้องเธอ” “แต่ตอนนี้เราเป็นเป้าหมาย” ทาเคชิพูดขึ้นขณะที่เดินกลับเข้ามา
กระสุนจากปืนของซาเอบะพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย เสียงดัง “ปัง!” ดังก้องในความเงียบ เสี้ยววินาทีนั้นใบพัดของเฮลิคอปเตอร์สะดุด แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เครื่องเสียหาย พวกมันปรับระดับเครื่องบินต่ำลงเพื่อโต้กลับ “ไม่สำเร็จ!” ซาเอบะกัดฟันขณะรีบหลบเข้าที่กำบังเพื่อเติมกระสุน “ยิงให้แม่นกว่าเดิม ถ้าทำไม่ได้ เราจะไม่มีโอกาสหนี!” ทาเคชิพูดขณะจับปืนแน่น เฮลิคอปเตอร์เริ่มยิงตอบโต้ กระสุนพร่างพรายเจาะพื้นและต้นไม้รอบตัวพวกเขา เสียงใบพัดหมุนดังระงม ผสมกับเสียงคำรามของเครื่องยนต์ ซาเอบะรู้ดีว่าต้องทำบางอย่างเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ ในขณะที่หลินหลินขับรถหลบหนี เธอมองกระจกหลังอย่างกังวล ใบหน้าของเมย์ซีดเผือด แต่ยังพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ตื่นตระหนก “เราจะทำยังไงดี?” เมย์ถามเสียงสั่น “ใจเย็นไว้ ฉันจะหาทางออก” หลินหลินตอบ พลางหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางลูกรังที่คดเคี้ยว เฮลิคอปเตอร์ยังคงไล่ล่าพวกเธออย่างไม่ลดละ กระสุนที่ถูกยิงลงมาสร้างความเสียหายให้กับตัวรถ ไฟเตือนบนหน้าปัดเริ่มกระพริบ “รถนี่คงไม่ไปได้นานกว่านี้” หลินหลินพูดพลางกัดริมฝีปากแน่น เธอพยายามประคองรถต่อไป แต่หัวใจกลับเต้นรัวด้วยความหวาดห
ท่ามกลางความเงียบที่แผ่ซ่านไปทั่ว พวกเขาทั้งหมดนั่งอยู่ในรถกระบะที่หลินหลินขับมา หลังจากที่ได้หนีออกมาจากการล้อมของคนร้าย พวกเขามองหน้ากันด้วยความเคร่งเครียด ซาเอบะยังคงนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ ขยับตัวเล็กน้อยขณะหันไปมองที่แผนที่ที่เขากำลังถืออยู่ในมือ “เราต้องหาทางไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว” ซาเอบะพูดเบาๆ ขณะยกนิ้วชี้ไปที่จุดบนแผนที่ “นี่คือที่ที่มีการเคลื่อนไหวของคนร้าย ถ้าเราพุ่งไปที่นั่น อาจจะทำให้พวกมันหายไปจากตัวเราได้สักระยะ” หลินหลินที่ขับรถมาเงียบๆ หยุดชะงักแล้วหันไปมองเขา “แต่เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันต้องการอะไรจากเรา” “เรารู้แค่ว่ามันเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่เมย์ถืออยู่” ทาเคชิพูดขัดขึ้น “และมันก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้าพวกมันยังตามเรามา” “ใช่ แต่ข้อมูลนั้นไม่ได้บอกทั้งหมดว่าพวกมันคือใคร และทำไมพวกมันถึงตามล่าหมายเลขนี้” ซาเอบะตอบกลับ ขมวดคิ้ว ขณะพิจารณาแผนที่ในมือ “มันต้องมีอะไรบางอย่างที่เรายังไม่รู้” ในขณะเดียวกัน เมย์ซึ่งนั่งเงียบๆ อยู่เบาะหลัง เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันและความเหนื่อยล้า เธอยังคงไม่เข้าใจทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง “ฉัน… ฉันอยากรู้ว่า… ฉันเ
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ