คำพูดนั้นดังดาบที่ฟาดลงมายังหน้าอกนาง นั่นสินะ นางไปอยู่ที่กองทัพของศัตรูมาทั้งคืน เขาย่อมโกรธนางเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเขาหย่อนตัวนางลงไปในอ่างน้ำแล้วจึงเดินออกไปพร้อมกับหอบชุดของนางออกไปด้วย “เอาชุดนี่ไปเผาให้หมด อย่าให้ข้าเห็นแม้แต่ซาก”“พ่ะย่ะค่ะ”ฟางเหยาค่อยๆล้างตัวและขัดตัวอย่างแรงเพราะคิดว่าเขานั้นรังเกียจนางที่ไปหาบุรุษอื่นมา นางขัดตัวไปพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ดังไปถึงห้องอาบน้ำข้างๆ เฟิ่งหยวนเองก็มาอาบน้ำเช่นกันแต่นางไม่รู้ว่าข้างๆนี้มีห้องอาบน้ำอีกห้องหนึ่งเช่นกันฟางเหยาสวมชุดคลุมออกมาจากห้องน้ำเมื่อได้อาบน้ำและล้างตัวจนหมดสิ้นแล้ว นางไม่พบเขาอยู่ในกระโจม “แน่ละสิ ผู้ใดจะอยากอยู่กับ…”นางพูดไม่ทันจบเขาก็เดินเข้ากระโจมมาพร้อมกับสวมชุดใหม่ที่เปลี่ยนแล้วเช่นกัน นางหันหน้าหนีเขาเพื่อไม่ให้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมา แต่เฟิ่งหยวนเห็นและได้ยินทั้งหมด นางคงเข้าใจเขาผิดแล้วเป็นแน่“เจ้าล้างตัวออกหมดแล้วหรือยัง”“ละ…ล้างออกหมดแล้ว ข้ากับกว้านเหมามิได้ทำสิ่งใดเกินเลยดังที่ท่านคิด”“ข้าคิดสิ่งใด เจ้ารู้หรือ”“ท่านกำลังโกรธข้าที่ข้า….หนีออกจากค่ายไปหากว้านเหมา และยัง…..”“ใช่ ข้าโกรธเจ้ามากเจ้า
ฟางเหยาและฮ่าวเหลียงพุ่งตัวไปที่ตรงกลาง พร้อมกับเริ่มเรียกพลังจากแม่น้ำข้างๆขึ้นมา ฮ่าวเหลียงเริ่มต้านพลังของเลี่ยวเอี้ยเอาไว้ เขาเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นฮ่าวเหลียงปรากฏตัว“เป็นไปไม่ได้ เขามิได้…ตายไปแล้วหรอกหรือ”“เลี่ยวเอี้ย เสียใจที่ต้องบอกเจ้าว่าทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ข้ามิได้ตาย”“แต่วันนี้อย่าได้คิดว่าเจ้าจะชนะข้าได้ ฮ่าวเหลียง!!”เลี่ยวเอี้ยเรียกกำลังอีกรอบเพื่อจะส่งไปโจมตีพวกเขา ฮ่าวเหลียงตะโกนสุดเสียงให้ฟางเหยาที่อยู่ด้านบนและกำลังเรียกน้ำผสมผสานกับวายุพิรุณของนาง“นังหนู ตอนนี้เลย!!”ฟางเหยาซัดพลังออกไปพร้อมกับฮ่าว เหลียงที่ส่งพลังไปเสริมที่คลื่นน้ำกับลมที่พัดคืนกลับไปยังกองทัพของกว้านเหมา เลี่ยวเอี้ยนั้นไม่เคยพบกระบวนท่านี้มาก่อน ฝ่ามือเดียวซัดพวกกองทัพของกว้านเหมากลับไปจนหมดรวมถึงอาวุธทั้งหลายนั่นด้วย เฟิ่งหยวนและบรรดาแม่ทัพรีบวิ่งเข้ามาเพื่อป้องกันหลังให้ฟางเหยาและฮ่าวเหลียง“นางไม่เคยฟังข้าเลยสินะ บอกให้รออยู่ที่ค่ายเฉยๆ”“องค์ชาย พระชายามิใช่ผู้ที่จะทนรออยู่เฉยๆดังฮูหยินแม่ทัพนะพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นนักรบ”“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย พระองค์คงต้องยอมให้พระชายาออกศึกร่วมก
กว้านเหมาตะโกนสั่งองครักษ์และโบกธงเพื่อส่งสัญญาณเพื่อสั่งให้ถอยทัพ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้วเมื่อประตูเมืองเปิดออก กองกำลังของสำนักห้วนตู๋เองก็ถูกกำจัดเกินกว่าครึ่งหนึ่ง กองทัพของกว้านเหมาเองก็เหลือเพียงไม่ถึงสามหมื่นนายแต่เมื่อประตูเมืองเปิดออกมาพร้อมกับกองทหารองครักษ์ในชุดเกราะสีทองนั้นวิ่งกรูกันออกมาเพื่อโอบล้อมพวกเขาในทันที“นั่นมัน…..”“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ พวกชิงโจว…ส่งกำลังเสริมมา”“ไม่ใช่ นั่นกองทัพหลวงของแคว้นฉินเราหลงกลแล้ว!!”ทหารม้าชุดเกราะสีทองวิ่งออกจากเมืองนำโดยองค์ชายเก้าโม่วตงลี่เริ่มโอบล้อมข้าศึกที่เหลืออยู่ พวกเขาใช้กลหลอกล่อให้ศัตรูเข้ามาในวงล้อมและจัดการกับทหารฝั่งตรงข้ามทันที เฟิ่งหยวนควบม้ากลับมาพบกับตงลี่“มาทันเวลาสินะ”“โชคดีที่ไม่ต้องเสียเวลามากนัก เป็นตามที่พี่แปดคาดการณ์เอาไว้ โชคดีที่เสด็จอาส่งจดหมายให้เสด็จพ่อได้ทันเวลา ทัพหลวงจึงได้ลงมาได้ทัน”“พวกเจ้าจะคุยกันอีกนานหรือไม่ ข้าอยากจะไปจัดการกว้านเหมาเต็มทีแล้ว”หยางเฟิ่งหยวนหันไปมองแม่ทัพเกราะสีทองนั้นอีกครั้ง นึกไม่ถึงว่าจะได้พบเขาที่นี่“พี่ใหญ่!!”“เป่ยอี้จิ้นหรง” องค์รัชทายาทแห่งแคว้นฉินเป็นผู้นำกอ
องค์รัชทายาทดึงง้าวกลับพร้อมกับทหารที่ควบคุมตัวองค์ชายกว้านเหมาเอาไว้พร้อมกับดึงธงเพื่อแสดงถึงชัยชนะของแคว้นฉินอีกครั้ง…..“เลี่ยวเอี้ย เจ้าแพ้แล้ว”“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะตามมาล้างแค้นข้าถึงที่นี่”“เจ้าเป็นคนฆ่าท่านแม่ของข้า”“องค์ชาย ในเมื่อท่านรู้มาโดยตลอดเหตุใดที่ผ่านมานี้…”“ข้าคอยเฝ้ารอเวลาที่จะจัดการเจ้า แม้ว่าเสด็จพ่อจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับสนมอู่และสำนักห้วนตู๋ แต่ข้าก็ตามสืบเงียบๆมาหลายปี นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมีโอกาสแก้แค้น”“ฮ่าๆ ฮ่าๆ……. ช่างเหมือนกันยิ่งนัก”หยางเฟิ่งหยวนหันไปมองสบตาเลี่ยวเอี้ยที่ถูกทวนของเขาชี้อยู่ตรงหน้า เมื่อกระบวนท่าสุดท้ายนั้นถูกเฟิ่งหยวนทำลายจนเขาสิ้นวรยุทธ์ฟางเหยาซัดฝ่ามือสุดท้ายก่อนจะส่งเขาให้เฟิ่งหยวนจัดการอีกครั้ง แต่นึกไม่ถึงว่าเฟิ่งหยวนกับเลี่ยวเอี้ยมีความแค้นติดค้างกันเช่นนี้“เจ้าพูดอะไร”เลี่ยวเอี้ยมองใบหน้าสุดท้ายขององค์ชายที่มองเขามา เขาช่างเหมือนนางยิ่งนัก สตรีที่เขาแอบหลงรักเมื่อหลายปีก่อน ราวกับว่านางกำลังเป็นผู้ส่งเขาไปหาพญามัจจุราชด้วยตนเอง เขาไม่ได้ตั้งใจฆ่านาง ทุกอย่างเป็นคำสั่งของพระสนมอู่ที่หลอกให้เขาลักพาตัวนางมาเพื่อทำลายนาง แต่พระสนม
ฟางเหยาหันไปมองพระพักตร์ที่ทั้งจริงจังและสายตาที่มีความหวังมาให้นาง “พระองค์คิดเรื่องนี้มานานแล้วสินะเพคะ”“แต่กว่าจะได้พาเจ้ามาถึงที่นี่ได้ก็นานเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นเช่นนี้”“หม่อมฉันเองก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ถึงขนาดเป็นสงครามระหว่างแคว้นได้เช่นกันเพคะ”“ไม่ใช่หรอก แค่กว้านเหมาคนเดียวมิใช่ทั้งแคว้น การที่เราไม่ปลิดชีพขององค์ชายในครั้งนี้เพื่อป้องกันข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ที่จริงกว้านเหมากับพี่ใหญ่ข้ามีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เขาจึงหาโอกาสที่จะล้างแค้น แต่พอมีเรื่องของเจ้าเข้ามา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะคอยหาเรื่องข้าไปด้วย”“เรื่องแค้นส่วนตัวแต่ถึงกับก่อสงครามขึ้นมา เขาช่างน่าขยะแขยงเสียยิ่งนัก”“ข้าไม่สนใจเขา เรื่องนี้ให้องค์รัชทายาทจัดการไปเถอะ ตอนนี้ข้าต้องการคำตอบของเจ้าลี่ฟางเหยา”เขาใช้นิ้วเชยคางนางขึ้นมาสบตาเขาใกล้ๆจนลมหายใจของทั้งคู่รดกันอยู่ ริมฝีปากแทบจะติดกันอยู่แล้ว“ดูเหมือนพระองค์จะไม่มีคำตอบอื่นให้หม่อมฉันเลยนะเพคะ”“แน่นอนว่าเจ้าห้ามปฏิเสธ แต่เจ้าเองก็ต้องตอบข้ามาก่อนเพื่อความแน่ใจ”ลี่ฟางเหยายิ้มให้เขา มือเรียวโอบต
“แต่ว่าเรื่องนั้น…”“แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดโทษเขาแม้แต่ข้าก็ตาม แต่ตาแก่นั่นก็ยังนึกว่าเป็นความผิดของเขาอยู่วันยังค่ำเพราะขบวนเสด็จครั้งนั้นเขารับหน้าที่จากเสด็จพ่อเพื่อพาพระสนมไปขอพรนอกวัง”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดังนั้นอาจารย์จึงตัดสินใจจะตามหาผู้ที่ทำเรื่องชั่วในวันนั้น”“ใช่ แต่ที่ข้านึกไม่ถึงก็คือเขารับเจ้าเป็นศิษย์”“เรื่องนั้น…อาจจะเป็นเพราะว่าข้าเจอเรื่องราวคล้ายๆกับพระองค์กระมังเพคะ อาจารย์คงรู้สึกผิดกับพระองค์ และในตอนนั้นที่พบกันก็เป็นวันที่ข้าสูญเสียท่านแม่ไปพอดี”“นึกไม่ถึงว่าลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขาจะกลายมาเป็นพระชายาของข้าในวันนี้”“เช่นนั้น เป่าเป้ยกับองค์ชายเก้าก็ต้อง…”“ใช่ เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้วนางเองก็ต้องถูกแต่งตั้งเป็นพระชายาเก้าเช่นกัน”“ในวังหลวงนั่น….ข้าไม่นึกอยากเข้าไปเพคะ”“ไม่อยากเข้าก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเข้าไปเลยนี่ ในวังหลวงมีองค์รัชทายาทอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีพวกข้าอยู่หรอก”“เช่นนี้”“ใช่ ข้ากับน้องเก้าก็มาประจำอยู่ที่ชิงโจว ท่านอ๋องจ้าวเริ่มชรามากแล้ว เขาเคยทูลขอเสด็จพ่อไปหลายครั้งให้แต่งตั้งองค์ชายมาเป็นท่านอ๋องเพื่อดูแลเมืองชิงโจว ครั้งนี้ข้าจึงได้มาอยู่ที่น
“ลี่ฟางเหยา ตามสบายเถิด”“ขอบพระทัยองค์รัชทายาท”ทั้งหมดพากันนั่งที่เก้าอี้ของแขก บรรดาเพื่อนๆต่างก็พากันนั่งที่ของตนในห้องโถงซึ่งวันนี้ได้รับเกียรติจากองค์รัชทายาทรับสั่งให้นั่งรวมกันได้เพราะเป็นงานเลี้ยงภายในจึงไม่ต้องมากพิธี“เอาละน้องแปด ข้าพึ่งคุยกับท่านเสนาบดีลี่ เรื่องทาบทามสู่ขอน้องสะใภ้ให้กับเจ้า”ทั้งเพื่อนๆของฟางเหยาที่หันมามองหน้ากันล้วนพากันยินดีที่ได้รับฟังข่าวดีนี้ เฟิ่งหยวนเองก็เช่นกัน“ขอบพระทัยเสด็จพี่”เฟิ่งหยวนหันไปมองเสนาบดีลี่และคุกเข่าลงในทันที เสนาบดีลี่รีบคุกเข่าตามองค์ชายด้วยความซื่อเพราะไม่นึกว่าเขาจะคุกเข่าให้แต่องค์รัชทายาทจับแขนเสนาบดีลี่เอาไว้มิให้เขาคุกเข่า“ท่านไม่ต้องคุกเข่า ให้เขาพูดไป”“เอ่อ ตะ…แต่ว่า…”“เชื่อข้า น้องแปด พูดไปสิ”องค์รัชทายาทหันไปบอกให้หยางเฟิ่งหยวนกล่าวเอง“ข้าองค์ชายแปดเป่ยอี้เฟิ่งหยวน วันนี้อยากจะสู่ขอบุตรีของท่าน ลี่ฟางเหยาให้เป็นพระชายาของข้า หวังว่าท่านเสนาบดีจะเห็นถึงความจริงใจและตกลงมอบนางให้กับข้า ข้าสาบานต่อหน้าท่านว่าชาตินี้จะรักและให้เกียรตินาง ดูแลนางและเคียงข้างนางตลอดชีวิตไม่คิดเป็นอื่น”องค์รัชทายาทที่ยืนพยุงเสนาบดีล
“ที่ชิงโจวเป็นบ้านของฟางเหยา ข้าเองก็คิดว่าที่นี่น่าอยู่และเงียบสงบมาก และข้าก็รับปากกับอาจารย์ใหญ่เอาไว้แล้วว่าจะดูแลสำนักศึกษานี้ร่วมกับเขา ดังนั้นเรื่องกลับเมืองหลวง ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พี่แปด ท่านไม่เห็นบอกข้าเลย เช่นนั้นข้าจะทำให้เป่าเป้ยท้องบ้าง จะได้…”“ไม่ต้องเลย เจ้ากับพระสนมโม่วยังต้องคุยกันอีก อย่าลืมสิว่า ที่พระชายาเจ้าหนีมาเพราะเสด็จแม่เจ้า ตัวเจ้าเป็นผู้ก่อเรื่องต้องพานางไปพบพระสนมก่อนอย่างน้อยให้นางได้รับรู้ว่านางเข้าใจพระชายาเจ้าผิด นางเป็นถึงบุตรีขุนนางใหญ่ มิใช่หญิงชาวบ้านอย่างที่เสด็จแม่เจ้าคิด”“ข้าก็เพียงแค่พูดเผื่อไว้เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรข้าก็ส่งจดหมายไปบอกเสด็จแม่แล้ว นางก็เข้าใจแล้วเพียงแต่หากพระองค์รู้ว่ามีหลานก็จะยิ่งดีใจมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง”“ข้าเข้าใจเจ้านะน้องเก้า แต่เจ้าจะสุกเอาเผากินไม่ได้ การที่เจ้าทำเช่นนี้ก็มิใช่ว่าจะดีกับนาง ดีเพียงใดแล้วที่นางไม่ตั้งครรภ์ก่อนจะหมั้นหมายกับเจ้า โชคดีที่บิดานางไม่เอาเรื่อง”“ข้าทราบแล้ว พี่ใหญ่ตักเตือนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่ท่านลงมาชิงโจวครั้งนี้กะจะมาต่อรองกับแคว้นหานใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ใช่
ห้องส่งตัวกู้เป่าเป้ยโม่วตงลี่เดินเข้ามายังห้องส่งตัวเจ้าสาวของเขาพร้อมกับไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว“ตงลี่ นั่นท่านหรือ”“ข้าเองเป่าเป้ย ขอโทษที่ให้เจ้ารอนานนะ”“ไม่เป็นไร ท่านรีบเถิด ข้ารู้สึกแปลกๆ อยากเปลี่ยนชุดแล้ว”“ได้สิ ข้าจะเปิดหน้าเจ้าตอนนี้เลย”เขาใช้ไม้เปิดใบหน้าเจ้าสาวแต่มันดันติดเครื่องประดับบนศีรษะของนางจนดึงออกไม่ได้“อย่าดึงนะ ข้าเอาออกเอง”“แย่จริง ข้ารีบร้อนไปหน่อยน่ะ”“ตงลี่ เหตุใดมือของท่านจึงสั่นถึงเพียงนี้”“ข้า…”“ท่านดื่มมาหนักหรือ หน้าท่านก็แดงมากเลยเกิดอะไรขึ้น ปกติท่านดื่มสุราเมาง่ายเช่นนี้เลยงั้นหรือ”“ข้าไม่ได้เมานะ เจ้า…ต้องดื่มสุรานี่กับข้าด้วย”“อ้อ ใช่แล้วๆข้าเกือบลืมไปเลย มาเพคะองค์ชาย”“ยังจำได้สินะว่าข้าเป็นองค์ชาย ปกติพูดกับข้าธรรมดานี่”“ก็ผู้ใดขอให้หม่อมฉันพูดเช่นนั้นเองเล่าเพคะ ตอนนี้จะมาน้อยอกน้อยใจมันไม่ช้าไปหรอกหรือเพคะ”“ก็แค่ช่วงจะไปเมืองหลวงเท่านั้นที่จะให้เจ้าฝึกพูดเช่นนั้น แต่ต่อไปก็ไม่ต้องพูดเป็นทางการแล้ว ข้าได้ยินพี่สะใภ้คุยกับพี่แปดแล้วเวียนหัว”“เช่นนั้นข้าจะเริ่มฝึกพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ”“ตามใจเจ้าเลย มาเถอะน้องหญิง ดื่มสุรามงคลกัน
พิธีมงคลสมรส“ยินดีด้วยๆ องค์ชายทั้งสองยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งเฟิ่งหยวนและตงลี่ต้องคอยรับแขกในงานหลังจากที่เจ้าสาวของพวกเขาถูกส่งไปยังห้องส่งตัวแล้ว แม้ว่าแต่ละคนจะอยากเร่งไปยังห้องส่งตัวมากแต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะต้องอยู่ในงานเลี้ยงก่อน องค์รัชทายาทสั่งคนให้เรียกทั้งคู่เข้าไปในห้องเพื่อเลี่ยงแขกสักครู่ “พี่ใหญ่ เรียกพวกเรามา มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ามีของขวัญจะมอบให้เจ้าทั้งสอง”พวกเขาเดินตามองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องและนั่งที่โต๊ะ “นี่คือ….”“นี่ก็คือของขวัญที่จะมอบให้พวกเจ้าในคืนนี้ ดื่มเสียสิ ข้าให้คนต้มมาให้พวกเจ้า บำรุงเสียหน่อยก่อนจะเข้าห้องส่งตัว”""บำรุง""“ใช่ เชื่อข้าเถอะน่า ข้าเป็นพี่เจ้านะเรื่องเช่นนี้ข้าผ่านมาก่อน รับรองว่าเจ้าจะได้มีบุตรทันใช้เป็นแน่ เหตุใดจ้องหน้าข้าเช่นนี้เล่า ไม่เชื่องั้นหรือ”“ไม่ใช่ไม่เชื่อพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่าข้าคิดว่าพี่แปดกับข้า จำเป็นต้องบำรุงด้วยยานี่ด้วยงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะก็ในเมื่อพวกกระหม่อม….แข็งแรงดุจอาชาศึกขนาดนี้”“เจ้าไม่เชื่อข้างั้นหรือ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าบ่าวหมาดๆอย่างพวกเจ้าหรอกน่า เจ้าดูพี่สะใภ้เจ้าเป็นตัวอย่างสิ นางตั้งครรภ
สิบวันถัดมากองทัพขององค์รัชทายาทเดินทางไปแคว้นหานพร้อมกับส่งมอบตัวองค์ชายกว้านเหมาพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้แคว้นหานหยุดรุกรานแคว้นรอบข้างเป็นเวลาสามสิบปีนับจากนี้ตัวแทนแคว้นต่างๆเข้าร่วมในการทำข้อสัญญาในครั้งนี้ด้วย กว้านเหมาถูกลดลำดับขั้นเป็นเพียงอ๋องและถูกส่งไปชายแดนด้านตะวันออกซึ่งห่างไกลกับความเจริญเพื่อเป็นการลงโทษ“เขายอมงั้นหรือเพคะ”“เป็นคำสั่งของฮ่องเต้เพื่อจะดัดนิสัยเขาที่เอาแต่ใจ อันที่จริงฮองเฮาเองก็หาวิธีดัดนิสัยของเขามานานแล้วครั้งนี้ถือว่าเขาน่าจะเข็ดไปอีกนาน”“เช่นนั้นเรื่องที่ชายแดนก็นับว่าสงบแล้ว”“ใช่แล้วล่ะ กว้านเหมากลัวแทบตายเมื่อรู้ว่ายาถอนพิษต้องกินถึงสามครั้ง เขาเลยยอมบอกแหล่งผลิตอาวุธร้ายแรงและแหล่งผู้ที่ค้าขายดินปืนและเครื่องมือผลิตให้พี่ใหญ่ จากนี้คงจะไม่มีผู้ใดกล้าผลิตอาวุธนั่นอีก”“แน่ใจหรือเพคะว่าเขาบอกหมดแล้ว”“เขากลัวขนาดนั้น คงไม่กล้าปิดบังอะไรไว้อีกแล้วละ เรื่องนี้เป็นความชอบของเจ้า เสด็จพ่อประทานรางวัลมาให้มากมายรวมถึง…ล้างมลทินให้กับวิหควายุด้วย จากนี้วิหควายุคือจอมยุทธ์ผู้ผดุงความเป็นธรรมกำจัดคนชั่วเพื่อแผ่นดิน”“เช่นนั้นแสดงว่าหม่อมฉันก็ยังใช้ชื่อน
“เจ้าจะให้ข้าเชื่อใจ ทั้งๆที่เจ้าไม่เคยบอกไม่เคยพูดสิ่งใดเลยงั้นหรือฟางเหยา”“เฟิ่งหยวน เรื่องนี้หม่อมฉันเป็นคนผิดเอง แต่โปรดฟังเหตุผลก่อน ในเวลานั้นหม่อมฉันมีเวลาตัดสินใจเพียงเล็กน้อย พระองค์มิได้มาหาหม่อมฉันก่อนที่ข้าจะไปที่นั่น หม่อมฉันรู้เพราะว่าพระองค์ถูกอาจารย์ขังเอาไว้ เรื่องนี้ไม่โทษพระองค์ แต่หม่อมฉันรู้นิสัยของกว้านเหมาว่าจะต้องทำเช่นนั้นเลยตัดสินใจเอาตัวเองเข้าเสี่ยง แต่รู้ว่าเขาต้องหลงกลตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ต้องเปลืองตัว เรื่องนี้…”“แล้วหากเขาไม่หลงกลเจ้า และทำเรื่องน่าอายนั่นขึ้นมาละ เจ้าคิดว่าหากข้ารู้เรื่องนี้ทีหลัง หรือเจ้ากว้านเหมานั่นมาพูดกับข้าว่ามัน…..”“หม่อมฉันเข้าใจเรื่องที่พระองค์ทรงกังวล แต่มันมิได้เกิดขึ้นและหม่อมฉันเองก็คิดแผนเอาไว้แล้วหากว่าเขาไม่หลงกล ก็แค่ใส่ยาเอาไว้ในสุราเท่านั้น เขาไม่มีทางที่จะได้สัมผัสตัวหม่อมฉัน เฟิ่งหยวนหม่อมฉัน…..พูดจริงๆนะ”“เรื่องยาถอนพิษนั่น.....”“ยาถอนพิษนั่นเป็นแผนของหม่อมฉันเอง ก่อนหน้านี้อาจารย์เคยเตือนแล้วว่าคนผู้นี้มีมากกล หม่อมฉันเลยคิดว่าการถอนพิษกับเขามันง่ายไปหน่อย หนามยอกเอาหนามบ่งเช่นนี้จึงจะสามารถลากแผนชั่วของเขาออก
หยางเฟิ่งหยวนเดินออกมาจากห้องโถงเพื่อจะเดินกลับออกไปขึ้นรถม้า ฟางเหยาเมื่อเห็นเขาจึงรีบขอตัวจากเพื่อนๆและวิ่งตามเขาออกมาทันทีเพราะไม่แน่ใจว่าเขานึกไม่พอใจสิ่งใดหรือไม่“เฟิ่งหยวน นั่นท่านจะไปที่ใด”เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเสด็จอาในห้องโถงและเรื่องยาถอนพิษที่องค์รัชทายาทตรัสเมื่อครู่เขาก็เริ่มกัดกรามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย“องค์ชาย พระองค์เป็นอะไรไปเพคะ”“เปล่า ข้าเหนื่อยแล้วอยากกลับไปพักผ่อน”“แต่ว่านี่ยังไม่ดึกเลยนะเพคะ แล้วก็องค์รัชทายาทก็ยังประทับอยู่”เขาหันมามองใบหน้าที่มองเขาโดยที่ไม่ได้รู้ว่าเขากำลังโมโหนาง และยังไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจขององค์ชายแปดเริ่มร้อนรนเพราะความโกรธ“เหตุใดพระองค์จึงทำท่าทีเช่นนี้ มีผู้ใดทำให้พระองค์กริ้วงั้นหรือเพคะ”“ลี่ฟางเหยา เจ้าคิดจะบอกเรื่องยาถอนพิษของกว้านเหมากับข้าเมื่อใด”คำถามนี้ทำเอานางตกใจไปเล็กน้อยเพราะมัวแต่ยุ่งและตื่นเต้นที่ได้กลับบ้านจนลืมบอกเรื่องนี้กับเขาไป นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เขาโกรธ ฟางเหยารู้สึกแปลกใจ เรื่องยาพิษนั่นนางนำยาถอนพิษไปให้อาจารย์แล้วจึงมิได้ใส่ใจอีก แต่เหตุใด….“พระองค์โกรธหม่อมฉันเรื่องนี้หรือเพคะ หม่อมฉันคิ
“ที่ชิงโจวเป็นบ้านของฟางเหยา ข้าเองก็คิดว่าที่นี่น่าอยู่และเงียบสงบมาก และข้าก็รับปากกับอาจารย์ใหญ่เอาไว้แล้วว่าจะดูแลสำนักศึกษานี้ร่วมกับเขา ดังนั้นเรื่องกลับเมืองหลวง ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พี่แปด ท่านไม่เห็นบอกข้าเลย เช่นนั้นข้าจะทำให้เป่าเป้ยท้องบ้าง จะได้…”“ไม่ต้องเลย เจ้ากับพระสนมโม่วยังต้องคุยกันอีก อย่าลืมสิว่า ที่พระชายาเจ้าหนีมาเพราะเสด็จแม่เจ้า ตัวเจ้าเป็นผู้ก่อเรื่องต้องพานางไปพบพระสนมก่อนอย่างน้อยให้นางได้รับรู้ว่านางเข้าใจพระชายาเจ้าผิด นางเป็นถึงบุตรีขุนนางใหญ่ มิใช่หญิงชาวบ้านอย่างที่เสด็จแม่เจ้าคิด”“ข้าก็เพียงแค่พูดเผื่อไว้เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรข้าก็ส่งจดหมายไปบอกเสด็จแม่แล้ว นางก็เข้าใจแล้วเพียงแต่หากพระองค์รู้ว่ามีหลานก็จะยิ่งดีใจมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง”“ข้าเข้าใจเจ้านะน้องเก้า แต่เจ้าจะสุกเอาเผากินไม่ได้ การที่เจ้าทำเช่นนี้ก็มิใช่ว่าจะดีกับนาง ดีเพียงใดแล้วที่นางไม่ตั้งครรภ์ก่อนจะหมั้นหมายกับเจ้า โชคดีที่บิดานางไม่เอาเรื่อง”“ข้าทราบแล้ว พี่ใหญ่ตักเตือนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่ท่านลงมาชิงโจวครั้งนี้กะจะมาต่อรองกับแคว้นหานใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ใช่
“ลี่ฟางเหยา ตามสบายเถิด”“ขอบพระทัยองค์รัชทายาท”ทั้งหมดพากันนั่งที่เก้าอี้ของแขก บรรดาเพื่อนๆต่างก็พากันนั่งที่ของตนในห้องโถงซึ่งวันนี้ได้รับเกียรติจากองค์รัชทายาทรับสั่งให้นั่งรวมกันได้เพราะเป็นงานเลี้ยงภายในจึงไม่ต้องมากพิธี“เอาละน้องแปด ข้าพึ่งคุยกับท่านเสนาบดีลี่ เรื่องทาบทามสู่ขอน้องสะใภ้ให้กับเจ้า”ทั้งเพื่อนๆของฟางเหยาที่หันมามองหน้ากันล้วนพากันยินดีที่ได้รับฟังข่าวดีนี้ เฟิ่งหยวนเองก็เช่นกัน“ขอบพระทัยเสด็จพี่”เฟิ่งหยวนหันไปมองเสนาบดีลี่และคุกเข่าลงในทันที เสนาบดีลี่รีบคุกเข่าตามองค์ชายด้วยความซื่อเพราะไม่นึกว่าเขาจะคุกเข่าให้แต่องค์รัชทายาทจับแขนเสนาบดีลี่เอาไว้มิให้เขาคุกเข่า“ท่านไม่ต้องคุกเข่า ให้เขาพูดไป”“เอ่อ ตะ…แต่ว่า…”“เชื่อข้า น้องแปด พูดไปสิ”องค์รัชทายาทหันไปบอกให้หยางเฟิ่งหยวนกล่าวเอง“ข้าองค์ชายแปดเป่ยอี้เฟิ่งหยวน วันนี้อยากจะสู่ขอบุตรีของท่าน ลี่ฟางเหยาให้เป็นพระชายาของข้า หวังว่าท่านเสนาบดีจะเห็นถึงความจริงใจและตกลงมอบนางให้กับข้า ข้าสาบานต่อหน้าท่านว่าชาตินี้จะรักและให้เกียรตินาง ดูแลนางและเคียงข้างนางตลอดชีวิตไม่คิดเป็นอื่น”องค์รัชทายาทที่ยืนพยุงเสนาบดีล
“แต่ว่าเรื่องนั้น…”“แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดโทษเขาแม้แต่ข้าก็ตาม แต่ตาแก่นั่นก็ยังนึกว่าเป็นความผิดของเขาอยู่วันยังค่ำเพราะขบวนเสด็จครั้งนั้นเขารับหน้าที่จากเสด็จพ่อเพื่อพาพระสนมไปขอพรนอกวัง”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดังนั้นอาจารย์จึงตัดสินใจจะตามหาผู้ที่ทำเรื่องชั่วในวันนั้น”“ใช่ แต่ที่ข้านึกไม่ถึงก็คือเขารับเจ้าเป็นศิษย์”“เรื่องนั้น…อาจจะเป็นเพราะว่าข้าเจอเรื่องราวคล้ายๆกับพระองค์กระมังเพคะ อาจารย์คงรู้สึกผิดกับพระองค์ และในตอนนั้นที่พบกันก็เป็นวันที่ข้าสูญเสียท่านแม่ไปพอดี”“นึกไม่ถึงว่าลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขาจะกลายมาเป็นพระชายาของข้าในวันนี้”“เช่นนั้น เป่าเป้ยกับองค์ชายเก้าก็ต้อง…”“ใช่ เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้วนางเองก็ต้องถูกแต่งตั้งเป็นพระชายาเก้าเช่นกัน”“ในวังหลวงนั่น….ข้าไม่นึกอยากเข้าไปเพคะ”“ไม่อยากเข้าก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเข้าไปเลยนี่ ในวังหลวงมีองค์รัชทายาทอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีพวกข้าอยู่หรอก”“เช่นนี้”“ใช่ ข้ากับน้องเก้าก็มาประจำอยู่ที่ชิงโจว ท่านอ๋องจ้าวเริ่มชรามากแล้ว เขาเคยทูลขอเสด็จพ่อไปหลายครั้งให้แต่งตั้งองค์ชายมาเป็นท่านอ๋องเพื่อดูแลเมืองชิงโจว ครั้งนี้ข้าจึงได้มาอยู่ที่น
ฟางเหยาหันไปมองพระพักตร์ที่ทั้งจริงจังและสายตาที่มีความหวังมาให้นาง “พระองค์คิดเรื่องนี้มานานแล้วสินะเพคะ”“แต่กว่าจะได้พาเจ้ามาถึงที่นี่ได้ก็นานเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นเช่นนี้”“หม่อมฉันเองก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ถึงขนาดเป็นสงครามระหว่างแคว้นได้เช่นกันเพคะ”“ไม่ใช่หรอก แค่กว้านเหมาคนเดียวมิใช่ทั้งแคว้น การที่เราไม่ปลิดชีพขององค์ชายในครั้งนี้เพื่อป้องกันข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ที่จริงกว้านเหมากับพี่ใหญ่ข้ามีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เขาจึงหาโอกาสที่จะล้างแค้น แต่พอมีเรื่องของเจ้าเข้ามา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะคอยหาเรื่องข้าไปด้วย”“เรื่องแค้นส่วนตัวแต่ถึงกับก่อสงครามขึ้นมา เขาช่างน่าขยะแขยงเสียยิ่งนัก”“ข้าไม่สนใจเขา เรื่องนี้ให้องค์รัชทายาทจัดการไปเถอะ ตอนนี้ข้าต้องการคำตอบของเจ้าลี่ฟางเหยา”เขาใช้นิ้วเชยคางนางขึ้นมาสบตาเขาใกล้ๆจนลมหายใจของทั้งคู่รดกันอยู่ ริมฝีปากแทบจะติดกันอยู่แล้ว“ดูเหมือนพระองค์จะไม่มีคำตอบอื่นให้หม่อมฉันเลยนะเพคะ”“แน่นอนว่าเจ้าห้ามปฏิเสธ แต่เจ้าเองก็ต้องตอบข้ามาก่อนเพื่อความแน่ใจ”ลี่ฟางเหยายิ้มให้เขา มือเรียวโอบต