ไม่นานที่เฟิ่งหยวนตัดสินใจที่จะฟื้นฟูร่างกายอีกครั้งเพื่อจะได้มีแรงที่จะตามหาลี่ฟางเหยา เขากลับมาเริ่มฝึกยุทธ์อีกครั้งตามคำแนะนำขององค์ชายเก้าและไม่ไปจากชิงโจว ซึ่งเขาส่งจดหมายไปทูลฝ่าบาทเองเพื่อรอฟังข่าวของแคว้นหานที่เริ่มมีการเคลื่อนไหวด้วย“พี่แปด ท่านพักหน่อยเถอะ”“มีข่าวเพิ่มเติมหรือไม่”เขาเพียรถามองค์ชายเก้าเช่นนี้ทุกวัน แม้ว่าจะรู้คำตอบดีจากสีหน้าที่กระอักกระอ่วนนั่นแต่เขาจะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว ตอนนี้พวกเขามีภารกิจเพิ่มโดยการเฝ้าระวังแคว้นหานที่อยู่ห่างออกไปที่เริ่มเคลื่อนไหวเข้ามาและยกทัพมาประชิดฝั่งตะวันออกของชิงโจวฮ่องเต้มีรับสั่งให้แม่ทัพบูรพาและแม่ทัพใหญ่ทั้งสองฝั่งมาร่วมเฝ้าสังเกตการณ์ องค์ชายทั้งสองจึงคอยอยู่ช่วยตั้งรับทางนี้ ท่านอ๋องจ้าวนำทัพออกไปยังชายแดนตะวันออกได้ครึ่งเดือนแล้วเพื่อสังเกตการณ์“มีเพียงเรื่องกองทัพของแคว้นหานที่ลักลอบเข้ามาสืบข่าว แต่ถูกคนของท่านอ๋องจับได้ มันให้การสารภาพว่าต้องการบุกโจมตีเมือง ครั้งนี้พวกมันเอาเครื่องทุ่นแรงมาด้วย”“เจ้าหมายถึง….”“ดินปืน อาวุธหนัก ระเบิดและศาสตราวุธที่ผลิตโดยห้วนตู๋”“หึ เป็นอันรู้กันว่าพวกมันร่วมมือกันจนได้”ห้วนตู๋ถ
ฟางเหยาเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้ชาวบ้านที่ดักซุ่มอยู่ “ตอนนี้แหละ ค่อยๆขนออกไปอย่าให้พวกมันเห็น”"ท่านจอมยุทธ์ แล้วระเบิดเล่าขอรับ"“พวกท่านตามข้ามาสักสามคน เราจะเบี่ยงความสนใจจากกองเสบียงนี่ก่อน ตอนนี้ด้านหน้ายังสู้กันอยู่ พวกมันไม่มีคนเฝ้าคลังนี้รอข้าให้สัญญาณ พวกท่านก็เผาได้เลย ตอนนี้ขนอะไรออกไปได้ก็รีบเอาออกไปให้ได้มากที่สุด”“จะหมดแล้วขอรับ”“ดีมาก ดูแลให้พวกเขาออกไปอย่างปลอดภัยด้วย”“ขอรับ”“เฟยหยง เจ้าไปดูด้านหน้ากับข้า”อินทรีสาวรับคำและบินนำนางไปทันที วิหควายุตามมันไปติดๆ นางเห็นว่ากำลังที่บุกมานั้นมีจำนวนน้อยกว่าข้าศึกมากนัก แต่เหตุใดจึงกล้านำกำลังบุกมา “จำนวนน้อย หรือว่าเป็นแผนล่อ แต่หากพลาดท่าอาจจะถูกฆ่าได้เลยนะ”ฟางเหยาเฝ้าดูเหตุการณ์ตรงหน้าฝ่ายทัพของชิงโจวเริ่มถอยร่น แม่ทัพทั้งสองของพวกเขาสั่งถอนกำลังเพราะพวกแคว้นหานส่งกำลังมาช่วยโอบล้อม “แย่แล้ว เฟยหยงส่งสัญญาณ”เฟยหยงอินทรีสาวส่งเสียงร้องดังสองครั้งเพื่อเป็นสัญญาณ ไม่นานเสียงระเบิดก็ดังขึ้น“เสียงนั่น อินทรีของเสด็จอา!! ฟางเหยา!!”เฟิ่งหยวนมองไปทั่วป่าเพื่อมองหาตัวอินทรีในความมืดแต่ก็ไร้ผล พวกเขาได้ยินเพียงเสียงและในตอนน
เมืองชิงโจว “อย่านะ อย่าเข้ามานะ"“อย่ามาทำสะดีดสะดิ้ง มานี่เสียเถอะขอมองหน้าเจ้าก่อนเข้าพิธีเสียหน่อย อย่าหนีสิ”"ไม่นะ!!"เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นจากห้องแต่งตัวเจ้าสาวของบุตรชายแม่ทัพใหญ่ในเมืองนามว่า “เหลียงคุน”เขาคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องอันธพาลในร่างขุนนางใหญ่โต ใช้อำนาจของบิดาที่เป็นแม่ทัพใหญ่ประจำชายแดนกร่างไปทั่วเมืองชิงโจว ปล้นสวาทสตรีเกือบทั้งเมือง แต่เพราะอำนาจล้นมือของแม่ทัพเหลียงฟ่านจึงมิมีผู้ใดกล้าขัดคำสั่ง“อะไรกัน ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรอกนะ”“ลี่ฟางเหยา” บุตรีคนเดียวของเสนาบดี “ลี่เหวินฟง”แห่งเมืองชิงโจวที่ถูกส่งมาแต่งงานกับ “เหลียงคุณ” ชายผู้บ้าตัณหาและขึ้นชื่อเรื่องทำร้ายสตรี เขาบีบคอนางจนนางส่งเสียงไม่ได้และหมดสติลง…….“น่าเบื่อเสียจริง ให้คนไปเอาน้ำมา สาดให้นางตื่น”เหลียงคุณเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมหลวมๆและเดินหันออกไป ร่างบางนั้นขยับขึ้นมาอีกครั้ง แต่สายตาที่ฟื้นขึ้นมานั้นกลับเปลี่ยนไป นางไม่ใช่ "ลี่ฟางเหยา" คนเดิมอีกต่อไป“ได้เวลาแล้ว"ลี่ฟางเหยาหันไปมองด้านหน้า เหลียงคุณที่อยู่นอกห้องไม่ได้ทันสังเกตนาง ลี่ฟางเหยาฉวยโอกาสนี้ดึงอาวุธที่เก็บเอาไว้และกระโดดขึ้น
“ข้าเข้าใจแล้วค่ะคุณหนู”“ฟิ้ว……ฉึก!!”อาวุธลับถูกยิงเข้ามาในห้อง แต่คนทั้งสองมิได้หลบหลีกหรือรู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เมื่อชิงฝูเดินไปหยิบจดหมายพร้อมซองหนานั้นมายื่นให้ผู้เป็นนาย“ค่าตอบแทนครั้งนี้เหตุใดมารวดเร็วนักเจ้าคะ ยังไม่ทันข้ามคืนเลย”“ดูท่าข้าคงเป็นดั่งวีรสตรีที่กำจัดคนชั่วไปได้อีกหนึ่งคนกระมัง เจ้าดูสิ ตั๋วเงินพวกนี้ มากกว่าที่ตกลงเอาไว้ถึงเจ็ดเท่า”“สกุลเหลียงก่อกรรมทำชั่วไว้มาก ครั้งนี้คงเป็นกรรมตามสนองของแท้นะเจ้าคะ”“คนอย่างสกุลเหลียงที่ใช้เงินแก้ไขปัญหาโดยไม่คำนึงถึงจิตใจของสตรีที่เสียหาย หลายเดือนมานี้มีคนเดือดร้อนเพราะพวกเขาไม่น้อยเลยสินะ”“คุณหนู แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ”“ข้าก็รับบทคนน่าสงสารต่อไปนะสิ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจากนี้คงจะเป็นคนไม่ได้เรื่องต่อไปไม่ได้แล้วกระมัง ดูเหมือนว่าท่านพ่อเองก็จะดูออกเช่นกัน”“แต่ที่นายท่านปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูออกไปเช่นนั้นก็เพื่อ…”“ข้ารู้ว่าท่านพ่อเป็นห่วงข้า แต่จากนี้ชื่อข้าจะโด่งดังทั่วเมืองชิงโจวจนเป็นที่จับตามอง พวกเราคงต้องวางแผนรับมือ”“เจ้าค่ะ" วันรุ่งขึ้น“ท่านพ่อว่าอย่างไรนะเจ้าคะ สำนัก…ศึกษางั้นหรือเจ้าค
ลี่ฟางเหยาค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นมา ขานางพลิกตอนที่หมุนมาพบหน้าเขาจนเกิดอาการเคล็ดและเริ่มเจ็บเล็กน้อยแต่สายตานั่นที่มองนางอยู่ราวกับกำลังอ่านจิตใจทำให้นางเริ่มนึกหวั่นเล็กน้อย“ท่านพูดเหลวไหลอันใดกัน ผู้ใดจะมองท่านกัน”“คุณหนูช่างหลีกเลี่ยงเก่งยิ่งนักเมื่อครู่นี้ข้ายังได้ยินเต็มสองหูว่าท่านถามอยู่ว่า “หายไปที่ใดเร็วนัก” อยู่เลยมิใช่หรือ"“นั่น….ข้าก็แค่…เห็นรถม้าหายไปเพราะมัวแต่มองอะไรเรื่อยเปื่อย”“งั้นข้าคงเข้าใจผิดแล้ว”“สำคัญตนผิดไปแล้วคุณชาย ชิงฝูวันนี้ข้าไม่มีอารมณ์กินชาที่นี่แล้ว กลับกันเถอะ”“คุณหนู ดูเหมือนว่าเจ้าจะบาดเจ็บถ้าอย่างไรให้ข้า…”“ไม่ต้องมายุ่ง เรามิได้รู้จักกันและคงไม่ต้องมีเรื่องใดให้พบเจอกันอีกด้วย ข้าไม่อยากผูกบุญคุณกับผู้ใด ขอลา”นางเดินออกไปพร้อมกับขาที่กะเผลกแต่ก็ไม่ร้องเลยสักคำ เมื่อนางเดินออกไปเขาจึงสังเกตว่าคนทั้งร้านเริ่มมองและเริ่มซุบซิบตามนางออกไป“ใช่นางแน่ ผู้ที่จะแต่งเข้าสกุลเหลียงแล้วจะถูกฆ่า นางรอดมาได้”“นางเป็นถึงบุตรของท่านเสนาบดีเชียวนะ”“ดูรอยแผลที่คอนางสิ ช่างน่าสงสารเสียจริง”พัดถึงพับลงในมืออย่างสงบช้าๆ พร้อมกับบุรุษหนุ่มที่ชะโงกออกไปดูสตรีส
ลี่ฟางเหยาเดินนำเขาเข้าไปในห้องโถง ดูเหมือนว่าระยะทางจากหน้าจวนไปยังห้องโถงมันไกลกว่าเดิมหรือไม่นะ หรือเป็นเพราะว่านางยังเจ็บขาอยู่จากเมื่อวานกันแน่“ขาของเจ้า…ยังเจ็บอยู่หรือไม่”“ไม่เจ็บแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณที่ท่านเป็นห่วง”“เปล่า ข้าไม่ได้เป็นห่วงแค่ถามตามมารยาท”ลี่ฟางเหยาถึงกับกัดฟันเพราะความโมโห นางกำหมัดแน่นและอยากชกคนเสียจริงๆในยามนี้เมื่อเดินเข้าไปในห้องโถงและนั่งลงที่โต๊ะ“อ้าว ข้าก็นึกว่าท่านจะเดินชมจวนกับฟางเหยาก่อนเสียอีก เห็นไม่ตามมาเสียที”“เป็นเช่นนั้นขอรับ ต้นดอกท้อและต้นทับทิมหน้าจวนช่างสะดุดสายตาของข้ายิ่งนักทำเอามองจนเพลินเลยต้องขอให้คุณหนูลี่เดินมาเป็นเพื่อนขอรับ”“ท่านพ่อ ข้า…”“เอามาๆ พวกเจ้าตักข้าวได้แล้วเร็วๆเข้า”บิดานางส่งสายตามาปรามไม่ให้นางปฏิเสธและหนีออกจากโต๊ะอย่างไร้มารยาท แต่ลี่ฟางเหยาในยามนี้แทบจะไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับหยางเฟิ่งหยวนผู้นี้แม้แต่สักช่วงแค่ปาดใบชา“ดูเหมือนว่าคุณหนูลี่จะ…”“อ้อ บุตรสาวข้าพึ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บมา เอ่อ…ท่านอาจารย์ก็คงจะทราบเรื่องนี้มาบ้างแล้ว”“ขอรับ แต่นั่นนับเป็นเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้นในเมืองชิงโจว ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ฆ่าคุ
เจาเนี่ยเฟยเดินก้าวออกมา ลี่ฟางเหยาเองก็พร้อมสู้ แต่ทว่านางเห็นบางคนเดินเข้ามา…“เพี๊ยะ!!”“ว๊าย!! ฟางเหยา เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เจาเนี่ยเฟยนี่มันจะเกินไปหน่อยหรือไม่”ฟางเหยาล้มลงทันทีเมื่อถูกเนี่ยเฟยตบ ฟางเหยากัดมุมปากตัวเองเล็กน้อยเพื่อให้มีแผลเลือดออกและหันกลับมาและเริ่มมีน้ำตาปริ่มออกมา“นี่มันเกินไปหน่อยหรือไม่ นางยังไม่ทันได้เอ่ยว่าผู้ใดเลย” “แม่นางผู้นั้นร้ายกาจเกินไปแล้ว” “หรือว่าที่นางไม่อาบน้ำและสกปรกนั่นเป็นความจริง ทำไมถึงโกรธเช่นนั้นเล่า” “แย่ละ ข้าพักห้องเดียวกับนาง ข้าไปขอเปลี่ยนห้องดีหรือไม่ ข้ารู้สึกขยะแขยง” “ข้าด้วย ข้าก็ไม่อยากอยู่ วันไหนนางลุกขึ้นมาหาเรื่องข้าจะทำอย่างไร” ฟางเหยาหันมา น้ำตาไหลราวกับสั่งได้หันมามองหน้าเนี่ยเฟยทั้งๆ ที่เลือดไหลมุมปาก“ข้าก็แค่ไม่อยากมีเรื่องและจะไปที่อื่น เหตุใดเจ้าต้องลงไม้ลงมือกับข้าเช่นนี้เนี่ยเฟย เจ้า….”“ฟางเหยาอย่าพึ่งพูด เจ้าหลีกไปนะหากกล้าเข้าใกล้ฟางเหยาอีกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจเจ้า!!”“แต่ว่า..ข้าก็แค่…ข้าแค่ตบเบาๆ เหตุใด…”“ตบเบาๆ แล้วนางจะมีแผลเช่นนี้ได้อย่างไร!!”“เกิดอะไรขึ้นที่นี่!!”เสียงดังของบุรุษหนุ่มเดินเข้ามา “
“ข้านึกไม่ถึงว่าบุตรีของท่านเสนาบดีจะไร้ความอดทนถึงเพียงนี้ เพียงแค่ถูกต่อว่าหรือดูถูกเพียงนิดก็มิอาจทนได้แล้ว ช่างน่าผิดหวังเสียจริง”ลี่ฟางเหยากำหมัดแน่นหันไปมองหน้าเขา ให้นางไปขัดห้องสุขาดีกว่าจะต้องทนอยู่กับเขาในหอคัมภีร์นี้ อย่างน้อยนางก็จะได้ตะโกนเพื่อระบายความแค้น แต่นี่ต้องมานั่งทนกับเขาในห้อคัมภีร์ที่ห้ามส่งเสียงดังนี่ ไม่ยุติธรรมกับนางเลยสักนิด“เอาล่ะ เริ่มเลยเถอะจะได้ไม่เลิกดึก”นางยังคงยืนอยู่ที่เดิมแม้ว่าสายตาจะมองไปยังโต๊ะที่ต้องนั่งเขียนนั่น นางพยายามเรียนรู้ทุกอย่างที่อาจารย์สอน ก่อนหน้านี้เสนาบดีลี่จ้างอาจารย์มาสอนนางเกือบหมดแล้วแต่พวกเขาปิดบังเอาไว้เพราะเสนาบดีลี่ไม่อยากให้นางต้องเปิดเผยความสามารถนี้ออกไปให้เป็นที่สนใจมากนักเพราะเขาหวงบุตรสาวนั่นเองแต่สิ่งหนึ่งที่บิดานางยังไม่รู้อีกอย่างก็คือ นางคือนักฆ่าอันดับหนึ่งที่ทางการต่างหาตัวแต่ก็มิได้จริงจังนัก เพราะนางจะรับฆ่าเฉพาะคนชั่วที่ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเท่านั้น“เหตุใดท่าน..อาจารย์ต้องมานั่งเฝ้าข้าด้วยเจ้าคะ”“ข้าไม่ได้เฝ้าเจ้า เพียงแค่จะอ่านตำราเท่านั้นพรุ่งนี้ช่วงบ่ายพวกเจ้าจะเข้าเรียนกับข้าเป็นวันแรก”“ท่าน
ฟางเหยาเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้ชาวบ้านที่ดักซุ่มอยู่ “ตอนนี้แหละ ค่อยๆขนออกไปอย่าให้พวกมันเห็น”"ท่านจอมยุทธ์ แล้วระเบิดเล่าขอรับ"“พวกท่านตามข้ามาสักสามคน เราจะเบี่ยงความสนใจจากกองเสบียงนี่ก่อน ตอนนี้ด้านหน้ายังสู้กันอยู่ พวกมันไม่มีคนเฝ้าคลังนี้รอข้าให้สัญญาณ พวกท่านก็เผาได้เลย ตอนนี้ขนอะไรออกไปได้ก็รีบเอาออกไปให้ได้มากที่สุด”“จะหมดแล้วขอรับ”“ดีมาก ดูแลให้พวกเขาออกไปอย่างปลอดภัยด้วย”“ขอรับ”“เฟยหยง เจ้าไปดูด้านหน้ากับข้า”อินทรีสาวรับคำและบินนำนางไปทันที วิหควายุตามมันไปติดๆ นางเห็นว่ากำลังที่บุกมานั้นมีจำนวนน้อยกว่าข้าศึกมากนัก แต่เหตุใดจึงกล้านำกำลังบุกมา “จำนวนน้อย หรือว่าเป็นแผนล่อ แต่หากพลาดท่าอาจจะถูกฆ่าได้เลยนะ”ฟางเหยาเฝ้าดูเหตุการณ์ตรงหน้าฝ่ายทัพของชิงโจวเริ่มถอยร่น แม่ทัพทั้งสองของพวกเขาสั่งถอนกำลังเพราะพวกแคว้นหานส่งกำลังมาช่วยโอบล้อม “แย่แล้ว เฟยหยงส่งสัญญาณ”เฟยหยงอินทรีสาวส่งเสียงร้องดังสองครั้งเพื่อเป็นสัญญาณ ไม่นานเสียงระเบิดก็ดังขึ้น“เสียงนั่น อินทรีของเสด็จอา!! ฟางเหยา!!”เฟิ่งหยวนมองไปทั่วป่าเพื่อมองหาตัวอินทรีในความมืดแต่ก็ไร้ผล พวกเขาได้ยินเพียงเสียงและในตอนน
ไม่นานที่เฟิ่งหยวนตัดสินใจที่จะฟื้นฟูร่างกายอีกครั้งเพื่อจะได้มีแรงที่จะตามหาลี่ฟางเหยา เขากลับมาเริ่มฝึกยุทธ์อีกครั้งตามคำแนะนำขององค์ชายเก้าและไม่ไปจากชิงโจว ซึ่งเขาส่งจดหมายไปทูลฝ่าบาทเองเพื่อรอฟังข่าวของแคว้นหานที่เริ่มมีการเคลื่อนไหวด้วย“พี่แปด ท่านพักหน่อยเถอะ”“มีข่าวเพิ่มเติมหรือไม่”เขาเพียรถามองค์ชายเก้าเช่นนี้ทุกวัน แม้ว่าจะรู้คำตอบดีจากสีหน้าที่กระอักกระอ่วนนั่นแต่เขาจะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว ตอนนี้พวกเขามีภารกิจเพิ่มโดยการเฝ้าระวังแคว้นหานที่อยู่ห่างออกไปที่เริ่มเคลื่อนไหวเข้ามาและยกทัพมาประชิดฝั่งตะวันออกของชิงโจวฮ่องเต้มีรับสั่งให้แม่ทัพบูรพาและแม่ทัพใหญ่ทั้งสองฝั่งมาร่วมเฝ้าสังเกตการณ์ องค์ชายทั้งสองจึงคอยอยู่ช่วยตั้งรับทางนี้ ท่านอ๋องจ้าวนำทัพออกไปยังชายแดนตะวันออกได้ครึ่งเดือนแล้วเพื่อสังเกตการณ์“มีเพียงเรื่องกองทัพของแคว้นหานที่ลักลอบเข้ามาสืบข่าว แต่ถูกคนของท่านอ๋องจับได้ มันให้การสารภาพว่าต้องการบุกโจมตีเมือง ครั้งนี้พวกมันเอาเครื่องทุ่นแรงมาด้วย”“เจ้าหมายถึง….”“ดินปืน อาวุธหนัก ระเบิดและศาสตราวุธที่ผลิตโดยห้วนตู๋”“หึ เป็นอันรู้กันว่าพวกมันร่วมมือกันจนได้”ห้วนตู๋ถ
จวนเสนาบดีเสนาบดีลี่ยื่นถาดที่วางของสองสิ่งเอาไว้ให้กับองค์ชายแปด ร่องรอยของเขาไม่ได้ต่างกับ หยางเฟิ่งหยวนเท่าใดนัก คงผ่านการร้องไห้มาหนักในช่วงสองสามวันมานี้เช่นกันเมื่อรู้ว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวหายไปจากจวนเขาไม่รับแขกและไม่ออกว่าราชการเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่ลี่ฟางเหยาจากไป องค์ชายแปดจึงเดินทางมาพบเขา“นี่คือสิ่งที่นางทิ้งเอาไว้ในห้องก่อนที่นาง….จะจากไปพ่ะย่ะค่ะ”เฟิ่งหยวนหันไปมองสิ่งที่อยู่ในถาด ตราราชลัญจกรของปลอมที่นางชิงมาจากคนร้ายในคืนนั้น และ….มือเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อเอื้อมมือไปจับแหวนที่เขาสวมให้นางก่อนหน้านั้น นี่นางคิดจะตัดขาดกับเขาเลยงั้นหรือถึงได้ของสิ่งนี้คืนให้เขา“องค์ชาย…กระหม่อมไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆนางถึงตัดสินใจเช่นนี้”“ท่านเสนาบดี เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง ขอบคุณที่ท่านช่วยเก็บสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้ข้า นางจะต้องปลอดภัย ข้าส่งคนให้ไปหานางแล้วแม้จะต้องพลิกทั้งแผ่นดินแคว้นฉินเพื่อหาตัวนางข้าก็จะต้องทำ”“ขอบพระทัยองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีลี่คุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายด้วยความปลาบปลื้มที่เขาไม่ทิ้งบุตรสาวของนางแม้ว่านางจะทำเรื่องที่
“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ข้าก็แค่อยากได้คนของข้าคืน นางเป็นคนแย่งองค์ชายของข้าไปเหตุใดข้าต้องปล่อยนางไปด้วยข้าแค่ทำสิ่งที่ถูกต้อง”“หึ สิ่งที่ถูกต้องงั้นหรือ”“จ้าวลู่อิน สิ่งที่ถูกต้องมาโดยตลอดก็คือข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า คนที่ข้ารักและจะแต่งงานด้วยมีเพียงลี่ฟางเหยาผู้เดียว ข้ากับนางหมั้นหมายกันแล้วเหลือเพียงแค่พิธีการและราชโองการจากเสด็จพ่อเท่านั้น ข้าไม่เคยรู้สึกอะไรกับเจ้า ข้าพูดกับเจ้าชัดเจนเกินสิบรอบแล้วแต่เจ้าก็ยังเอาแต่หาเรื่องนาง ครั้งนี้ขออภัยท่านอ๋อง ข้าคงปล่อยนางไปอีกไม่ได้”ท่านอ๋องอับอายจนไม่รู้จะทำเช่นไร การกระทำของนางครั้งนี้เกินให้อภัยดังที่องค์ชายตรัสมาจริงๆ เขาทำได้แค่ก้มลงคำนับและยอมรับเท่านั้น“ท่านพ่อ!! ไม่นะเจ้าคะ ข้า…”“หุบปากของเจ้าเสีย เจ้ายังก่อเรื่องไม่พองั้นหรือ”“ข้า…”“อีกเรื่องที่พวกเจ้าต้องรู้เอาไว้ นางเป็นไส้ศึกที่คอยลอบส่งสารที่พวกเจ้าวางแผนกันให้ศัตรู ผ่านคุณชายต่างสำนักนั่นโดยลอบส่งทางจดหมายมากับสาวใช้”ทุกคนหันไปมองหน้านางอย่างคิดไม่ถึง แต่วิหคอัคคีรู้เพราะเขาเค้นถามเรื่องนี้กับพวกห้วนตู๋และลอบฟังพวกมันคุยกันมาก่อนหน้านี้จึงรู้ดีว่าผู้ใดที่หักหลัง“เ
นางค่อยๆหันไปมองใบหน้าของบุรุษหนุ่ม ที่พึ่งร่วมเตียงเคียงหมอนกันมาเมื่อครู่ สายตาเขาร้องขอให้รับฟังแต่นางในตอนนี้ไม่มีความมั่นใจใดๆกับคนตรงหน้าทั้งสิ้น“นางเรียกท่านว่า….องค์ชายงั้นหรือ”“ฟาง….ฟางเหยาเจ้าต้องฟังข้า ข้าอยากจะบอกเจ้า…อยู่หลายครั้ง…”“ผู้ใดบ้าง….”เขาละล่ำละลักเพราะเกรงว่านางจะโกรธเขา นางตรงหน้าในตอนนี้ไม่ได้ทำให้เขามั่นใจสักนิดว่าจะยอมฟังที่เขาจะอธิบาย“ขะ…ข้า…”“เช่นนั้น แล้วเขาละเป็นผู้ใด”“ตะ..ตงลี่เป็น…น้องชายของข้าองค์ชายเก้า”“หึ…หึหึ องค์ชายสองพระองค์อยู่ที่สำนักศึกษา เช่นนั้น….กู้เป่าเป้ย….”“ชะ…ใช่ นางรู้ แต่ว่าเจ้า….”“พอทีหยางเฟิ่งหยวน ไม่สิ องค์ชายแปด…”จ้าวลู่อินเห็นจังหวะที่นางไม่ทันระวัง นางจับดาบของคนร้ายและพุ่งตัวไปหาทันทีแม้จะรู้ว่านางเป็นผู้ใดแต่นางก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ “นางโจรชั่ว ตายเสียเถอะ”""อย่านะ!!""ดาบนั้นพุ่งไปจะเสียบบริเวณหลังของฟางเหยา แต่แรงพัดจากที่ใดไม่ทราบผลักนางจนกระเด็นไปอย่างแรง เสียงอินทรีคู่ดังระงมบนท้องนภาที่มืดมิดพร้อมกับบุคคลอีกคนหนึ่งที่ลงมายืนด้านหลังของวิหควายุ นางไม่ได้มองเขา นางกับองค์ชายแปดยังคงมองหน้ากันไม่ได้ละสายตาไปไห
ลี่ฟางเหยาคำนับให้เขาและทั้งคู่จึงเริ่มเต้นรำด้วยกัน ท่วงท่าของลี่ฟางเหยานั้นสะกดทุกสายตาดังคาดเพราะความอ่อนช้อยงดงามของการเต้นรำนั้นนางทำได้อย่างไม่มีที่ติ แม้กระทั่งกว้านเหมาเองก็เริ่มลุ่มหลงนางแล้วเช่นกัน“งดงามเกินไปแล้ว พี่แปด”“ข้าต้องรู้สิ”แต่สายตาเขาที่มองไปที่นางยังไม่ดีขึ้นแม้ว่านางจะงดงามราวบุปผาบานสะพรั่งแต่มิใช่มากับชายอื่นเช่นนี้ อย่างไรเรื่องนี้เขาก็รับไม่ได้อยู่ดี เพลงจบแล้วเมื่อทั้งคู่คำนับให้กัน ฟางเหยาเดินออกไปทันทีแต่กว้านเหมาดึงแขนนางเอาไว้ เฟิ่งหยวนขยับกายทันทีและจะพุ่งตัวออกไป ตงลี่ต้องคอยห้ามไม่ให้เขาทำการบุ่มบ่าม“พี่แปด”“ข้าจะทนอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น”“เขาต้องการยั่วท่าน เหตุใดท่านมองไม่ออกอุบายเช่นนี้..”“ข้าจะฆ่ามัน”“ใจเย็นก่อน”“มันกล้าจับมือนาง”“พี่แปด”ลู่อินนั่งดื่มชาอยู่ด้านหลังโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น นางรู้ว่าอีกไม่นานหยางเฟิ่งหยวนจะทนไม่ไหว ให้กว้านเหมายั่วเขาอีกเพียงนิดเดียว เฟิ่งหยวนคงกลายร่างในห้องโถงนี้เป็นแน่“คุณชายกว้าน ข้าทำตามข้อตกลงแล้ว”“ใช่ ข้ารู้ แต่ว่าพวกเราต้องไปนั่งก่อน การแสดงยังไม่เริ่ม พวกเขาจัดโต๊ะให้ตัวแทนแล้ว ทางนี้”ฟางเห
“คุณชายมีเรื่องใดเชิญกล่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ”“ข้าเพียงอยากหารือกับเจ้าเรื่องการแสดงในอีกสองวันข้างหน้า ที่จริงไม่ควรมาขอร้องเจ้า แต่ว่า…”“อ้อ เช่นนั้นก็ได้ เป็นความลับสินะ ได้สิ เช่นนั้นเราไปทางนั้นกันเจ้าค่ะ สะดวกกว่า”“แม่นางเชิญ…”ฟางเหยาเดินนำเขาไปที่สระบัวที่นางและเป่าเป้ยชอบไปนั่งพักที่นั่น เฟิ่งหยวนหันไปพบเข้าพอดี สายตาของเขาโกรธมากเมื่อเห็นว่าฟางเหยาเดินไปกับบุรุษหนุ่มนั่นตามลำพัง“ตงลี่!!”“อาจารย์หยาง มีสิ่ง…..ตายละวา เป่าเป้ยอยู่ที่ใดกันละนั่น ข้าไปถามเอง”“ไปจัดการที ข้ากำลังติดงานอยู่”“ไม่ต้องห่วง”เขารีบไปทันที สายตาเขาที่มองไปที่ฟางเหยานั้นไม่วางตาจนจ้าวลู่อินมองตามและเห็นว่าเขามองสิ่งใด นางลอบยิ้มแต่ไม่ไปยุ่งกับเขา นางรู้แล้วว่าจะทำเช่นไรต่อดีในอีกสี่วันที่เหลือนี้“ว่าอย่างไรนะ ท่านอยากให้ข้า…”“ใช่ เป็นคู่เต้นให้ข้าในพิธีเปิด สองสถาบันต้องเปิดงานด้วยกัน ข้ายังไม่มีคู่ที่เหมาะสม ก็เลยลองมาขอร้องเจ้าดู หากเจ้าไม่รังเกียจ”“อ่อ นั่น…คือว่าข้า….”“ข้านึกแล้วว่าเจ้าต้องปฏิเสธ คงเพราะอาจารย์ผู้นั้น”“เอ่อ คุณชาย เหตุใดท่านจึง…”“สายตาของพวกท่านไม่ได้เหมือนอาจารย์กับศิษย์ ข
“วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากตอบแทนท่านที่….”“เจ้ามายั่วข้าเช่นนี้ แล้วจะทิ้งข้าแล้วงั้นหรือ”“แต่ท่านสัญญาแล้ว แม้ว่าจะหมั้นหมายแล้ว แต่ท่านจะไม่บังคับข้า ใช่หรือไม่”“เฮ้อ….ก็ได้ ฟางเหยา มานี่สิ”เขาดึงนางเข้ามากอดพร้อมกับห่มผ้าให้ เฟิ่งหยวนจับมือนางขึ้นมาและสวมบางอย่างไปที่นิ้วของนาง เป็นแหวนวงเล็กที่ประดับไพลินสีน้ำเงินเข้มล้อมด้วยอัญมณีสีเงินรอบๆ“นี่คือ….”“ของหมั้น เจ้าสวมมันไว้ ต่อไปจะได้ไม่มีคนมายุ่งกับเจ้า ข้าหวง ไม่อยากให้เจ้าถูกคนอื่นเฝ้ามอง แค่จ้องก็ไม่ได้”“แต่ข้าไม่มีสิ่งใดให้ท่านเลย”“เจ้าดูนี่สิ”เขาชูนิ้วของเขาที่มีแหวนเหมือนกันนี้อีกวงซึ่งเขาสวมอยู่“แหวนคู่รัก”“ไม่ใช่ นี่เป็นแหวนคู่ที่ทำเอาไว้นานแล้ว ท่านแม่ข้าทำให้เพื่อให้ข้ามอบมันแก่หญิงที่จะมาเป็นภรรยา ตอนนี้ข้าถอดออกให้เจ้า นั่นแสดงว่าเจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้าแล้วลี่ฟางเหยา”เป็นคำขอแต่งงานที่แม้จะรวบรัดและดูมัดมือชกแต่ก็ซาบซึ้งกินใจจนคนฟังอดน้ำตาไหลไม่ได้จริงๆ ฟางเหยากอดแหวนนั้นเอาไว้พร้อมกับเฟิ่งหยวนที่ดึงนางมากอดเอาไว้พร้อมกับจูบที่หน้าผากนาง“นอนพักเอาแรงสักหน่อยเถอะ อีกสองชั่วยามข้
“นั่นแหละที่น่ากลัว ท่าน…อื้อ…เฟิ่งหยวน อย่านะ ไม่เอาข้ายังไม่พร้อม อ๊าา….”มือของนางถูกเขารัดด้วยสายชุดจนดึงไม่ออกเมื่อเขาเลื่อนตัวลงไปยังกลีบดอกไม้งามที่เขาใช้นิ้วสัมผัสมาหลายวัน มาถึงวันนี้เขาจะลิ้มรสมันอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง“เฟิ่งหยวนอย่านะ ข้า…อ๊าา….”สัมผัสจากลิ้นนั้นช่างต่างจากนิ้วของเขาโดยสิ้นเชิง ฟางเหยาไม่เคยรู้สึกวาบหวามและเสียวซ่านเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ตรงที่ลิ้นเขาสัมผัสราวกับกระตุ้นให้นางต้องการมากขึ้นซึ่งได้ผล นางต้องการเขามากจริงๆ“เฟิ่งหยวน ท่านรังแกข้า…”เขาไม่ตอบนางแต่ลิ้นยังคงวนอยู่ที่ร่องกลีบนั้นอย่างระมัดระวัง นางส่งเสียงครางจนทำให้เขาทนแทบไม่ไหว ร่างที่แอ่นขึ้นรับสัมผัสทำให้เขาแทบบ้าตาย“ฟางเหยา เจ้าสวยงามทุกส่วนเสียจริง ข้าไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องเจ้า แม้แต่มองก็ไม่ได้”หากว่าเขาไม่ได้เห็นว่ามีคนสนใจนางมากถึงเพียงนั้นเขาอาจจะไม่หึงนางขนาดนี้จนเร่งเร้านาง แต่เขาก็สัญญากับตัวเองเอาไว้หากนางไม่ยินยอมเขาก็จะไม่ทำร้ายนางก่อนเวลาที่สมควร“เฟิ่งหยวน ข้าทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรด อ๊าา….ไม่นะ”เขาจับขานางลอยขึ้นตั้งตรงกับหลัง ลิ้นยังไม่หยุดโลมเลียกลีบดอกไม้ชื้นแฉะตรงหน้า มื