ฟางเหยาเดินเข้ามาอาบน้ำหลังจากที่ฝึกซ้อมเสร็จ นางเผลอแช่น้ำนานไปจนหลับคาอ่างอาบน้ำ เฟิ่งหยวนที่เดินเข้ามาในกระโจมทีหลังนางเดินไปหานางจนทั่วก็ไม่พบจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำและเห็นว่านางหลับอยู่ที่อ่างอาบน้ำ“ขนาดอาบน้ำยังเผลอหลับ แล้วจะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไรกัน”“หากเป็นห่วงพระองค์เพียงตรัสออกมาหม่อมฉันก็เข้าใจแล้วเพคะ”เฟิ่งหยวนที่ยืมกอดอกมองนางอยู่ถึงกับตกใจเมื่อนางพูดตอบเขาทั้งๆที่หลับตาอยู่ “เจ้า…เจ้าหลับอยู่หรือแค่….”“หม่อมฉันเพียงแค่พักสายตา ทำไมเพคะหากว่าหม่อมฉันหลับพระองค์จะลงโทษอีกงั้นหรือเพคะ”“เจ้า…หึ เช่นนั้นก็รีบอาบเข้าเถอะ ข้าออกไปก่อนละ”ฟางเหยาหันไปมององค์ชายที่เดินดุ่มๆออกไปด้วยความอับอายและขัดเขิน นางได้แต่ส่ายหัวเบาๆกับท่าทีนั้นแต่ก็เข้าใจเขาขึ้นมาได้ หากนางเป็นเขาก็คงนึกห่วงไม่น้อย ในเมื่อตกลงจะร่วมชีวิตกันแล้ว ใช่ว่านางจะไม่รู้ว่าเขาห่วงนางมากเพียงใด นางเองก็ไม่ได้อยากจะเอาชนะเขาด้วยเรื่องเช่นนี้หากว่ามีทางออกที่พอจะคุยกันได้ นางสวมชุดคลุมและเดินไปกอดเขาจากด้านหลัง“องค์ชายยังไม่หายโกรธหม่อมฉันอีกหรือเพคะ”“ข้ามีสิทธิ์ทำเช่นนั้นด้วยงั้นหรือ แต่ไหนแต่ไรเจ้าทำสิ่งใ
สามวันถัดมา“อาจารย์ พวกเขามาแล้ว”“กลับมาได้เสียที”เสด็จอาหมายถึงอินทรีคู่ที่บินวนลงมาตรงหน้าเขาพร้อมกับข้อมูลบางอย่าง“หญ้านี่ขึ้นอยู่ทางหุบเขาลึกทางตะวันออก พวกมันเลือกที่ได้เหมาะสมยิ่งนัก”“อาจารย์ ท่านหมายถึงหุบเขาที่เป็นเขตกั้นของชายแดนฉินกับแคว้นหาน ตัวของเฟยหยงมีกลิ่นดินปืน”“ไม่ผิดแน่ ไปกันเถอะ ต้องบอกเรื่องนี้ให้แม่ทัพรู้”“เจ้าค่ะ”ฟางเหยาวิ่งไปหาองค์ชายแปดที่ฝึกทหารอยู่ที่เนินเขา เมื่อเขาเห็นนางจึงวิ่งลงมาหาทันที“ฟางเหยา มีอะไรงั้นหรือ”“ตามหม่อมฉันมาเถิดเพคะ อินทรีคู่กลับมาแล้ว”“ได้ เจ้ารอข้าเดี๋ยว”เขาวิ่งไปสั่งนายกองอีกคนให้ฝึกแทนเขาและวิ่งกลับมาหานางและเดินไปที่กระโจมแม่ทัพพร้อมกัน“พวกมันได้ที่ตั้งมาแล้วงั้นหรือ”“ใช่เพคะ แต่หากอยากให้แน่ใจ เราอาจจะต้องไปสำรวจกันก่อนสักรอบหนึ่ง”“เจ้าคิดที่จะ…”“ข้าเก่งเรื่องพรางตัวและซ่อนตัวมากที่สุด งานนี้ต้องเป็นข้าเท่านั้นเฟิ่งหยวน”“ก็ได้ ข้าไม่ห้าม แต่ข้าจะไปรอเจ้าที่ตีนเขา”“ก็ได้เพคะ”กระโจมแม่ทัพ“อะไรนะ พี่สะใภ้หากท่านไปคนเดียวมันอันตรายมากนะ”“ไม่เป็นไร ข้าจะไปกับนางเอง”“พี่แปด แม้จะมีท่านไปด้วยก็เถอะ”“ทำไม เจ้าไม่ไว้น
“เราต้องวางแผนการกันใหม่ ชัยภูมิที่ตั้งของปืนใหญ่อยู่ไม่ห่างจากเมืองชิงโจว หากว่ามีการยิงเข้าเมืองจริงๆ ความเสียหายนั่นคงเกินจะคาดเดา”“หน่วยสอดแนมเรารายงานว่ากองกำลังพวกมันลดลงเกินกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนหนึ่งเกิดจากการโจมตีครั้งที่แล้ว พวกมันสูญเสียกำลังไปมาก”“ที่น่ากลัวมิใช่พวกทหาร แต่เป็น…”“กองกำลังและนักรบนอกรีตที่ฝึกวิชามาร”“ฟางเหยา เจ้ากำลังจะบอกว่า…”“เพคะองค์ชายเก้า วิชาที่เราพบในป่าไผ่นั่น หากว่าพวกมันให้คนฝึกวิชามารนั่น ก็ไม่จำเป็นกองทหารนับหมื่นก็เอาชนะกองทัพของเราได้”“เช่นนั้นก็แย่แล้ว ชัยภูมิพวกมันอยู่บนเขา แต่เราอยู่ที่ราบ พี่แปด เรื่องนี้อาจจะต้อง…”“รีบสั่งย้ายกำลังคนของเรา แยกออกเป็นสามทาง ป้องกันเมือง ล้อมเนินเขา และกองหน้ารอปะทะ”"แต่กำลังพลของเราตอนนี้เมื่อเทียบกับพวกมัน…น้อยกว่าครึ่งหนึ่งนะพ่ะย่ะค่ะ"“ขอเพียงถ่วงเวลาไว้ได้ก่อนที่เราจะทำลายป้อมปืนใหญ่ของพวกมัน เมืองชิงโจวก็จะปลอดภัย”“รายงานด่วนพ่ะย่ะค่ะ”ทหารส่งจดหมายมาฉบับหนึ่งเพื่อให้พวกเขา เป็นจดหมายที่เขียนมาพร้อมกับเลือดของหน่วยสอดแนมที่ถูกจับได้ เป็นการข่มขวัญศัตรูในอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อแม่ทัพหวายเปิดจดหมายอ่
“หากเจ้ายังคงใช้อารมณ์และคุยไม่รู้เรื่องเช่นนี้ การไปครั้งนี้ของเมียเจ้าก็จะสูญเปล่า เอาน้ำเย็นราดหัวมันสักถังให้มีสติแล้วค่อยคุยกัน”“ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ ท่านหยุดนะ ท่านส่งนางไปที่ใด ข้าจะฆ่าท่าน”“พี่แปด ระงับโทสะหน่อยเถอะ”“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องทำเช่นนี้ย่อมมีแผนการ พระองค์พระทัยเย็นก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าบอกให้เอาน้ำสาดให้เจ้าหมาบ้านี่มันสงบลง เจ้าฟังไม่รู้เรื่องหรือ!!”“ท่านอ๋องแต่ว่า…”“แม่ทัพหวาย”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับบัญชา”“ปล่อยข้านะ ข้าจะ….”“ซ่าา…….”น้ำเย็นๆถูกสาดไปที่หยางเฟิ่งหยวน ซึ่งได้ผล เขาสงบลงในทันทีและคุกเข่าลง ตาแดงก่ำที่บ่งบอกถึงความเจ็บแค้นแสนสาหัสทำเอาคนรอบข้างไม่กล้ามอง แม้แต่องค์ชายเก้าก็หันมามองที่เสด็จอา“ตงลี่ เจ้ารีบไปได้แล้ว”“เสด็จอา แต่พี่…”“รีบไป หากชักช้าจะเสียการใหญ่”“พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่าวเหลียงเป็นเพียงคนเดียวที่ยังพอมีสติอยู่ในตอนนี้ เขาเดินมาหาหลานชาย ซึ่งในตอนนี้ดูไม่ต่างกับพี่ชายของเขา (ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน) ในเวลาที่ขาดสติ เขาใจร้อนดุจไฟผลาญเมืองเหมือนกับพระราชบิดาไม่มีผิด ฮ่าวเหลียงเดินเข้าไปตบไหล่ของเขาเบาๆ“ลุกขึ้นมาเถอะ ไ้ด้เวลาวางแผนไปชิงตัว
“อย่าคิดว่าท่านจะบีบบังคับผู้อื่นได้ ข้าไม่มีทางยอมแต่งงานกับท่าน”“เช่นนั้นก็ลองดู เจ้า กับเมืองชิงโจว ดูว่าองค์ชายแปดจะเลือกใคร เอาตัวนางไป”“อย่ามาแตะต้องตัวข้า!! ข้าเดินเองได้”นางเดินออกจากกระโจมไปพร้อมกับทหารที่ควบคุมตัวนางออกไป กว้านเหมามองตามนางไปจนออกจากกระโจม สายตายังคงโมโหอยู่เล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มน่าเกลียดที่เหยียดขึ้นมา“องค์ชาย พระองค์จะแต่งงานกับนางจริงๆหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้ามีปัญหาอันใดงั้นหรือ แต่งกับนางไม่ดีตรงไหนกัน ข้าอยากจะเห็นใบหน้าที่โกรธแค้นของหยางเฟิ่งหยวนตอนที่รู้ข่าวเรื่องนี้จริงๆ หึ ระหว่างเมืองชิงโจวกับสตรีอันเป็นที่รัก คราวนี้ดูสิว่าเขา จะเลือกสิ่งใด”“องค์ชายคิดว่าจะหลอกล่อให้องค์ชายนั่นมาชิงตัวเจ้าสาวแล้วตลบหลังบุกชิงโจวหรือพ่ะย่ะค่ะ”“แต่หากเขาไม่มา ข้าก็ได้นางเป็นพระชายา ถึงอย่างไรข้าก็จะบุกชิงโจวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะพลิกกระดานใด ศึกนี้หยางเฟิ่งหยวนไม่มีทางเลือก นอกจากต้องตายเท่านั้น”กองทัพชิงโจว“องค์ชายแปด พระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าให้ข้าใจเย็นงั้นหรือ กว้านเหมา ข้าน่าจะฆ่าเจ้าตั้งแต่ตอนอยู่สำนักศึกษานั่นแล้ว”“หากเจ้ารีบร้อน ก็เข้าทางเขามีแต่จะทำให
“หยางเฟิ่งหยวน!!”เหตุการณ์ข้างหน้าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวกันไม่ทันเมื่อฟางเหยาดึงปิ่นปักผมสีทองที่คมดุจมีดจี้ไปที่คอของกว้านเหมา“หลีกไป!! หากไม่อยากให้ข้าแทงเขาจนคอทะลุก็หลีกทาง!!”“ลี่ฟางเหยา เจ้ากล้างั้นหรือ”“หึ องค์ชาย ท่านเป็นผู้บีบบังคับข้าเอง ในตอนนี้ตามข้ามาแต่โดยดี และสั่งถอนทัพออกจากเนินเขา หาไม่แล้ว..”“ฮ่าๆ เจ้าคิดสินะว่าเพียงแค่ข้าสั่งระงับปืนใหญ่นั่นแล้วชิงโจวจะรอดไปได้ เจ้าอย่าลืมสิว่ายังมีสำนักห้วนตู๋ที่รอล้างแค้นพวกเจ้าอยู่”“หึ องค์ชายน้อย ไม่นึกว่านอกจากจะขลาดเขลาแล้ว เจ้ายังหลงกลโง่ๆของจอมโกหกเลี่ยวเอี้ยนั่น”“องค์ชาย!!”“เจ้าคิดว่าจับข้าไว้จะทำให้ข้าสั่งถอนทัพทั้งหมดได้งั้นหรือ”“งั้นหรือ แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้อยากจะจับท่าน”ฟางเหยาสร้างลมพายุขึ้นมาระหว่างเขากับนางและเคลื่อนกายกลับไปที่ข้างหน้าองค์ชายแปดในทันที“ลี่ฟางเหยา เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วข้า…..”กว้านเหมาตาลาย และเริ่มมีเลือดไหลออกมาจากจมูกและปาก เขาล้มลงและพยายามใช้มือค้ำเก้าอี้เอาไว้“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ เร็วเข้า ตามหมอมา!!”“ต่อให้เจ้าตามอีกสิบหมอที่เก่งกาจมา ก็ไม่มีทางรักษาเขาได้”“ลี่…ฟางเห
คำพูดนั้นดังดาบที่ฟาดลงมายังหน้าอกนาง นั่นสินะ นางไปอยู่ที่กองทัพของศัตรูมาทั้งคืน เขาย่อมโกรธนางเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเขาหย่อนตัวนางลงไปในอ่างน้ำแล้วจึงเดินออกไปพร้อมกับหอบชุดของนางออกไปด้วย “เอาชุดนี่ไปเผาให้หมด อย่าให้ข้าเห็นแม้แต่ซาก”“พ่ะย่ะค่ะ”ฟางเหยาค่อยๆล้างตัวและขัดตัวอย่างแรงเพราะคิดว่าเขานั้นรังเกียจนางที่ไปหาบุรุษอื่นมา นางขัดตัวไปพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ดังไปถึงห้องอาบน้ำข้างๆ เฟิ่งหยวนเองก็มาอาบน้ำเช่นกันแต่นางไม่รู้ว่าข้างๆนี้มีห้องอาบน้ำอีกห้องหนึ่งเช่นกันฟางเหยาสวมชุดคลุมออกมาจากห้องน้ำเมื่อได้อาบน้ำและล้างตัวจนหมดสิ้นแล้ว นางไม่พบเขาอยู่ในกระโจม “แน่ละสิ ผู้ใดจะอยากอยู่กับ…”นางพูดไม่ทันจบเขาก็เดินเข้ากระโจมมาพร้อมกับสวมชุดใหม่ที่เปลี่ยนแล้วเช่นกัน นางหันหน้าหนีเขาเพื่อไม่ให้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมา แต่เฟิ่งหยวนเห็นและได้ยินทั้งหมด นางคงเข้าใจเขาผิดแล้วเป็นแน่“เจ้าล้างตัวออกหมดแล้วหรือยัง”“ละ…ล้างออกหมดแล้ว ข้ากับกว้านเหมามิได้ทำสิ่งใดเกินเลยดังที่ท่านคิด”“ข้าคิดสิ่งใด เจ้ารู้หรือ”“ท่านกำลังโกรธข้าที่ข้า….หนีออกจากค่ายไปหากว้านเหมา และยัง…..”“ใช่ ข้าโกรธเจ้ามากเจ้า
ฟางเหยาและฮ่าวเหลียงพุ่งตัวไปที่ตรงกลาง พร้อมกับเริ่มเรียกพลังจากแม่น้ำข้างๆขึ้นมา ฮ่าวเหลียงเริ่มต้านพลังของเลี่ยวเอี้ยเอาไว้ เขาเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นฮ่าวเหลียงปรากฏตัว“เป็นไปไม่ได้ เขามิได้…ตายไปแล้วหรอกหรือ”“เลี่ยวเอี้ย เสียใจที่ต้องบอกเจ้าว่าทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ข้ามิได้ตาย”“แต่วันนี้อย่าได้คิดว่าเจ้าจะชนะข้าได้ ฮ่าวเหลียง!!”เลี่ยวเอี้ยเรียกกำลังอีกรอบเพื่อจะส่งไปโจมตีพวกเขา ฮ่าวเหลียงตะโกนสุดเสียงให้ฟางเหยาที่อยู่ด้านบนและกำลังเรียกน้ำผสมผสานกับวายุพิรุณของนาง“นังหนู ตอนนี้เลย!!”ฟางเหยาซัดพลังออกไปพร้อมกับฮ่าว เหลียงที่ส่งพลังไปเสริมที่คลื่นน้ำกับลมที่พัดคืนกลับไปยังกองทัพของกว้านเหมา เลี่ยวเอี้ยนั้นไม่เคยพบกระบวนท่านี้มาก่อน ฝ่ามือเดียวซัดพวกกองทัพของกว้านเหมากลับไปจนหมดรวมถึงอาวุธทั้งหลายนั่นด้วย เฟิ่งหยวนและบรรดาแม่ทัพรีบวิ่งเข้ามาเพื่อป้องกันหลังให้ฟางเหยาและฮ่าวเหลียง“นางไม่เคยฟังข้าเลยสินะ บอกให้รออยู่ที่ค่ายเฉยๆ”“องค์ชาย พระชายามิใช่ผู้ที่จะทนรออยู่เฉยๆดังฮูหยินแม่ทัพนะพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นนักรบ”“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย พระองค์คงต้องยอมให้พระชายาออกศึกร่วมก
ห้องส่งตัวกู้เป่าเป้ยโม่วตงลี่เดินเข้ามายังห้องส่งตัวเจ้าสาวของเขาพร้อมกับไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว“ตงลี่ นั่นท่านหรือ”“ข้าเองเป่าเป้ย ขอโทษที่ให้เจ้ารอนานนะ”“ไม่เป็นไร ท่านรีบเถิด ข้ารู้สึกแปลกๆ อยากเปลี่ยนชุดแล้ว”“ได้สิ ข้าจะเปิดหน้าเจ้าตอนนี้เลย”เขาใช้ไม้เปิดใบหน้าเจ้าสาวแต่มันดันติดเครื่องประดับบนศีรษะของนางจนดึงออกไม่ได้“อย่าดึงนะ ข้าเอาออกเอง”“แย่จริง ข้ารีบร้อนไปหน่อยน่ะ”“ตงลี่ เหตุใดมือของท่านจึงสั่นถึงเพียงนี้”“ข้า…”“ท่านดื่มมาหนักหรือ หน้าท่านก็แดงมากเลยเกิดอะไรขึ้น ปกติท่านดื่มสุราเมาง่ายเช่นนี้เลยงั้นหรือ”“ข้าไม่ได้เมานะ เจ้า…ต้องดื่มสุรานี่กับข้าด้วย”“อ้อ ใช่แล้วๆข้าเกือบลืมไปเลย มาเพคะองค์ชาย”“ยังจำได้สินะว่าข้าเป็นองค์ชาย ปกติพูดกับข้าธรรมดานี่”“ก็ผู้ใดขอให้หม่อมฉันพูดเช่นนั้นเองเล่าเพคะ ตอนนี้จะมาน้อยอกน้อยใจมันไม่ช้าไปหรอกหรือเพคะ”“ก็แค่ช่วงจะไปเมืองหลวงเท่านั้นที่จะให้เจ้าฝึกพูดเช่นนั้น แต่ต่อไปก็ไม่ต้องพูดเป็นทางการแล้ว ข้าได้ยินพี่สะใภ้คุยกับพี่แปดแล้วเวียนหัว”“เช่นนั้นข้าจะเริ่มฝึกพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ”“ตามใจเจ้าเลย มาเถอะน้องหญิง ดื่มสุรามงคลกัน
พิธีมงคลสมรส“ยินดีด้วยๆ องค์ชายทั้งสองยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งเฟิ่งหยวนและตงลี่ต้องคอยรับแขกในงานหลังจากที่เจ้าสาวของพวกเขาถูกส่งไปยังห้องส่งตัวแล้ว แม้ว่าแต่ละคนจะอยากเร่งไปยังห้องส่งตัวมากแต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะต้องอยู่ในงานเลี้ยงก่อน องค์รัชทายาทสั่งคนให้เรียกทั้งคู่เข้าไปในห้องเพื่อเลี่ยงแขกสักครู่ “พี่ใหญ่ เรียกพวกเรามา มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ามีของขวัญจะมอบให้เจ้าทั้งสอง”พวกเขาเดินตามองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องและนั่งที่โต๊ะ “นี่คือ….”“นี่ก็คือของขวัญที่จะมอบให้พวกเจ้าในคืนนี้ ดื่มเสียสิ ข้าให้คนต้มมาให้พวกเจ้า บำรุงเสียหน่อยก่อนจะเข้าห้องส่งตัว”""บำรุง""“ใช่ เชื่อข้าเถอะน่า ข้าเป็นพี่เจ้านะเรื่องเช่นนี้ข้าผ่านมาก่อน รับรองว่าเจ้าจะได้มีบุตรทันใช้เป็นแน่ เหตุใดจ้องหน้าข้าเช่นนี้เล่า ไม่เชื่องั้นหรือ”“ไม่ใช่ไม่เชื่อพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่าข้าคิดว่าพี่แปดกับข้า จำเป็นต้องบำรุงด้วยยานี่ด้วยงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะก็ในเมื่อพวกกระหม่อม….แข็งแรงดุจอาชาศึกขนาดนี้”“เจ้าไม่เชื่อข้างั้นหรือ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าบ่าวหมาดๆอย่างพวกเจ้าหรอกน่า เจ้าดูพี่สะใภ้เจ้าเป็นตัวอย่างสิ นางตั้งครรภ
สิบวันถัดมากองทัพขององค์รัชทายาทเดินทางไปแคว้นหานพร้อมกับส่งมอบตัวองค์ชายกว้านเหมาพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้แคว้นหานหยุดรุกรานแคว้นรอบข้างเป็นเวลาสามสิบปีนับจากนี้ตัวแทนแคว้นต่างๆเข้าร่วมในการทำข้อสัญญาในครั้งนี้ด้วย กว้านเหมาถูกลดลำดับขั้นเป็นเพียงอ๋องและถูกส่งไปชายแดนด้านตะวันออกซึ่งห่างไกลกับความเจริญเพื่อเป็นการลงโทษ“เขายอมงั้นหรือเพคะ”“เป็นคำสั่งของฮ่องเต้เพื่อจะดัดนิสัยเขาที่เอาแต่ใจ อันที่จริงฮองเฮาเองก็หาวิธีดัดนิสัยของเขามานานแล้วครั้งนี้ถือว่าเขาน่าจะเข็ดไปอีกนาน”“เช่นนั้นเรื่องที่ชายแดนก็นับว่าสงบแล้ว”“ใช่แล้วล่ะ กว้านเหมากลัวแทบตายเมื่อรู้ว่ายาถอนพิษต้องกินถึงสามครั้ง เขาเลยยอมบอกแหล่งผลิตอาวุธร้ายแรงและแหล่งผู้ที่ค้าขายดินปืนและเครื่องมือผลิตให้พี่ใหญ่ จากนี้คงจะไม่มีผู้ใดกล้าผลิตอาวุธนั่นอีก”“แน่ใจหรือเพคะว่าเขาบอกหมดแล้ว”“เขากลัวขนาดนั้น คงไม่กล้าปิดบังอะไรไว้อีกแล้วละ เรื่องนี้เป็นความชอบของเจ้า เสด็จพ่อประทานรางวัลมาให้มากมายรวมถึง…ล้างมลทินให้กับวิหควายุด้วย จากนี้วิหควายุคือจอมยุทธ์ผู้ผดุงความเป็นธรรมกำจัดคนชั่วเพื่อแผ่นดิน”“เช่นนั้นแสดงว่าหม่อมฉันก็ยังใช้ชื่อน
“เจ้าจะให้ข้าเชื่อใจ ทั้งๆที่เจ้าไม่เคยบอกไม่เคยพูดสิ่งใดเลยงั้นหรือฟางเหยา”“เฟิ่งหยวน เรื่องนี้หม่อมฉันเป็นคนผิดเอง แต่โปรดฟังเหตุผลก่อน ในเวลานั้นหม่อมฉันมีเวลาตัดสินใจเพียงเล็กน้อย พระองค์มิได้มาหาหม่อมฉันก่อนที่ข้าจะไปที่นั่น หม่อมฉันรู้เพราะว่าพระองค์ถูกอาจารย์ขังเอาไว้ เรื่องนี้ไม่โทษพระองค์ แต่หม่อมฉันรู้นิสัยของกว้านเหมาว่าจะต้องทำเช่นนั้นเลยตัดสินใจเอาตัวเองเข้าเสี่ยง แต่รู้ว่าเขาต้องหลงกลตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ต้องเปลืองตัว เรื่องนี้…”“แล้วหากเขาไม่หลงกลเจ้า และทำเรื่องน่าอายนั่นขึ้นมาละ เจ้าคิดว่าหากข้ารู้เรื่องนี้ทีหลัง หรือเจ้ากว้านเหมานั่นมาพูดกับข้าว่ามัน…..”“หม่อมฉันเข้าใจเรื่องที่พระองค์ทรงกังวล แต่มันมิได้เกิดขึ้นและหม่อมฉันเองก็คิดแผนเอาไว้แล้วหากว่าเขาไม่หลงกล ก็แค่ใส่ยาเอาไว้ในสุราเท่านั้น เขาไม่มีทางที่จะได้สัมผัสตัวหม่อมฉัน เฟิ่งหยวนหม่อมฉัน…..พูดจริงๆนะ”“เรื่องยาถอนพิษนั่น.....”“ยาถอนพิษนั่นเป็นแผนของหม่อมฉันเอง ก่อนหน้านี้อาจารย์เคยเตือนแล้วว่าคนผู้นี้มีมากกล หม่อมฉันเลยคิดว่าการถอนพิษกับเขามันง่ายไปหน่อย หนามยอกเอาหนามบ่งเช่นนี้จึงจะสามารถลากแผนชั่วของเขาออก
หยางเฟิ่งหยวนเดินออกมาจากห้องโถงเพื่อจะเดินกลับออกไปขึ้นรถม้า ฟางเหยาเมื่อเห็นเขาจึงรีบขอตัวจากเพื่อนๆและวิ่งตามเขาออกมาทันทีเพราะไม่แน่ใจว่าเขานึกไม่พอใจสิ่งใดหรือไม่“เฟิ่งหยวน นั่นท่านจะไปที่ใด”เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเสด็จอาในห้องโถงและเรื่องยาถอนพิษที่องค์รัชทายาทตรัสเมื่อครู่เขาก็เริ่มกัดกรามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย“องค์ชาย พระองค์เป็นอะไรไปเพคะ”“เปล่า ข้าเหนื่อยแล้วอยากกลับไปพักผ่อน”“แต่ว่านี่ยังไม่ดึกเลยนะเพคะ แล้วก็องค์รัชทายาทก็ยังประทับอยู่”เขาหันมามองใบหน้าที่มองเขาโดยที่ไม่ได้รู้ว่าเขากำลังโมโหนาง และยังไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจขององค์ชายแปดเริ่มร้อนรนเพราะความโกรธ“เหตุใดพระองค์จึงทำท่าทีเช่นนี้ มีผู้ใดทำให้พระองค์กริ้วงั้นหรือเพคะ”“ลี่ฟางเหยา เจ้าคิดจะบอกเรื่องยาถอนพิษของกว้านเหมากับข้าเมื่อใด”คำถามนี้ทำเอานางตกใจไปเล็กน้อยเพราะมัวแต่ยุ่งและตื่นเต้นที่ได้กลับบ้านจนลืมบอกเรื่องนี้กับเขาไป นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เขาโกรธ ฟางเหยารู้สึกแปลกใจ เรื่องยาพิษนั่นนางนำยาถอนพิษไปให้อาจารย์แล้วจึงมิได้ใส่ใจอีก แต่เหตุใด….“พระองค์โกรธหม่อมฉันเรื่องนี้หรือเพคะ หม่อมฉันคิ
“ที่ชิงโจวเป็นบ้านของฟางเหยา ข้าเองก็คิดว่าที่นี่น่าอยู่และเงียบสงบมาก และข้าก็รับปากกับอาจารย์ใหญ่เอาไว้แล้วว่าจะดูแลสำนักศึกษานี้ร่วมกับเขา ดังนั้นเรื่องกลับเมืองหลวง ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พี่แปด ท่านไม่เห็นบอกข้าเลย เช่นนั้นข้าจะทำให้เป่าเป้ยท้องบ้าง จะได้…”“ไม่ต้องเลย เจ้ากับพระสนมโม่วยังต้องคุยกันอีก อย่าลืมสิว่า ที่พระชายาเจ้าหนีมาเพราะเสด็จแม่เจ้า ตัวเจ้าเป็นผู้ก่อเรื่องต้องพานางไปพบพระสนมก่อนอย่างน้อยให้นางได้รับรู้ว่านางเข้าใจพระชายาเจ้าผิด นางเป็นถึงบุตรีขุนนางใหญ่ มิใช่หญิงชาวบ้านอย่างที่เสด็จแม่เจ้าคิด”“ข้าก็เพียงแค่พูดเผื่อไว้เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรข้าก็ส่งจดหมายไปบอกเสด็จแม่แล้ว นางก็เข้าใจแล้วเพียงแต่หากพระองค์รู้ว่ามีหลานก็จะยิ่งดีใจมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง”“ข้าเข้าใจเจ้านะน้องเก้า แต่เจ้าจะสุกเอาเผากินไม่ได้ การที่เจ้าทำเช่นนี้ก็มิใช่ว่าจะดีกับนาง ดีเพียงใดแล้วที่นางไม่ตั้งครรภ์ก่อนจะหมั้นหมายกับเจ้า โชคดีที่บิดานางไม่เอาเรื่อง”“ข้าทราบแล้ว พี่ใหญ่ตักเตือนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่ท่านลงมาชิงโจวครั้งนี้กะจะมาต่อรองกับแคว้นหานใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ใช่
“ลี่ฟางเหยา ตามสบายเถิด”“ขอบพระทัยองค์รัชทายาท”ทั้งหมดพากันนั่งที่เก้าอี้ของแขก บรรดาเพื่อนๆต่างก็พากันนั่งที่ของตนในห้องโถงซึ่งวันนี้ได้รับเกียรติจากองค์รัชทายาทรับสั่งให้นั่งรวมกันได้เพราะเป็นงานเลี้ยงภายในจึงไม่ต้องมากพิธี“เอาละน้องแปด ข้าพึ่งคุยกับท่านเสนาบดีลี่ เรื่องทาบทามสู่ขอน้องสะใภ้ให้กับเจ้า”ทั้งเพื่อนๆของฟางเหยาที่หันมามองหน้ากันล้วนพากันยินดีที่ได้รับฟังข่าวดีนี้ เฟิ่งหยวนเองก็เช่นกัน“ขอบพระทัยเสด็จพี่”เฟิ่งหยวนหันไปมองเสนาบดีลี่และคุกเข่าลงในทันที เสนาบดีลี่รีบคุกเข่าตามองค์ชายด้วยความซื่อเพราะไม่นึกว่าเขาจะคุกเข่าให้แต่องค์รัชทายาทจับแขนเสนาบดีลี่เอาไว้มิให้เขาคุกเข่า“ท่านไม่ต้องคุกเข่า ให้เขาพูดไป”“เอ่อ ตะ…แต่ว่า…”“เชื่อข้า น้องแปด พูดไปสิ”องค์รัชทายาทหันไปบอกให้หยางเฟิ่งหยวนกล่าวเอง“ข้าองค์ชายแปดเป่ยอี้เฟิ่งหยวน วันนี้อยากจะสู่ขอบุตรีของท่าน ลี่ฟางเหยาให้เป็นพระชายาของข้า หวังว่าท่านเสนาบดีจะเห็นถึงความจริงใจและตกลงมอบนางให้กับข้า ข้าสาบานต่อหน้าท่านว่าชาตินี้จะรักและให้เกียรตินาง ดูแลนางและเคียงข้างนางตลอดชีวิตไม่คิดเป็นอื่น”องค์รัชทายาทที่ยืนพยุงเสนาบดีล
“แต่ว่าเรื่องนั้น…”“แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดโทษเขาแม้แต่ข้าก็ตาม แต่ตาแก่นั่นก็ยังนึกว่าเป็นความผิดของเขาอยู่วันยังค่ำเพราะขบวนเสด็จครั้งนั้นเขารับหน้าที่จากเสด็จพ่อเพื่อพาพระสนมไปขอพรนอกวัง”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดังนั้นอาจารย์จึงตัดสินใจจะตามหาผู้ที่ทำเรื่องชั่วในวันนั้น”“ใช่ แต่ที่ข้านึกไม่ถึงก็คือเขารับเจ้าเป็นศิษย์”“เรื่องนั้น…อาจจะเป็นเพราะว่าข้าเจอเรื่องราวคล้ายๆกับพระองค์กระมังเพคะ อาจารย์คงรู้สึกผิดกับพระองค์ และในตอนนั้นที่พบกันก็เป็นวันที่ข้าสูญเสียท่านแม่ไปพอดี”“นึกไม่ถึงว่าลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขาจะกลายมาเป็นพระชายาของข้าในวันนี้”“เช่นนั้น เป่าเป้ยกับองค์ชายเก้าก็ต้อง…”“ใช่ เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้วนางเองก็ต้องถูกแต่งตั้งเป็นพระชายาเก้าเช่นกัน”“ในวังหลวงนั่น….ข้าไม่นึกอยากเข้าไปเพคะ”“ไม่อยากเข้าก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเข้าไปเลยนี่ ในวังหลวงมีองค์รัชทายาทอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีพวกข้าอยู่หรอก”“เช่นนี้”“ใช่ ข้ากับน้องเก้าก็มาประจำอยู่ที่ชิงโจว ท่านอ๋องจ้าวเริ่มชรามากแล้ว เขาเคยทูลขอเสด็จพ่อไปหลายครั้งให้แต่งตั้งองค์ชายมาเป็นท่านอ๋องเพื่อดูแลเมืองชิงโจว ครั้งนี้ข้าจึงได้มาอยู่ที่น
ฟางเหยาหันไปมองพระพักตร์ที่ทั้งจริงจังและสายตาที่มีความหวังมาให้นาง “พระองค์คิดเรื่องนี้มานานแล้วสินะเพคะ”“แต่กว่าจะได้พาเจ้ามาถึงที่นี่ได้ก็นานเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นเช่นนี้”“หม่อมฉันเองก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ถึงขนาดเป็นสงครามระหว่างแคว้นได้เช่นกันเพคะ”“ไม่ใช่หรอก แค่กว้านเหมาคนเดียวมิใช่ทั้งแคว้น การที่เราไม่ปลิดชีพขององค์ชายในครั้งนี้เพื่อป้องกันข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ที่จริงกว้านเหมากับพี่ใหญ่ข้ามีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เขาจึงหาโอกาสที่จะล้างแค้น แต่พอมีเรื่องของเจ้าเข้ามา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะคอยหาเรื่องข้าไปด้วย”“เรื่องแค้นส่วนตัวแต่ถึงกับก่อสงครามขึ้นมา เขาช่างน่าขยะแขยงเสียยิ่งนัก”“ข้าไม่สนใจเขา เรื่องนี้ให้องค์รัชทายาทจัดการไปเถอะ ตอนนี้ข้าต้องการคำตอบของเจ้าลี่ฟางเหยา”เขาใช้นิ้วเชยคางนางขึ้นมาสบตาเขาใกล้ๆจนลมหายใจของทั้งคู่รดกันอยู่ ริมฝีปากแทบจะติดกันอยู่แล้ว“ดูเหมือนพระองค์จะไม่มีคำตอบอื่นให้หม่อมฉันเลยนะเพคะ”“แน่นอนว่าเจ้าห้ามปฏิเสธ แต่เจ้าเองก็ต้องตอบข้ามาก่อนเพื่อความแน่ใจ”ลี่ฟางเหยายิ้มให้เขา มือเรียวโอบต