จวนเสนาบดี“คุณหนูของข้า โธ่ ห่างตาไปแค่ไม่กี่เดือนเหตุใดทั้งผอมทั้งยังอ่อนแอลงเช่นนี้ได้เจ้าคะ”“ข้าแค่พลาดนะอย่าพึ่งพูดมากเลย มาทำแผลให้ข้าทีสิ”“อย่าไปที่นั่นอีกเลยนะเจ้าคะคุณหนู ดูสิ ท่านผอมลงเช่นนี้บ่าวก็ปวดใจ”“ที่ไหนกันเล่า ข้าแค่ไม่สบายนี่ก็ดีขึ้นแล้ว”“บาดแผลนี่ท่านได้มาอย่างไรเจ้าคะ”นางนึกถึงช่วงเวลานั้น เขาปกป้องนางอย่างไม่ห่วงชีวิต ทั้งทำแผลให้และดูแลนาง นึกไม่ถึงว่าผ่านไปไม่ถึงสองวัน จ้าวลู่อินก็มาทวงคำสัญญาที่เขาให้คำมั่นว่าจะหมั้นหมายกับเขา เหตุการณ์หลังจากนั้นนางไม่ทันได้ฟัง นางพยายามพาตัวเองกลับไปที่หอนอนด้วยอาการหูอื้อตาลายและล้มตัวลงเตียงทันทีที่เปลี่ยนชุดเสร็จ“คุณหนูเจ้าคะ!!”“อ้อ ว่าอย่างไรนะ”“คุณท่านบอกว่าเย็นนี้ให้คุณหนูไปกินข้าวกับนายท่านด้วยเจ้าค่ะ”“อ้อ ข้ารู้แล้ว”ตอนเย็นฟางเหยาเดินไปที่ห้องอาหารพร้อมกับชิงฝูที่เดินตามนางมา เมื่อนางมาถึงก็พบว่ามีแขกที่รออยู่ก่อนหน้านั้นแล้วเพราะเสียงที่คุยกันอยู่ทำให้นางรู้ว่าบิดามีแขก“ผู้ใดมาหาท่านพ่อกัน”“ไม่ทราบสิเจ้าคะข้าก็อยู่กับคุณหนูตลอด ไม่เห็นว่านายท่านจะแจ้งก่อนนะเจ้าคะ”ฟางเหยาเดินเข้าไปในห้อง พบว่าบุรุษหนุ่
“หากว่าข้าไม่…”“หากเจ้าไม่ฟังข้าก็จะจูบเจ้าจนเจ้ายอมฟัง หากอยากจะกัดจนเนื้อข้าหลุดข้าก็จะไม่ร้องสักคำ เจ้าทำตามใจได้เลย หากพอใจเมื่อใด ข้าก็จะพูดเรื่องที่ข้าอยากพูด”“ท่านมาทำอะไรที่นี่”“มาหาเจ้า ข้าคิดถึงเจ้า ข้า…”“ท่านกับท่านหญิงจะหมั้นหมายแล้ว ท่านไม่ควรมายุ่งกับสตรีอื่นลับหลังนาง ข้าเองก็มิใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกที่ต้องไปแย่งว่าที่สามีผู้ใด”“ข้าไม่มีทางเป็นสามีของผู้อื่นนอกจากเจ้า ลี่ฟางเหยานี่คือสิ่งที่ข้าตั้งใจมาพูดวันนี้”“ปากของท่านพ่นแต่คำโกหก วาจาเชื่อถือไม่ได้ การกระทำกับคำพูดช่างสวนทางข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน”“แต่ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าทำเช่นนี้ ข้าจะพูดจนกว่าเจ้าจะเข้าใจ อย่าได้คิดหนีข้าไปได้เลย”“ที่นี่เป็นจวนข้า เหตุใดข้าต้องหนีท่าน”“ที่นี่เป็นห้องของเจ้า หากเจ้าไล่ข้าออกไปข้าก็จะทำให้คนทั้งจวนนี้รู้ว่าเราเป็นอะไรกันเช่นกัน ในเมื่อเจ้ากล้าแลก ข้าก็กล้าทำเช่นกัน”“ท่านมันคนเห็นแก่ตัว!!”“หากการรักเจ้าคือการทำให้ข้าเห็นแก่ตัว เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับใครใช้ให้เจ้าหนีข้ากลับมาโดยไม่บอกกล่าว ไม่รับฟังเหตุผลเช่นนี้กัน”“ข้าไม่ได้หนี แค่หลีกทางให้และทำในสิ่งที่ถูกต้อง”“นั่นเป็นเจ้า
“คือผู้ใดอีก”“นางเป็นสาวใช้ของข้า ท่านออกไปก่อน”“แค่จะจูบเจ้าเหตุใดถึงได้ยากเช่นนี้กันนะ ให้ข้าทำให้นางสลบไปก่อนดีหรือไม่”“อย่านะ นี่ท่านขาดสติหรืออย่างไรถึงได้คิดจะทำร้ายคนที่นี่”เขาก้มจูบนางอีกครั้ง ทั้งหนักแน่นและดุดันราวกับโหยหามานาน นางพอจะเข้าใจได้เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่ได้คุยกันอย่างคลี่คลายนางก็ออกมาจากสำนักศึกษาเสียก่อน“เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะกลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้พบกัน”“เจ้าค่ะ”เขาก้มลงหอมแก้มและพรมจูบไปที่หน้าผากนางและแวะจุมพิตเนิ่นนานอีกครั้งและดึงนางอุ้มและลุกขึ้นมาที่หน้าประตู“เช่นนั้นเจ้าก็เดินไปส่งข้า จะได้ไม่ต้องเป็นที่สงสัย”“ก็ได้เจ้าค่ะ”พวกเขาเดินออกมาจากห้อง เฟิ่งหยวนฉวยโอกาสนี้หอมแก้มนางไปด้วยและดึงมือนางมาจูงออกไป“ท่านคงไม่จูงมือข้าไปจนถึงห้องโถงนั่นหรอกนะ”“เจ้าก็เดินช้าๆสิ ได้ข่าวว่าสวนในจวนสกุลลี่งดงามนัก”“แต่นี่มันมืดแล้วนะ ท่านจะมาชมสวนอะไรในยามนี้”“ไม่ได้ชื่นชมสวน ข้าอยากชื่นชมอย่างอื่นมากกว่า แต่เจ้าของกลับไม่อนุญาตเสียที”“คนหน้าไม่อาย”“แค่พูดความรู้สึกพูดไม่ได้หรืออย่างไร ข้าว่าจะถามเจ้า คืนนั้นเจ้าทำอย่างไรจึงกลับไปได้ทัน”“อ้อ คืนนั้นพอ
“จับได้หรือไม่”“มันทิ้งคนตายเอาไว้ ดูเหมือนว่าจะใช้เจ้าคนนี้รับแทนทั้งหมดและอีกคนหนีไปได้”“ตรวจสอบหรือยัง”“คนของห้วนตู๋ ตรานี้ไม่ผิดแน่”“ตงลี่ เริ่มแผนสองได้เลย”“ท่านแน่ใจหรือ”“หากไม่ทำตอนนี้ผู้คนที่นี่จะไม่ปลอดภัยความรับผิดชอบนี้มากเกินไป เราต้องรีบเปลี่ยนทิศทาง”“ขอรับ แล้วท่านพบผู้ที่ช่วยเราหรือไม่”“วิหควายุ”“วิหควายุ!! เขาอยู่ที่นี่จริงๆ เช่นนั้นก็…”“แม้ว่าจะพบตัว แต่ก็ใช่ว่านางจะมีเจตนาบริสุทธิ์นางอาจจะมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อื่น”“นางงั้นหรือ วิหควายุเป็นสตรีงั้นหรือ แต่ก่ออาชญากรรมข้างนอก ฆ่าคนชั่วพวกนั้นมากมายคนผู้นี้เป็นสตรีงั้นหรือ”“ใช่ เสียงและรูปร่างนางเป็นสตรีไม่ผิดแน่”“ท่านเห็นตัวนางด้วย”“ใช่ แม้จะครู่เดียวแต่เป็นสตรีไม่ผิดแน่”“หากนางมาช่วยเราได้ คงดีไม่น้อย”“วิหคอัคนีไม่ช่วยราชสำนัก เขาหันหลังให้ทางนี้นานแล้ว”“แต่หากท่านพบวิหควายุ นั่นอาจจะเป็นเพราะเขาส่งมาช่วย นางมาช่วยพวกเรามิเช่นนั้นเราอาจจะตายในป่าไผ่นั่นแล้ว วิชาที่พวกชั่วนั่นใช้เป็นวิชานอกรีต”“ใช่ ข้ากับฟางเหยาโดนมาก่อนหน้านั้นแล้ว ย่อมรู้จักมันดี”“วิหควายุ เก่งสมคำร่ำรือแค่กระบวนท่าเดียวก็จัดการพว
"อื้ออ…”เขาเอื้อมไปจูบนางอีกครั้งคราวนี้เขาค่อยๆล้วงเข้าไป มือนางจับแขนเขาเอาไว้แน่นแต่เขาก็ยังดื้อดึงจนล้วงเข้าไปได้สำเร็จร่างของนางแหงนขึ้นเพราะสัมผัสจากนิ้วเย็นๆนั้น นางรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่บนนภาที่เต็มไปด้วยเมฆเย็นๆ ลิ้นของเขาวนอยู่ที่ยอดอกและเริ่มทำงานประสานกับนิ้วที่ล้วงอยู่ด้านล่างนางต้องรีบใช้นิ้วตัวเองกัดเพื่อกลั้นเสียงแต่เขาดึงมือนางออกและส่งนิ้วเขาอีกข้างเข้าไปแทน“หากจะกัดก็กัดนิ้วข้าแทน อย่าทำร้ายตัวเอง”นางส่ายหน้าไม่ยินยอม แต่เขารู้ดีว่านางต้องอดกลั้นไม่ต่างจากเขา สัมผัสนี้จะค่อยๆรุนแรงและต้องการมากขึ้นเพราะเขารับรู้มันได้จากนิ้วที่เปียกแฉะด้านล่าง นางต้องเรียกร้องมากขึ้นหลังจากนี้และจะร้องดังขึ้น“อื้ออ…อื้อ….”“อีกนิดเดียว ฟางเหยาเจ้าปลดปล่อยออกมาให้หมด เจ้าอย่าได้กลั้น ข้าอยากให้เจ้าต้องการข้าฟางเหยาเจ้าจะต้องเรียกร้องข้าให้มากกว่านี้”ต่อให้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวเขาก็จะทำ เขาอยากให้นางรู้ว่าเขาก็ต้องการครอบครองนางไม่ต่างกับที่นางต้องการเขาเช่นกันแม้ว่าในวันนี้ทั้งเขาและนางจะอยู่ในฐานะศิษย์อาจารย์ แต่อีกสามเดือนข้างหน้าก็จะไม่ใช่แล้ว “ฟางเหยา เจ้าใกล้แล
สำนักศึกษาเมื่อวานนี้เป็นวันที่พวกเขาต้อนรับคณะนักเรียนและอาจารย์จากสำนักศึกษาชายที่จะมาร่วมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้กันที่นี่เป็นเวลาสามเดือน ดังนั้นด้านในสำนักศึกษาจึงคึกคักเป็นพิเศษ ลี่ฟางเหยาเดินลงจากรถม้ามายืนที่ด้านหน้าสำนักศึกษาที่นางไม่ได้มาเกือบเจ็ดวัน“คึกคักอย่างที่คิดจริงๆเสียด้วยสินะ”“คุณหนูเจ้าคะ ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะอยู่ที่นี่จริงๆ”“ชิงฝู เจ้าไม่เชื่อใจคุณหนูของเจ้าเสียเลยนะ”“แต่ร่างกายของท่านพึ่งจะ….”“เอาน่า เจ้าให้คนเอาของไปเก็บได้แล้ว”“เจ้าค่ะ พวกเจ้าตามข้ามา”ฟางเหยาเดินตามพวกชิงฝูเข้ามา สายตาของนักเรียนจากสำนักศึกษาชายต่างหันมองนางเป็นตาเดียวเพราะไม่เคยเห็นนางมาก่อนหน้านี้และที่สำคัญ นางยังสวยโดดเด่นกว่าผู้ใดในสำนักศึกษานี้อีกด้วย “ดูนั่นๆ ข้าจำได้ว่าเมื่อวานนี้ ไม่เห็นนาง”“มีผู้ที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วยงั้นหรือ”“งดงามราวบุบผา เพียงเจ้าหันมาแม้จันทรายังต้องอาย”“หลีกไปๆ ข้าจะเดินเข้าไปทักนางเสียหน่อย”เสียงฮือฮานั้นทำให้บางคนที่ได้ยินเดินออกมาแต่ลี่ฟางเหยาที่มิได้สนใจผู้ใดกลับเดินมุ่งตรงไปยังหอนอนหญิงโดยที่ไม่ทันได้สังเกตผู้ที่มองนางอยู่เลยสักนิดจนมีเส
“นั่นแหละที่น่ากลัว ท่าน…อื้อ…เฟิ่งหยวน อย่านะ ไม่เอาข้ายังไม่พร้อม อ๊าา….”มือของนางถูกเขารัดด้วยสายชุดจนดึงไม่ออกเมื่อเขาเลื่อนตัวลงไปยังกลีบดอกไม้งามที่เขาใช้นิ้วสัมผัสมาหลายวัน มาถึงวันนี้เขาจะลิ้มรสมันอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง“เฟิ่งหยวนอย่านะ ข้า…อ๊าา….”สัมผัสจากลิ้นนั้นช่างต่างจากนิ้วของเขาโดยสิ้นเชิง ฟางเหยาไม่เคยรู้สึกวาบหวามและเสียวซ่านเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ตรงที่ลิ้นเขาสัมผัสราวกับกระตุ้นให้นางต้องการมากขึ้นซึ่งได้ผล นางต้องการเขามากจริงๆ“เฟิ่งหยวน ท่านรังแกข้า…”เขาไม่ตอบนางแต่ลิ้นยังคงวนอยู่ที่ร่องกลีบนั้นอย่างระมัดระวัง นางส่งเสียงครางจนทำให้เขาทนแทบไม่ไหว ร่างที่แอ่นขึ้นรับสัมผัสทำให้เขาแทบบ้าตาย“ฟางเหยา เจ้าสวยงามทุกส่วนเสียจริง ข้าไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องเจ้า แม้แต่มองก็ไม่ได้”หากว่าเขาไม่ได้เห็นว่ามีคนสนใจนางมากถึงเพียงนั้นเขาอาจจะไม่หึงนางขนาดนี้จนเร่งเร้านาง แต่เขาก็สัญญากับตัวเองเอาไว้หากนางไม่ยินยอมเขาก็จะไม่ทำร้ายนางก่อนเวลาที่สมควร“เฟิ่งหยวน ข้าทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรด อ๊าา….ไม่นะ”เขาจับขานางลอยขึ้นตั้งตรงกับหลัง ลิ้นยังไม่หยุดโลมเลียกลีบดอกไม้ชื้นแฉะตรงหน้า มื
“วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากตอบแทนท่านที่….”“เจ้ามายั่วข้าเช่นนี้ แล้วจะทิ้งข้าแล้วงั้นหรือ”“แต่ท่านสัญญาแล้ว แม้ว่าจะหมั้นหมายแล้ว แต่ท่านจะไม่บังคับข้า ใช่หรือไม่”“เฮ้อ….ก็ได้ ฟางเหยา มานี่สิ”เขาดึงนางเข้ามากอดพร้อมกับห่มผ้าให้ เฟิ่งหยวนจับมือนางขึ้นมาและสวมบางอย่างไปที่นิ้วของนาง เป็นแหวนวงเล็กที่ประดับไพลินสีน้ำเงินเข้มล้อมด้วยอัญมณีสีเงินรอบๆ“นี่คือ….”“ของหมั้น เจ้าสวมมันไว้ ต่อไปจะได้ไม่มีคนมายุ่งกับเจ้า ข้าหวง ไม่อยากให้เจ้าถูกคนอื่นเฝ้ามอง แค่จ้องก็ไม่ได้”“แต่ข้าไม่มีสิ่งใดให้ท่านเลย”“เจ้าดูนี่สิ”เขาชูนิ้วของเขาที่มีแหวนเหมือนกันนี้อีกวงซึ่งเขาสวมอยู่“แหวนคู่รัก”“ไม่ใช่ นี่เป็นแหวนคู่ที่ทำเอาไว้นานแล้ว ท่านแม่ข้าทำให้เพื่อให้ข้ามอบมันแก่หญิงที่จะมาเป็นภรรยา ตอนนี้ข้าถอดออกให้เจ้า นั่นแสดงว่าเจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้าแล้วลี่ฟางเหยา”เป็นคำขอแต่งงานที่แม้จะรวบรัดและดูมัดมือชกแต่ก็ซาบซึ้งกินใจจนคนฟังอดน้ำตาไหลไม่ได้จริงๆ ฟางเหยากอดแหวนนั้นเอาไว้พร้อมกับเฟิ่งหยวนที่ดึงนางมากอดเอาไว้พร้อมกับจูบที่หน้าผากนาง“นอนพักเอาแรงสักหน่อยเถอะ อีกสองชั่วยามข้
จวนเสนาบดีเสนาบดีลี่ยื่นถาดที่วางของสองสิ่งเอาไว้ให้กับองค์ชายแปด ร่องรอยของเขาไม่ได้ต่างกับ หยางเฟิ่งหยวนเท่าใดนัก คงผ่านการร้องไห้มาหนักในช่วงสองสามวันมานี้เช่นกันเมื่อรู้ว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวหายไปจากจวนเขาไม่รับแขกและไม่ออกว่าราชการเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่ลี่ฟางเหยาจากไป องค์ชายแปดจึงเดินทางมาพบเขา“นี่คือสิ่งที่นางทิ้งเอาไว้ในห้องก่อนที่นาง….จะจากไปพ่ะย่ะค่ะ”เฟิ่งหยวนหันไปมองสิ่งที่อยู่ในถาด ตราราชลัญจกรของปลอมที่นางชิงมาจากคนร้ายในคืนนั้น และ….มือเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อเอื้อมมือไปจับแหวนที่เขาสวมให้นางก่อนหน้านั้น นี่นางคิดจะตัดขาดกับเขาเลยงั้นหรือถึงได้ของสิ่งนี้คืนให้เขา“องค์ชาย…กระหม่อมไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆนางถึงตัดสินใจเช่นนี้”“ท่านเสนาบดี เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง ขอบคุณที่ท่านช่วยเก็บสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้ข้า นางจะต้องปลอดภัย ข้าส่งคนให้ไปหานางแล้วแม้จะต้องพลิกทั้งแผ่นดินแคว้นฉินเพื่อหาตัวนางข้าก็จะต้องทำ”“ขอบพระทัยองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีลี่คุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายด้วยความปลาบปลื้มที่เขาไม่ทิ้งบุตรสาวของนางแม้ว่านางจะทำเรื่องที่
“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ข้าก็แค่อยากได้คนของข้าคืน นางเป็นคนแย่งองค์ชายของข้าไปเหตุใดข้าต้องปล่อยนางไปด้วยข้าแค่ทำสิ่งที่ถูกต้อง”“หึ สิ่งที่ถูกต้องงั้นหรือ”“จ้าวลู่อิน สิ่งที่ถูกต้องมาโดยตลอดก็คือข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า คนที่ข้ารักและจะแต่งงานด้วยมีเพียงลี่ฟางเหยาผู้เดียว ข้ากับนางหมั้นหมายกันแล้วเหลือเพียงแค่พิธีการและราชโองการจากเสด็จพ่อเท่านั้น ข้าไม่เคยรู้สึกอะไรกับเจ้า ข้าพูดกับเจ้าชัดเจนเกินสิบรอบแล้วแต่เจ้าก็ยังเอาแต่หาเรื่องนาง ครั้งนี้ขออภัยท่านอ๋อง ข้าคงปล่อยนางไปอีกไม่ได้”ท่านอ๋องอับอายจนไม่รู้จะทำเช่นไร การกระทำของนางครั้งนี้เกินให้อภัยดังที่องค์ชายตรัสมาจริงๆ เขาทำได้แค่ก้มลงคำนับและยอมรับเท่านั้น“ท่านพ่อ!! ไม่นะเจ้าคะ ข้า…”“หุบปากของเจ้าเสีย เจ้ายังก่อเรื่องไม่พองั้นหรือ”“ข้า…”“อีกเรื่องที่พวกเจ้าต้องรู้เอาไว้ นางเป็นไส้ศึกที่คอยลอบส่งสารที่พวกเจ้าวางแผนกันให้ศัตรู ผ่านคุณชายต่างสำนักนั่นโดยลอบส่งทางจดหมายมากับสาวใช้”ทุกคนหันไปมองหน้านางอย่างคิดไม่ถึง แต่วิหคอัคคีรู้เพราะเขาเค้นถามเรื่องนี้กับพวกห้วนตู๋และลอบฟังพวกมันคุยกันมาก่อนหน้านี้จึงรู้ดีว่าผู้ใดที่หักหลัง“เ
นางค่อยๆหันไปมองใบหน้าของบุรุษหนุ่ม ที่พึ่งร่วมเตียงเคียงหมอนกันมาเมื่อครู่ สายตาเขาร้องขอให้รับฟังแต่นางในตอนนี้ไม่มีความมั่นใจใดๆกับคนตรงหน้าทั้งสิ้น“นางเรียกท่านว่า….องค์ชายงั้นหรือ”“ฟาง….ฟางเหยาเจ้าต้องฟังข้า ข้าอยากจะบอกเจ้า…อยู่หลายครั้ง…”“ผู้ใดบ้าง….”เขาละล่ำละลักเพราะเกรงว่านางจะโกรธเขา นางตรงหน้าในตอนนี้ไม่ได้ทำให้เขามั่นใจสักนิดว่าจะยอมฟังที่เขาจะอธิบาย“ขะ…ข้า…”“เช่นนั้น แล้วเขาละเป็นผู้ใด”“ตะ..ตงลี่เป็น…น้องชายของข้าองค์ชายเก้า”“หึ…หึหึ องค์ชายสองพระองค์อยู่ที่สำนักศึกษา เช่นนั้น….กู้เป่าเป้ย….”“ชะ…ใช่ นางรู้ แต่ว่าเจ้า….”“พอทีหยางเฟิ่งหยวน ไม่สิ องค์ชายแปด…”จ้าวลู่อินเห็นจังหวะที่นางไม่ทันระวัง นางจับดาบของคนร้ายและพุ่งตัวไปหาทันทีแม้จะรู้ว่านางเป็นผู้ใดแต่นางก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ “นางโจรชั่ว ตายเสียเถอะ”""อย่านะ!!""ดาบนั้นพุ่งไปจะเสียบบริเวณหลังของฟางเหยา แต่แรงพัดจากที่ใดไม่ทราบผลักนางจนกระเด็นไปอย่างแรง เสียงอินทรีคู่ดังระงมบนท้องนภาที่มืดมิดพร้อมกับบุคคลอีกคนหนึ่งที่ลงมายืนด้านหลังของวิหควายุ นางไม่ได้มองเขา นางกับองค์ชายแปดยังคงมองหน้ากันไม่ได้ละสายตาไปไห
ลี่ฟางเหยาคำนับให้เขาและทั้งคู่จึงเริ่มเต้นรำด้วยกัน ท่วงท่าของลี่ฟางเหยานั้นสะกดทุกสายตาดังคาดเพราะความอ่อนช้อยงดงามของการเต้นรำนั้นนางทำได้อย่างไม่มีที่ติ แม้กระทั่งกว้านเหมาเองก็เริ่มลุ่มหลงนางแล้วเช่นกัน“งดงามเกินไปแล้ว พี่แปด”“ข้าต้องรู้สิ”แต่สายตาเขาที่มองไปที่นางยังไม่ดีขึ้นแม้ว่านางจะงดงามราวบุปผาบานสะพรั่งแต่มิใช่มากับชายอื่นเช่นนี้ อย่างไรเรื่องนี้เขาก็รับไม่ได้อยู่ดี เพลงจบแล้วเมื่อทั้งคู่คำนับให้กัน ฟางเหยาเดินออกไปทันทีแต่กว้านเหมาดึงแขนนางเอาไว้ เฟิ่งหยวนขยับกายทันทีและจะพุ่งตัวออกไป ตงลี่ต้องคอยห้ามไม่ให้เขาทำการบุ่มบ่าม“พี่แปด”“ข้าจะทนอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น”“เขาต้องการยั่วท่าน เหตุใดท่านมองไม่ออกอุบายเช่นนี้..”“ข้าจะฆ่ามัน”“ใจเย็นก่อน”“มันกล้าจับมือนาง”“พี่แปด”ลู่อินนั่งดื่มชาอยู่ด้านหลังโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น นางรู้ว่าอีกไม่นานหยางเฟิ่งหยวนจะทนไม่ไหว ให้กว้านเหมายั่วเขาอีกเพียงนิดเดียว เฟิ่งหยวนคงกลายร่างในห้องโถงนี้เป็นแน่“คุณชายกว้าน ข้าทำตามข้อตกลงแล้ว”“ใช่ ข้ารู้ แต่ว่าพวกเราต้องไปนั่งก่อน การแสดงยังไม่เริ่ม พวกเขาจัดโต๊ะให้ตัวแทนแล้ว ทางนี้”ฟางเห
“คุณชายมีเรื่องใดเชิญกล่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ”“ข้าเพียงอยากหารือกับเจ้าเรื่องการแสดงในอีกสองวันข้างหน้า ที่จริงไม่ควรมาขอร้องเจ้า แต่ว่า…”“อ้อ เช่นนั้นก็ได้ เป็นความลับสินะ ได้สิ เช่นนั้นเราไปทางนั้นกันเจ้าค่ะ สะดวกกว่า”“แม่นางเชิญ…”ฟางเหยาเดินนำเขาไปที่สระบัวที่นางและเป่าเป้ยชอบไปนั่งพักที่นั่น เฟิ่งหยวนหันไปพบเข้าพอดี สายตาของเขาโกรธมากเมื่อเห็นว่าฟางเหยาเดินไปกับบุรุษหนุ่มนั่นตามลำพัง“ตงลี่!!”“อาจารย์หยาง มีสิ่ง…..ตายละวา เป่าเป้ยอยู่ที่ใดกันละนั่น ข้าไปถามเอง”“ไปจัดการที ข้ากำลังติดงานอยู่”“ไม่ต้องห่วง”เขารีบไปทันที สายตาเขาที่มองไปที่ฟางเหยานั้นไม่วางตาจนจ้าวลู่อินมองตามและเห็นว่าเขามองสิ่งใด นางลอบยิ้มแต่ไม่ไปยุ่งกับเขา นางรู้แล้วว่าจะทำเช่นไรต่อดีในอีกสี่วันที่เหลือนี้“ว่าอย่างไรนะ ท่านอยากให้ข้า…”“ใช่ เป็นคู่เต้นให้ข้าในพิธีเปิด สองสถาบันต้องเปิดงานด้วยกัน ข้ายังไม่มีคู่ที่เหมาะสม ก็เลยลองมาขอร้องเจ้าดู หากเจ้าไม่รังเกียจ”“อ่อ นั่น…คือว่าข้า….”“ข้านึกแล้วว่าเจ้าต้องปฏิเสธ คงเพราะอาจารย์ผู้นั้น”“เอ่อ คุณชาย เหตุใดท่านจึง…”“สายตาของพวกท่านไม่ได้เหมือนอาจารย์กับศิษย์ ข
“วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากตอบแทนท่านที่….”“เจ้ามายั่วข้าเช่นนี้ แล้วจะทิ้งข้าแล้วงั้นหรือ”“แต่ท่านสัญญาแล้ว แม้ว่าจะหมั้นหมายแล้ว แต่ท่านจะไม่บังคับข้า ใช่หรือไม่”“เฮ้อ….ก็ได้ ฟางเหยา มานี่สิ”เขาดึงนางเข้ามากอดพร้อมกับห่มผ้าให้ เฟิ่งหยวนจับมือนางขึ้นมาและสวมบางอย่างไปที่นิ้วของนาง เป็นแหวนวงเล็กที่ประดับไพลินสีน้ำเงินเข้มล้อมด้วยอัญมณีสีเงินรอบๆ“นี่คือ….”“ของหมั้น เจ้าสวมมันไว้ ต่อไปจะได้ไม่มีคนมายุ่งกับเจ้า ข้าหวง ไม่อยากให้เจ้าถูกคนอื่นเฝ้ามอง แค่จ้องก็ไม่ได้”“แต่ข้าไม่มีสิ่งใดให้ท่านเลย”“เจ้าดูนี่สิ”เขาชูนิ้วของเขาที่มีแหวนเหมือนกันนี้อีกวงซึ่งเขาสวมอยู่“แหวนคู่รัก”“ไม่ใช่ นี่เป็นแหวนคู่ที่ทำเอาไว้นานแล้ว ท่านแม่ข้าทำให้เพื่อให้ข้ามอบมันแก่หญิงที่จะมาเป็นภรรยา ตอนนี้ข้าถอดออกให้เจ้า นั่นแสดงว่าเจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้าแล้วลี่ฟางเหยา”เป็นคำขอแต่งงานที่แม้จะรวบรัดและดูมัดมือชกแต่ก็ซาบซึ้งกินใจจนคนฟังอดน้ำตาไหลไม่ได้จริงๆ ฟางเหยากอดแหวนนั้นเอาไว้พร้อมกับเฟิ่งหยวนที่ดึงนางมากอดเอาไว้พร้อมกับจูบที่หน้าผากนาง“นอนพักเอาแรงสักหน่อยเถอะ อีกสองชั่วยามข้
“นั่นแหละที่น่ากลัว ท่าน…อื้อ…เฟิ่งหยวน อย่านะ ไม่เอาข้ายังไม่พร้อม อ๊าา….”มือของนางถูกเขารัดด้วยสายชุดจนดึงไม่ออกเมื่อเขาเลื่อนตัวลงไปยังกลีบดอกไม้งามที่เขาใช้นิ้วสัมผัสมาหลายวัน มาถึงวันนี้เขาจะลิ้มรสมันอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง“เฟิ่งหยวนอย่านะ ข้า…อ๊าา….”สัมผัสจากลิ้นนั้นช่างต่างจากนิ้วของเขาโดยสิ้นเชิง ฟางเหยาไม่เคยรู้สึกวาบหวามและเสียวซ่านเช่นนี้มาก่อนในชีวิต ตรงที่ลิ้นเขาสัมผัสราวกับกระตุ้นให้นางต้องการมากขึ้นซึ่งได้ผล นางต้องการเขามากจริงๆ“เฟิ่งหยวน ท่านรังแกข้า…”เขาไม่ตอบนางแต่ลิ้นยังคงวนอยู่ที่ร่องกลีบนั้นอย่างระมัดระวัง นางส่งเสียงครางจนทำให้เขาทนแทบไม่ไหว ร่างที่แอ่นขึ้นรับสัมผัสทำให้เขาแทบบ้าตาย“ฟางเหยา เจ้าสวยงามทุกส่วนเสียจริง ข้าไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องเจ้า แม้แต่มองก็ไม่ได้”หากว่าเขาไม่ได้เห็นว่ามีคนสนใจนางมากถึงเพียงนั้นเขาอาจจะไม่หึงนางขนาดนี้จนเร่งเร้านาง แต่เขาก็สัญญากับตัวเองเอาไว้หากนางไม่ยินยอมเขาก็จะไม่ทำร้ายนางก่อนเวลาที่สมควร“เฟิ่งหยวน ข้าทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรด อ๊าา….ไม่นะ”เขาจับขานางลอยขึ้นตั้งตรงกับหลัง ลิ้นยังไม่หยุดโลมเลียกลีบดอกไม้ชื้นแฉะตรงหน้า มื
สำนักศึกษาเมื่อวานนี้เป็นวันที่พวกเขาต้อนรับคณะนักเรียนและอาจารย์จากสำนักศึกษาชายที่จะมาร่วมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้กันที่นี่เป็นเวลาสามเดือน ดังนั้นด้านในสำนักศึกษาจึงคึกคักเป็นพิเศษ ลี่ฟางเหยาเดินลงจากรถม้ามายืนที่ด้านหน้าสำนักศึกษาที่นางไม่ได้มาเกือบเจ็ดวัน“คึกคักอย่างที่คิดจริงๆเสียด้วยสินะ”“คุณหนูเจ้าคะ ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะอยู่ที่นี่จริงๆ”“ชิงฝู เจ้าไม่เชื่อใจคุณหนูของเจ้าเสียเลยนะ”“แต่ร่างกายของท่านพึ่งจะ….”“เอาน่า เจ้าให้คนเอาของไปเก็บได้แล้ว”“เจ้าค่ะ พวกเจ้าตามข้ามา”ฟางเหยาเดินตามพวกชิงฝูเข้ามา สายตาของนักเรียนจากสำนักศึกษาชายต่างหันมองนางเป็นตาเดียวเพราะไม่เคยเห็นนางมาก่อนหน้านี้และที่สำคัญ นางยังสวยโดดเด่นกว่าผู้ใดในสำนักศึกษานี้อีกด้วย “ดูนั่นๆ ข้าจำได้ว่าเมื่อวานนี้ ไม่เห็นนาง”“มีผู้ที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วยงั้นหรือ”“งดงามราวบุบผา เพียงเจ้าหันมาแม้จันทรายังต้องอาย”“หลีกไปๆ ข้าจะเดินเข้าไปทักนางเสียหน่อย”เสียงฮือฮานั้นทำให้บางคนที่ได้ยินเดินออกมาแต่ลี่ฟางเหยาที่มิได้สนใจผู้ใดกลับเดินมุ่งตรงไปยังหอนอนหญิงโดยที่ไม่ทันได้สังเกตผู้ที่มองนางอยู่เลยสักนิดจนมีเส
"อื้ออ…”เขาเอื้อมไปจูบนางอีกครั้งคราวนี้เขาค่อยๆล้วงเข้าไป มือนางจับแขนเขาเอาไว้แน่นแต่เขาก็ยังดื้อดึงจนล้วงเข้าไปได้สำเร็จร่างของนางแหงนขึ้นเพราะสัมผัสจากนิ้วเย็นๆนั้น นางรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่บนนภาที่เต็มไปด้วยเมฆเย็นๆ ลิ้นของเขาวนอยู่ที่ยอดอกและเริ่มทำงานประสานกับนิ้วที่ล้วงอยู่ด้านล่างนางต้องรีบใช้นิ้วตัวเองกัดเพื่อกลั้นเสียงแต่เขาดึงมือนางออกและส่งนิ้วเขาอีกข้างเข้าไปแทน“หากจะกัดก็กัดนิ้วข้าแทน อย่าทำร้ายตัวเอง”นางส่ายหน้าไม่ยินยอม แต่เขารู้ดีว่านางต้องอดกลั้นไม่ต่างจากเขา สัมผัสนี้จะค่อยๆรุนแรงและต้องการมากขึ้นเพราะเขารับรู้มันได้จากนิ้วที่เปียกแฉะด้านล่าง นางต้องเรียกร้องมากขึ้นหลังจากนี้และจะร้องดังขึ้น“อื้ออ…อื้อ….”“อีกนิดเดียว ฟางเหยาเจ้าปลดปล่อยออกมาให้หมด เจ้าอย่าได้กลั้น ข้าอยากให้เจ้าต้องการข้าฟางเหยาเจ้าจะต้องเรียกร้องข้าให้มากกว่านี้”ต่อให้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวเขาก็จะทำ เขาอยากให้นางรู้ว่าเขาก็ต้องการครอบครองนางไม่ต่างกับที่นางต้องการเขาเช่นกันแม้ว่าในวันนี้ทั้งเขาและนางจะอยู่ในฐานะศิษย์อาจารย์ แต่อีกสามเดือนข้างหน้าก็จะไม่ใช่แล้ว “ฟางเหยา เจ้าใกล้แล