หลังจากทั้งสองเริ่มต้นคบกัน พีระแทบจะไม่ปิดบังความสัมพันธ์ของเขากับลินดาเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าเขาตั้งใจประกาศให้โลกรู้ว่ามีเธออยู่ข้างกายอย่างภาคภูมิใจยิ่งหลังจากที่มีนาจับได้ถึงความสัมพันธ์ลับๆ นี้ ชายหนุ่มก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเก็บงำอีกต่อไป พฤติกรรมที่เคยพอมีความเกรงใจบ้างในช่วงแรกๆ กลับกลายเป็นความเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง จับมือกันในที่ทำงาน ออกไปทานข้าวด้วยกันอย่างไม่ปิดบัง ส่งสายตาให้กันอย่างคนรักที่ไม่แคร์สายตาใครตอนนี้ ทุกคนในบริษัทแทบจะรู้กันเกือบหมดแล้วว่าลินดาคือคนรักคนใหม่ของรองประธานหนุ่มและนั่นก็กลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับลินดาในการสืบหาหลักฐานหญิงสาวนั่งลงที่หน้าแล็ปท็อปในห้องพักส่วนตัว ดวงตาส่องประกายเยือกเย็นเมื่อเปิดไฟล์ข้อมูลที่เธอรวบรวมมาอย่างละเอียดลึกซึ้ง ความเคลื่อนไหวภายในบริษัทเริ่มเผยรอยร้าวและช่องโหว่ให้เธอสอดแทรกเข้าไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ ความไว้ใจที่พีระมีต่อเธอ กลายเป็นกุญแจที่ไขประตูหลายบานที่เคยปิดตายลินดาได้รหัสผ่านบางส่วนจากฝ่ายการเงิน ผ่านการพูดคุยที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย และด้วยความใกล้ชิดกับพีระ เธอยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีเพียงคนไม่ก
หลังจากเตรียมการมาหลายเดือน ลินดาก็ได้ข้อมูลหลักฐานสำคัญมาครบถ้วนหญิงสาวไม่ได้รีบร้อนลงมือ เธอรู้ดีว่าหากเธอเริ่มลงมือเปิดโปงเมื่อไหร่ มันจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น และพีระจะรอบคอบรัดกุมมากขึ้นเธอจึงรอ รอจังหวะที่ไม่มีใครสังเกตเห็น รอจนกว่าจะมั่นใจว่าทางรอดทุกทางของพีระจะถูกปิดสนิท ไม่มีทางให้เขาดิ้นหลุดได้แม้แต่นิดเดียวและเมื่อถึงตอนนั้น เธอจะค่อยๆ กัดกร่อนเขาจากภายในอย่างเชื่องช้า เงียบเชียบ และไร้ร่องรอยจนกว่าทุกอย่างจะถล่มลงมา... อย่างไม่มีทางซ่อมแซมได้อีก✤และโอกาสเธอรอก็มาถึงในเวลาไม่นานนัก เมื่อพีระมอบหมายให้เธอดูแลโครงการสำคัญของเขา คอมมูนิตี้มอลล์ในย่านสุขุมวิท ซึ่งวางแผนไว้ว่าเป็นคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์รีสอร์ต ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าแฟชั่นแบรนด์ดัง ร้านอาหารฟิวชั่น คาเฟ่ พื้นที่อีเวนต์กลางแจ้ง และฟิตเนสแบบครบวงจรมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะต้องดึงข้อมูลจากโครงการก่อนหน้านี้มาใช้ในการอ้างอิงข้อมูลที่ขัดแย้งกันปรากฏหราอยู่บนเอกสารราคาค่าก่อสร้างและตกแต่งสูงเกินกว่าราคาประเมินของโครงการปัจจุบันเสียอีก ทั้งๆ ที่ค่าวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างแพงขึ้นทุกปีหญิงสาวตีสีหน้ายุ่งยากขณ
ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและเงียบงันแววตาที่เคยมองพีระด้วยความชื่นชมเริ่มเปลี่ยนเป็นความสงสัยและไม่ไว้วางใจ เสียงกระซิบกระซาบดังอยู่ทั่วทุกมุมในบริษัท ไม่เว้นแม้แต่มุมชงกาแฟเล็กๆ ใกล้ห้องของรองประธานหนุ่มเอง“เธอได้ยินมารึยัง” เสียงพนักงานหญิงคนหนึ่งก้มหน้ากระซิบเบาๆ มือที่ถือแก้วกาแฟสั่นด้วยความตื่นเต้น“เรื่องนั้นน่ะเหรอ” เพื่อนร่วมงานมีสีหน้าเหมือนจะรู้อยู่แล้วครึ่งหนึ่ง หญิงสาวคนแรกที่เปิดประเด็นรีบพยักหน้าทันที เธอลดเสียงลงจนแทบเป็นเสียงลมหายใจ กระซิบกับเพื่อนอย่างลับๆ“ใช่ โครงการ Aurora ที่เพิ่งเปิดตัวปีที่แล้วนั่นน่ะ... ว่ากันว่าเงินค่าก่อสร้างมันสูงผิดปกตินะ แถมการบริหารยังส่องเค้าทุจริตด้วย”“แต่โครงการนั้นมันไปได้สวยมากเลยนี่ ฉันเห็นทีมที่รับผิดชอบได้โบนัสเพียบเลยนะปีก่อน” พนักงานอีกคนโผล่มาร่วมวงสนทนา ท่าทางไม่รู้อะไรเอาเสียเลยจนเพื่อนร่วมงานต้องส่ายหัว“สวยแค่ตัวเลขน่ะสิ ฉันได้ยินว่าคณะกรรมการตรวจสอบแล้วว่ายอดเช่าก็สูงผิดปกติ แถมยังมีเรื่องบริษัทภายนอกที่ตรวจสอบไม่ได้ด้วย”เสียงหายใจดังเฮือกเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนที่อีกเสียงหนึ่งจะเปรยขึ้นมาอย่างลังเล“จริ
อีกด้านหนึ่งในฝั่งของพีระ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากปิดประตูห้องเข้ามา คำนินทาที่ลอดผ่านหูเมื่อครู่ทำเอาเขาหมดอารมณ์จะออกมาหากาแฟกินทันทีชายหนุ่มเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอย่างหนักใจ มือกำสัญญาเช่าโครงการ Aurora เอาไว้แน่นจนหน้ากระดาษยับย่นเมื่อลับตาคน ภาพลักษณ์ที่ดูน่าสงสารมลายหายไปในพริบตา แววตาที่อ่อนล้าเมื่อครู่ฉายความโกรธจัดจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่เขากวาดสายตาไปยังแฟ้มสีดำที่วางอยู่ตรงหน้า มันคือเอกสารลับจากแผนกตรวจสอบภายในที่เขาเพิ่งได้มาเมื่อคืนที่ผ่านมา ภายในนั้นระบุข้อสงสัยที่มีต่อเขาอย่างชัดเจน และเขาไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้เลย“บัดซบ!”พีระทุบหมัดลงกับโต๊ะเสียงดังปัง กระดาษแฟ้มกระเด็นหล่นกระจัดกระจาย เขาเหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ใบหน้าเคร่งเครียดจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆตั้งแต่ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย พีระรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างถูกจัดฉากมาอย่างดี เหมือนกับวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วและเขาสงสัยอยู่ลึกๆ ว่าเบื้องหลังมีใครบางคนกำลังชักใยอยู่ใครบางคนที่รู้จักโครงการ Aurora ดีพอจะเล่นงานเขาได้คนที่รู้ช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่าง รู้ทุกสิ
ลินดาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะของรองประธานหนุ่มอย่างใส่ใจพีระยิ้มอ่อน ยื่นมือไปรับแก้วกาแฟที่เธอยื่นให้ กลิ่นหอมกรุ่นลอยขึ้นมาแตะจมูก แต่มากกว่ากลิ่นกาแฟ คือความรู้สึกอุ่นใจที่ได้เห็นลินดาอยู่ข้างเขาในเวลานี้“ขอบคุณนะ” เขาพึมพำเบาๆ ยกกาแฟขึ้นจิบลิ้นรับรู้รสชาติความหวานที่เพิ่มมาจากปกติเล็กน้อยที่ลินดาเติมให้อย่างใส่ใจ เธอรู้ดีว่าคนที่กำลังเครียดนั้นต้องการน้ำตาลมากกว่าปกติ นั่นยิ่งทำให้พีระรู้สึกอบอุ่นในอกจนแทบจะลืมความเครียดไปได้ทั้งหมดลินดานั่งลงตรงข้ามกับเขา กวาดสายตาไปยังแฟ้มเอกสารที่ยังเปิดค้างอยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็วแต่แนบเนียน สังเกตเห็นตัวเลข รายงาน และหมายเหตุสีแดงที่น่าเจ็บปวดพร่างพราวอยู่เต็มไปหมด“ฉันได้ยินข่าวลือบ้างแล้วค่ะ...” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลปนเป็นห่วง ดวงตาเศร้าลงอย่างสะท้อนใจ “คุณพีระไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”พีระถอนหายใจยาว ความห่วงใยอันบริสุทธิ์จากเธอทำให้เขารู้สึกราวกับสามารถปล่อยวางน้ำหนักที่กดทับหัวใจลงได้ครึ่งหนึ่ง ชายหนุ่มโน้มตัวไปข้างหน้า มืออีกข้างคว้าเธอมากุมไว้แน่น“โชคดีที่ฉันยังมีเธออยู่” เสียงของเขาติดสั่นเล็กน้อย ทว่าเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “ฉันไม่รู้จ
“ทั้งเรื่องการยักยอกค่าก่อสร้าง การปลอมแปลงยอดเช่า และเรื่องบริษัทภายนอกที่ตรวจสอบไม่ได้...”พีระสูดหายใจลึก มองเธอด้วยสายตาสั่นไหว เขาเอ่ยเบาๆ ดั่งคนสารภาพบาป“ถ้าเกิดว่า... ทุกอย่างนั้น ผมทำจริงๆ ล่ะครับลินดา”ลินดาชะงักงัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างคนที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำพูดนี้เธอไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ตรงๆ ราวกับไม่ต้องการแก้ตัว ไม่ต้องการหลีกเลี่ยง ไม่แม้แต่จะปกปิดพีระหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะที่ไม่ถึงดวงตา และในชั่วขณะหนึ่ง เขาดูเหมือนชายหนุ่มธรรมดาๆ ที่เหนื่อยล้าอย่างเหลือเกิน“ลินดา... คุณคงคิดว่าผมเลวมากใช่ไหม” เสียงเขาแผ่วเบา เต็มไปด้วยความเจ็บปวดหญิงสาวเงียบงันไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาของเธอฉายแววสับสน ราวกับกำลังต่อสู้กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีภายในใจหญิงสาวผู้ใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงและบริสุทธิ์มาโดยตลอด เมื่อต้องมารับฟังเรื่องผิดกฎหมายผิดศีลธรรมเช่นนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องมีท่าทีสับสนเช่นนี้สีหน้าของเธอหนักอึ้ง อึดอัดกับความลับที่ไม่คิดว่าจะได้ล่วงรู้จนแทบหายใจไม่ออกเธอรู้ว่าตัวเองต้องแสดงออกอย่างไร และขณะเดียวกันก็รู้ว่าพีระกำลังจับตามองเธออยู่
แสงแดดอ่อนของเช้าวันใหม่ส่องลอดผ่านม่านผ้าซาตินราคาแพงในห้องนอนใหญ่บนชั้นหกของคฤหาสน์หรูใจกลางกรุงเทพ ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้าทั้งหมดไม่ต่างจากห้องในโรงแรมห้าดาว แต่นลิน จิราธิวัฒน์ผู้เป็นเจ้าของห้องกลับนอนนิ่งอยู่บนเตียงหรู ราวกับไม่รู้สึกถึงความสวยงามรอบตัวเลยสักนิดเธอลืมตาช้าๆ ดวงตากลมโตภายใต้ขนตางอนยาวมองเพดานอย่างว่างเปล่า เจือไว้ด้วยความเศร้าหมองวันนี้คือวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้✤นลินเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวประเสริฐ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่มีโครงการหรูอยู่ทั่วประเทศ ชีวิตของเธอมีครบทุกอย่าง เงิน ทอง รถหรู เครื่องเพชร เสื้อผ้าแบรนด์เนม ทริปต่างประเทศ ยกเว้นสิ่งเดียว... ความรักนลินโตมากับพ่อเพียงลำพัง แม่ของเธอเสียตั้งแต่เธอยังเล็ก ขณะที่เจ้าสัวประเสริฐให้ความสำคัญกับงานเหนือสิ่งอื่นใด จนถึงกับละเลยลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองแม้ภายนอกนลินจะดูเหมือนคุณหนูผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูลที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ภายใน เธอกลับขาดความรักอย่างรุนแรงแม้แต่การแต่งงานของเธอ นลินยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเสียด้วยซ้ำ สัญญาการแต่งงานระหว่างสองตระกูลใหญ่
แสงแดดยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนๆ ลอยอ่อนๆ เข้ามา พักพากลิ่นความง่วงงุนในอากาศให้จางหายไปอย่างเชื่องช้านลินฮัมเพลงเบาๆ อยู่ในครัว สวมเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นตัวโปรด ผมเธอยุ่งนิดๆ แตกต่างจากมาดรองประธานสุดเนี้ยบยามอยู่ในบริษัทโดยสิ้นเชิง ทว่ากลับดูเข้ากันกับเธออย่างน่าประหลาดเสียงตะหลิวกระทบกระทะดังเป็นจังหวะเบาๆ คล้ายเสียงเพลงกล่อมยามเช้าไข่เจียวหอมๆ กำลังฟูในกระทะ ข้างกันมีหมูสามชั้นทอดน้ำปลาเรียงไว้ในกล่องใส่ข้าวสวย หญิงสาวยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ มือก็หั่นแตงกวาใส่กล่องไปด้วยชีวิตหลังแต่งงานของเธอเรียบง่ายจนน่าแปลกใจทุกเช้าเธอตื่นขึ้นมาทำอาหารให้สามี ทั้งที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อนในชีวิตในตอนเริ่มแรกเธอทำได้ไม่ดีนัก แต่พีระก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทุกครั้ง ต่อมาเมื่อนลินคุ้นชินก็เริ่มทำได้คล่อง อาหารที่ทำก็มีความหลากหลายขึ้นเช่นกันริมฝีปากของหญิงสาวยิ้มน้อยๆ เมื่อจัดการกล่องอาหารเสร็จสิ้น“ทำอะไรแต่เช้าเลยครับที่รัก” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลังทุ้มต่ำและนุ่มนวล เจือไปด้วยกระแสความอ่อนโยนจนทำให้เธอเผลอตัวเคลิบเคลิ้มไปชั่ววูบหนึ่งนลินหันไปมอง เห็นชายเจ
“ทั้งเรื่องการยักยอกค่าก่อสร้าง การปลอมแปลงยอดเช่า และเรื่องบริษัทภายนอกที่ตรวจสอบไม่ได้...”พีระสูดหายใจลึก มองเธอด้วยสายตาสั่นไหว เขาเอ่ยเบาๆ ดั่งคนสารภาพบาป“ถ้าเกิดว่า... ทุกอย่างนั้น ผมทำจริงๆ ล่ะครับลินดา”ลินดาชะงักงัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างคนที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำพูดนี้เธอไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ตรงๆ ราวกับไม่ต้องการแก้ตัว ไม่ต้องการหลีกเลี่ยง ไม่แม้แต่จะปกปิดพีระหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะที่ไม่ถึงดวงตา และในชั่วขณะหนึ่ง เขาดูเหมือนชายหนุ่มธรรมดาๆ ที่เหนื่อยล้าอย่างเหลือเกิน“ลินดา... คุณคงคิดว่าผมเลวมากใช่ไหม” เสียงเขาแผ่วเบา เต็มไปด้วยความเจ็บปวดหญิงสาวเงียบงันไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาของเธอฉายแววสับสน ราวกับกำลังต่อสู้กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีภายในใจหญิงสาวผู้ใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงและบริสุทธิ์มาโดยตลอด เมื่อต้องมารับฟังเรื่องผิดกฎหมายผิดศีลธรรมเช่นนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องมีท่าทีสับสนเช่นนี้สีหน้าของเธอหนักอึ้ง อึดอัดกับความลับที่ไม่คิดว่าจะได้ล่วงรู้จนแทบหายใจไม่ออกเธอรู้ว่าตัวเองต้องแสดงออกอย่างไร และขณะเดียวกันก็รู้ว่าพีระกำลังจับตามองเธออยู่
ลินดาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะของรองประธานหนุ่มอย่างใส่ใจพีระยิ้มอ่อน ยื่นมือไปรับแก้วกาแฟที่เธอยื่นให้ กลิ่นหอมกรุ่นลอยขึ้นมาแตะจมูก แต่มากกว่ากลิ่นกาแฟ คือความรู้สึกอุ่นใจที่ได้เห็นลินดาอยู่ข้างเขาในเวลานี้“ขอบคุณนะ” เขาพึมพำเบาๆ ยกกาแฟขึ้นจิบลิ้นรับรู้รสชาติความหวานที่เพิ่มมาจากปกติเล็กน้อยที่ลินดาเติมให้อย่างใส่ใจ เธอรู้ดีว่าคนที่กำลังเครียดนั้นต้องการน้ำตาลมากกว่าปกติ นั่นยิ่งทำให้พีระรู้สึกอบอุ่นในอกจนแทบจะลืมความเครียดไปได้ทั้งหมดลินดานั่งลงตรงข้ามกับเขา กวาดสายตาไปยังแฟ้มเอกสารที่ยังเปิดค้างอยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็วแต่แนบเนียน สังเกตเห็นตัวเลข รายงาน และหมายเหตุสีแดงที่น่าเจ็บปวดพร่างพราวอยู่เต็มไปหมด“ฉันได้ยินข่าวลือบ้างแล้วค่ะ...” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลปนเป็นห่วง ดวงตาเศร้าลงอย่างสะท้อนใจ “คุณพีระไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”พีระถอนหายใจยาว ความห่วงใยอันบริสุทธิ์จากเธอทำให้เขารู้สึกราวกับสามารถปล่อยวางน้ำหนักที่กดทับหัวใจลงได้ครึ่งหนึ่ง ชายหนุ่มโน้มตัวไปข้างหน้า มืออีกข้างคว้าเธอมากุมไว้แน่น“โชคดีที่ฉันยังมีเธออยู่” เสียงของเขาติดสั่นเล็กน้อย ทว่าเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “ฉันไม่รู้จ
อีกด้านหนึ่งในฝั่งของพีระ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากปิดประตูห้องเข้ามา คำนินทาที่ลอดผ่านหูเมื่อครู่ทำเอาเขาหมดอารมณ์จะออกมาหากาแฟกินทันทีชายหนุ่มเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอย่างหนักใจ มือกำสัญญาเช่าโครงการ Aurora เอาไว้แน่นจนหน้ากระดาษยับย่นเมื่อลับตาคน ภาพลักษณ์ที่ดูน่าสงสารมลายหายไปในพริบตา แววตาที่อ่อนล้าเมื่อครู่ฉายความโกรธจัดจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่เขากวาดสายตาไปยังแฟ้มสีดำที่วางอยู่ตรงหน้า มันคือเอกสารลับจากแผนกตรวจสอบภายในที่เขาเพิ่งได้มาเมื่อคืนที่ผ่านมา ภายในนั้นระบุข้อสงสัยที่มีต่อเขาอย่างชัดเจน และเขาไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้เลย“บัดซบ!”พีระทุบหมัดลงกับโต๊ะเสียงดังปัง กระดาษแฟ้มกระเด็นหล่นกระจัดกระจาย เขาเหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ใบหน้าเคร่งเครียดจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆตั้งแต่ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย พีระรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างถูกจัดฉากมาอย่างดี เหมือนกับวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วและเขาสงสัยอยู่ลึกๆ ว่าเบื้องหลังมีใครบางคนกำลังชักใยอยู่ใครบางคนที่รู้จักโครงการ Aurora ดีพอจะเล่นงานเขาได้คนที่รู้ช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆ ทุกอย่าง รู้ทุกสิ
ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและเงียบงันแววตาที่เคยมองพีระด้วยความชื่นชมเริ่มเปลี่ยนเป็นความสงสัยและไม่ไว้วางใจ เสียงกระซิบกระซาบดังอยู่ทั่วทุกมุมในบริษัท ไม่เว้นแม้แต่มุมชงกาแฟเล็กๆ ใกล้ห้องของรองประธานหนุ่มเอง“เธอได้ยินมารึยัง” เสียงพนักงานหญิงคนหนึ่งก้มหน้ากระซิบเบาๆ มือที่ถือแก้วกาแฟสั่นด้วยความตื่นเต้น“เรื่องนั้นน่ะเหรอ” เพื่อนร่วมงานมีสีหน้าเหมือนจะรู้อยู่แล้วครึ่งหนึ่ง หญิงสาวคนแรกที่เปิดประเด็นรีบพยักหน้าทันที เธอลดเสียงลงจนแทบเป็นเสียงลมหายใจ กระซิบกับเพื่อนอย่างลับๆ“ใช่ โครงการ Aurora ที่เพิ่งเปิดตัวปีที่แล้วนั่นน่ะ... ว่ากันว่าเงินค่าก่อสร้างมันสูงผิดปกตินะ แถมการบริหารยังส่องเค้าทุจริตด้วย”“แต่โครงการนั้นมันไปได้สวยมากเลยนี่ ฉันเห็นทีมที่รับผิดชอบได้โบนัสเพียบเลยนะปีก่อน” พนักงานอีกคนโผล่มาร่วมวงสนทนา ท่าทางไม่รู้อะไรเอาเสียเลยจนเพื่อนร่วมงานต้องส่ายหัว“สวยแค่ตัวเลขน่ะสิ ฉันได้ยินว่าคณะกรรมการตรวจสอบแล้วว่ายอดเช่าก็สูงผิดปกติ แถมยังมีเรื่องบริษัทภายนอกที่ตรวจสอบไม่ได้ด้วย”เสียงหายใจดังเฮือกเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนที่อีกเสียงหนึ่งจะเปรยขึ้นมาอย่างลังเล“จริ
หลังจากเตรียมการมาหลายเดือน ลินดาก็ได้ข้อมูลหลักฐานสำคัญมาครบถ้วนหญิงสาวไม่ได้รีบร้อนลงมือ เธอรู้ดีว่าหากเธอเริ่มลงมือเปิดโปงเมื่อไหร่ มันจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น และพีระจะรอบคอบรัดกุมมากขึ้นเธอจึงรอ รอจังหวะที่ไม่มีใครสังเกตเห็น รอจนกว่าจะมั่นใจว่าทางรอดทุกทางของพีระจะถูกปิดสนิท ไม่มีทางให้เขาดิ้นหลุดได้แม้แต่นิดเดียวและเมื่อถึงตอนนั้น เธอจะค่อยๆ กัดกร่อนเขาจากภายในอย่างเชื่องช้า เงียบเชียบ และไร้ร่องรอยจนกว่าทุกอย่างจะถล่มลงมา... อย่างไม่มีทางซ่อมแซมได้อีก✤และโอกาสเธอรอก็มาถึงในเวลาไม่นานนัก เมื่อพีระมอบหมายให้เธอดูแลโครงการสำคัญของเขา คอมมูนิตี้มอลล์ในย่านสุขุมวิท ซึ่งวางแผนไว้ว่าเป็นคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์รีสอร์ต ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าแฟชั่นแบรนด์ดัง ร้านอาหารฟิวชั่น คาเฟ่ พื้นที่อีเวนต์กลางแจ้ง และฟิตเนสแบบครบวงจรมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะต้องดึงข้อมูลจากโครงการก่อนหน้านี้มาใช้ในการอ้างอิงข้อมูลที่ขัดแย้งกันปรากฏหราอยู่บนเอกสารราคาค่าก่อสร้างและตกแต่งสูงเกินกว่าราคาประเมินของโครงการปัจจุบันเสียอีก ทั้งๆ ที่ค่าวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างแพงขึ้นทุกปีหญิงสาวตีสีหน้ายุ่งยากขณ
หลังจากทั้งสองเริ่มต้นคบกัน พีระแทบจะไม่ปิดบังความสัมพันธ์ของเขากับลินดาเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าเขาตั้งใจประกาศให้โลกรู้ว่ามีเธออยู่ข้างกายอย่างภาคภูมิใจยิ่งหลังจากที่มีนาจับได้ถึงความสัมพันธ์ลับๆ นี้ ชายหนุ่มก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเก็บงำอีกต่อไป พฤติกรรมที่เคยพอมีความเกรงใจบ้างในช่วงแรกๆ กลับกลายเป็นความเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง จับมือกันในที่ทำงาน ออกไปทานข้าวด้วยกันอย่างไม่ปิดบัง ส่งสายตาให้กันอย่างคนรักที่ไม่แคร์สายตาใครตอนนี้ ทุกคนในบริษัทแทบจะรู้กันเกือบหมดแล้วว่าลินดาคือคนรักคนใหม่ของรองประธานหนุ่มและนั่นก็กลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับลินดาในการสืบหาหลักฐานหญิงสาวนั่งลงที่หน้าแล็ปท็อปในห้องพักส่วนตัว ดวงตาส่องประกายเยือกเย็นเมื่อเปิดไฟล์ข้อมูลที่เธอรวบรวมมาอย่างละเอียดลึกซึ้ง ความเคลื่อนไหวภายในบริษัทเริ่มเผยรอยร้าวและช่องโหว่ให้เธอสอดแทรกเข้าไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ ความไว้ใจที่พีระมีต่อเธอ กลายเป็นกุญแจที่ไขประตูหลายบานที่เคยปิดตายลินดาได้รหัสผ่านบางส่วนจากฝ่ายการเงิน ผ่านการพูดคุยที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย และด้วยความใกล้ชิดกับพีระ เธอยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีเพียงคนไม่ก
ช่วงเวลาหลังเลิกงานในเย็นวันหนึ่ง ลินดาก้าวออกจากลิฟต์ในตึกจอดรถ มือบางกอดแฟ้มเอกสารแนบอกอย่างเคย ตั้งใจจะเดินออกไปเพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับบ้านตามปกติพลันสายตาของเธอก็เห็นพีระ ชายหนุ่มยืนพิงรถคันหรูของเขาอยู่ตรงนั้น ราวกับรอเธอโดยเฉพาะท่าทีของเขาดูสบายๆ ทว่าในแววตากลับเต็มไปด้วยความตั้งใจแน่วแน่ เขาไม่ได้มาเพราะเรื่องงาน แต่เพราะเธอ“กลับด้วยกันไหมครับ” น้ำเสียงนุ่มลึกเอ่ยทัก พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนในบริษัทนี้ใจอ่อนมาแล้วนักต่อนักลินดาชะงักไปเล็กน้อย แสร้งทำท่าลังเล สีหน้าของเธอเอียงอาย ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้า“ค่ะ... ถ้าไม่รบกวน”“รบกวนอะไรกันล่ะครับ ผมเต็มใจต่างหาก” พีระหัวเราะเบาๆ เปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารให้เธออย่างสุภาพ ลินดาก้าวขึ้นไปอย่างสงบโดยไม่แสดงพิรุธแม้แต่น้อยเสียงเพลงแจ๊สจากวิทยุหน้ารถดังเบาๆ คลอในบรรยากาศ ฝ่ามือของลินดาวางบนตักอย่างเรียบร้อย ท่าทีของเธออ่อนโยนไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาแต่พีระรู้ดี ว่าเธอมีบางอย่างที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้เลยตั้งแต่วันแรกที่เจอ“วันนี้...เหนื่อยไหมครับ” พีระเอ่ยถามขณะจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว“ไม่เท่าไหร่ค่ะ งานเยอะ
พีระเริ่มรู้สึกถึงความตึงเครียดที่แทรกซึมระหว่างเขากับมีนาไม่ว่าจะเป็นท่าทางของเธอที่แข็งกระด้างขึ้น หรือบทสนทนาที่มักเต็มไปด้วยคำถามที่ฟังดูเหมือนการจับผิดทุกครั้งที่พยายามอธิบาย เขากลับพบว่า คำพูดของตัวเองดูเหมือนจะกลายเป็นข้อแก้ตัวในสายตามีนาเสมอ“คุณกับลินดาไปกันถึงขั้นไหนแล้วล่ะ”มีนาพูดขึ้นกลางมื้อค่ำที่ควรจะอบอวลด้วยความรักน้ำเสียงของเธอนิ่ง แต่น้ำหนักของคำพูดนั้นเหมือนมีดกรีดลงกลางใจเขาพีระวางส้อมลงอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่ได้โกรธ แต่รู้สึกท้อแท้เหลือเกิน“มีนา...” เขาเอ่ยเสียงเบา “ลินดาเป็นผู้ช่วยที่ดีมาก เธอช่วยงานผมเยอะจริงๆ เราก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ”เขาเลือกที่จะอธิบายด้วยเหตุผลอย่างใจเย็น คล้ายไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยสักนิด มีนาพลันเบือนหน้าหนี ปิดกั้นตัวเองอย่างชัดเจนบรรยากาศรอบตัวเย็นเยียบ จนพีระรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามคนรักความเหนื่อยล้าเกาะกุมใจเขาอย่างช้า ๆเขาไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากทำร้ายหัวใจใครแต่ก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแค่การทำงานกับลินดาถึงกลายเป็นปัญหาใหญ่โตได้ขนาดนี้และยิ่งมีนามีท่าที่เฉยชา เขาก็เริ่มคิดถึงรอยยิ้มของลินดา
ในขณะที่ความรู้สึกของมีนาหมุนเปลี่ยนไปมาจนแทบระบุอารมณ์ไม่ได้ อีกฝากหนึ่งบนโต๊ะทำงานที่เงียบสงบ ลินดากำลังเปิดอีเมลที่เพิ่งได้รับ ดวงตาเรียวเฉียบไล่อ่านตัวอักษรอย่างใจเย็นก่อนจะคลี่ยิ้มบาง“ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว” เสียงพึมพำแผ่วเบาไม่ต่างจากลมหายใจ แต่แฝงไว้ด้วยบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบาย มะนไม่ใช่ความดีใจ แต่เป็นความพึงพอใจที่ได้เห็นกลไกทุกอย่างทำงานตามจังหวะที่เธอวางไว้แผนที่เธอวาดเอาไว้ เริ่มเข้ารูปมากขึ้นทุกวัน พีระเริ่มหลงเสน่ห์เธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น ความไว้ใจของเขาค่อย ๆ ถูกเธอปลุกปั้นราวกับเด็กน้อยที่ถูกกล่อมให้นอนหลับ และในขณะเดียวกันมีนาก็เริ่มสั่นคลอน ทั้งจากความระแวง ความกลัว และความไม่แน่ใจลินดาไม่เคยเร่งรีบ ไม่ทำให้ใครสงสัย เธอแค่เป็นผู้หญิงที่ใครๆ ก็ไว้ใจได้ ไม่พูดเกินควร ไม่โต้เถียง ไม่ขัดแย้งกับใครและไม่เคยแสดงออกว่าตัวเองรู้อะไรมากไปกว่าที่ควรรู้"ก็แค่คนใสซื่อ... ไม่มีพิษภัยอะไรเลย"คำนั้นลินดาเคยได้ยินจากปากของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ หรือแม้แต่พีระเองและทุกครั้งที่ได้ยิน เธอก็ยิ้ม ยิ้มด้วยความพึงพอใจเพราะเมื่อใดที่คนรอบข้างเริ่มปักใจเชื่อว่าเธอ 'ไม่มีพ