หยางเอ้อหลางถามด้วยรู้สึกปวดใจอย่างเหลือแสน ความเจ็บปวดของนางเมื่อสักครู่เขาเห็นเต็มสองตาโชคดีที่เขาผ่านสนามรบมามากการใช้เวทอาคมพบเจอมาไม่น้อยเขาจึงรู้ถึงวิธีแก้มาบ้าง ไม่รู้ว่านางเป็นเช่นนี้ด้วยเหตุใดแต่หากเขารู้ตัวคนที่บังอาจทำให้นางเป็นเช่นนี้หยางเอ้อหลางสัญญากับตนเองว่าจะเป็นผู้ตัดศีรษะคนผู้นั้นด้วยตัวของเขาเอง“ไม่บ่อยมากปกติมีบางสิ่งคุ้มครองข้าอยู่แต่เป็นเพราะข้าได้ละเมิดกฎเกณฑ์ไปสิ่งที่คุ้มครองข้าจึงได้อ่อนฤทธิ์ลงไปมากแต่ได้ท่านช่วยเหลือครั้งนี้ข้าขอบคุณท่าน”ดวงตาสุกสกาวคู่งามกำลังมองดูเขาด้วยความซาบซึ้ง หยางเอ้อหลางยิ้มอบอุ่นหล่อเหลายิ่งพลอยให้คนใกล้ชิดสั่นไหว องค์หญิงสิบสามรู้สึกว่าบัดนี้ตนเองจมดิ่งกับความล่อลวงนี้จนไม่อาจถอนใจได้เสียแล้วหยางเอ้อหลางปัดผมที่ระข้างแก้มให้นางอย่างเบามือ เขาใช้ผ้าผืนนุ่มค่อยๆ เช็ดใบหน้าที่มีเหงื่อจับเป็นก้อนให้นางจวบจนเหงื่อแห้งสนิท“การช่วยภรรยาคือหน้าที่ของข้า ต่อไปคำขอบคุณอย่าได้เอ่ยออกมาอีกเข้าใจหรือไม่”หลินฮุ่ยหมินอมยิ้มน้อย มองเขาวางผ้าสีขาวลงบนถังไม้ใบเล็กก่อนที่เขาจะนำมือทั้งสองข้างของนางไปกุมเอาไว้หลินฮุ่ยหมินหัวใจหลอมละลายไม่ได้ดึ
“ท่านแม่ทัพ ข้าลำบากใจยิ่ง”องค์หญิงสิบสามเอ่ยรำพันแผ่วเบา ความจริงเขาดีเช่นนี้ผู้ใดจะไม่หวั่นไหวนางรู้ว่าตนเองชอบเขามานานแล้วแต่นางก็ต้องตัดใจอย่างน้อยในตอนนั้นเพียงแต่คิดว่าหยางเอ้อหลางหาได้มีใจให้ตน เพราะเช่นนี้จึงตัดใจได้ง่าย แต่บัดนี้รู้ว่าเขาเป็นเช่นนี้องค์หญิงสิบสามยิ่งปวดใจนางชอบเขาได้นางเจ็บปวดได้ แต่นางไม่อยากให้เขาชอบนางและต้องมาเจ็บปวด เพราะรู้ว่าตนเองอาจอยู่ได้ไม่นาน หากนางตายถ้าเขาไม่ได้มีใจให้อย่างน้อยเขาจะได้ไม่เสียใจ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่นางห่วงใยเขามากเพียงนี้“ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าชอบข้าเลย” ในที่สุดองค์หญิงสิบสามก็เอ่ยคำนี้ออกมา ภายใต้อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้นางได้แต่กลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้“หมินเออร์ ข้าไม่รู้ว่าท่านอดทนด้วยเรื่องอันใดแต่สำหรับข้าแล้ว ไม่อาจทำเช่นนั้นได้”“เพราะอะไรถึงไม่อาจทำได้”“ท่านไม่รู้หรือ”องค์หญิงสิบสามส่ายหน้าเบาๆ หยางเอ้อหลางเชยคางนางขึ้นมา ดวงตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตากระจ่างใสคู่นั้น“ท่านเห็นหรือไม่ว่าสิ่งใดอยู่ในดวงตาของข้า”“ข้าเห็นใบหน้าของข้าอยู่ในนั้น”“ชัดเจนหรือไม่”“ชัดเจนยิ่ง”หยางเอ้อหลางยิ้มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม“เพราะบ
ณ ตำหนักองค์หญิงใหญ่“เจ้าคงลืมสัญญาที่ให้ไว้กับข้าแล้วใช่หรือไม่สิบสาม ที่มาหาข้าด้วยตั้งใจเยาะเย้ยใช่หรือไม่”“พี่หญิงเข้าใจผิดแล้ว สิบสามกำลังหาทางอยู่ไม่ได้นิ่งนอนใจอย่างที่ท่านเข้าใจ”องค์หญิงสิบสามพยายามอธิบายแต่จนแล้วจนรอดด้วยความสมบูรณ์แบบจนเกินไปของหยางเอ้อหลางทำให้นางไม่อาจหาช่องว่างหย่ากับเขาได้เลย จะให้นางทำเช่นไรกัน แต่ถึงนางไม่หย่าในตอนนี้องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกว่าเวลาของตนเองใกล้หมดลงทุกทีแล้ว ต่อให้ไม่ได้หย่านางกับหยางเอ้อหลางก็ไม่อาจเคียงคู่อยู่ด้วยกันได้“เพียงลมปากของเจ้าไม่อาจเชื่อถือได้”องค์หญิงใหญ่เอ่ยพร้อมส่งสายตาตำหนิที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดมายังน้องสาวต่างมารดา“พี่หญิงใหญ่ข้าพยายามมากแล้วจริง ๆ”“หลายเดือนมานี้เจ้าอยู่อย่างสุขสบายในจวนแม่ทัพหยาง เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าข้าปวดใจเพียงใดแต่เจ้ากลับทำเช่นนี้หรือ หากรักษาสัญญาไม่ได้ก็อย่าได้มาหาข้าอีก เจ้ากับข้าขาดกันแล้ว”องค์หญิงใหญ่ทิ้งภาพของแม่ทัพหยางทั้งหมดที่องค์หญิงสิบสามเคยวาดให้ลงตรงหน้าของนาง องค์หญิงสิบสามน้ำตาตกใน นางเก็บภาพวาดของแม่ทัพหยางด้วยความทะนุถนอม ภาพพวกนี้นางวาดด้วยความยากลำบากครั้นเห็นมันตกอยู่ท
ครั้นเห็นภรรยาของตนหอบภาพวาดหอบใหญ่ออกมาจึงรีบเข้าไปช่วย องค์หญิงสิบสามตกใจยิ่งไม่คิดว่าเขายังคงรออยู่ รีบซ่อนภาพทั้งหมดในมือหากเขาเห็นเขาอาจจะตำหนินางก็เป็นได้“ข้าเห็นแล้วไม่ต้องซ่อนให้เปลืองแรงเรื่องท่านวาดภาพข้ามาขาย ท่านก็รู้ว่าข้าหาได้ตำหนิ วางใจเถิด”“จริงหรือท่านไม่ตำหนิข้า”“เห็นท่านขายภาพวาดของข้าได้แล้วมีความสุขข้าจะตำหนิได้ลงหรือแต่ขายภาพวาดให้พี่หญิงใหญ่ของท่านข้าเห็นว่าไม่สมควรนัก”“ข้าขอโทษ แต่หลังจากแต่งงานกับท่านข้าก็ไม่เคยขายให้พี่หญิงใหญ่อีกเลยนะ”“ไม่ขายให้องค์หญิงใหญ่หรือเป็นเพราะนางไล่เจ้ากันแน่”“ท่านแม่ทัพ” องค์หญิงสิบสามก้มหน้าสำนึกผิดแล้ว“ช่างเถิดหน้าเศร้าออกมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าโดนรังแกเข้าแล้ว ข้าไม่เข้าใจนักเหตใดโดนอยู่เช่นนี้ท่านก็ยังชอบมาหานาง”“นางเป็นพี่หญิงของข้า นอกจากพี่ชายใหญ่ก็มีเพียงนางที่ปกป้องข้ามาตลอดท่านจะให้ข้าละทิ้งนางได้อย่างไร” องค์หญิงสิบสามกล่าวเศร้าสร้อยหยางเอ้อหลางไม่พอใจนักที่ทุกครั้งองค์หญิงสิบสามมาหาองค์หญิงใหญ่ต้องกลับออกมาด้วยความเศร้าสร้อย เขาไม่อยากให้นางมาห้ามปรามก็ไม่ได้จึงได้แต่ปล่อยไปแล้วคอยดูอยู่ห่างๆ ระหว่างองค์หญิงใ
องค์หญิงสิบสามจ้องมองจอกหยกอันวิจิตรงดงามที่สุดในมือด้วยความสงสัย นางสงสัยว่าสามีไปทำความชอบอันใดมากันแน่จึงได้รับของล้ำค่าเช่นนี้“ใช่อีกทั้งบุรุษสองคนที่นำจอกหยกนี้มาข้ามั่นใจถึงสิบส่วนว่าใช่คนเดียวกับที่ท่านวาด พวกเขาคือหนึ่งในคณะราชทูตจากแคว้นเว่ย แต่พวกเขามาอย่างมิตรอาจไม่มีเรื่องอันใด ข้าให้คนตรวจสอบแล้วไม่เห็นว่ามีสิ่งใดผิดปกติ ฝ่าบาทเพียงแต่ให้ข้าเฝ้าระวังพวกเขาไว้ หากมีสิ่งใดผิดปกติให้จัดการได้ทันที”“ท่านแม่ทัพ จากที่ข้าศึกษาดูหลังจากวาดภาพออกมา ข้าพบว่าหยกนี้เป็นหยกเย็นหากผู้ใดใช้แล้วจะขับพิษร้อนในร่างกายเป็นของหายากยิ่งถึงข้าจะนิมิตถึงเอ๊ย ธิดาเทพจะนิมิตถึงแต่ในนิมิตไม่ได้บอกว่ามีสิ่งใดที่ผิดปกติไม่แน่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้ที่เสด็จพ่อพระราชทานให้ท่านนับว่าเป็นเรื่องที่ประหลาดนัก”“ข้าเข้าใจแล้วเหตุใดฝ่าบาทจึงให้ข้ามา” เขากล่าวแย้มยิ้ม“ด้วยเหตุใด”“คงเพราะข้าทำตัวเป็นราชบุตรเขยที่ดีกระมังจึงทรงมีรางวัลให้”“ท่านทำตัวดีเกินไปแล้ว” องค์หญิงสิบสามยิ้มพลางกล่าวคล้ายประชดหยางเอ้อหลางยื่นจอกหยกให้นาง องค์หญิงสิบสามรับมาพลันสัมผัสกับจอกนั้นภายในร่างกายรู้สึกประหลาด ความเจ็บปวดแล่น
ในปีนี้องค์หญิงสิบสามไม่ต้องเข้าร่วมคัดเลือกให้เสียเวลาด้วยอยู่ในฐานะฮูหยินของท่านแม่ทัพการเป็นภรรยาของคนผู้นี้นับว่ามีหน้ามีตากว่าตำแหน่งองค์หญิงของนางนักอีกทั้งข้างกายมีหยางเอ้อหลางอยู่ด้วยทำให้การมาล่าสัตว์ครานี้มีความหมายกับนางเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นการร่วมทำกิจกรรมฉันท์สามีภรรยาเป็นครั้งสุดท้ายก็เป็นได้ เช่นนี้นางจึงตั้งใจจะดีต่อเขาให้มากหน่อยเพื่อเก็บเป็นความทรงจำอันดีงามที่สุดในชีวิตการเดินทางค่อนข้างจะลำบากเป็นอันมากข้างทางไม่ได้เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้อันงดงามเฉกเช่นที่นางจินตนาการไว้ทหารที่ขนเสบียงและสิ่งของจำเป็นนั้นมีความชำนาญเป็นอันมากไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดพวกเขายังสามารถนำข้าวของเหล่านั้นข้ามขุนเขามาได้โดยไม่มีสิ่งใดเสียหายเลยสักชิ้นองค์หญิงสิบสามนับถือพวกเขาอยู่ในใจ ในขณะที่นางหลายครั้งที่รู้สึกสงสารเจ้าเสี่ยวผิงที่ต้องพานางผ่านเส้นทางอันยากลำบาก เหมือนจะเห็นแววตาตำหนิของมันด้วยเสี่ยวผิงเป็นม้าคุณหนูองค์หญิงสิบสามรู้ว่าหากมันเป็นคนมันคงได้ด่าองค์หญิงไปหลายประโยคเป็นแน่ที่พามันมาลำบากลำบนเช่นนี้ เพราะแบบนี้นางจึงได้เตรียมผิงกั่วไว้เยอะหน่อยเพื่อเป็นรางวัลให้กับม้
องค์หญิงสิบสามเลิกคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย สามีของนางผู้ใดบังอาจขัดใจเขาอีก แต่ก็ช่างเถิดนางมองหยางเอ้อหลางเพียงแว๊บเดียวก็หันมาสนใจผู้เป็นพี่ชายที่ไม่ได้พบกันมานานเช่นเดิมองค์หญิงสิบสามส่งยิ้มให้เกาะเกี่ยวมือพี่ชายเอาไว้ ยังไม่ทันได้กอดอ๋องฉางอันเป็นครั้งที่สอง คนผู้หนึ่งก็ดึงร่างของอ๋องฉางอันไปกอดเสียเอง เขาตบหลังอ๋องฉางอันแล้วเอ่ยขึ้นว่า“ไม่พบท่านเกือบเดือนแล้วข้าผู้เป็นน้องเขยคิดถึงท่านเช่นกัน”อ๋องฉางอันด้วยความตกใจไม่คิดว่าบุรุษเช่นแม่ทัพหยางจะกระทำการเช่นนี้ แย่งเขาจากองค์หญิงสิบสามไปกอดต่อหน้าต่อตาอีกทั้งน้ำเสียงที่บอกว่าคิดถึงเขานั้นไม่ได้อ่อนโยนสักนิด ตรงกันข้ามเหมือนจะท้ารบเสียอย่างนั้นอ๋องฉางอันถอนหายใจออกมาพลางยกมือโอบกอดแม่ทัพหยางอย่างแรงแล้วเอ่ยขึ้น“ข้าก็คิดถึงน้องเขยเช่นกัน”หยางเอ้อหลางกับอ๋องฉางอันกอดกันแน่นผู้คนด้านนอกกำลังมองด้วยความประหลาดใจในขณะที่คนทั้งสองต่างใช้กำลังภายในสู้รบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย หลังของอ๋องฉางอันรู้สึกเจ็บนักเมื่อแรงตบจากฝ่ามือของหยางเอ้อหลางมากถึงเพียงนั้น เขาไม่ยอมแพ้ตบหลังของหยางเอ้อหลางลงไปด้วยกำลังเต็มส่วนเช่นกันองค์หญิงสิบสามเองในใ
อีกทั้งน้ำเสียงของเขาดูเศร้าหมองเรียกความสนใจได้อย่างชัดเจน องค์หญิงสิบสามมีความยุติธรรมพอเมื่อดูแลพี่ชายดีแล้วครานี้ต้องดูแลสามีบ้าง“มาข้าจะเช็ดให้ท่าน”นางเอ่ยขึ้นพร้อมกับจะใช้ผ้าเช็ดหน้าในมือเช็ดให้เขา หยางเอ้อหลางจับมือของนางไว้แล้วเอ่ยต่อ“ผ้าผืนนี้สกปรกแล้ว เจ้าใช้ผืนใหม่ดีกว่า”เขาแย่งผ้าออกจากมือภรรยาพร้อมยัดผ้าผืนใหม่ให้ องค์หญิงสิบสามยิ้มพลางพยักหน้ารับผ้าจากมือเขาแล้วเช็ดใบหน้าให้อย่างเบามือ ในขณะที่ปากก็บ่นอุบอิบต่อว่าพวกเขาทั้งคู่ให้ระมัดระวังหยางเอ้อหลางลอบมองอ๋องฉางอันส่งสายตาเยาะหยันคืนไป ในมือที่ถือผ้าผืนนั้นไว้เขาแอบปล่อยทิ้งโดยไม่ให้องค์หญิงสิบสามรู้ตัว ก่อนจะใช้เท้าเหยียบผ้าที่หล่นลงพื้นคล้ายไม่ตั้งใจอ๋องฉางอันเห็นการกระทำเช่นนั้นได้แต่ร้อง เฮะ ในใจไม่คิดว่าหยางเอ้อหลางจะแก้แค้นเขาคืนได้เร็วเพียงนี้ ในใจพลันรู้สึกเจ็บปวดและยอมรับแต่โดยดีไม่ได้เมื่อเห็นว่าน้องสาวของตนมีความสุขเพียงใดที่ได้อยู่เคียงข้างแม่ทัพหยางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาขององค์หญิงใหญ่ตลอดเวลา แม่ทัพหยางนั้นเฝ้าขี่ม้าวนเวียนมาดูแลองค์หญิงสิบสามด้วยความห่วงใย ยิ่งเห็นแววตาที่เขามองมายังองค์
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี